ตอนที่แล้วตอนที่ 1274 ข้าก็เดียวดายเหมือนกัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1276 สืบทอด

ตอนที่ 1275 อย่างนั้นเราจะฝึกฝนในทิศทางนี้


เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เย่ว์หยางเห็นร่างที่เดียวดายนั่งอยู่บนยอดเขาในหุบเขาแห่งชีวิตเพื่อลืมความเศร้าความกังวล หลังจากสูญเสียเป้าหมายไปนางตกอยู่ในความสับสน ในเวลานี้นางไม่ได้เป็นนักสู้อันดับหนึ่งของหอทงเทียนอีกต่อไป  แต่เป็นสตรีที่เปราะบางที่ไม่สามารถหาคนพูดคุยได้   จื้อจุนผู้เดียวดายนางอยู่ในจุดที่ยิ่งสูงยิ่งหนาวไกลจากสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ชีวิตไร้จุดหมาย

ไม่มีน้องสาวผู้วิ่งล้อมหน้าล้อมหลังนางไม่มีน้องชายที่สามารถสนับสนุนและสืบทอดความเชื่อของท่านแม่กับท่านป้า

มีแต่นางตามลำพัง

การฝึกฝนไม่มีทิศทางที่ถูกต้องอีกต่อไป

คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ยกระดับถึงขีดสุดแล้วไม่มีความก้าวหน้าอีกต่อไป

นางตกอยู่ในความหวาดหวั่นและเปลี่ยวเหงา ไม่มีใครบอกนางว่าจะต้องทำอะไรในอนาคตต่อไป  แม้นางรู้มาบ้างว่ามีระดับเทพซึ่งอยู่สูงขึ้นไปและไกลยิ่งกว่านั้น... แต่นางควรจะทำอย่างไร

เป็นไปได้จริงๆหรือที่สตรีจะเป็นสุดยอดนักสู้ผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลก?

ด้วยความสงสัยและสูญเสียเป้าหมายในอนาคต  นางจึงไปผู้นิทราเป็นครั้งที่สอง

“ข้ารู้ว่าเจ้าจะกลับมาอีก  แต่ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะกลับมาเร็วนัก!  ทักษะแฝงเร้นของเจ้าความก้าวหน้าของเจ้า น่าอัศจรรย์ที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมา แม้แต่จักรพรรดิอวี้ในปีนั้น แม้แต่นางพญาอสรพิษผู้เก่งกาจที่สุดในตำนานก็ยังไม่ก้าวหน้ารวดเร็วเหมือนเจ้า...เจ้ามีสมาธิดีและปฏิภาณดีกว่าคนอื่นๆ” ดูเหมือนผู้นิทราจะรู้ว่านางจะมาเหมือนกัน นางตื่นเต้นมากที่จื้อจุนสุดยอดนักสู้คนใหม่ติดอยู่ในความท้อแท้  “สถานะปัจจุบันของเจ้าถือว่าก้าวหน้าจริงๆตราบใดที่เจ้าสามารถบรรลุผ่านไปได้ เจ้าจะพบว่ามีระดับใหม่ที่สูงกว่ารอเจ้าอยู่”

“มีอะไรที่ข้าจะต้องทำต่อไป?”  นางไม่รู้ว่าจะผ่านสภาวะปัจจุบันได้อย่างไร

“บางทีเจ้าอาจรู้แล้วว่าคัมภีร์ระดับศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คัมภีร์อัญเชิญที่มีสภาวะสูงสุดต่อให้มีระดับสูงส่งอย่างแท้จริงก็ตาม แต่เหนือกว่านี้ยังมีคัมภีร์เทพ” ผู้นิทราให้คำแนะนำ

“คัมภีร์เทพเลือกเจ้าของข้าไม่สามารถบังคับได้!”  นางรู้จักคัมภีร์เทพ  แต่ความจริงก็คือสมบัติชั้นเทพจะเลือกเจ้านายไม่มีใครสามารถบังคับเรียกร้องคัมภีร์เทพได้

“ก่อนอื่นเรามาพูดถึงสภาวะของการฝึกฝนกันรอสักเดี๋ยวข้าจะบอกเจ้าเกี่ยวกับเรื่องคัมภีร์เทพ”  ผู้นิทรายกหัวข้อขึ้นพบและหยุดหัวเราะ  “ตอนนี้เจ้ามีเจตจำนงราชันย์แม้ว่าเจ้าจะยังไปไม่ถึงระดับเทพ แต่เจ้าสามารถเรียกได้ว่าเป็นกึ่งเทพได้”

“กึ่งเทพ?”นางไม่เข้าใจว่ามีความเกี่ยวพันกันอย่างไร

“กล่าวกันว่ามีพวกกึ่งเทพมากมายในแดนสวรรค์หรือแดนสวรรค์บน พวกเขามีพลังและความแข็งแกร่งที่น่าเกรงขามในระดับหนึ่ง  แต่พวกเขายังห่างไกลจากการเป็นเทพแท้และเทพจอมราชันย์ผู้แข็งแกร่งที่สุด  แน่นอนว่าถึงแม้จะเป็นระดับเทพก็ตาม แต่ช่องว่างระหว่างนักสู้ระดับเทพเองก็ไม่เท่ากันและยังห่างกันมากโดยเฉพาะเทพแท้ที่แข็งแกร่งที่สุดและเทพแท้ที่อ่อนแอที่สุดห่างกันระดับภูเขากับเม็ดทรายน้ำทะเลกับเม็ดข้าวฟ่าง ดังนั้นจึงมีคำถามว่าทำไมจึงมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างพวกเขา  ทำไมเทพบางตนเป็นเทพผู้อ่อนแอ  แต่บางตนอาจกลายเป็นเทพผู้แข็งแกร่งที่สุด  เวลาการฝึกฝนและความตั้งใจฝึกอาจให้ผลตรงข้าม  แต่ส่วนใหญ่เทพขยันเกินไปอาจกลายเป็นเทพที่พลังอ่อนด้อยที่สุด  ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? ในที่สุดการได้รู้ว่าเจ้าเป็นนักสู้ชั้นเทพที่อ่อนที่สุดแล้วทำไมไม่พยายามให้หนักเพื่อลดช่องว่างระหว่างพลังกับเทพที่แข็งแกร่งที่สุด?”คำถามเป็นชุดของผู้นิทราทำให้นางสับสน

นางไม่อาจตอบได้

เพราะเหนืออื่นใดนี่เป็นเรื่องของเทพ

ไม่มีความเข้าใจไม่มีความก้าวหน้า นางไม่อาจพูดได้

แต่นางรู้ว่าต้องมีเหตุผลเป็นไปไม่ได้ที่คนพากเพียรอย่างหนักที่สุดจะกลายเป็นผู้อ่อนด้อยที่สุด

เสียงของผู้นิทรานั้นนุ่มนวลเหมือนมารดาผู้ปราณีของนางเหมือนอาจารย์ป้าผู้ใจดี แต่กลับประทับลึกอยู่ในใจของนางโดยไม่รู้ตัว

“เหตุผลง่ายๆเพราะหลังจากเลื่อนเป็นระดับเทพแล้ว เป็นเรื่องยากที่จะกลับมาฝึกอีกครั้งและเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ก้าวหน้าครั้งใหญ่ได้อีกต่อไป  แม้ว่าจะมีการฝึกปรือสะสมเป็นเวลานานเพื่อให้มีความก้าวหน้าเหนือคนอื่นสักเล็กน้อยเป็นไปไม่ได้ที่จะเติมเต็มช่องว่างผ่านการฝึกฝนระดับเทพนี่เป็นเรื่องจริง”  ผู้นิทราบอกความจริงให้นางทราบถึงความจริงที่นักรบธรรมดาไม่มีโอกาสได้รู้

“ทำไมถึงได้ยากขึ้นหลังจากก้าวหน้าไปถึงระดับเทพแล้ว?” นางสับสนมาก ระดับยิ่งสูงการฝึกฝนก็ควรดีขึ้นไม่ใช่หรือ?

“ตอนเป็นคนนั้นฝึกฝนได้ง่ายที่สุด”ผู้นิทรายิ้ม “มีแต่ร่างมนุษย์จึงจะฝึกฝนได้ง่ายที่สุด”

“แต่ชีวิตของมนุษย์อ่อนแอที่สุดไม่ใช่หรือ?”  นางถามด้วยความประหลาดใจ

“ใช่แล้ว,ร่างมนุษย์นั้นอ่อนแอที่สุด ไม่เพียงแต่อ่อนแอที่สุดเท่านั้น แต่ยังเปราะบางเหน็ดเหนื่อยและเจ็บป่วยได้ง่ายที่สุดอีกด้วยมนุษย์ลำบากตั้งแต่เกิดยันตาย ชีวิตเกิดมาพร้อมกับเงาทะมึนที่ครอบคลุมมนุษย์ทุกคนร่างกายที่อ่อนแอถูกควบคุมโดยกฎบางอย่างที่มิอาจป้องกันได้เช่นพอหิวก็ต้องการอาหาร หากกระหายก็ต้องดื่มน้ำ นอกจากเรื่องเหล่านี้แล้วยังต้องพบกับความเจ็บปวดทรมานจากการใช้ร่างกายทำงานต่างๆ  พอง่วงนอนก็ต้องการนอนหลับ ถ้ามีความต้องการสูงก็ต้องได้รับการระบายสภาวะอารมณ์มนุษย์บางครั้งก็ตื่นเต้น บางครั้งก็หดหู่ ไม่ว่าจะเป็นการหัวเราะร้องไห้ ฯลฯ โดดเดี่ยว อ้างว้าง ล้วนเป็นกระบวนการของชีวิต ในช่วงชีวิตที่สั้นและคาดเดาไม่ได้ของพวกเขา  พวกเขาเติบโตด้วยความเร็วสูงแก่อย่างรวดเร็วและในที่สุดก็ตายด้วยโรคเดิมๆอาจกล่าวได้ว่าหลายชีวิตของมนุษย์พวกเขาไม่สามารถหลีกหนีจากความจำเจที่มองไม่เห็นนี้  ในกระบวนการนี้มีความเจ็บปวดมากมายเพียงพอ  มีทั้งความรักความแค้นกตัญญูหักหลังมากมายนับไม่ถ้วน รวมทั้งความเห็นแก่ตัวทุกชนิดแม้แต่ความคิดและนิสัยที่ชั่วร้ายเรื่องเหล่านี้ทั้งหมดคอยรบกวนความคิดจิตใจของพวกเขา ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสพักหายใจต้องดำดิ่งอยู่ในสังคมที่จัดตั้งโดยมนุษย์ เหมือนเปือกตมที่ปกคลุมไปด้วยผู้คนและไม่มีใครสามารถหลบหนีได้!”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้อย่างนั้นวิธีฝึกฝนที่ง่ายสุดของมนุษย์จะทำได้อย่างไร?”  นางไม่เข้าใจทำไมถึงเป็นเช่นนี้

“นี่อาจเป็นเจตจำนงของมหาเทพยุคโบราณหรือนี่อาจเป็นโอกาสที่หาได้ยากอย่างยิ่ง!”  ผู้นิทราอธิบาย

“ใช่แล้ว,เจ้าไม่สังเกตเห็นบ้างหรือ? อสูรทุกตัว ไม่ว่าจะเป็นอสูรพิทักษ์หรืออสูรธรรมดาต้องการเติบโตก้าวหน้าไปเป็นอสูรเทพและวิวัฒนาการไปเป็นร่างมนุษย์  อีกตัวอย่างหนึ่งเผ่าพันธุ์จากบันไดสวรรค์ของเรามีนักสู้ผู้แข็งแกร่งบางคนสามารถกำจัดร่างกายพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์และปรากฏตัวในรูปแบบที่สูงขึ้น  เหตุใดพวกเขาจึงไม่ทำเช่นนั้นแทนที่จะดำเนินชีวิตในแบบเดียวกับมนุษย์? หากพวกเขาต้องการพวกเขาสามารถอยู่ได้เป็นพันปีหรือหลายพันปีใช้ชีวิตที่มีอายุยืนยาวขึ้น และพวกเขาไม่จำเป็นต้องเจ็บปวดเหมือนมนุษย์ไม่ต้องพักผ่อนกินดื่มทุกวัน.... ทำไมพวกเขาเลือกใช้ชีวิตด้วยวิธีนี้?  ทำไมไม่ส่งต่อความคิดนี้ไปยังลูกหลานในอนาคต? บางคนมีความคิดริเริ่มแต่งงานกับคนต่างเผ่าพันธุ์สร้างลูกหลานในรูปแบบของมนุษย์  ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?”คำถามต่อเนื่องเป็นชุดของผู้นิทราทำให้นางงงงวยอีกครั้ง

ถูกแล้ว!

ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?

การเป็นคนนั้นทำให้พบกับความเจ็บปวดทรมานทำไมพวกเขาจึงต้องเป็นคนด้วย?

แม้ว่าจะกลายเป็นมนุษย์ ทำไมถึงต้องเลือกชะตากรรมแบบคนธรรมดาแทนที่จะมีชีวิตอิสระเสรี?

“การเป็นมนุษย์นั้นลำบากมาก!”  ผู้นิทรายืนยันเช่นนี้ก่อน  “สิ่งมีชีวิตใดๆ ก็ตามยากมากที่จะกลายเป็นมนุษย์ไม่ว่าจะอยู่ในหอทงเทียน แดนสวรรค์ แดนสวรรค์บน ชีวิตในที่นั้นทำได้ยากมากกระบวนการเปลี่ยนไปเป็นมนุษย์ยาวนาน สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ไม่สามารถเปลี่ยนไปได้ตลอดชีวิตตัวอย่างเช่นอสูรศึกบางตัวมีพลังมากพอเขย่าภูเขากวนน้ำทะเลแต่ไม่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือยอดฝีมือของกลุ่มชาติพันธุ์บางกลุ่มสามารถใช้พลังทำลายปฐพีได้ทันทีที่คิดแต่กลับเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ไม่ได้ เมื่อมองผ่านจากกรณีต่างๆ เหล่านี้เราต้องยอมรับความจริงว่าการเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์เป็นสิ่งที่ยากที่สุด ดีที่สุด  แม้ว่าตัวมนุษย์จะเจ็บปวดทรมานที่สุดแต่แท้จริงแล้วคือสิ่งมีชีวิตที่ดีที่สุด”

“ดูเหมือนว่าเป็นความจริงที่ขัดแย้งกันอยู่บ้าง”  นางรู้สึกว่ายังมีความสับสนอยู่

“ใช่แล้ว!  ชีวิตก็ขัดแย้งกันเช่นนั้นผู้แข็งแกร่งที่สุดใช่ว่าจะดีที่สุด ผู้ดีที่สุดก็ใช่ว่าจะแข็งแกร่งที่สุด  เหตุผลที่ว่าทำไมมนุษย์ถึงดีที่สุดเพราะมนุษย์สามารถตื่นรู้แจ้งและพัฒนาตนเองผ่านการฝึกฝนได้กระบวนการดังกล่าวไม่มีในสิ่งมีชีวิตอย่างอื่น!  ก็อย่างที่เจ้าเห็นนักรบมนุษย์ชาวทวีปมังกรทะยานหลายคนเหมือนกับมดอาจไม่มีใครพัฒนาถึงระดับปราณก่อกำเนิด อย่าว่าแต่ปราณราชันย์เลย...อย่างไรก็ตามไม่มีใครรับประกันได้ว่าในหมู่พวกเขาจะมีทารกหรือคนหนุ่มสาวที่เติบโตอย่างรวดเร็วกลายเป็นจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่หรือนางพญาผู้พิชิตรุ่นใหม่ได้!  นี่แหละคือคนที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ต่างๆมีทั้งเจ็บปวดและสิ้นหวัง หากมีใครบางคนเข้าใจและเดินออกมาจากสิ่งเหล่านั้นเขาจะประสบความสำเร็จผ่านกระบวนการเปลี่ยนแปลงทันทีและพยายามต่อเนื่องไม่หยุดนิ่งเพื่อแยกออกจากตัวตนไปสู่ความเป็นชีวิตสูงสุดเกินจินตนาการได้!”  ผู้นิทราให้คำตอบ

“ทำไมมนุษย์ถึงทำแบบนี้ได้?”  นางเข้าใจส่วนใหญ่แต่ยังมีส่วนที่สับสนอยู่บ้าง

“เพราะในสภาวะที่ขมขื่นเจ็บช้ำที่สุดความรู้แจ้งจะเกิดขึ้นได้ และเป็นความรู้ที่ดีที่สุด แข็งแกร่งที่สุด....”  ผู้นิทราพูดไขปมในใจนางในไม่ช้านางรู้สึกว่าความไม่แน่นอนและปมในใจถูกไขหายไป

“ความขื่นขมที่สุดคืออะไร?”  นางพึมพำ เมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่นการฝึกฝนของนางเป็นไปอย่างเจ็บปวด จึงทำให้ได้ผลดียิ่งกว่าคนอื่นๆ หรือ?

“ถูกแล้ว!  ย้อนคำถามกลับไปก่อนหน้านั้นทำไมตอนนี้การฝึกฝนของเจ้าถึงมีความก้าวหน้าช้า และยากลำบาก?  เพราะเจ้ากลายเป็นสุดยอดนักสู้ระดับสูงก็เป็นเหมือนกับนักสู้ระดับเทพหลายคน จึงไม่มีเรื่องเจ็บปวดทนทุกข์ทรมานอะไรมากนัก! ตอนนี้เจ้ามีกระทั่งพลังเจตจำนงราชันย์ แม้จะมีความเดียวดายเปลี่ยวเหงา ต่อให้เผชิญกับความเจ็บปวด เจ้าก็ยังสามารถปรับเปลี่ยนสภาวะจิตใจของเจ้าได้   เจ้าสามารถยืนหยัดต่อไปได้  ต่อให้เจ้าไม่ได้กินไม่ได้ดื่มหนึ่งวันเต็มเจ้าก็จะไม่หิวเพราะพลังของเจ้า หากเจ้าไม่ดื่มน้ำร่างของเจ้าก็ยังชุ่มชื่นเปล่งปลั่ง ผิวพรรณไม่แห้ง  แม้ยามหลับเจ้าจะไม่รู้สึกเหนื่อยล้าสะลึมสะลือเจ้าใกล้เคียงกับระดับกึ่งเทพ แทบไม่พบเจอกับความยากลำบาก แทบจะไม่พบกับความเจ็บปวดเจ้าไม่เข้าใจถึงความทุกข์และการตื่นรู้ดังนั้นการฝึกฝนของเจ้าจึงไม่มีอะไรที่ก้าวหน้า ตอนนี้เจ้าเป็นเพียงระดับกึ่งเทพ ถ้าเจ้าต้องการยกตนเองขึ้นสู่ระดับเทพที่สูงกว่าได้เวลานั้นเจ้าต้องการสิ่งใดก็ทำได้ ในช่วงเวลาหนึ่งหากเจ้าต้องการดื่มกินสนุก ไม่มีความยับยั้งชั่งใจไม่มีความเจ็บปวดเลย  ทุกคนมีความสุขในสถานะเทพแบบนี้เจ้าแทบไม่สามารถทนรับกับความยากลำบากได้และรู้สึกเหนื่อยหน่ายได้แม้ว่าเจ้าจะฝึกฝนก็ตาม”  ผู้นิทราอธิบายอย่างชัดเจนถึงความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับเทพและความเปลี่ยนแปลงในการฝึกฝน

คนที่มีความทุกข์มากสามารถเรียนรู้ฝึกฝนสามารถตื่นรู้และรู้แจ้งทำให้ความก้าวหน้าของพวกเขาเป็นไปอย่างรวดเร็ว

นักสู้ระดับเทพไม่มีความทุกข์มีแต่ความสุขเพลิดเพลินเป็นส่วนใหญ่

ไม่มีความทุกข์ไม่มีการเลื่อนระดับ ไม่มีความรู้แจ้งก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าเข้าสู่ระดับใหม่ได้ ดังนั้นจึงอยู่ในระดับเดียวกันเสมอ

“อย่างนั้นทำไมนักสู้ระดับเทพบางคนอ่อนด้อย บางคนแข็งแกร่งเล่า?” นางมีปัญหาใหม่ ถ้าพวกเขาฝึกฝนกันทั้งหมดทุกคนควรมีระดับพลังเท่ากันด้วยไม่ใช่หรือ? ทุกคนควรจะเหมือนกัน แต่มีความห่างชั้นกันมากมายได้อย่างไร?

“วิธีการฝึกฝนนั้นแตกต่างกันความทุกข์ทรมานที่พวกเขาประสบนั้นแตกต่างกันและสภาวะของสติสัมปชัญญะก็แตกต่างกันไปตามธรรมชาติ”  ผู้นิทรายิ้ม “นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการจะบอกเจ้า เจ้าฝึกฝนมาเป็นร้อยปีและแข็งแกร่งกว่าคนอื่นที่ฝึกมาหลายพันปีทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? เป็นเพราะเจ้าฝึกฝนอย่างหนักและให้ความสำคัญมากกว่าคนอื่นหรือไม่?  แน่นอนว่าความสามารถของเจ้าก็สำคัญเช่นกัน  แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเจ้าต้องทุ่มออกไปจึงจะได้รับผลตอบแทนกลับมา”

“การเลื่อนพลังเป็นเทพราชันย์เทพผู้แข็งแกร่งที่สุด ข้าจะทำได้อย่างไร?” ในที่สุดนางก็มีเป้าหมายใหม่ เทพจอมราชันย์เทพที่แข็งแกร่งที่สุดในตำนาน

“ยอมเสียสละ!”  ผู้เฒ่านิทราให้คำตอบ

“อะไรนะ?”  นางไม่เข้าใจ

“ข้าหมายถึงยอมเสียสละสถานะปัจจุบันของเจ้ารวมทั้งพลังทุกอย่างที่ได้จากการรู้แจ้งกลับไปสู่สภาวะเป็นมนุษย์จากสภาวะระดับกึ่งเทพและเริ่มฝึกอีกครั้ง”  เมื่อผู้เฒ่านิทราบอกจะให้นางยอมสละทุกอย่างที่เพียรพยายามหนักจนถึงตอนนี้หรือ?  นางต้องการทำอย่างนี้จริงๆ หรือ  หากนางไม่มีทางฝึกฝนได้อีกครั้งนางจะสามารถรักษาสถานภาพปัจจุบันของนางได้หรือไม่?  และนางจะรู้ได้อย่างไรว่าจะดีขึ้นและเร็วขึ้นมากกว่านี้?

นางลังเลอยู่เป็นเวลานาน

ความปรารถนาสูงสุดในการเป็นนักรบชั้นเทพและเทพราชันย์ที่แข็งแกร่งที่สุดและความมุ่งมั่นของนางที่จะทำตามพันธสัญญาที่ได้ให้ไว้กับมารดาและป้าทำให้นางทิ้งความสงสัย

ทำให้ดีที่สุดจึงจะไปจุดสุดยอดที่สุดได้!

กึ่งเทพ?

กึ่งเทพไม่มีอะไรไม่ใช่นักสู้ระดับเทพที่ดี!

ต้องทำให้ได้เป็นสิ่งมีชีวิตระดับสูงสุดไม่มีอะไรเทียบกับเทพจอมราชันย์ได้

นางกำหมัดแน่นดวงตาทิพย์เป็นประกายสดใสชัดเจนมากยิ่งกว่าดวงดาวในท้องฟ้า ... สูดหายใจลึกนางเสริมความทะเยอทะยานของนางด้วยเจตจำนงราชันย์และความตั้งใจในการฝึกฝนขณะนั้นเองแม้ว่ามองผิวเผินเหมือนเป็นเสียงกระซิบแผ่วเบาแต่ก็มีพลังที่จะพลิกแผ่นดินพลิกสมุทรในขณะนี่ชะตากรรมของนางเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงและนางเริ่มดำเนินการตามเส้นทางเป็นเทพจอมราชันย์ที่ไม่มีใครเคยทำได้!

“ข้าต้องการเริ่มใหม่!” นางตัดสินใจด้วยตัวเองอย่างดีที่สุดขณะที่ยังเป็นจื้อจุนผู้แข็งแกร่งที่สุด

“กลับไปฝึกใหม่เพื่อละสถานะเดิมแต่ไม่ได้หมายความว่าจะกำจัดทุกอย่างที่เจ้ารู้แจ้งแต่เพียงผนึกความรู้เหล่านั้นไว้ชั่วคราวและเก็บไว้ในพื้นที่อื่น  เพื่อให้เป็นตัวแทนขอบเขตความเข้าใจและการฝึกฝน  เมื่อเจ้าทำให้สำเร็จลุล่วงได้เมื่อใดเมื่อนั้นจะเป็นวันที่เจ้าเป็นเทพจอมราชันย์ เจ้าสามารถรับความรู้เหล่านั้นไปได้และผสานเข้ากันอย่างสมบูรณ์เพื่อสร้างโลกของเจ้าเอง  เมื่อถึงวันนั้นเจ้าจะเข้าใจได้ว่าตัวเจ้าได้บรรลุขอบเขตสภาวะนั้นและถึงเวลานั้นเจ้าจะได้เป็นเทพจอมราชันย์ที่แท้จริง... การฝึกฝนไม่ใช่วันหรือสองวันก็ประสบความสำเร็จ การฝึกฝนไม่ได้ทำเพียงครั้งเดียวหรือสองครั้ง  กระบวนการเจ็บปวดทุกข์ทรมานนั้นต้องอยู่ในอารมณ์อันยาวนานมีทั้งการแบ่งเบา จำกัด เจ้าจะต้องทนจนกว่าจะพบกับความสำเร็จ!”  คำพูดของผู้นิทราปลอบโยนนางทำให้นางมั่นใจว่าได้รับคำอธิบายทำให้เข้าใจว่าภูมิปัญญาอำนาจและพลังเรียนรู้จะไม่มีวันสูญหายตลอดไป

“ต่อไปข้าควรทำอย่างไร?” นางรู้สึกว่าประตูสู่การฝึกฝนอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนค่อยๆเปิดแง้มต่อหน้านาง

“ก่อนอื่นเปลี่ยนคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นคัมภีร์บรอนซ์และผนึกทุกอย่างที่เจ้ามีรวมถึงพลังทั้งหมดของเจ้าทั้งหมด  ผนึกไว้ในอสูรพิทักษ์ของเจ้าปล่อยให้นางเป็นกึ่งเทพแทนเจ้าและร่างของเจ้าจะกลับไปอยู่ในสภาพมนุษย์ที่เริ่มฝึกฝนอีกครั้งยิ่งเจ้ากลับไปกระบวนการเริ่มต้นเท่าไหร่ การฝึกจะยิ่งยากมากขึ้นเท่านั้น  ยิ่งการฝึกยากลำบากเท่าไหร่เจ้าก็ยิ่งได้รับผลดีมากขึ้น”  ผู้นิทราบอกวิธีที่ทำให้นางแทบไม่เชื่อหูของนางเองในขณะเดียวกันนางใช้วิธีลับทำการฟื้นฟูโดยคนภายนอกไม่รู้

“ถ้าการฟื้นฟูล้มเหลวเล่า?”  ทันใดนั้นนางมีความกังวล

“มีแต่คนที่หลุดพ้นจากโชคชะตาแล้วเท่านั้นจึงจะประสบความสำเร็จ  นี่คือการปลดเปลื้องขั้นสูงสุด  ถ้าคนผู้หนึ่งตลอดชีวิอยู่ภายใต้การควบคุมของโชคชะตาอย่างนั้นคนที่เลื่อนไปเป็นเทพราชันย์ จะควบคุมชะตาตนเองได้นี่คือความสำเร็จที่แท้จริง... การทำลายโดยสร้างไม่ได้ นั่นเป็นแค่เทพเทียม  ถ้าทำลายแล้วสร้างได้ นั่นคือเทพแท้  แต่ไม่ใช่เทพจอมราชันย์ เฉพาะเทพที่ดำรงคงอยู่ชั่วนิรันดร์ที่ก้าวข้ามชะตาได้นั่นเทพจอมราชันย์ที่แท้!   เส้นทางนี้ไม่อนุญาตให้ล้มเหลวจะต้องประสบความสำเร็จในที่สุด มิฉะนั้นต่อให้ประสบความสำเร็จเป็นเทพแท้แต่ยังนับว่าล้มเหลว! นี่คือความยากลำบากที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เจ็บปวดที่สุด  เทพแท้ยังจะต้องตายสักวัน มีแต่เทพจอมราชันย์เท่านั้นจึงจะเป็นอมตะจริงไหม? หากไม่ประสบความสำเร็จในท้ายที่สุดทุกคนที่ระดับพลังต่ำกว่าเทพจอมราชันย์จะเป็นผู้แพ้รวมถึงเจ้าหรือผู้ที่คิดว่านักสู้ระดับเทพเหนือกว่าห่างไกล คนผู้หนึ่งเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ยากที่สุดลำบากที่สุดภายใต้การแทรกแซงของความปรารถนาความรักที่หลากหลาย หากเจ้ายังต้องการที่จะฝึกฝนและกลายเป็นเทพจอมราชันย์และได้เพียรพยายามอย่างหนักเพื่อการนี้นั่นคือการรวมตัวสิ่งที่มีค่ามากที่สุดนั่นเจตจำนงสุดท้ายของมหาเทพโบราณมหาเทพโบราณทั้งที่รู้จักและที่ไม่รู้จัก พวกเขาทั้งหมดหวังว่าคนรุ่นต่อไปในอนาคตสามารถหลบหนีพ้นชะตากรรมของพวกเขาได้หลุดพ้นจากความขมขื่นเข้าสู่ความอมตะนิรันดร์...สิ่งที่เราต้องทำคือทำตามความประสงค์นี้นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงมีคัมภีร์อัญเชิญ!”  ผู้เฒ่านิทราแทบจะบอกความลับฟ้า

“ด้วยวิธีอย่างนี้น่ะหรือ?”  นางตกใจ ไม่เพียงแต่นางเท่านั้นแต่แม้แต่เย่ว์หยางผู้มีความรู้สึกถึงกระบวนการชีวิตของนางก็รู้สึกตกใจ

นี่คือความจริงที่คาดไม่ถึง

การเป็นเจ้าของคัมภีร์อัญเชิญเป้าหมายที่แท้จริงไม่ใช่กลายเป็นนักสู้ผู้แข็งแกร่งที่กลั่นแกล้งคนอ่อนแอเพื่อสนองตอบความต้องการที่หลากหลายของมนุษย์ แต่เพื่อหลบหนีจากโชคชะตาและค้นหาตัวตนที่แท้จริงชั่วนิรันดร์

ในพริบตานั้นไม่เพียงแต่นางที่ได้ยินความลับของปีนั้นเท่านั้นแต่ยังมีเย่ว์หยางก็ได้ตระหนักรู้ เขารู้สึกว่าหัวใจเขาขยายทันที

โลกกำลังเล็กลง

ในใจของเขาเกิดปัญญาผุดรู้ความร้อนแผ่ไปทั้งกายและใจ

ในที่สุดเขาก็เข้าใจและตระหนักรู้ถึงความหมายแห่งชีวิต

เป้าหมายสูงสุดของการฝึกฝนก็คือตัวตนแท้จริงนิรันดร

ไม่ใช่ว่าตัวตนจะหายไปในวิถีแห่งชีวิต  แต่ตัวตนนิรันดรมีระดับสูงถึงระดับเทพจอมราชันย์...  ในโลกที่เป็นอมตะอย่างสมบูรณ์ไม่มีการเกิดและการตาย ไม่มีโชคร้ายอีกต่อไป แม้ว่าจะไม่สามารถจินตนาการได้ แต่เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดำรงคงอยู่สมบูรณ์แบบในโลกที่เป็นนิรันดรเขาปรารถนาที่จะเป็นอยู่ได้ต่อไป  .....เย่ว์หยางแค่อยากตะโกนดังๆ เขารู้สึกว่าทั้งชีวิตของเขาและโลกวิญญาณทั้งโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไป

เขามีแรงกระตุ้นใจร้อนอยากเริ่มฝึกทันที

อย่าลังเลหรือหยุดยั้งกลางครัน

เทพจอมราชันย์ผู้อมตะ

มีชะตาร่วมกับทุกคนที่ไม่เหมือนใคร...  ด้วยวิธีนี้เท่านั้นเขาไม่ต้องกังวลกับการโจมตีของศัตรูที่แข็งแกร่งหรือปล่อยวางความเป็นความตาย

“ข้าไม่รู้ว่าจะต้องทำซ้ำกี่ครั้งบางทีใครบางคนอาจทำเพียงครั้งเดียวก็ผ่านบางคนอาจใช้เวลาเป็นร้อยครั้งหรือมากกว่านั้นเพื่อเริ่มฝึกใหม่  แต่ข้ารู้ความลับในการบรรลุขั้นสุดท้ายของการเป็นเทพราชันย์แม้ว่าจะไม่มีคัมภีร์เทพยอมรับเป็นเจ้านาย แต่ก็ยังมีคัมภีร์เทพเป็นของตนเอง!  แน่นอนในระหว่างทางเพราะมีการทำลายและการรบกวนมีมากเกินไปผู้อาวุโสที่ปกป้องเราจะให้ความช่วยเหลือแก่เราแน่นอน  สักวันหนึ่งคัมภีร์เทพอาจยอมรับเจ้านายใหม่ช่วยเรา ทำให้เรารู้ แต่ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่ การฝึกฝนนั้นเต็มไปด้วยสิ่งแปลกปลอมเราต้องฝึกฝนอย่างหนักในสิ่งที่ไม่รู้จัก แม้ว่าจะไม่มีคัมภีร์เทพเราก็ต้องเปลี่ยนคัมภีร์อัญเชิญของเราให้เป็นคัมภีร์เทพนิรันดรนี่คือสิ่งที่ข้าอยากจะพูด!”  ผู้นิทราชี้ให้เห็นความสำเร็จที่เหลือเชื่อ

“คัมภีร์อัญเชิญทุกเล่มสามารถกลายเป็นคัมภีร์เทพได้หรือ?”  นางถาม

“บางคนฝึกจากล่างขึ้นไปเบื้องบนบางคนฝึกจากบนลงล่างและบางคนฝึกด้วยกันจากบนลงล่างทุกคนมีความสามารถที่แตกต่างกันและวิธีการฝึกที่แตกต่างกัน  บางคนไม่สามารถทำสัญญากับคัมภีร์ได้  เพราะสภาพของพวกเขาไม่มีคุณสมบัติเพียงพอหรือหลังจากปล่อยตัวประมาทเลินเล่อและทำลายตนเอง  บางคนที่ทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้แล้วก็ไม่สามารถฝึกฝนได้  เพราะพวกเขาไม่สามารถอดทนต่อความยากลำบากและไม่สามารถละทิ้งความสามารถที่ฝึกฝนได้มา  พวกเขาปล่อยให้พลังของพวกเขาสูญสิ้นไปเองและไม่รู้ไม่เชื่อในการมีอยู่ของเทพ ไม่เชื่อว่ามีเทพจอมราชันย์  อย่าคิดเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ของคนอื่น  ข้าอยากจะบอกว่าอย่างน้อยคนจะต้องเข้าใจถึงเจตจำนงราชันย์ จึงมีสิทธิ์เลื่อนไปเป็นระดับเทพฝึกฝนทุ่มเทให้หนักขึ้นด้วยความสามารถและภูมิปัญญาที่ยิ่งใหญ่ต้องมีคุณสมบัติและปรารถนาจะไปให้ถึงระดับเทพราชันย์! อย่าคิดถึงคนอื่น เจ้าจะคิดเพียงเท่านั้นหรือ  แม้ว่าเจ้าจะพากเพียรอย่างหนักและมีพรสวรรค์แต่เจ้าอาจจะทำไม่สำเร็จ จงมีสมาธิรอจนกระทั่งวันหนึ่งเจ้าพิสูจน์ตัวเองได้ เมื่อเจ้ามองย้อนกลับไปเจ้าจะรู้ว่าเจ้าต้องใช้หยาดเหงื่อและความพยายามไปมากมายเพียงไหนก่อนที่เจ้าจะประสบความสำเร็จนิรันดร...”

“ข้าจะต้องทำให้สำเร็จ”  เมื่อนางพูดอำลาผู้นิทรานางได้สร้างความมั่นใจในหัวใจเกินกว่าปณิธานราชันย์ของนาง

“สุดท้ายสิ่งที่ข้าต้องการจะบอกก็คือ..”  จู่ๆ ผู้นิทราเรียกนาง

“หือ?”นางประหลาดใจมาก

“บางทีในอนาคตของเจ้าเจ้าจะไม่โดดเดี่ยวเหมือนตอนนี้... เพราะในเผาสร้อยบุปผา มีเด็กสาวผู้มีทักษะแฝงเร้นเหมือนกับเจ้า  เมื่อเทียบกับการรับรู้ของเจ้าเด็กสาวนั่นอาจจะดีกว่า นางคิดหาวิธีลับที่โดดเด่น หากนางทำได้ประสบความสำเร็จไม่เพียงแต่บันไดสวรรค์เท่านั้นแต่หอทงเทียนทั้งหมดจะรุ่งเรืองขึ้นมาอีกครั้ง เด็กหญิงนั้นมีภูมิปัญญาที่เชื่อมโยงกับข้าแต่ข้าไม่สามารถเข้าใจได้! บางทีสักวันหนึ่งเจ้าอาจพบว่าข้างหลังเจ้าไม่เพียงแต่มีน้องสาววิ่งตามหัวเราะร่าเสียงเหมือนระฆังเงินเท่านั้นแต่อาจมีเด็กชายที่สามารถแบกโลกได้ทั้งโลกวิ่งตาม...  บางทีนี่คือความฝันของข้า  บางทีนั่นอาจเป็นการตระหนักรู้ถึงอนาคตที่ไม่สิ้นสุดก็ได้!”

“เหรอ?” ทันใดนั้นใบหน้ามีแววประหลาดใจผ่องใสอย่างไม่เคยปรากฏมีมาก่อน ประกายเนตรทิพย์ของนางเปล่งประกายงดงามแทบจะไม่ถูกแสงสว่างยามเช้ากลบบัง “อย่างนั้นเราจะร่วมทำงานกันในทิศทางนี้!”

*********

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด