ตอนที่แล้วบทที่ 47-48
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 51-52

บทที่ 49-50


บทที่ 49

ดีกว่าผู้หญิงคนอื่นตรงไหน

 

เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ หลังจากพวกเธอได้รู้เหตุการณ์จากคำบอกเล่าของทิงหลิวเสวี่ย

“จริงดิ ... เรื่องจริงเหรอ!” เสี่ยวอาเป็นคนแรกที่พิมพ์ขึ้นมาอีกครั้งในกลุ่มแชทหลังจากนิ่งเงียบมานาน

“ฉันไม่เข้าใจ! แปลว่าท่านประธาน... ชอบผู้หญิงแบบนี้เหรอ? เธอมีดีกว่าผู้หญิงคนอื่นตรงไหนกัน ทำไมถึงได้รับความสนใจจากท่านประธานล่ะ?!”

“อยากได้ผู้ชายมาไว้ในกำมือก็มีแต่ต้องเอาตัวเข้าแลก! วิธีแบบนี้มีแต่พวกที่ ‘ไม่สวย’ เท่านั้นแหละที่กล้าทำ!”

“ขอถามอีกรอบ... ผู้หญิงคนนี้... จูบท่านประธานจริง ๆ ใช่ไหม แล้ว... ยังได้ควงแขนด้วยเนี่ยนะ? ฉันได้ยินมาว่าท่านประธานไม่เคยถูกตัวใครมาก่อนนี่!”

“ใช่แล้ว! น่าตกใจจริง ๆ เลย! พวกเธอลองคิดดูสิ... ขนาดผู้หญิงระดับล่างคนนี้ยังชนะใจท่านประธานได้ แล้วดูพวกเราที่ทั้งสวยกว่า ทั้งดูดีกว่ามันตั้งเยอะ! แต่ทำไมเราถึงไม่ถูกให้ความสนใจบ้างเลย?”

“ฉันไม่อยากยอมรับความจริงข้อนี้เลย! อุตส่าห์ทนทำงานอย่างหนักที่นี่มาหลายปี! สุดท้ายไม่มีแม้แต่ความหวัง! พระเจ้าคะ ช่วยดลใจเขาให้รักฉันบ้างได้ไหม!”

“ตามไปชั้นบน +1!”

...

ห้องทำงานส่วนตัวของเซียวเฉินเยวียน

ถังซือซือยืนมองวิวทิวทัศน์รอบ ๆ ห้องผ่านผนังกระจกหนาใสด้วยความตื่นเต้น ก่อนเหลือบมองไปบนโต๊ะทำงานและเก้าอี้โซฟาที่ดูหรูหรา เธอตกตะลึงกับพื้นที่ใช้สอยภายในห้องที่กว้างมากกว่าหนึ่งร้อยตารางเมตร หลังจากตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็เดินเข้าไปในโซนห้องครัวเล็ก ๆ ที่อยู่ฝั่งซ้ายมือของห้องทำงาน

เป็นไปตามคำพูดของกู่ชวน วัตถุดิบทั้งหมดถูกเตรียมไว้ข้างในเรียบร้อยแล้ว

แฟนสาวของประธานเซียว... ไม่สิ! คู่หมั้นของประธานเซียว ต้องมาทำอาหารเองแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย? คิดว่าจะเอาแต่ซื้อนู้น ซื้อนี่ ซื้ออะไรก็ได้เพื่อมาเอาใจคนอย่างประธานเซียวซะอีก!

แต่ความคิดนี้... คือสิ่งที่ถังซือซือคิดเกี่ยวกับเรื่องคู่หมั้นจริง ๆ

เธอเชื่อมาตลอดว่า การมีเงินมหาศาลสามารถซื้อความสบายได้ทุกอย่าง

แต่มันไม่ใช่แบบนั้นทั้งหมด เพราะยังมีบางสิ่งที่ต่อให้มีเงินก็ซื้อไม่ได้

เซียวเฉินเยวียนสังเกตว่าท่าทางการแสดงออกของ     ถังซือซือนั้นดูสดใสมากขึ้น ช่วงเวลาหนึ่ง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย ความคับข้องใจ และแปลกใจเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกัน บนเพดานกระจกมีเมฆดำลอยผ่านพ้นไป พร้อมกับเสียงของการหั่นผักที่รวดเร็วดังขึ้น

ถึงอย่างนั้นความสงสัยและคับข้องใจก็ยังคงอยู่ ทำให้เขารู้สึกถึงความแตกต่างบางอย่าง

เขานึกย้อนความทรงจำของตัวเอง เพิ่งจะรู้สึกว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับผู้หญิงที่ดูผ่อนคลายและไร้กังวลเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา

เนื่องจากเขาเป็นคนที่มีอิทธิพลมากมายทั้งในบริษัทและในเมืองหลวง ทุกคนต่างให้ความเคารพและเกรงใจ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นส่วน เครือญาติ และคนทั่วไปในเมืองหลวง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขา ทุกคำพูดจะต้องกลั่นกรองให้ดีเพื่อไม่ให้เขาต้องเกิดความไม่สบายใจ

แต่กับผู้หญิงคนนี้ กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่าง และยังทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองก็เป็นคนธรรมดาเหมือนกันกับเธอ...

ทันใดนั้นกู่ชวนมาเคาะประตูห้องพอดีก่อนเปิดประตูเดินเข้ามา ยังไม่ทันเดินได้ถึงสองก้าว เขาก็ได้กลิ่นอาหารหอมกรุ่นลอยมากระแทกจมูก กลิ่นนั้นกระตุ้นความอยากอาหารของเขาในทันที

พอเขาเหลือบไปมองเซียวเฉินเยวียน ซึ่งปกติจะเป็นคนบ้างานเกือบตลอดเวลา แต่ตอนนี้เขาวางงานทุกอย่างลง แล้วไปยืนดูถังซือซือทำอาหาร ด้วยสีหน้าแววตาที่ดูสดใสอย่างที่กู่ชวนไม่เคยเห็นมาก่อน

“อาหารเสร็จแล้วค่ะ มากินข้าวกันเถอะ”

ถังซือซือถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วเดินออกไปพร้อมจานอาหาร

ขณะเดียวกัน เซียวเฉินเยวียนเพิ่งรับสายวิดีโอคอลจากผู้บริหารระดับสูง เรียกให้เข้าประชุมด่วนพอดี

ก่อนจะหันไปพยักหน้ารับ แล้วหันไปเตรียมประชุมต่อ

ไม่หิวแล้วเหรอ?

แล้วมาตามตื๊อให้ฉันรีบทำอาหารให้ทำไมกัน?

หรือฉันต้องเสียเวลาไปฟรี ๆ

“โครกคราก” แต่เสียงท้องนายมันฟ้องนะว่าหิว

หลังจากนั้น ถังซือซือหันหลังกลับแล้วเดินไปที่ห้องครัว ก่อนยกจานอาหารกลิ่นหอมออกมา นำไปจัดเรียงบนโต๊ะด้านซ้ายมือของเซียวเฉินเยวียน

“มานี่สิ” เซียวเฉินเยวียนพูด

อะไรของเขาอีก?

ถังซือซือเดินไปตามคำสั่งของเซียวเฉินเยวียน

“ป้อนให้ผมทีสิ”

เขาพูดขึ้นมาไม่กี่คำก่อนจะเปลี่ยนท่าทางในการนั่ง ระหว่างที่เธอกำลังจัดวางช้อนส้อม เมื่อได้ยินก็เผลอทำช้อนในมือร่วงลงบนโต๊ะทันที

บทที่ 50

ฝีมือการทำอาหารของฉันมันแย่และไม่เอาไหน

 

นั่นใคร?

ผู้บริหารระดับสูงในวิดีโอคอลตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของเซียวเฉินเยวียน

ความสงสัยผุดขึ้นมากมายในหัวของเขา

อะไร เมื่อกี้คืออะไร? ท่านประธานพูดจริงเหรอ? ได้ยินไม่ผิดว่า ‘ป้อนให้ผมทีสิ’ ?

ใครกันที่ท่านประธานพูดถึง?

เฮ้ๆๆ นี่มันไม่ยุติธรรม... พวกเราทำงานให้ท่านประธานอย่างหนักมาตลอด แทบไม่มีเวลาจะไปกินข้าวด้วยซ้ำ แล้วนี่มากินข้าวล่อหน้าล่อตาเฉยเลย แย่มาก! ใจร้ายสุด ๆ!

ไร้มนุษยธรรมสิ้นดี!

ไม่กี่วินาทีต่อมา ในจอภาพมีมือปริศนาหนึ่งยื่นเข้ามา นิ้วขาวเรียวยาวกำลังจับช้อนอยู่ ก่อนตักอาหารดูน่าทานแล้วเอื้อมไปป้อนที่ปากของเซียวเฉินเยวียน

เขานั่งพิงเก้าอี้อย่างสบายใจ พร้อมกับเคี้ยวอาหารอย่างช้า ๆ

นั่น... นั่นมันมือของผู้หญิงชัด ๆ!

มือขาวเรียวยาวสวยขนาดนี้ต้องเป็นผู้หญิงที่น่าเย้ายวนมากแน่ ๆ ถึงถูกใจท่านประธาน!

เฮ้ๆๆ... ผู้บริหารระดับสูงแต่ละคนต่างฮือฮากันยกใหญ่

ระหว่างที่ผู้บริหารระดับสูงกำลังสรุปรายงานผลการทำงานให้เซียวเฉินเยวียนรับทราบ จู่ ๆ ก็เกิดความประหม่าขึ้นมาเมื่อถูกสายตาอันเรียบเฉยพร้อมกับปากที่กำลังเคี้ยวอาหารจ้องมองมา ทำให้เขารู้สึกทำตัวไม่ถูก

ขณะเดียวกัน ทิงหลิวเสวี่ยที่เพิ่งได้สติจากอาการช็อก ก็รีบจัดเอกสารสรุปงานต่าง ๆ บนโต๊ะของเธอ ก่อนเดินเข้าไปแง้มประตูแล้วเห็นภาพที่ถังซือซือกำลังป้อนอาหารให้เซียวเฉินเยวียน เธอจึงตกใจมากจนช็อกอีกครั้ง

นี่มันมากเกินไปแทบรับไม่ได้แล้วนะ!

วันนี้เป็นวันที่เจ็บปวดมากที่สุดในชีวิตฉันแล้ว!

ทิงหลิวเสวี่ยรู้สึกเหมือนตัวเองอกหัก ก่อนหันกลับมาแล้วเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานของเธอ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วบอกสถานการณ์ล่าสุดที่เพิ่งได้เห็น

“ตอนนี้ ฉันเจอเรื่องเศร้า ๆ อีกเรื่องหนึ่งแล้วล่ะ”

“ฉันไม่เคยคิดเลย! หลังจากทำงานและพยายามเอาอกเอาใจท่านประธานมาหลายปี เขาไม่ได้สนใจอะไรฉันเลย แต่กลับไปให้การยอมรับผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ทำอาหารได้!”

“เป็นไปได้ไหมทุกคน ว่าฝีมือการทำอาหารของฉันมันแย่และไม่เอาไหน?!”

“แต่ฉันไม่ยอมแพ้หรอก ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะกลับบ้านไปฝึกทำอาหารทุกวัน!”

“อย่าลืมไปโหลดแอปสอนทำอาหารด้วยล่ะ...”

วันศุกร์ ถังซือซือเข้ามาดูร้านเบเกอรี่ของเธอ

การตกแต่งร้านเสร็จจนครบถ้วนหมดแล้ว ถึงแม้เธอจะออกแบบโดยใช้วัสดุที่เรียบง่าย แต่กลับให้ความรู้สึกถึงระดับ     ไฮเอนด์มาก ๆ ซึ่งเธอพร้อมแล้วที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

ภายในร้านมีการแบ่งโซนอยู่ด้วยกันสองโซนคือ โซนขายขนมอบทั่วไป และโซนเบเกอรี่ที่อบขายวันต่อวัน

ถังซือซือใช้เวลาอยู่สักพักในการทำป้ายชื่อร้าน โดยชื่อร้านประกอบไปด้วยอักษรสามตัวคือ ซือ-เปา-ต่า

ก่อนที่เธอจะเกิดใหม่ในโลกนี้ เธอทุ่มเทอย่างหนักเพื่อสร้างร้านในฝันบนดาวเคปเลอร์ จึงตัดสินใจใช้ชื่อร้านเดียวกันเหมือนกับที่นั่น

ทุกครั้งเมื่อเงยหน้ามองป้ายชื่อร้าน ก็รู้สึกอิ่มเอมใจอย่างมีความสุข

ถังซือซือเดินกลับเข้ามาในร้าน

มีผู้ชายร่างเล็กสูงราว ๆ หนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตร กำลังยืนรอเธออยู่

ผู้ชายร่างเล็กคนนั้นดูเหมือนน่าจะอายุยี่สิบปี บุคลิกดูเป็นมิตรมาก ๆ

“มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

เขารีบยืนตัวตรงอย่างมั่นคง ก่อนตอบกลับไปว่า “สวัสดีครับคุณเจ้าของร้าน! ผมชื่อจ้าวเทียนหนิว! มาที่นี่เพื่อสมัครเป็นพ่อครัวติ่มซำครับ”

พุ่ฟ...

ถังซือซือพยายามกลั้นขำ ก่อนอั้นไม่ไหวแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ

ใบหน้าของจ้าวเทียนหนิวเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีด้วยความเขินอาย

ถังซือซือรีบขอโทษเขาทันที “ขอโทษค่ะ! ไม่มีอะไรหรอก... แค่เห็นว่าชื่อเพราะและพูดจาฉะฉานดี!”

รู้สึกดีจังที่มีคนมาสมัครงานเพิ่ม!

จ้าวเทียนหนิวเกาหัวด้วยท่าทีเขินอายแล้วพูดต่อว่า   “คุณเจ้าของร้านเป็นคนแรกเลยที่ชมชื่อของผม! ผมมาจากแถบชนบทครับ คนที่รู้จักมักจะบอกว่าชื่อของผมมันไม่เข้ากับหน้าเอาซะเลย คุณเจ้าของร้าน คุณเป็นคนดีมาก ๆ เลยครับ!”

ทำไมถึงคิดว่าฉันเป็นคนดีล่ะ? บางทีฉันอาจเป็นเจ้านายใจดำที่ติดหนี้ค่าจ้างคุณเพราะร้านเจ๊งก็ได้นะ!

“อย่าเรียกฉันว่าคุณเจ้าของร้านเลย เรียกฉันว่าพี่ซือซือก็พอ ฝีมือการทำติ่มซำของนายเก่งมากน้อยแค่ไหนล่ะ?”

ดวงตาของจ้าวเทียนหนิวส่องประกายทันทีเมื่อได้ยินคำถามเรื่องฝีมือการทำติ่มซำ เขาจึงพูดชื่อติ่มซำที่ทำเป็นได้ทั้งหมดอย่างภาคภูมิใจ

“ผมเคยเป็นเด็กฝึกงานในร้านติ่มซำมาสามปี และลูกค้าส่วนใหญ่ก็บอกว่ารสชาติดีมากครับ!”

เขาพูดอย่างฉะฉานและมั่นใจ