ตอนที่แล้วบทที่ 117-118
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 121-122

บทที่ 119-120


บทที่ 119

ไม่เห็นจริง ๆ

“พ่อครัวซุน คุณหนูซือซือเขียนนี่มาให้ค่ะ” แม่บ้านซ่งยื่นกระดาษโน้ตที่เขียนโดยถังซือซือให้ซุนจื่อเหลียง

ใบหน้าของซุนจื่อเหลียงแสดงสีหน้าบูดบึ้งราวกับไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“คำพูดอวดเก่งนี่มันอะไรกัน?!”

เขาเป็นถึงเชฟที่มีชื่อเสียงระดับห้าดาว จึงไม่พอใจที่มีสาวธรรมดาดูชาวบ้านจากไหนไม่รู้มาสอนทำอาหาร

ไร้สาระสิ้นดี ยัยเด็กนี่! อยากจะขำโน้ตนี้ให้ฟันร่วง!

อาหารของพวกฉันมันมีปัญหาตรงไหน? ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ในเมื่อมันมีปัญหามากนักแล้วทำไมไม่มาบอกให้ปรับปรุงกันเองล่ะ ทำไมคุณผู้ชายต้องส่งเด็กสาวชาวบ้านจากที่ไหนก็ไม่รู้มาสอนเราด้วย? ฉันทำอาหารไม่ดีตรงไหน?

เรื่องแบบนี้ไม่น่าสบอารมณ์เลยสักนิด!

ซุนจื่อเหลียงหงุดหงิดเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่สนใจแม่บ้านซ่งที่อยู่ตรงหน้าเลย

ยิ่งไปกว่านั้นคือเมื่อเช้านี้ อาหารเช้าที่เขาทำนั้นเหลือเยอะเป็นครั้งแรก! บรรดาคนใช้ต่างบอกว่าอิ่มแล้ว จึงแค่ชิมอาหารฝีมือเขาคนละไม่กี่คำ ตอนนั้นเขาสงสัยมากว่ามันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?

เอาเป็นว่าฉันไม่ยอมรับยัยเด็กคนนี้แน่นอน เธอคงมาเป็นคุณผู้หญิงที่นี่ได้ไม่นานหรอก!

ฉันไม่มีวันอภัยให้แน่ ที่มาทำให้ต้องเสียหน้าแบบนี้ ไม่รู้หรอกนะว่ายัยเด็กบ้านนอกอย่างเธอโผล่มาจากไหน หรือไปทำเสน่ห์อะไรให้คุณผู้ชายหลง! แต่ถึงยังไงก็ไม่มีประโยชน์หรอกตราบใดที่คิดจะหักหน้าคนในคฤหาสน์นี้ ใครมันจะไปชอบเจ้านายแบบนี้ได้ลงคอ!

แม่บ้านซ่งตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เธอเข้าใจว่าความโกรธของซุนจื่อเหลียงมากมายแค่ไหน แต่เธอก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้นเอง! ถังซือซือเองก็ดูเป็นเด็กไร้เดียงสาไม่ใช่เหรอ?

ไม่เข้าใจตาแก่นี่เลย... อาหารเช้าของคุณหนูซือซืออร่อยมาก... แถมยังน่ากินกว่า และอร่อยกว่าอาหารเช้าฝีมือตาแก่มากจริง ๆ แหละ เสียหน้าเข้าหน่อยก็ทำตัวเป็นคนแก่ขี้โมโหไปได้!

เธอรู้ดีว่าซุนจื่อเหลียงเป็นเซฟระดับห้าดาวก็จริง แต่พอมาเจอทักษะการทำอาหารของถังซือซือ ฝีมือแบบนี้แหละที่เธอสามารถพูดได้เต็มปากว่าเชฟระดับร้อยดาว!

แม่บ้านซ่งยืนยิ้มอยู่สักพัก ก่อนวางกระดาษโน้ตลงบนโต๊ะ แล้วพูดขึ้นว่า “งั้นฉันคงต้องขอตัวก่อน ส่วนโน้ตฉันจะวางไว้ตรงนี้ อย่าลืมทำตามที่คุณหนูซือซือบอกด้วยล่ะ”

ห้องบนชั้นสอง

ผ่านไปจนถึงสี่โมง หลังจากที่ถังซือซือได้รับการฝังเข็มเสร็จ เธอก็ออกไปเดินเล่นที่สวนหลังคฤหาสน์ตามลำพัง

“เอาล่ะ โอเค เอาอันนี้… เอาดีไหมนะ? หรืออันนั้น…”

เธอนั่งยอง ๆ อยู่ตรงพุ่มดอกไม้หลากสายพันธุ์ ดวงตาของเธอมองไปที่ดอกไม้ทีละต้น เหมือนกับกำลังคิดว่าจะเด็ดพวกมันไปทำอะไรสักอย่าง

ดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ที่เธอชอบ เปราะบางมากเมื่อมือของเธอไป ‘สัมผัส’ เพียงครู่เดียวกลีบดอกไม้ก็ร่วงหล่นโดยทันที...

คนสวนสองถึงสามคนในละแวกนั้นเห็นแบบนั้นเข้า ต่างก็ตกใจสุดขีดราวกับมีมีดมาจี้อยู่ตรงลำคอ

“พระเจ้า! นั่นเธอกำลังทำอะไรอยู่ ไม่นะ โอ พระเจ้า... ดอกคามิเลียแห่งเมือง R... ร่วงแล้ว... ต้นที่ฉันดูแลประคบ       ประหงมมาอย่างดี...”

“กุหลาบช่อนั้น ที่เพิ่งถูกส่งมาจากเมือง Y... ตอนแรกดอกไม้ก็โตช้าอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งเหลือน้อยลงไปอีก…”

“นั่นคุณหนูซือซือกำลังทำอะไร? ทำไมถึงไปแตะต้องดอกไม้โดยตรงแบบนั้น? ตายแน่ แต่ละดอกไม้ไม่ใช่ราคาถูกถูก ๆ ด้วย ถูกเด็ดไปเยอะเลย...”

โดยปกติแล้วพวกเขาทุกคนจะลังเลเมื่อต้องสัมผัสดอกไม้หายากเหล่านี้ เพราะพวกมันมีราคาแพงระยับ อีกทั้งฝางเสวี่ยหลานยังชื่นชอบดอกไม้มาก จึงจ้างนักออกแบบสวนที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลกมาออกแบบให้ตั้งแต่หลายปีก่อน

ซึ่งประวัตินี้ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย ดอกไม้ทั้งหมดนี้ได้รับการประคบประหงมเป็นอย่างดี ราวกับว่าพวกมันเป็นเด็กทารกแรกเกิด แต่ตอนนี้พวกเขากลับต้องมาเห็นถังซือซือซึ่งไม่รู้ถึงความสำคัญและราคาของดอกไม้แต่ละพันธุ์ เมื่อเห็นมันถูกเด็ดไปต่อหน้าต่อตา ทำให้พวกเขารู้สึกเจ็บแปลบข้างในหัวใจ...

ประเด็นสำคัญคือพวกเขาไม่สามารถพูดออกมาได้ เพราะนี่คืออนาคตคุณผู้หญิงของตระกูลเซียว แม้ว่าเธอจะต้องการจะเด็ดดอกไม้มากแค่ไหน พวกเขาก็ไม่สามารถโวยวายอะไรได้

“ทำไปได้ยังไงกัน ไร้ยางอายที่สุด...”

“อยากบอกความจริงให้เธอรู้จริง ๆ แต่อย่างว่า คนจนอย่างเธอคงไม่เข้าใจแน่ ๆ และคงไม่แคร์ด้วย คิดว่าดอกไม้ทั้งหมดนี้ก็แค่ดอกไม้ธรรมดา! ฉันเสียเวลาดูแลมันข้ามวันข้ามคืนไปเพื่ออะไร!”

“ลูกรักของพวกเราโดนเด็ดไปหมดแล้ว ไปกันเถอะ...”

คนสวนทุกคนพากันส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจ ขณะพากันเดินออกไปจากสวน เพื่อให้พ้นจากภาพอันน่าโศกเศร้าตรงหน้า

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง หลังจากถังซือซือเด็ดดอกไม้ตามที่เธอต้องการครบเรียบร้อยแล้ว เธอก็หยิบมันใส่ตะกร้าแล้วเดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์

บทที่ 120

คุณพระคุณเจ้า

 

คนสวนทุกคนรีบเดินกลับมาดูพุ่มดอกไม้ที่ถูกเด็ดไป พวกเขาเห็นว่าพวกมันกลายเป็นหลุมบ่อจำนวนมากภายในพริบตา... น้ำตาพวกเขารินไหลขณะที่เอามือบังหลุมนี้ไว้

พวกเขาคงได้ทำงานกันจนหามรุ่งหามค่ำอีกแล้ว

พวกเขาต่างรีบปลูกดอกไม้ต้นใหม่ในทันที พร้อมกับพากันสบถในใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

เวลานี้ถังซือซือเก็บตัวอยู่ในห้องบนชั้นสอง ไม่มีใครเดาได้เลยว่าเธอคิดจะทำอะไรอยู่

บรรดาคนรับใช้รู้สึกว่าพวกเขาไม่เข้าใจความคิดของผู้หญิงนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ

ก่อนเวลาอาหารเย็น เซียวเฉินเยวียนส่งข้อความมาหาว่า เขาต้องเดินทางไปทำธุระที่เมืองอื่นเป็นเวลาสามวัน ไม่ลืมกำชับให้ถังซือซือทานอาหารดี ๆ รับการรักษาต่อเนื่อง และพักผ่อนให้เพียงพอ

ถังซือซือจ้องโทรศัพท์สักพักหนึ่ง หลังจากไตร่ตรองแล้ว เธอตอบกลับไปประมาณว่า อย่าโหมงานหนักจนเกินไป

เดิมทีเธอต้องการจะพูดหยอกล้อเขาเหมือนเดิม แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกว่าควรรักษาระยะห่างเอาไว้

เธอวางโทรศัพท์แล้วเริ่มจำแนกดอกไม้ที่เก็บมาเป็นจำนวนมากอย่างจริงจังอยู่พักใหญ่

“กุกกัก กุกกัก...”

เสียงกุกกักเหมือนคนกำลังทำอะไรบางอย่างดังเล็ดลอดออกมา ทำให้ใครที่ได้ยินต่างพากันสงสัย

วันนี้คุณหนูทำอะไรของเธอ? เห็นแบกดอกไม้มาเต็มเลยด้วย

ตอนเย็น แม่บ้านซ่งเดินขึ้นมาที่ห้องบนชั้นสองแล้วเคาะประตูเพื่อเรียกถังซือซือให้ลงทานอาหารเย็น

“กรี๊ด” ทันทีที่ประตูเปิดออก ใบหน้าลึกลับหนึ่งกลับโผล่พรวดออกมาจากภายในห้อง

“ว้าย!” เสียงร้องอุทานของแม่บ้านซ่งดังก้องไปทั่วบริเวณราวกับนักร้องโอเปร่า

เสียงกรีดร้องนี่มันอะไรกัน?! มีใครเป็นอะไรหรือเปล่า? เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?

บรรดาคนรับใช้ที่ได้ยินเสียงก็รีบวิ่งขึ้นมา บางส่วนก็ยืนมองดูสถานการณ์อยู่ชั้นล่างด้วยความสงสัย

แม่บ้านซ่งเห็นว่าใบหน้าของถังซือซือเต็มไปด้วยกลีบดอกไม้สีเหลือง สีม่วง สีเขียว และอีกสารพัดสี ยกเว้นดวงตาคู่โตและรูจมูกสองข้าง กับส่วนของริมฝีปากที่เว้นว่างเอาไว้

ถังซือซือเห็นว่าแม่บ้านซ่งดูตกใจกลัวมาก ๆ เธอจึงรีบขอโทษขอโพยไปว่า

“ขอโทษนะแม่บ้านซ่ง! นี่ฉันเองค่ะ!”

แม่บ้านซ่งถึงกับตกใจเสียงดัง เธอยกมือขึ้นตบแก้มทั้งสองข้างของตัวเอง แล้วพูดว่า “คุณพระคุณเจ้า”

เมื่อได้ยินว่าเป็นเสียงของถังซือซือ เธอคาดเดาว่า        ถังซือซือคงเอาดอกไม้ที่เก็บมาไปพอกหน้าเพื่อบำรุงผิวพรรณ

แม่บ้านซ่งยังคงตื่นตาตื่นใจกับภาพตรงหน้า เธอรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง พอสงบสติลงแล้วมองดูสิ่งที่อยู่บนใบหน้าของ     ถังซือซืออย่างตั้งใจ ว่าสิ่งนั้นมันคืออะไรกันแน่? จนรู้ว่ามันคือแผ่นมาส์กหน้านั่นเอง แต่เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมหน้าตาของแผ่นมาส์กถึงได้เละเทะแบบนี้?

ถังซือซือแง้มประตูออกมาเล็กน้อย เพื่อไม่ให้แม่บ้านซ่งเห็น ‘พื้นห้องที่เละเทะ’ ก่อนจะรีบเดินออกมาจากห้องแล้วปิดประตูอย่างรวดเร็ว

บรรดาคนใช้พากันจ้องถังซือซือด้วยความประหลาดใจ ดวงตาของพวกเขาแข็งค้างแทบไม่กะพริบ รวมถึงริมฝีปากของทุกคนที่อ้ากว้างจนสามารถกลืนหมูลงไปได้ทั้งตัว

นะ... นั่นคือแผ่นมาส์กหน้าหรอกเหรอ?

ที่เธอขังตัวเองอยู่ในห้องเมื่อกี้นี้ ก็เพื่อทำแผ่นมาส์กจากดอกไม้ในสวน... พอเข้าใจได้... แม้แต่สาวใช้ในซินหยวนอย่างพวกเราต่างก็กังวลเรื่องความสวยความงามกันทุกคน แต่ไม่คิดเลยว่าคุณหนูจะเก็บไปคิดมากแบบนี้

เชื่อเธอเลย... นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นแผ่นมาส์กหน้าที่มีหน้าตาแปลกประหลาดแบบนี้...

“แค่ก แค่ก” ใครคนหนึ่งกระแอมไอขึ้นมา บรรดาสาวใช้ต่างจำเสียงนี้ได้ดี จึงแยกย้ายกันกลับไปทำงานของตัวเองอย่างรวดเร็ว

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย... เพราะเธออยู่ในฐานะภรรยาของตระกูลเซียวแน่ ๆ ถึงได้เก็บมาคิดมากถึงขนาดนี้...

คนสวนที่บังเอิญมองเห็นผ่านกระจกก็เข้าใจแล้วว่าทำไมถังซือซือถึงลงทุนมาเด็ดดอกไม้ด้วยตัวเอง ที่แท้ก็เด็ดไปทำเป็นแผ่นมาส์กหน้านั่นเอง...

ทั้งหมดนี้ทำไปเพื่อรักษาผิวหน้างั้นเหรอ?

จริงจังเกินไปแล้ว

ไม่มีใครเตือนเธอเลยเหรอว่าอย่าคิดมากจนเกินไป?

ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจของคนใช้ที่นี่เท่าไหร่... เพราะจู่ ๆ หญิงสาวหน้าตาธรรมดาจากที่ไหนก็ไม่รู้ดันปรากฏตัวขึ้น และโชคดีที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ชายที่ร่ำรวย จนกลายเป็นภรรยาของเขาในที่สุด ด้วยเหตุผลนี้ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ทุกคนจะไม่เชื่อถือ

ก่อนหน้านี้พวกเขาก็เคยเห็นการแต่งงานมามากมาย รู้ดีว่าแวดวงของคนร่ำรวยเป็นอย่างไร

ลูกสาวหลายคนจากตระกูลที่มีชื่อเสียงจัดงานแต่งอย่างยิ่งใหญ่อลังการ แต่ความจริงแล้วพวกเธอกลับไม่มีความสุขในชีวิตหลังแต่งงานเลย คงไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงยากจนที่ไม่มีเงินทอง ไม่มีอำนาจ และไม่มีรูปลักษณ์ที่น่าพิสมัย

แต่ไม่รู้ว่าทำไม ตอนนี้บรรดาคนใช้หลายคนเริ่มมีเกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจหญิงสาวขี้เหร่คนนี้ขึ้นมาซะแล้ว...

ถังซือซือนั่งนิ่งเงียบอยู่ที่โต๊ะอาหาร พอเงยหน้าขึ้นมอง จึงพบว่าจานอาหารทั้งหมดว่างเปล่า มีเพียงสาวใช้สองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาเสิร์ฟอาหารและตะเกียบ

ถังซือซือเหม่อลอยเหมือนตกอยู่ในภวังค์ มองเห็นเพียงภาพของเซียวเฉินเยวียนที่สวมใส่เสื้อคลุมอยู่บ้าน และกำลังละเลียดรับประทานอาหารเย็นอย่างพิถีพิถัน