ตอนที่แล้วบทที่ 247-248
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 251-252

บทที่ 249-250


บทที่ 249

จัดการได้ทุกครั้ง

ก่อนเดินไปถึงคลาส F ก็ได้ยินเสียงของความโกลาหลอยู่ข้างใน

“เตรียมตัวเข้าเรียนได้แล้ว! หยิบหนังสือประวัติศาสตร์ออกมาเร็ว!” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนเสียงดัง แต่เธอก็ได้รับการต้อนรับด้วยเสียงหัวเราะจากเด็กผู้ชายหลายคน

“ให้ตายเถอะ เบื่อวิชาประวัติศาสตร์จะแย่ละ ไม่น่าเรียนตรงไหนเลย”

“ฮ่าๆๆ ถ้าหัวหน้าห้องอยากเรียนมากนัก ทำไมไม่เสนอหน้าไปเรียนที่ห้องพักครูเลยล่ะ?” เด็กชายพูดเยาะเย้ยขึ้นมา ทำให้เกิดเสียงหัวเราะมากมาย

“ได้ยินมาว่าวันนี้จะมีครูคนใหม่มาสอนด้วยนี่นา พร้อมรึยังพวกเรา?” เด็กผู้ชายอีกคนพูดขึ้นมาด้วยความเย้ยหยัน

เด็กผู้ชายท่าทางซุกซนชะเง้อหน้าออกไปทางหน้าต่างครึ่งหนึ่ง ก่อนรีบหันกลับมาอย่างรวดเร็วหลังจากเห็นมู่ซูเสียนเดินเข้ามา ไม่นานก็มีเด็กผู้หญิงตะโกนว่า

“คุณครูมาแล้ว!”

เสียงในห้องเรียนเงียบลงในทันที ราวกับพร้อมใจกันเงียบ

เมื่อมู่ซูเสียนเดินเข้ามาเธอก็กวาดสายตาไปทั่ว ก่อนสังเกตเห็นนักเรียนนั่งนิ่งแล้วเอามือวางไว้บนโต๊ะ แต่โต๊ะและเก้าอี้รกไปหน่อย

เธอเดินตรงมาที่แท่นวางหนังสือหน้าห้องเรียนอย่าง  เงียบ ๆ ดวงตาหลายสิบคู่จ้องมองมาที่เธออยู่ครู่หนึ่ง

เด็กผู้หญิงใบหน้ากลมซึ่งเป็นหัวหน้าห้องนั้น เมื่อเห็น      มู่ซูเสียนเข้ามาได้สักพักก็รีบตะโกนขึ้นว่า “ทั้งหมดลุก!”

“สวัสดีครับ/ค่ะ คุณครู!”

“สวัสดีค่ะนักเรียนทุกคน” มู่ซูเสียนพยักหน้าเล็กน้อย เมื่อเธอยืนอยู่บนแท่น ทันใดนั้นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกก็ผุดขึ้นมาในหัวใจ

ยี่สิบปีมาแล้ว... ในที่สุดเธอก็ได้ยืนอยู่ในที่คุ้นเคยนี้อีกครั้ง

การได้กลับมาทำตามความฝันคือสิ่งที่เธอตั้งใจมาโดยตลอด...

ยี่สิบปีที่ผ่านมา เมื่อถูกตระกูลถังข่มเหงและดูถูกเธอ เธอก็กลายเป็นคนขี้ขลาดและอ่อนแอ แต่เมื่อได้มายืนอยู่ตรงนี้อีกครั้ง ที่ซึ่งอาชีพของเก่าเธอเคยเริ่มต้นขึ้น เธอรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่จากเถ้าถ่าน... และพร้อมจะโบยบินอีกครั้ง

เธอสังเกตท่าทีของนักเรียนทุกย่างก้าว เพราะในความไร้เดียงสายังมีความชั่วร้ายแฝงอยู่ ทำให้เธอตระหนักได้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย

“หัวหน้าห้องคือหนูใช่ไหม? ช่วยอะไรครูหน่อย เปิดหนังสือไปหน้าแรกแล้วอ่านให้เพื่อน ๆ ฟังที...”

เด็กผู้หญิงหน้ากลมทรงผมหางม้ารีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ห้านาทีก่อนเริ่มเรียนประวัติศาสตร์ หัวหน้าห้องหรือตัวแทนคนอื่น ๆ จะต้องขึ้นแท่นอ่านบทเรียนจากคลาสที่แล้วกันทุกคน เพื่อทบทวนความรู้เดิม เข้าใจไหมคะนักเรียน?”

“เข้าใจครับ/ค่ะ คุณครู!” บรรดานักเรียนตอบพร้อมกัน

“ดีมาก งั้นใครช่วยบอกครูทีว่ารีโมทคุมโปรเจคเตอร์อยู่ที่ไหน?”

“คุณครูครับ ผมรู้ว่าอยู่ไหน!” ก่อนที่หัวหน้าห้องจะตอบ เด็กผู้ชายท่าทางขี้อายเล็กน้อยชิงตอบก่อน

เพื่อนร่วมชั้นต่างเงียบกริบแล้วมองเด็กผู้ชายด้วยท่าทางขี้เล่นเหมือนรู้อะไรบางอย่าง

“คุณครูครับ! ลองล้วงมือไปในลิ้นชักสิครับ! มีรีโมทคุมโปรเจคเตอร์อยู่ในนั้น!”

ดูเหมือนหัวหน้าห้องต้องการจะพูดอะไร แต่เด็กผู้ชายก็เพ่งมองเธออย่างน่ากลัว ทำให้หัวหน้าห้องยอมเงียบไปในทันที

มู่ซูเสียนเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนล้วงมือเข้าไปในลิ้นชักตามคำพูดของเด็กผู้ชาย...

ระหว่างนั้นดวงตาหลายสิบคู่แสดงให้เห็นถึงบรรยากาศของการชมการแสดงอย่างตื่นเต้น

มู่ซูเสียนก้มหัวลงแล้วล้วงมือไปสัมผัสของด้านใน เธอรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่เรียบลื่นและมันเยิ้ม...

หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะและประโยคที่เพื่อนร่วมงานได้เตือนเธอก่อนเข้าคลาสก็ดังขึ้นมาในใจว่า

“เด็กจากคลาส F ไม่ได้สอนง่าย ๆนะ คุณควรระวังตัวให้ดี”

สาเหตุที่ไม่มีครูสอนวิชาประวัติศาสตร์ในคลาสนี้เป็นเพราะครูหญิงสาวที่มาสอนตอนต้นปีการศึกษาทิ้งไป หลังจากผ่านการสอนไปไม่ถึงสัปดาห์

มู่ซูเสียนคิดเกี่ยวกับคำเตือนนี้ เธอจึงคลำหาของต่อไปเพื่อจะดูว่ามันคืออะไรกันแน่?

จากการสัมผัสของเธอ น่าจะเป็นงูของเล่นทั่วไป

ซึ่งคนอื่นอาจจะกลัว แต่มู่ซูเสียนไม่ได้กลัวสิ่งเหล่านี้เลย

เมื่อนึกถึงเด็กที่ซุกซนในสมัยที่เธอเคยสอนเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ก็เกิดเรื่องกรณีแบบนี้รวมถึงการเล่นแผลง ๆ มากมายเหมือนกัน แต่เธอก็สามารถรับมือและจัดการมันได้ทุกครั้ง

มู่ซูเสียนรู้ทันทีเลยว่าต้องทำอะไรบ้าง ก่อนยิ้มมุมปาก

บรรดานักเรียนหลายคนต่างตกตะลึงในทันที

บทที่ 250

คุณครูคนใหม่ที่ไม่เหมือนใคร

 

คุณครูไม่ตกใจหรือกลัวเลยเหรอ? ไหงถึงเรียบเฉยไม่พูดอะไรเลย

อาจเป็นเพราะคุณครูยังไม่ได้จับมันรึเปล่านะ?

“เหมือนว่ารีโมทนี้ค่อนข้างจะพิเศษนะ”

มู่ซูเสียนพูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนคว้างูของเล่นออกมาจากข้างในลิ้นชักออกมาทันที

“กรี๊ด!”

ถึงแม้ว่าเด็กผู้หญิงหลายคนจะรู้ว่ามันคืองูของเล่น แต่เธอก็สะดุ้งและกรีดร้องเมื่อเห็นมัน

มู่ซูเสียนวางงูของเล่นไว้บนแท่นอย่างใจเย็น ก่อนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“รู้สึกว่าคลาสของเราจะเป็นดินแดนขุมทรัพย์ฮวงจุ้ยเลยนะ มันก็ไม่ต่างจากที่ซ่อนขุมทรัพย์ซึ่งมีงูคอยเฝ้าอยู่ พอพูดถึงเรื่องงู ครูอยากถามทุกคนว่าเคยได้ยินประวัติศาสตร์หรือสำนวนอะไรมาบ้างที่เกี่ยวกับงู?”

อา?

อะไรเนี่ย?

ปฏิกิริยาของคุณครูคนใหม่นี้เกินความคาดหมายของนักเรียนทุกคนไว้มากจริง ๆ...

บรรดานักเรียนต่างมองหน้ากันอย่างตกใจ และครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง

หัวหน้าห้องตอบสนองต่อคำถามในทันที ก่อนยกมือขึ้น

“ดีมาก” มู่ซูเสียนเรียกให้เธอยืนขึ้น

“คุณครูคะ หนูเคยได้ยินเรื่องของ เห็นเงาธนูในจอกเป็นงู* ที่เป็นสำนวนเกี่ยวกับงูค่ะ”

*เห็นเงาธนูในจอกเป็นงู = สำนวนที่แปลว่า คนขวัญอ่อน แตกตื่นตกใจกลัวไปกับจินตนาการที่ตนเองสร้างขึ้นโดยไม่สำรวจความจริงให้ถ่องแท้ คล้าย ๆ สุภาษิตกระต่ายตื่นตูม

“ดีมากค่ะนักเรียน งั้นหนูจะอธิบายเพิ่มเติมให้เพื่อนฟังได้ไหม?”

“อืม...” หัวหน้าห้องอ้ำอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า

“คุณครูคะ ขอโทษด้วยค่ะ แต่หนูจำรายละเอียดไม่ได้”

“งั้นไม่เป็นไร แต่หนูเริ่มต้นได้ดีแล้ว ‘เห็นเงาธนูในจอกเป็นงู’ เป็นเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับงูจริง ๆ และยังเป็นหนึ่งในสำนวนที่ใช้กันอย่างแพร่หลายด้วย ซึ่งเราจะสามารถรู้เบื้องหลังของมันได้โดยให้ลองไปค้นคว้าดู มีใครเคยได้ยินอย่างอื่นอีกไหมคะ?”

“คุณครูคะ! หนูรู้อีกสำนวนหนึ่งค่ะ เติมขาให้งู*!”

*เติมขาให้งู = สำนวนที่แปลว่า การทำอะไรที่ไม่สมควร หรือ มากเกินไป

นักเรียนที่ตอบขึ้นมาได้รับคำชื่นชมจากมู่ซูเสียนเช่นกัน ทำให้นักเรียนคนอื่นยกมือตอบกันอย่างแข่งขัน

“หนูเคยได้ยิน ชาวนากับงู* ค่ะ!”

*ชาวนากับงู = สำนวนที่แปลว่า ช่วยเหลือคนชั่วให้ดียังไง คนชั่วก็ไม่มีวันดีกับเรากลับฉันนั้น สุภาษิตไทยใช้ ชาวนากับงูเห่า

...

“เยี่ยมมากทุกคน ดูเหมือนว่าทุกคนจะพอมีพื้นฐานที่ดีมาก่อนอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่สามารถรู้แค่ชื่อได้ เราต้องศึกษาความหมายรวมถึงที่มาด้วย ซึ่งตรงนี้เป็นจุดประสงค์ของการศึกษาประวัติศาสตร์ของเรา ต่อไปนี้เราจะมาเปิดประตูแห่งประวัติศาสตร์ไปด้วยกัน งั้นไม่รอช้า พวกเรามาเริ่มกันเลยนะคะ...”

เพื่อนร่วมชั้นบางคนยังคงตกตะลึงไปสักพักใหญ่ ก่อนพวกเขาจะยอมเปิดหนังสือเรียนอย่างคล่องแคล่ว และเรียนตามสิ่งที่มู่ซูเสียนสอนเพื่อเรียนรู้เนื้อหาของวันนี้ด้วยความตั้งใจ

เมื่อบรรดานักเรียนที่ซุกซนเห็นว่ามู่ซูเสียนไม่ได้กลัวกับการเล่นแผลง ๆ ของพวกเขา ก็เกิดความประหลาดใจเล็กน้อย แต่มันทำให้พวกเขาเห็นได้ชัดเลยว่า นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบคุณครูที่พิเศษแบบนี้ พวกเขายอมเปิดหนังสือและฟังอย่างตั้งใจโดยไม่เล่นแผลง ๆ อะไรต่อจากนี้เลย

ดวงตาเล็ก ๆ หลายสิบคู่มองการสอนของมู่ซูเสียนอย่างตื่นเต้น เมื่อได้ฟังการสอนประวัติศาสตร์แบบนี้พวกเขาต่างรู้สึกทึ่งมาก

ดูเหมือนว่าคุณครูคนใหม่จะมั่นใจในเนื้อหาของหนังสือเรียน และเข้าใจในประวัติศาสตร์ได้ชัดเจนมาก นอกจากนี้ ยังสามารถอธิบายให้เข้าใจได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องดูหนังสือประกอบเลยด้วยซ้ำ

ไม่เพียงเท่านั้น คุณครูยังแทรกการสอนด้วยประโยคตลก ๆ เป็นระยะ ซึ่งดึงดูดรอยยิ้มของทุกคนได้ดี และยังสร้างความประทับใจในครั้งแรกได้มากขึ้นไปอีก

วิชาประวัติศาสตร์ที่เคยน่าเบื่อมาตลอดนั้น เริ่มน่าสนใจขึ้นมามากทีเดียว...

เด็กนักเรียนเพิ่งได้เปิดประตูสู่โลกใหม่เป็นครั้งแรก

นอกหน้าต่าง ผู้อำนวยการหวางฉีจื้อแอบดูอย่างเงียบ ๆ

เดิมทีเขาเห็นว่าห้องเรียนที่เสียงดังตลอดเวลาและบางครั้งก็มีเสียงตะโกนของคุณครูคนก่อนนั้น กลับกลายเป็นว่าวันนี้เงียบเป็นพิเศษ

หวางฉีจื้อครุ่นคิดในใจ นี่คุณบังคับให้นักเรียนยอมฟังรึเปล่าเนี่ย? ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านักเรียนคลาส F จะตั้งใจเรียนได้ขนาดนี้

ขณะสังเกตการณ์ มู่ซูเสียนก็สอนอย่างตั้งใจและมีความสนุกสนาน และนักเรียนก็ฟังอย่างตั้งใจไม่ดื้อรั้นเหมือนเมื่อก่อนเลย

หวางฉีจื้อถึงกับเบิกตากว้างด้วยความไม่น่าเชื่อ ก่อนหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วเดินจากไปพร้อมกับเสียง ‘บ่นพึมพำ’

ต่อให้คุณจะสอนออกมาได้ดีก็เถอะ แต่ถ้าเกรดของนักเรียนออกมาไม่ดี ก็ยังถือว่าคุณไม่มีคุณสมบัติอยู่ดีนั่นแหละ!