ตอนที่แล้วบทที่ 257-258
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 261-262

บทที่ 259-260


บทที่ 259

ไปกันเถอะ ทำตามคุณหนู

 

ถังซือซือครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกวาดสายตามองไปทั่ว ๆ อาคาร แล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เหมือนมีความคิดดี ๆ เกิดขึ้น

“แล้วถ้า... เราเข้าไปข้างในโดยใช้เส้นทางอื่น ก็ไม่น่ามีปัญหาใช่ไหมคะ?”

อะไรนะ?

คุณหนูหมายความว่ายังไง?

แน่นอนว่าทุกคนไม่เข้าใจ

ถังซือซือจึงชี้นิ้วไปที่ต้นไม้สูงตระหง่านข้าง ๆ ตัวอาคาร

“สภาพแวดล้อมที่นี่เอื้อประโยชน์ไม่น้อยเลยค่ะ แถมตัวอาคารยังอยู่บนกลางภูเขาแบบนี้ ฉันเพิ่งสังเกตเห็นว่าบ้านหลังใหญ่นี้มีจุดเชื่อมต่อกันหลายที่ มีต้นไม้สูงอยู่ใกล้ ๆ ด้วย ในเมื่อเราเข้าทางด้านหน้าไม่ได้ ก็เข้าไปทางบนจะดีกว่าไหมคะ?”

ทุกคนมองตามขึ้นไป อดไม่ได้ที่จะหันมามองหน้ากัน

เมื่อทุกคนลองคิดตามเกี่ยวกับมันดูแล้ว เหมือนว่าเป็นความคิดที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว

ยิ่งไปกว่านั้น หมอกที่ลงอย่างหนาทึบอาจจะช่วยบดบังการกระทำของพวกเขาได้ส่วนหนึ่ง ซึ่งเฟยอวี่และกลุ่มบอดี้การ์ดก็พอเข้าใจถึงความคิดนี้แล้ว คงไม่ยากที่จะใช้วิธีนี้ลักลอบเข้าไปภายในตัวอาคาร

“ตกลงตามนี้นะคะ ฉันจะไม่รออยู่เฉย ๆ แล้วพวกคนเฝ้ายามเขาไม่มาสนใจพวกเราหรอกค่ะ งั้นฉันจะล่วงหน้าไปก่อน”

พูดจบ ถังซือซือก็ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไงต่อ เธอรีบเดินหายเข้าไปในหมอกหนาทึบอย่างรวดเร็ว

“คุณหนูถัง...” สายเกินไปแล้วที่จะห้ามปรามเธอ ขณะเดียวกันก็มีเสียงหนึ่งเตือนใจพวกเขาขึ้นมา

กู่ชวนครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ด้วยความกังวล

ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณหนูละก็ ฉันจะอธิบายให้คุณผู้ชายว่ายังไงดี?

เฟยอวิ๋นพูดขึ้นว่า

“นั่นน่ะ... คือทักษะของคุณหนูถังจริง ๆ ครับ ทั้งฉลาดและแข็งแกร่ง… บางทีคุณหนูอาจวางแผนไว้อย่างดีแล้วก็ได้ครับ…”

เฟยอวี่ถามกลับว่า “ทำไมนายถึงคิดงั้นล่ะ?”

เฟยอวิ๋นถกเสื้อของเขาขึ้นในทันที เพื่อให้ทุกคนเห็นว่าช่วงลำตัวและตำแหน่งแถว ๆ ปอดนั้นมีรอยฟกช้ำสีม่วงแดง ราวกับว่าถูกอะไรบางอย่างกระแทกด้วยความรุนแรง

เฟยอวี่เห็นดังนั้นก็นึกถึงเหตุการณ์ครั้งล่าสุดที่ถังซือซือเอาชนะพวกอันธพาลข้างถนนได้สำเร็จ “...”

กู่ชวนเงียบ “...”

เฟยอวี่พูดว่า “งั้นไปกันเถอะ ทำตามคุณหนู!”

เฟยอวี่วิ่งตามเข้าไปในหมอกทึบ แล้วกระโดดขึ้นต้นไม้อย่างรวดเร็ว ราวกับมีจิตวิญญาณของลิงมาเข้าสิง เขากระโดดขึ้นต้นไม้ใหญ่อีกต้นที่อยู่ใกล้กัน แล้วกระโดดหายตัวเข้าไปบนตึกทันที

คนอื่น ๆ วิ่งตามมาและกระโดดขึ้นตามไป ผ่านไปครึ่งชั่วโมง พวกเขาก็หายตัวไปจากสายตาของกู่ชวน

ตอนนี้กู่ชวนไม่ได้แข็งแรงและถนัดอะไรแบบนั้นแล้ว จึงทำได้แค่ดูทุกคนจากไป และอยู่รอที่รถตามเดิม

เขาถอนหายใจยาวด้วยความรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

อันที่จริง เมื่อเขามาที่นี่ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเหมือนกัน แต่เขาไม่สามารถพูดออกมาได้ ในเวลานี้ถังซือซือได้ตัดสินใจลงมือโดยไม่ลังเล ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกว่ามันไม่ควร แต่เขาก็คิดหาทางออกอื่นที่ดีกว่านี้ไม่ได้จริง ๆ

เขาจึงทำได้เพียงภาวนาให้ถังซือซือและทุกคนพบว่าเซียวเฉินเยวียนปลอดภัยดี และทุกคนจะกลับออกมาพร้อมกัน

ไม่นาน เฟยอวี่และทุกคนก็ปีนขึ้นมาถึงยอดตัวอาคารได้สำเร็จ

อย่างที่ถังซือซือเสนอความคิดนี้มา ด้วยทักษะที่ไม่ธรรมดาของพวกเขา การปีนขึ้นมาที่นี่โดยไม่ถูกจับได้นั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย

ตอนนี้พวกเขาหมอบลงข้างสันหลังคา และชะโงกหน้าไปสังเกตการเคลื่อนไหวด้านล่าง

หลังจากสังเกตการณ์ได้สักครู่ ดวงตาของเฟยอวี่ก็เบิกกว้างในทันที

หญิงสาวคนหนึ่งในชุดเมดสาวเดินออกมาจากประตูบานหนึ่ง เข้าไปในห้องที่พวกเขากำลังทำการเจรจาการค้ากันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเล็กน้อย ทั้งยังดูสงบและมีท่าทางสบาย ๆ ราวกับทำงานเป็นเมดสาวที่นี่มาเป็นเวลานาน

“เดี๋ยวก่อนนะ... นั่นคุณหนูถังไม่ใช่เหรอครับ?” เฟยอวิ๋นที่หมอบอยู่ข้าง ๆ อุทานด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้ยิน

คนอื่น ๆ ที่มองตามไปก็ต่างประหลาดใจเช่นกัน

ถังซือซือที่ดูอ่อนโยนและอ่อนแอคนนั้นมีความสามารถที่น่าทึ่งจริง ๆ สามารถลักลอบเข้าไปในตัวอาคารแล้วหาชุดเมดมาใส่ แถมยังสามารถปลอมตัวออกมาได้อย่างแนบเนียน

นับว่าโชคดีที่หนึ่งในสามของประชากรเมือง A เป็นชาวจีนจากเมืองหลวง ดังนั้นภาษาประจำถิ่นของเมืองหลวงจึงถูกใช้เป็นภาษากลางของที่นี่ อีกทั้งสีผิวของทุกคนยังเหมือน ๆ กัน ดังนั้นการปลอมตัวของถังซือซือ จึงไม่ทำให้คนเกิดความสงสัยหรือจับพิรุธได้

ความกล้าหาญของเธอช่างน่าชื่นชมจริง ๆ

เฟยอวิ๋นจินตนาการถึงเมดสาวที่ถูกถังซือซือจัดการอย่างไร้ความปรานี ระหว่างนั้นเขาก็รู้สึกเจ็บจี๊ด ๆ ที่บริเวณปอดของตัวเองขึ้นมาทันใด

บทที่ 260

ในที่สุดก็มาถึง

 

เมื่อเห็นว่าถังซือซือเดินเข้ามาโดยไม่มีใครรู้สึกผิดสังเกต ถึงอย่างนั้นใบหน้าของทุกคนยังคงเคร่งขรึม พวกเขาแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วทำได้แค่รอและเฝ้าสังเกตการณ์ต่อไป

อาคารเก่าแก่หลังใหญ่นี้ ทุกคนต่างเรียกกันว่าคฤหาสน์หรั่งซื่อ ซึ่งเป็นทรัพย์สินของสมาคมที่ใหญ่ที่สุดในเมือง A มักใช้สถานที่แห่งนี้เพื่อจัดการประชุม หรือเจรจาหารือทางธุรกิจที่สำคัญ ในเวลานี้ ภายในห้องโถงที่เงียบสงบ บุคคลสำคัญจากทุกเมืองได้รวมตัวมาเจรจาหารือกัน ระหว่างที่การเจรจาดำเนินไปอย่างเข้มข้น หญิงสาวได้เดินเข้ามาอย่างเงียบ ๆ

่การปรากฏตัวของถังซือซือในคฤหาสน์หรั่งซื่อนั้นไม่เป็นที่สังเกตมากนัก ทุกคนมองเธอเป็นแค่สาวใช้ตัวน้อยที่ไม่ได้สำคัญอะไร ดูเหมือนการเปลี่ยนเมดสาวหน้าใหม่เข้ามาจะไม่ได้เป็นที่สนใจสักเท่าไหร่

ถังซือซือกวาดตามองทุกอย่างในห้องประชุมด้วยสายตาเย็นชา แอบดีใจเล็กน้อยที่เธอเดินเข้ามาแล้วทุกอย่างราบรื่นไปด้วยดี ก่อนหน้านั้นเธอบังเอิญพบเมดสาวที่มีรูปร่างคล้ายกับเธออยู่ข้างนอก หลังจากออกแรงฟัดเหวี่ยงไปนิดหน่อย ก็นำร่างของหญิงสาวคนนั้นไปซ่อนในห้องมืด แล้วรีบเปลี่ยนเอาเสื้อผ้าของเธอคนนั้นมาสวมใส่ เพื่อจะได้สวมรอยเข้าไปโดยไม่สะดุดตา

เธอต้องการหาที่นั่งของเซียวเฉินเยวียนโดยเร็วที่สุด และภาวนาขอให้เขาปลอดภัยดี...

ขณะเดียวกัน เสียงเมดสาวอีกคนร้องเรียกเธอว่า

“น้องใหม่ตรงนั้นน่ะ มาหาฉันหน่อยสิ”

หัวใจของถังซือซือเต้นแรงเล็กน้อย เธอรีบหันกลับไปมองด้วยสีหน้าตามปกติ พบว่าอีกฝ่ายเป็นเมดสาวที่มีค่อนข้างมีอายุ ไว้ทรงผมมัดมวยไปข้างหลัง ทักทายเธอด้วยถาดในมือ

ถังซือซือเกิดความลังเล แต่ก็รีบเดินเข้าไปหา

“คุณต้องการให้ฉันช่วยเหลืออะไรเหรอคะ?” โชคดีที่เธอมีประสบการณ์การเป็นพนักงานเสิร์ฟก่อนที่จะได้มาเกิดใหม่ ดังนั้นเธอจึงค่อนข้างสบายใจขึ้นมาเปลาะหนึ่ง

“เวลาอยู่ในห้องประชุมต้องรักษาภาพลักษณ์ให้ดีนะ แล้วก็อย่าไปยืนใกล้ ๆ ผู้คนในที่ประชุมนั้นมากล่ะ ให้รีบเดินออกมาทันทีหลังจากรินชาให้พวกเขาเสร็จ แค่นี้ทำได้ใช่ไหม?”

เมดสาววัยกลางคนสอนงานเธออย่างใจเย็น

เธอเห็นว่ารูปร่างหน้าตาของถังซือซือนั้นโดดเด่นมาก เธอจึงมอบหมายให้เธอทำหน้าที่รินน้ำชา

แม้ว่าจะไม่เคยเห็นเมดสาวที่มีใบหน้าสวยแบบนี้มาก่อน แต่คำพูดและลักษณะท่าทางของถังซือซือกลับน่ารักน่าเอ็นดูมากและยังเป็นธรรมชาติอีกด้วย ดังนั้นจึงไม่น่ามีปัญหา

ถังซือซือกะพริบตาหลายครั้งทันที สัญชาตญาณบอกเธอว่านี่คือโอกาสอันดีที่จะเข้าไปตามหาชายหนุ่ม เธอจึงรีบตอบรับอย่างเชื่อฟัง

“ได้ค่ะ”

หลังจากรับถาดน้ำชามาแล้ว ถังซือซือเตรียมใจอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ก้าวห่างออกไป...

“เดี๋ยว ๆ เธอจะไปไหนน่ะ? ทางนี้ต่างหาก!”

เมื่อเห็นถังซือซือเดินไปในทิศทางตรงกันข้าม เมดสาววัยกลางคนก็รีบทักขึ้นมาทันที

“ขออภัยจริง ๆ ค่ะ ฉันคิดว่ากาน้ำชาต้องเอาไปเติมน้ำก่อน ฉันคงเข้าใจผิดไปค่ะ”

เมื่อพูดจบ ถังซือซือก็รีบหันกลับมาและเดินไปในทิศทางที่เมดสาวอีกคนหนึ่งชี้ไป

หลังจากเดินผ่านทางเดินที่คดเคี้ยว เลี้ยวโค้งสองสามมุม และผ่านประตูหลายบาน ถังซือซือใช้วิธีเดินตามเมดคนคนอื่น ๆ ไป เพียงไม่นานนัก ในที่สุดเธอก็มาถึงหน้าห้องประชุม

เธอเดินมาต่อแถวที่หน้าห้องประชุม

ที่หน้าประตูมีชายร่างสูงสองคนในชุดสูทสีดำยืนอยู่คนละฝั่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

เมื่อพวกเขาเห็นถังซือซือก้าวขึ้นมา ก็ไม่ได้มีท่าทีสงสัยอะไร หนึ่งในนั้นผลักประตูให้เปิดออกเบา ๆ ส่วนอีกคนส่งสัญญาณมือให้ถังซือซือเดินเข้าไปข้างใน

ถังซือซือก้มหน้าลงและเดินเข้าไปข้างใน เสียงประตูปิดเบา ๆ ดังไล่หลัง ทำให้รู้สึกได้ทันทีว่าบรรยากาศภายในห้องนั้นแตกต่างจากข้างนอกลี้ลับ

เธอแอบเงยหน้ามองไปรอบ ๆ ห้อง มีคนประมาณสิบกว่าคนนั่งรวมกันอยู่ในห้อง ทุกคนแต่งตัวในชุดทางการ กำลังนั่งอยู่รอบโต๊ะประชุมทรงวงรี นอกจากนี้ยังมีชายร่างสูงอีกหลายคนยืนขนาบข้างพวกเขา บรรยากาศในตอนนี้ชวนให้น่าสงสัยจริง ๆ

ท่ามกลางกลุ่มคน เธอเห็นร่างชายหนุ่มที่คุ้นเคยในทันที เขาสวมชุดสูทสีดำ นั่งอยู่ทางด้านซ้ายมือของโต๊ะประชุมโดยนับจากตรงกลางโต๊ะ หันใบหน้าด้านข้างให้กับถังซือซือ

ตอนนี้เขากำลังพูดคุยอยู่กับคนที่นั่งเก้าอี้ตัวถัดไป ท่าทางของเขานั้นดูเรียบเฉย เหมือนไม่วิตกกังวลอะไรทั้งนั้น ขณะเดียวกันนิ้วที่เรียวยาวของเขาก็เคาะโต๊ะเบา ๆ พร้อมกับแสดงสีหน้าจดจ่ออยู่กับการฟัง