ตอนที่แล้วบทที่ 7-8
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 11-12

บทที่ 9-10


บทที่ 9

ข่าวใหญ่

“อย่าไปว่าอะไรเธอเลย ถึงเธอจะทำให้มาตรฐานหน้าตาเด็กแผนกวรรณกรรมต่ำลงก็เถอะ! ฉันชื่นชมเธอนะ!”

ถังซือซือไม่สนใจคำพูดของทุกคนที่ด่าทอเธอ ก่อนจะลากเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลง โดยอันดับที่นั่งของเธอคือคนแรกของแถวที่สาม ซึ่งอยู่ตรงกับโต๊ะของอาจารย์คุมสอบ

ในสายตาของคนอื่น พวกเขายังคงเห็นว่าถังซือซือเป็นคนขี้ขลาดและไม่กล้ามีปากมีเสียง ดังนั้นด่าทอหรือพูดจาเยาะเย้ยจึงรุนแรงแบบนี้มาตลอดสามปี

ช่วงเช้า อาคารที่ 17 ห้อง 307

“นังคางคกนั่นไม่ได้เตรียมอาหารเช้าไว้ให้เราด้วยล่ะ!?”

พันหม่าลี่สะดุ้งตื่นตามเสียงโวยวาย เธอค่อย ๆ ลุกจากเตียงตอนเกือบแปดโมงแล้วพบว่าไม่มีอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะซึ่งทำให้เธอรู้สึกโกรธจัดขึ้นมาทันที

“เดี๋ยวก่อน! แล้วเช้านี้พวกเราจะกินอะไรกันดี?” เริ่นเฉียงถามอย่างเร่งรีบ

“ถามให้ได้อะไรล่ะ! นี่เริ่นเฉียง! รีบไปเข้าแถวซื้ออาหารก่อนค่อยว่ากัน! นังคางคก! ดูเหมือนมันชักจะลืมหน้าที่ของตัวเองควรทำอะไร!”

สีหน้าของพันหม่าลี่เปลี่ยนไปทันที ถึงแม้จะรู้สึกโกรธจนเลือดขึ้นหน้าแต่ก็ไม่ลืมที่จะพกเครื่องสำอางติดไปด้วย

“โอเค! เอาตามที่เธอว่า!” เริ่นเฉียงเป็นผู้ติดตาม            พันหม่าลี่และรู้ดีว่าไม่ควรสร้างปัญหาให้ตัวเองกับกลุ่มนี้ ดังนั้นเธอจึงรีบแต่งตัวแล้ววิ่งไปโรงอาหารทันที พร้อมกับด่าทอถังซือซือหลายพันครั้งในใจ

ห้องเรียน 201

นักศึกษาคลาส E ของภาควิชาวรรณคดีทยอยเข้าห้องเรียนมาทีละคน เพื่อเตรียมตัวสอบ

ผ่านไปไม่นานพันหม่าลี่และเริ่นเฉียงมาถึงห้องเรียน เมื่อพวกเขาเห็นถังซือซือนั่งอยู่ พวกเขาขยิบตาให้กันแล้วส่งสายตากับคนอื่น ๆ ภายในห้อง หลังจากนั้นเริ่นเฉียงก็พูดขึ้นเสียงดังว่า

“ข่าวใหญ่ ข่าวใหญ่ ฟังฉันนะทุกคน! อยากรู้ไหมว่าฉันมีข่าวใหญ่อะไรจะเล่า?”

เมื่อเพื่อนร่วมชั้นในห้องเรียนได้ยิน จิตวิญญาณแห่งการนินทาของทุกคนก็ลุกเป็นไฟขึ้นมา จนมีแต่เสียงฮือฮาดังไปทั่วห้อง

ถังซือซือพยายามทำเป็นไม่ได้ยินแล้วนั่งยืดตัวตรงอย่างเย้ยหยันใส่ทุกเสียงนินทา

“เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อคืนนี้ มีคนบางคนจากห้อง 307 ของเราที่หายหน้าหายตาไปนาน เพิ่งจะเสนอหน้ากลับมาเมื่อตอนเที่ยงคืน! แต่ไม่จบเพียงเท่านี้นะจ๊ะ ทันทีที่นางกลับมา จู่ ๆ ก็ขยันอ่านหนังสือขึ้นมาซะงั้น!”

พันหม่าลี่มองดูสถานการณ์ด้วยความสะใจ

ทุกคนภายในห้อง ตอนนี้ทุกสายตานั้นต่างพร้อมใจกันมองไปที่ถังซือซืออย่างไม่ได้นัดหมาย

“ฉันคิดแค่ว่าอยากปรับปรุงตัวเองใหม่ ก็เท่านั้นแหละ”

ถังซือซือยิ้มมุมปากหลังพูดเสร็จ

หลังจากทุกคนได้ฟังข่าวของเริ่นเฉียง ทุกคนต่างรู้ดีว่าคะแนนของถังซือซือต่ำสุดในคลาสเสมอ ยิ่งไปกว่านั้น ในการสอบชิงทุนครั้งนี้ ผู้ที่มีวินัยและมีความขยันอย่างหนักทั้งวันทั้งคืนเท่านั้นที่มีโอกาสได้ทุน แต่ส่วนคนที่ไม่มีวินัยและความขยันรวมถึงไม่มีการเตรียมตัวนั้นแทบไม่มีสิทธิ์อยู่แล้ว ดังนั้น ความสำเร็จของถังซือซือที่จะสอบชิงทุนได้ในครั้งนี้หมายความว่า เธอต้องสอบให้ได้คะแนนสูงสุด ซึ่งทำให้ทุกคนต่างหัวเราะออกมาเพราะรู้ว่าไม่มีทางแน่นอน

“จะสอบได้จริงเหรอ? นางคางคกถูกอะไรกระตุ้นมาวะ?”

“ใช่ไหมล่ะ! มีพนันกันด้วยนะ เทพธิดาหม่าลี่ของเราบอกว่าถ้ายัยคางคกสอบได้ทุนในครั้งนี้ เธอจะไปที่บอร์ดประชาสัมพันธ์ของมหาลัยเพื่อไลฟ์สดการกินเครื่องในล่ะ! ฮ่าๆๆๆ!”

“นังบ้าเฉียง! เบา ๆ ปากหน่อย! บอกเรื่องที่ฉันพนันแบบนี้มันน่าอายจะตาย!”

เมื่อทุกคนเริ่มรุมล้อมด่าทอและเยาะเย้ยถังซือซือมากขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาจากกระเป๋าแล้วแอบส่งข้อความอย่างเงียบ ๆ ไปว่า “ถ้าเธอต้องการแก้แค้น ให้มาที่ห้อง 201 ตอนนี้เลย”

หลังจากส่งข้อความได้สำเร็จ ถังซือซือเริ่มนับถอยหลังในใจ ‘สิบ เก้า แปด เจ็ด หก ห้า...’

“พันหม่าลี่ นี่เธอพูดจริงเหรอ?” เสียงที่ดูจะไม่ลงรอยกับพันหม่าลี่นี้ดังแทรกขึ้นมา

ถังซือซือกำลังรอการมาของเธอคนนี้ เฉินเมิ่งอวี่จากคลาส A

วงจรชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยนั้นค่อนข้างแคบอยู่บ้าง ซึ่งไม่แปลกที่จะมีการรู้ข่าวข้ามคลาสกัน

ดังนั้นทุกคนในแผนกวรรณกรรมจึงรู้ดีกันว่าเฉินเมิ่งอวี่มีแฟนที่คบกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม ทั้งสองถูกทาบทามจากหนานซานให้เข้ามาเรียนที่นี่ด้วยกัน พวกเขาเป็นคู่รักที่ทุกคนต่างชื่นชม แต่เพราะพันหม่าลี่ได้เข้าไปยุ่งเรื่องของคู่รักจนเฉินเมิ่งอวี่มีปัญหากับแฟนหนุ่ม หลังจากนั้นทั้งสองจึงกลายมาเป็นศัตรูระหว่างกันตั้งแต่นั้นมา

บทที่ 10

ฉันจะคุกเข่าต่อหน้าเธอ

 

“อะ อ้าว ก็นึกว่าใคร ดูสวยไม่สร่างเลยนะ บิวตี้เฉิน แต่แปลกใจนะเนี่ย วันนี้ลมอะไรหอบเธอมาถึงนี่?”

“พันหม่าลี่ เธอนี่เป็นคนอารมณ์ดีจังเลยนะกับการทำตัวเป็นเจ้าหญิงในรั้วมหาลัย”

“อีกอย่างหนึ่ง ที่เธอเพิ่งพูดไปว่าจะไลฟ์สดกินเครื่องในน่ะ เธอ พูด จริง ใช่ไหม เทพธิดาหม่าลี่?”

เฉินเมิ่งอวี่ไม่ใช่คนที่จะยอมจบเรื่องได้ง่าย ๆ หากเป็นศัตรูกันแล้ว

“ฮ่าๆๆ แน่นอนว่าฉันพูดจริง แต่เธอต้องฟังเงื่อนไขให้ชัดซะก่อน เงื่อนไขคือถ้าถังซือซือสามารถสอบชิงทุนในครั้งนี้ได้ ฉันถึงจะทำ ว่าแต่เธอมองโลกในแง่ดีด้วยเหรอ ถึงคิดว่านังคางคกจะสอบได้?” น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง

“มันไม่เกี่ยวอะไรกับถังซือซือหรอก และไม่ว่าฉันจะชอบเธอหรือไม่ เธอควรจำคำพูดในวันนี้ให้ดี”

ทุกคนต่างรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ว่าวันนี้มันเป็นวันอะไรกัน? เพราะมีการเชือดเฉือนกันมากที่สุดระหว่างเจ้าแม่ทั้งสองในแผนกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!

ตอนนี้ไม่มีใครที่สามารถจะหยุดความตื่นเต้นนี้ลงได้ นักศึกษาหลายคนรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อโพสต์กระจายข่าวของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทันที “บ้าไปแล้ว! พันหม่าลี่จากคลาส E และเฉินเมิ่งอวี่จากคลาส A ท้าทายกัน! ผลจะออกมาเป็นยังไงเนี่ย...”

บางคนพยายามหาเหตุผลและคาดเดาถึงตอนจบของเรื่องนี้อย่างสนุกสนาน โดยทุกคนต่างสนใจในประโยคสุดท้ายของพันหม่าลี่ที่ว่า ถ้าถังซือซือสอบชิงทุนในครั้งนี้ได้ พันหม่าลี่จะไลฟ์สดกินเครื่องใน! ส่วนทางด้านเฉินเมิ่งอวี่มั่นใจว่าถังซือซือจะสอบได้ แล้วเธอจะได้ตบหน้าพันหม่าลี่ด้วยคำท้าทายของตัวเอง! แต่ถึงอย่างนั้น ทุกคนก็มีแต่คำถามในใจว่ามันจะเป็นไปได้รึเปล่า?

หลังจากการกระหน่ำโพสต์ออกไป ก็กลายเป็นข่าวที่ดึงดูดทุกสายตาให้คอยจับจ้องดูผลสรุปคำท้าทายนี้

“จริงเหรอเนี่ย! จู่ ๆ ก็มีการเชือดเฉือนครั้งใหญ่ในศตวรรษกำลังจะเกิดขึ้น?”

“ให้ตาย! ถังซือซือจากคลาส E ฉันพูดชื่อถูกใช่ไหม?   ถังซือซือเรียนก็ไม่เก่ง หน้าตายังน่าเกลียดอีก คนแบบนั้นจะสอบชิงทุนได้เหรอ? ฉันว่าพันหม่าลี่ชนะเดิมพันแน่ ๆ ไม่ต้องรอดูการไลฟ์สดเลย!”

“ดูเหมือนนังนั่นก็สนับสนุนเฉินเมิ่งอวี่อยู่นะ เพราะนางก็เคยโดนพันหม่าลี่กระทำก่อนเหมือนกัน แต่พูดตามความจริงแล้ว เรื่องที่ถังซือซือจะสอบทุนได้คงเป็นไปไม่ได้”

“น่าเศร้าจริง ๆ  เฉินเมิ่งอวี่คาดหวังในตัวคางคก! คงได้กลายเป็นฝ่ายแพ้ซะเองแน่!”

“ทุกคนใจเย็น ๆ กันก่อนน่า อย่าเพิ่งสนใจคำท้าทายของพันหม่าลี่ เพราะเรายังไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเฉินเมิ่งอวี่ถ้าถังซือซือสอบชิงทุนไม่สำเร็จ!”

“ใช่ ใช่ นางก็อยู่ที่ห้องนี่! ต้องถามเธอ!”

“ถามเธอ +10086!*”

*+10086 = เหมือนเป็นการตอบสนองในความคิดเห็นเดียวกันในโซเชียลของประเทศจีน เช่น มีคนโพสต์ว่าร้อน อีกคนที่มาตอบก็จะแสดงความคิดเห็นว่า ร้อน +1 และบวกไปเรื่อย ๆ ตามจำนวนคนที่คิดเหมือนกัน

ในเวลานี้ ห้องเรียน 201 ไม่ได้มีเพียงแค่นักศึกษาจากคลาส E แต่ยังเต็มไปด้วยนักศึกษาจากคลาสอื่น ๆ แห่กันเข้ามาชมเหตุการณ์ในครั้งนี้

“นี่ เฉินเมิ่งอวี่และเพื่อนร่วมคลาสหลายคนอยู่ที่นี่แล้ว พวกเราอยากรู้การเดิมพันอย่างจริงจังนี้ว่า ถ้านังคางคกถังซือซือสามารถสอบชิงทุนได้ พันหม่าลี่จะต้องไลฟ์สดกินเครื่องใน และห้ามหนีเด็ดขาด!”

พันหม่าลี่เงยหน้าขึ้นแล้วจ้องมองไปที่เฉินเมิ่งอวี่และ  ถังซือซือด้วยความอายเล็กน้อย

ตอนนี้ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงเชียร์และเสียงปรบมือมากมาย

พันหม่าลี่พยายามเปลี่ยนเรื่องแล้วพูดขึ้นว่า “ถึงตาเธอแล้ว เฉินเมิ่งอวี่ ถ้านังคางคกนี่ไม่ได้ทุน เธอจะเดิมพันอะไรกับฉัน?”

น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความยั่วยุ

เฉินเมิ่งอวี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนตอบกลับว่า “ฉันคิดเรื่องนี้มาแล้ว ถ้าถังซือซือไม่ได้ทุน ฉันจะคุกเข่าต่อหน้าเธอ แล้วยกผู้ชายของฉันให้!”

หลังจากเฉินเมิ่งอวี่พูดจบ ทุกคนทั่วห้องต่างก็ตกอยู่ในความเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วก็มีเสียงพูดคุยเบา ๆ หลายคนนินทากัน

บรรดาผู้ที่สนับสนุนเฉินเมิ่งอวี่เริ่มมีความกังวล ซึ่งทำให้เธอแอบกังวลใจเล็กน้อยด้วยเช่นกัน

เฉินเมิ่งอวี่เป็นเหยื่อในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงตัวผู้ชายในครั้งก่อน และตอนนี้เธอกำลังจะคุกเข่าต่อหน้าผู้หญิงไร้ยางอายคนนี้อีก นี่มันเหตุการณ์บ้าบออะไรกัน?

จากคำพูดของทุกคน ในแผนกวรรณกรรมทั้งหมดทุกคนมีโอกาสคว้าทุนได้ แต่ถังซือซือแทบจะไม่มีวันทำได้แน่นอน

ทำให้ไม่มีใครสงสัยมากนักเกี่ยวกับเรื่องนี้

หลังจากเหตุการณ์ท้าทายระหว่างกันจบลง เฉินเมิ่งอวี่กับพันหม่าลี่ก็ต่างแยกย้ายกลับไปยังที่นั่งของตัวเองด้วยท่าทางเหมือนแม่ทัพที่ได้รับชัยชนะ

“ได้ทุนเหรอ? ถังซือซือเนี่ยนะ? ไม่มีวันซะหรอกนังเฉิน”