ตอนที่แล้วบทที่ 11-12
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 15-16

บทที่ 13-14


บทที่ 13

เอากับข้าวมาให้

 

ในขณะนี้ มีการตอบกลับมากมายบนโพสต์ของกลุ่มข่าวหลักในมหาวิทยาลัย โดยมีรายละเอียดอยู่ว่า “ประเด็นร้อนในวันนี้! พันหม่าลี่จากคลาส E และเฉินเมิ่งอวี่จากคลาส A เชือดเฉือนกัน! บทสรุปจะออกมาเป็น...”

“ฉันเพิ่งเห็นนังคางคกถูกอาจารย์หยานเจ๋อพาตัวไปห้องพักอาจารย์ด้วย หรือความจริงจะเป็นแบบนั้น…”

“ฉันมั่นใจในการคาดเดาของตัวเองเลยนะ คือต้องแบบว่า อีคางคกมันต้องโกงข้อสอบแน่ ๆ”

หลังจากนั้นมีผู้ใช้งานโซเชียลคนหนึ่งชื่อว่า “ความทะเยอทะยานของคนยากจน” ตอบกลับโพสต์เมื่อไม่นานมานี้ “เฉินเมิ่งอวี่จะแพ้เดิมพันครั้งนี้! จากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้บอกฉันว่าเธอมีปัญหากับแฟนหนักมาก เลยทำให้เธอโกรธจนอยากจะแก้แค้นพันหม่าลี่ ดังนั้นเธอจึงถือโอกาสร่วมมือกับนังคางคกเพื่อทำให้พันหม่าลี่ต้องอับอายต่อหน้าคนทั้งแผนก สรุปแล้วนังคางคกนั่นน่าไว้ใจรึเปล่า?” บ่งบอกได้เลยว่าผู้ใช้งานคนนี้ต้องการสร้างแนวร่วมไปในทางที่ไม่ดี

ทันทีที่ข้อความนี้ตอบกลับบนโพสต์ ก็มีการตอบกลับว่าเห็นด้วยกับสิ่งนี้

“ไว้ใจไม่ได้”

“ไว้ใจไม่ได้+1”

“ไว้ใจไม่ได้+2”

“ไว้ใจไม่ได้+3”

...

ถังซือซือหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วเปิดดูโพสต์กลุ่มข่าวของมหาวิทยาลัย ก่อนจะอ่านทุกความคิดเห็น

ภูเขาหนานซาน

ถังซือซือย่อขาของเธอแล้วนั่งยอง ๆ อยู่บนสนามกีฬาตรงทางขึ้นภูเขา หลังจากเริ่มวิ่งจ็อกกิ้งไปได้ห้ารอบ

หลังจากพักเหนื่อย ร่างกายของเธอมีเหงื่อออกเป็นจำนวนมากรวมถึงมีอาการหอบด้วยเช่นกัน

ร่างกายนี้อ่อนแอเกินไป ในอีกโลกเดิม เธอสามารถวิ่งได้ยี่สิบรอบโดยไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้หลังจากวิ่งไปได้เพียงห้ารอบเท่านั้น ก็ทำให้เธอเหนื่อยมากแล้ว จนรู้สึกเป็นกังวลกับสภาพร่างกายในโลกปัจจุบัน

“ฉันคงต้องใช้เวลาปรับตัวอีกนานสินะ”

เธอเหลือบมองไปทิศที่หอพักตั้งอยู่

ช่วงสามปีที่ผ่านมา ก่อนเข้าเรียนถังซือซือจะต้องซื้ออาหารเช้าเป็นประจำให้กับพันหม่าลี่และเริ่นเฉียง แล้วนำกลับไปเตรียมไว้บนหอพัก

“ถังซือซือคนเดิมขี้ขลาดเกินไป ถึงฉันจะไม่อยากเสียเวลากับสองคนนั้นก็เหอะ แต่ดูเหมือนจะต้องปล่อยเลยตามเลย”

เมื่อเช้านี้พันหม่าลี่พบว่าไม่มีอาหารเช้าเตรียมไว้บนโต๊ะให้เธอ ถ้าถังซือซือกลับไปที่หอพักตอนนี้คงเกิดปัญหาแน่นอน

ส่วนตัวถังซือซือเองไม่ได้มีความต้องการจะผูกมิตรกับ    รูมเมทสองคนนี้อยู่แล้ว เธอจึงเลือกกลับไปหาแม่ก่อน...

หลังจากตัดสินใจได้แล้ว เธอรีบเดินทางไปที่ทำงานของแม่ตัวเองทันที...

แสงไฟสลัวในยามพลบค่ำ

สโมสรสำหรับผู้ใหญ่ซุ่ยอวิ๋นเทียน เป็นแหล่งท่องเที่ยวของผู้ใหญ่ที่มีความหรูหราและแพงที่สุดในเมืองหลวง

ถังซือซือเดินเข้ามาพร้อมกับอาหารที่ซื้อมาจากโรงอาหารของมหาวิทยาลัย หลังจากแจ้งเจ้าหน้าที่ว่ามาหาแม่ของตัวเอง เขาจึงพาเธอมานั่งรอมู่ซูเสียนในห้องรับรองแขก

ระหว่างทาง เธอสังเกตเห็นร่างของผู้หญิงที่คุ้นเคยอยู่ตรงหน้าห้องน้ำ

มู่ซูเสียนกำลังโน้มตัวพร้อมกับไม้ถูพื้น กำลังทำความสะอาดโถงทางเดิน

เธอก้ม ๆ เงย ๆ อยู่หลายจังหวะ เพื่อใช้มือทุบหลังของตัวเองเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้า

เพื่อความอยู่รอดของสองแม่ลูก เธอจำเป็นต้องอดทน แล้วยอมทิ้งชีวิตสุขสบายมาใช้ชีวิตแบบนี้

จมูกของถังซือซือเปลี่ยนเป็นสีแดงอ่อน มีน้ำตาไหลออกมา

เธอพยายามกลั้นน้ำตา ก่อนพูดขึ้นว่า “แม่คะ”

มู่ซูเสียนหันหน้ามาตามเสียงเรียก ก่อนจะเห็นถังซือซือยืนอยู่ เธอรีบวางเครื่องมือทำความสะอาดลงทันทีแล้วเดินเข้าไปหา

“ทำไมหนูถึงมาอยู่นี่ได้? หนูไม่ควรมาที่นี่เลย... ควรพักผ่อนอยู่บ้านนะสาวน้อยของแม่”

“หนูเอากับข้าวมาให้แม่ไง แล้วแม่กินอะไรบ้างรึยัง?”

ดวงตาของมู่ซูเสียนมีน้ำตาไหลออกมา ดูเหมือนลูกสาวคนนี้... คงเป็นห่วงแม่มากสินะ

มู่ซูเสียนกำลังเปิดดูกล่องอาหารเพื่อจะกินรองท้อง ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากด้านหลัง

“แม่บ้าน! แขกห้องวีไอพีอ้วก รีบไปจัดการให้เรียบร้อยซะ!”

เมื่อมู่ซูเสียนฟังจบ เธอต้องรีบวางกล่องอาหารลงทันที แต่ถังซือซือรีบดึงมือเธอเอาไว้

“แม่! อย่าเพิ่งไปเลย! ก็แค่ทำความสะอาด แม่รีบไปกินข้าวก่อนเถอะ!”

หลังจากพูดเสร็จ มู่ซูเสียนกำลังจะเอ่ยปากคัดค้าน แต่ถังซือซือก็รีบหยิบเครื่องมือทำความสะอาดขึ้นมาแล้วเดินไปที่ห้องวีไอพีทันที

“อย่าไปนะลูก...”

มู่ซูเสียนยืนดูถังซือซือเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะผลักประตูแล้วเดินเข้าไป

บทที่ 14

นายไม่เห็นเหรอ

 

บรรยากาศแปลก ๆ กับกลิ่นเหม็นคาวลอยคละคลุ้งไปทั่วห้อง ทำให้ถังซือซือเกือบสำลักออกมา

“นี่... คือบรรยากาศห้องวีไอพีจริง ๆ เหรอ?”

“ทำไมพวกคนรวยถึงใช้เงินกันแบบนี้? ใช้เงินซื้อความสุขในทางที่ผิดเนี่ยนะ”

ถังซือซือรู้สึกไม่เข้าใจนิสัยของคนพวกนี้เอาซะเลย

ไฟภายในห้องมีความสลัวและไม่สว่างมากนัก ด้านในมีโซฟาขนาดใหญ่ พร้อมกับกลุ่มคนนั่งอยู่ในเงามืด

ถังซือซือไม่สามารถเห็นสิ่งต่าง ๆ ภายในห้องได้ชัด เธอจึงรีบเดินตรงไปที่กองสิ่งสกปรกตรงกลางห้องแล้วเริ่มทำความสะอาดทันที

ชายหนุ่มดูมีภูมิฐานร่ำรวยหลายคนแสดงสีหน้าเบื่อหน่าย แล้วเริ่มพูดคุยกันต่อหน้าถังซือซือ

“หึ! เจ้าหนุ่มคนนี้มันไม่ได้เจ้าชู้อย่างที่คิดไว้ ฉันดูเหมือนเป็นคนเลวเลยว่ะถ้าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบ”

หลินอี้ปินเป็นชายหนึ่งในกลุ่มเริ่มพูดขึ้นมา

“ช่างมันสิ นายรู้อยู่แล้วว่าอะไรจะเกิดก็เกิดขึ้นได้ อย่าเพิ่งยอมแพ้สิ”

เล่ยเจ๋อเหยียนตอบเขาเสร็จ ก็หันกลับมาก้มหน้าก้มตาแชทกับผู้หญิง

“ฉันรู้สึกอนาถตัวเองชะมัด? ในที่สุดพ่อก็ยอมปล่อยให้ฉันเที่ยวได้สักที และแล้วฉันก็มานั่งเมาอยู่ที่นี่”

เจียงเชิ้งหนานเมาละเมอพูดออกมา ก่อนทรุดตัวลงบนโซฟา แล้วมองดูบนผลงานชิ้นเอกของเขาบนพื้น

“เอาจริงนะ... เจ้าหนุ่มคนนั้นไม่เคยเข้าใกล้ใครหรือถูกใครเข้าใกล้มาก่อนเลยตั้งแต่ยังเด็ก แล้วดูเหมือนจะไม่สนใจผู้หญิงคนไหนเลยด้วย ฉันคิดว่าเขาน่าจะเป็นคนแบบ อี๋! อย่ามาถูกเนื้อต้องตัวฉันนะไอ้พวกสกปรก!”

หลินอี้ปินอดไม่ได้ที่จะพูดเสริมต่อว่า

“นาน ๆ ทีจะมีผู้หญิงสวย ๆ แล้วจะไม่ให้ฉันอดใจได้ยังไงล่ะ? ให้ตายเถอะ น่าหงุดหงิดชะมัด! สุดท้ายแล้ว... ฉันก็ไม่ได้ดีลผู้หญิงเลย ขนาดเส้นผมยังไม่ได้ดม เพราะฉันกลัวสายตาที่มันมองมา”

หลินอี้ปินยังคงรู้สึกหงุดหงิด และสีหน้าที่ไม่พอใจ

“ฉันต้องการผู้หญิง… เฮ้ วันนี้คนนั้นอยู่รึเปล่า?” ดวงตาของเจียงเชิ้งหนานพร่ามัวมาก เมื่อเขาชำเลืองมองถังซือซือ เขากลับเห็นว่าเธอดูเป็นเด็กสาวที่ต้องการมาบริการเขา

อีกสองคนมองมาที่ถังซือซือ “จัดเลยเพื่อน” พูดออกมาพร้อมกัน

“แล้วแต่นายละกัน! ไม่สวยแบบนั้นยังเรียกเด็กบริการได้ด้วยเหรอ?”

ผู้หญิงในอุดมคติของพวกเขาคือผู้หญิงที่น่าเย้ายวนกับเส้นผมพลิ้วไหว มีรูปร่างดีมีเสน่ห์

“แต่นายไม่เห็นเหรอ? ใบหน้าเธอมีสิว ฝ้า กระ เต็มไปหมด แล้วก็มีร่างกายผอมแห้ง ไม่เห็นจะน่าดูเลย”

“มันอาจจะเบื่อแล้วก็ได้มั้งอี้ปิน ทำไมไม่ลองใช้โอกาสนี้ลองของแปลกดูล่ะเชิ้งหนาน?”

หลินอี้ปินถามถังซือซือว่า

“นี่คุณผู้หญิง ไม่ทราบว่ามีแฟนแล้วรึยังจ๊ะ?”

ถังซือซือทำเป็นไม่สนใจคนพวกนี้ แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น เธอเห็นว่ามีผู้ชายสองคนกำลังจ้องมองมาที่เธอด้วยความหื่นกระหาย เธอจึงตอบไปว่า “ไม่” แต่มันดูคลุมเครือสำหรับพวกเขาเมื่อได้ยิน

หลินอี้ปินเข้าใจว่าไม่มีแฟน จึงชี้ไปที่เจียงเชิ้งหนานแล้วพูดขึ้นว่า

“นี่ไง ผู้ชายหล่อเหลาคนนี้ล่ะ ทรัพย์สินส่วนตัวของเขาเป็นพันล้านเลยนะ! แค่เป็นแฟนของเขาก็สบายไปทั้งชาติแล้ว ไม่สนใจเหรอ?”

ถังซือซือส่ายหัว ก่อนเมินหน้าหนีไป

หลินอี้ปินชี้ไปที่เล่ยเจ๋อเหยียนแล้วพูดต่อว่า “แล้วนี่ล่ะ! เขาดูน่าสนใจดีกว่าคนเมื่อกี้อีก! คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับบริษัทเล่ยถิงไหม? ครอบครัวของเขาเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทนี้เชียวนะ!”

ถังซือซือเริ่มรู้สึกไม่พอใจมาก ๆ ‘พวกนี้มันนิสัยเสียมาจากไหนกัน?’

“คุณผู้หญิงเงินเดือนน้อยที่น่าสงสาร ไม่มีเวลาให้ความสุขกับพวกเราเลยเหรอ?”

เธอตอบกลับเสียงดัง “ฉันไม่สนใจ!”

ชายหนุ่มสามคนแสดงสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันที

เป็นเรื่องน่าประหลาดใจสำหรับพวกเขา ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะยอมแพ้ต่อเงินมหาศาลที่ตัวเองไม่มีวันหาได้ แต่ทำไมครั้งนี้กลับไม่ใช่อย่างนั้น? เพราะผู้หญิงคนนี้แทบจะไม่สนใจอะไรพวกเขาเลย

“เฮ้ ลองบอกฉันมาสิสาวน้อย อยากได้เท่าไหร่ก็ว่ามา?”

ในเวลานี้ กลุ่มชายหนุ่มร่างผอมบางลุกออกมาจากที่นั่งในมุมมืด

ถังซือซือรู้สึกคุ้นเคยถึงบรรยากาศจากใครบางคนในกลุ่มนั้น เธอจึงเงยหน้าขึ้นดู

ทันใดนั้น ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้น

ชายคนหนึ่งในกลุ่มนั้นสวมชุดลำลองที่มีการตัดเย็บอย่างประณีต เส้นผมสีดำเข้ม ใบหน้าอันหล่อเหลาจนน่าเหลือเชื่อ จมูกโด่งตามฉบับนายแบบ ริมฝีปากสีเชอร์รี่อ่อน ๆ ด้วยภาพลักษณ์แบบนี้ เป็นเรื่องยากมาก ๆ ที่จะต้านทาน

‘เซียวเฉินเยวียน ไม่จริงน่า ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่?’