ตอนที่แล้วตอนที่ 1266 ยิ้มของผู้ชนะ นัยน์ตาสดใส
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1268 นี่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์!

ตอนที่ 1267 เปิดประตูปัญญา


ผู้มาคือเสวี่ยอู๋เสีย

กลุ่มของเงาร่างทั้งหลายประหลาดใจกับการมาถึงของนางแต่สิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่าคือความแข็งแกร่งของนาง

ระดับเทพ

แม้แต่อัจฉริยะที่ผิดธรรมดาอย่างเย่ว์ไตตันก็ยังไม่ถึงระดับเทพ  เด็กสาวนางนี้ถึงระดับเทพได้อย่างไร?  นางเป็นอัจฉริยะที่ไม่ธรรมดายิ่งกว่าเย่ว์ไตตันอีกหรือ?

“แม้ว่าเจ้าจะเรียกตัวเองว่าอู๋เสีย  แต่ความจริงเจ้าคือองค์หญิงเย่เมิ่ง(หัวซิ่วรี่)หรือเปล่า?” เงาร่างเปลวไฟชื่อหัวซานคิดว่านอกจากความยิ่งใหญ่ลึกลับแล้วเป็นไปไม่ได้ที่หอทงเทียนจะมีคนที่แข็งแกร่งระดับเทพคนที่สอง จักรพรรดิผู้ปกป้องทางเข้าสู่แดนล่มสลายแห่งทวยเทพใต้วังเทียนหลัวหรือ?  นางสาบานว่าจะไม่ยอมหลับตลอดกาลไม่ใช่หรือ?

“ผู้เยาว์มิกล้าแอบอ้างชื่อของบรรพบุรุษ”  เสวี่ยอู๋เสียยิ้มใบหน้าของนางเปล่งรัศมีเทพราวกับจะเชิญชวนให้มวลบุปผชาติแย้มบาน

“เจ้าไม่ใช่องค์หญิงเย่เมิ่งหรือ?”  แม้แต่เงาร่างน้ำเงินจางไห่ก็อดสงสัยไม่ได้

“ทำไมหอทงเทียนจะมีนักรบระดับเทพคนที่สองไม่ได้เล่า?  ความจริงพวกท่านก็เข้าผิดหอทงเทียนไม่ได้มีนักสู้ระดับเทพเพียงสองคนเท่านั้น  แต่ยังมีนักรบระดับเทพรุ่นเก่าสามสี่คนและที่ยิ่งกว่านั้น ยุคแห่งความตกต่ำผ่านไปแล้วหอทงเทียนปัจจุบันเริ่มรุ่งเรืองมากขึ้น ในขณะนั้นผู้อาวุโสที่ไม่รู้จักในโลกที่ซ่อนเร้นไม่ได้ถูกนับในขณะนี้มีเพียงคนที่มีชื่อเสียงเท่านั้นที่มีอยู่ในหลายที่  เด็กผู้หญิงน้อยๆอย่างข้าเป็นลำดับที่ห้าเท่านั้นทำไมอาคันตุกะผู้มีเกียรติถึงต้องเสียงดังด้วยเล่า!”  เสวี่ยอู๋เสียพูดเช่นนั้นทำให้เงาร่างหลายคนกลัวทันที

อะไรกัน?

หอทงเทียนตอนนี้มีนักสู้ระดับเทพอย่างน้อยห้าคนหรือ?

นี่ล้อเล่นกันแล้ว!  หอทงเทียนนอกจากองค์หญิงเย่เมิ่งที่ไม่เคยหลับในมิติกระจกจะมีนักสู้ระดับเทพคนที่สองมาจากไหน? ไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่ามีเทพมากถึงห้าคน นี่เป็นเรื่องไร้สาระ!

เสวี่ยอู๋เสียไม่อธิบายข้อเท็จจริงเรื่องนี้  นางไม่จำเป็นต้องพูดอะไร

เงาร่างหลายคนรออยู่นานและพบว่าสาวน้อยผู้นี้ไม่สนใจอธิบายโต้แย้งความน่าเชื่อถือหลายจุด

อย่างน้อยเด็กสาวที่ชื่ออู๋เสียก็เป็นนักสู้ระดับเทพนอกเหนือจากองค์หญิงเย่เมิ่ง หากมีอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมเท่ากับนางก็ยากจะรับประกันว่าหอทงเทียนมีนักสู้ระดับเทพอยู่ไม่กี่คน! หากคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ถ้าหอทงเทียนไม่มีนักสู้ระดับเทพหลายคนทำไมตงฟางถึงต้องระแวดระวังด้วย? ทำไมต้องกังวลกับแผนการด้วย

เขาเชิญนักสู้จากแดนสวรรค์บนให้มายังหอทงเทียนและยินยอมจะแบ่งปันสมบัติลับแดนล่มสลายแห่งทวยเทพแก่คนภายนอก

จักรพรรดิทอง, จักรพรรดิอสูรราชันย์ไร้ใจเป็นผู้ยิ่งใหญ่ระดับที่พอกัน แม้กระทั่งกองกำลังหลายกลุ่มที่ตงฟางระดมมาอย่างลับๆพร้อมกัน โดยสันนิษฐานว่าหอทงเทียนไม่มียอดฝีมือ มีแต่เพียงองค์หญิงเย่เมิ่งและทำไมถึงตงฟางถึงต้องใช้เวลามาก... เมื่อคิดถึงเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้อีกครั้งเขาคือบุรุษหมายเลขหนึ่งของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ มักแสดงความรังเกียจสุดยอดนักสู้ของแดนสวรรค์บนทำไมถึงยอมอนุมัติให้ตงฟางลงมือโดยปริยาย

จะบอกว่าหอทงเทียนไม่มีนักสู้ระดับเทพดูแลนั่นไม่สามารถโน้มน้าวใจได้เลยจริงๆ!

แค่ระดับเทพห้าคนก็มากเกินไปแล้ว!

มีมากถึงห้าคนจริงๆ หรือ?

เงาร่างม่วงเหลยหมิงพูดอย่างสงสัย  “ยินดีด้วยกับนักรบระดับเทพของหอทงเทียน  แม้ว่าเราจะมาอย่างไม่คาดคิดแต่ไม่ได้มีความคิดแค้นอาฆาตใดๆ เรามาเพราะอยากรู้อยากเห็นแดนล่มสลายแห่งทวยเทพเท่านั้น รับรองได้ว่าเราจะรักษาความเป็นกลางอย่างเข้มงวดและจะไม่เข้าร่วมในข้อพิพาทใดๆระหว่างพวกเจ้ากับตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ ในขณะที่เราขอโทษกับเจ้า เจ้าช่วยคลี่คลายความสับสนในใจให้เราได้ไหม?  เท่าที่ข้ารู้หอทงเทียนตกต่ำมาหลายปีแล้วแทบจะไม่เคยได้ยินมาก่อนตอนอยู่ในแดนสวรรค์ นักสู้ระดับเทพทั้งห้ามาจากไหน?”

“ความจริงมีนักสู้ระดับเทพอยู่สาม  แต่พวกเขาไม่อยู่ที่นี่บางทีพวกท่านอาจรู้จักพวกเขาต่อมาในสนามรบ” เสวี่ยอู๋เสียเงยหน้ามองดูโดมวิหารนำทางและยิ้มทันที “บางทีไม่ต้องใช้เวลานานเราจะมีนักรบระดับเทพมากมาย  ทุกอย่างมีทางเป็นไปได้ทั้งหมด”

“เจ้ากำลังพูดถึงเย่ว์ไตตันหรือ?” เงาร่างเขียวหยวนเหย่ถาม

“ข้าเชื่อว่าคำตอบอยู่ในใจของพวกท่าน”  เสวี่ยอู๋เสียไม่ตอบโดยตรง นางเพียงแต่ยิ้มแทน

“เจ้าบอกข้าได้ไหมว่าทำไมเย่ว์ไตตันที่รู้ดีกันว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของหอทงเทียนยังไม่ถึงระดับเทพ  และเขาจะถึงระดับเทพเร็วๆ นี้ไหม?”  เงาร่างดำอู่หวินถามด้วยความประหลาดใจ

“เขายังไม่ถึงระดับเทพ เพราะเขายังไม่ต้องการเข้าถึงตอนนี้เขาจึงยังไม่เลื่อนระดับ ข้าคิดว่าพวกท่านคงรู้ถึงความแตกต่างทั้งสองกรณี”  เสวี่ยอู๋เสียยิ้ม

“ทำไมกัน?” เงาร่างไฟหัวซานร้องออกมาอย่างประหลาดใจ

สามารถเลื่อนเป็นระดับเทพได้ แต่ไม่ยอมเลื่อนหรือ?  เจ้านี่เป็นใครกัน?

เด็กคนนี้คิดว่าการเลื่อนเป็นระดับเทพเป็นการกระทำที่ผิดหรือ?  มันเจ็บปวดใจเกินกว่าจะเลื่อนเป็นระดับเทพหรือ?

เย่ว์ไตตัน เจ้าผู้นี้เป็นตัวปริศนาจริงๆ! สมองของเจ้าเด็กนี่เติบโตมาได้อย่างไรกัน? เป็นเรื่องแปลก สามารถเข้าถึงระดับเทพได้แต่ไม่ยอมเลื่อนระดับ  เขามีพฤติกรรมที่ไร้เหตุผลแบบนี้ได้อย่างไร? นอกจากนี้การเลื่อนระดับของเขาไปเป็นระดับเทพจะเป็นอย่างไร?นึกว่ากำลังเล่นเกมอยู่หรือ? ช่างน่ากลัวจริงๆ!

ร่างเงาเพลิงหัวซานคิดอยู่นานว่าเขาต้องใช้เวลานานหมื่นปีกว่าจะเลื่อนไปเป็นระดับเทพได้และใช้เวลาอีกหลายพันปีกลั่นประกายเทพอย่างยากลำบากในที่สุดจึงได้เลื่อนเป็นระดับเทพอย่างแท้จริง

ตอนนี้เมื่อได้ยินว่าคนอื่นสามารถเลื่อนเป็นระดับเทพได้สบายๆเขารู้สึกไม่สบายใจ ใจของเขาเต็มไปด้วยความริษยา

ไม่สบายใจอย่างสิ้นเชิง

เจ้าเด็กผู้นี้ควรถูกประณาม!

“อะแฮ่ม!”  เงาร่างสีน้ำเงิน จางไห่กระแอมเบาๆ  เขาไม่คิดว่าพฤติกรรมแปลกๆของเย่ว์ไตตันเป็นเรื่องแปลก บางทีอาจไม่มีคนแบบนี้ในแดนสวรรค์บน แต่ในหอทงเทียน พบเจอคนแปลกๆ แบบนี้ได้จริงๆ  เช่นเดียวกับหอทงเทียนในเวลานั้นถ้าเขาไม่ได้พบกับนักสู้ที่ทรงพลังสองคนที่มีอารมณ์ความคิดแปลกๆกลัวการเข่นฆ่าที่มากเกินไปจะกำจัดเมล็ดพันธุ์สายเลือดชาวสวรรค์  เขาจะมีชีวิตมาถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร?หากอารมณ์ความคิดที่แปลกประหลาดของบุรุษผู้ทรงพลังทั้งสองคนนั้นไม่ห่วงว่าแดนสวรรค์จะไร้ทายาทสืบต่อและมองศัตรูอย่างไร้ความปราณี? หากไม่ใช่เพราะประสบการณ์ของเขาได้พบเจอมาเช่นนั้นเขาคงไม่เชื่ออย่างแน่นอน  แต่นี่เป็นความจริง!

“ก่อนนี้เจ้าบอกว่าจะพาเราชมดูภายในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพนั่นเป็นเรื่องจริงหรือ?” เงาร่างสีทองถามทันที

“ไม่เพียงแต่ท่าน แต่รวมทั้งเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ผู้กระตือรือร้นจะเข้ามาเป็นเวลาหมื่นปีแล้ว  รวมทั้งตงฟางคนทรยศคนสำคัญของหอทงเทียนก็เข้าไปได้ ข้าจะสืบทอดเจตจำนงของเทพธิดาปัญญาและจะเปิดทางเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพดังนั้นพวกท่านสามารถเข้าออกได้” เสวี่ยอู๋เสียมีสีหน้าจริงใจขณะพูดอย่างจริงใจ

“....” เงาร่างทั้งหลายมองหน้ากันอย่างหวาดๆ

คำตอบนี้

ความจริง มันเกินคาดพวกเขาไปมาก

อะไรคือเหตุผลให้นางผู้พิทักษ์แห่งหอทงเทียนตัดสินใจเปิดประตูทางเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพให้ทุกคนเข้าออกได้?

มีการสมรู้ร่วมคิดหรือไม่? หรือเป็นการล่อลวงแอบแฝง  อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามตราบใดที่เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆ นั่นเป็นพฤติกรรมของคนเสียสติ

องค์หญิงเย่เมิ่งหลับใหลมาหลายพันปีเพื่อปกป้องทางเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพและสาบานว่าจะไม่ไปไหนอีก

และตอนนี้จะยอมเปิดง่ายๆ ให้คนเข้าและออกได้

นี่มันเหลือเชื่อจริงๆ

“ความจริงทางเข้าด้านวิหารนำทางเป็นของปลอมหรือเปล่า?ทางเข้าที่แท้จริงอยู่ใต้วังเทียนหลัวใช่ไหม?” เงาร่างเปลวเพลิงหัวซานไม่อาจทนได้อีกต่อไป และอดถามไม่ได้

“นั่นเป็นทางเข้าหนึ่งแน่นอน แต่มีทางเข้าสู่แดนล่มสลายแห่งทวยเทพมากกว่าหนึ่ง  ความจริงแดนล่มสลายแห่งทวยเทพมีทางเข้าสามทางทางหนึ่งคือทวีปมังกรทะยาน ทางหนึ่งคือแดนปีศาจ และอีกทางหนึ่งคือบันไดสวรรค์  ทางเข้าที่เรายืนอยู่ตอนนี้ในยุคโบราณเป็นของแดนปีศาจเป็นทางเดียวที่เปิดให้เข้า ง่ายที่สุดและปลอดภัยที่สุด”  เสวี่ยอู๋เสียอธิบายเบาๆ ทางเข้าด้านบันไดสวรรค์จะต้องเป็นพรหมจรรย์ถึงจะเข้าไปได้ แต่ทางเข้าของเจ้าผู้ปกครองทวีปมังกรทะยานจะเข้มงวดและยากที่สุด ทางเข้าด้านนั้นจะต้องผ่านด่านทดสอบที่ยากมากจึงจะได้รับการยอมรับจากผู้อาวุโสอย่างที่ท่านกล่าวนั่นแหละ บรรพบุรุษผู้พิทักษ์จะไม่ปล่อยให้คนนอกเข้ามาได้ง่ายๆ  ไม่ยอมให้ผูกขาดสมบัติทั้งหมดโดยเจตนา พวกท่านค่อนข้างเป็นห่วงว่าผู้เข้ามาจะเสียชีวิตเปล่าๆคนนอกมองไม่เห็นความกรุณาของพวกท่าน”

“เป็นอย่างนี้นี่เอง...” หลังจากเงาร่างหลายคนได้ฟังแล้ว พวกเขารู้สึกทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

เกี่ยวกับคำพูดของเสวี่ยอู๋เสีย

พวกเขาเชื่ออย่างน้อย 90%

ประการแรก สำนึกเทพของเด็กสาวนี้บริสุทธิ์มากไม่มีการหลอกลวงแต่อย่างใด ประการที่สองก็คือในการสำรวจครึ่งเดือนที่ผ่านมามองเห็นเครื่องหมายที่ทิ้งไว้โดยบรรพบุรุษของหอทงเทียนความสับสนวุ่นวายครั้งแรกนั้นพวกเขาไม่รู้จัก แต่ทันทีที่เสวี่ยอู๋เสียคลี่คลายข้อสงสัยพวกเขาก็เข้าใจได้ทันทั

เงาร่างสีทองถามอย่างคาดหวังเล็กน้อย “มีเงื่อนไขอะไรสำหรับการเข้าไปในทางเข้าส่วนที่เป็นของแดนปีศาจ?”

เสวี่ยอู๋เสียยิ้มกล่าว “ไม่จำเป็นต้องมีเงื่อนไข ตั้งแต่ยุคโบราณมาแล้วเงื่อนไขที่ทางเข้าถูกทำลายแต่คนรุ่นต่อมาพบว่าเงื่อนไขนี้สับสนยากเกินไปสำหรับพวกปีศาจแดนนรกแต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับนักรบทวีปมังกรทะยานและนักรบบันไดสวรรค์  ดังนั้นในเวลาต่อมามีเทพธิดาผู้มีสติปัญญายิ่งใหญ่ได้สร้างวิหารนำทางขึ้นที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นปีศาจแดนนรกนักรบมังกรทะยานและนักรบบันไดสวรรค์ สามารถหาทางเข้าที่ถูกต้องผ่านวิหารนำทาง”

“เจ้าต้องการเปิดประตูทางเข้าที่นี่และยอมให้เราเข้าไปดูหรือ?” เงาร่างเพลิงรู้สึกอึดอัดกระวนกระวายเล็กน้อย

“อ่า..เจ้าต้องการให้เราทำอะไรบ้าง?”  ร่างเงาดำอู่หวินถามอย่างไม่แน่ใจ

“เราไม่อาจเอาชนะเทียนอี้ได้”  เงาร่างม่วงเพิ่มเงื่อนไขก่อน

“ไม่ต้องทำอะไร อาคันตุกะโปรดรักษาความเป็นกลางเท่านั้น!” เสวี่ยอู๋เสียโบกมือและพูดว่าไม่มีเงื่อนไขอะไร

“แล้วสมบัติลับในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพเล่า?”  เงาร่างเขียวหยวนเหย่และเงาร่างน้ำเงินจางไห่ต้องการรู้ปัญหานี้ที่สุด

“สมบัติเทพจะเลือกเจ้าของ ถ้ามีผู้ถูกกำหนดให้ได้รับเราจะไม่คัดค้าน” เสวี่ยอู๋เสียยิ้ม ชะงักเล็กน้อยจากนั้นยิ้มอีก “แต่ความเห็นของข้าไม่ใช่ตัวแทนความเห็นของเย่ว์ไตตันบางทีพวกท่านอาจได้รู้มาจากข่าวกรองว่าคนผู้นี้บ้าสมบัติ และงกมาก  ถ้าพวกท่านพบเขา ทางที่ดีอย่าไปตอแยเขามิฉะนั้นข้าไม่อาจรับประกันได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แน่นอนว่าสงครามก็เหมือนก้อนเมฆ เย่ว์ไตตันไม่มีเวลาจัดการเรื่องนี้ผู้เยาว์เพียงแต่ตั้งข้อสมมติฐานเล็กๆ ที่นี่เท่านั้น”

“......” เงาร่างทั้งหลายหลั่งเหงื่อ

สำหรับเย่ว์ไตตัน

พวกเขาได้รับข้อมูลมากมายผ่านหน่วยข่าวกรอง

ก่อนนั้นพวกเขาเห็นว่าเจ้าเด็กนี่ยังไม่ได้เลื่อนเป็นระดับเทพ  ทุกคนจึงกล้าเดินทางมาล่าสมบัติ  ถ้าพวกเขารู้ว่ามีนักสู้ระดับเทพอย่างน้อยห้าคนในหอทงเทียนทั้งยังได้ฟังเรื่องของเย่ว์ไตตันพวกเขาจะไม่มีทางตอแยเจ้าเด็กผู้นี้เลย

เปลี่ยนเป็นคนอื่น ใครๆ ก็โกรธ ที่สำคัญทั้งหมดคือสมบัติของตัวเขาเองอีกฝ่ายโกรธก็คงไม่แปลก

แน่นอนว่าสมมติว่าเย่ว์ไตตันแพ้ตงฟางและแพ้เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้  คาดว่าคงไม่มีอะไรผิดปกติ  ผู้แพ้ย่อมไม่มีสิทธิ์

ถ้าเจ้าเด็กนี่ชนะชะตาฟ้าได้ในที่สุดเล่า  “เรา อะแฮ่ม.. เราแค่อยากรู้อยากเห็นสมบัติลับของแดนล่มสลายแห่งทวยเทพเท่านั้น  อย่างที่เจ้าบอก สมบัติเทพเลือกเจ้าของ  เราอาจไม่มีโชคได้เป็นเจ้าของเหตุผลที่เรามาไกลก็เพื่อมาดูมากกว่า” จางไห่รู้สึกละอายใจอยู่บ้าง แน่นอนว่านี่เป็นคำพูดไร้สาระ ไม่มีใครเดินทางไกลมาถึงที่นี่แล้วจะกลับไปอย่างมือเปล่า!   นี่มันเหตุผลอะไร?เป็นไปไม่ได้แน่นอน!  แต่เมื่อยืนยันอย่างเหมาะสมไปแล้วพวกเขาจะบอกว่าไม่ต้องการปล้นบ้านคนอื่นอย่างนั้นหรือ

“อาคันตุกะโปรดรอสักครู ให้ข้าเปิดประตูปัญญาเสียก่อน!”  เสวี่ยอู๋เสียหัวเราะ  นางไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านี้ ศัตรูจริงๆไม่ใช่ยอดนักสู้แดนสวรรค์บนที่มีความโลภเหล่านี้แต่เป็นตงฟางและเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ที่ยังคงซ่อนตัวอยู่

เปิดประตูปัญญาที่วิหารเทพนำทาง

การเปิดเส้นทางเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพเป็นกุญแจสำคัญในชัยชนะครั้งนี้

ไม่ต้องคำนึงถึงการชี้นำของบรรพบุรุษ ญาติสนิทมิตรสหายและความรู้จากคัมภีร์สัจจะในมือนางการเปิดประตูแดนล่มสลายแห่งทวยเทพก็คือจุดเริ่มต้นของการพลิกสถานการณ์ ถ้าภารกิจนี้ทำไม่สำเร็จก็ยากจะพลิกสถานการณ์ได้

เสวี่ยอู๋เสียยืนอยู่หน้าเทพธิดาปัญญานางเชื่อมโยงกับสำนึกเทพของเทพธิดาปัญญา

ก็เหมือนกับแม่บ้านที่จะเข้าประตู

นางใช้วิธีเดียวกัน

รับตกทอดพลังปัญญาด้วยร่างกายและจิตใจที่บริสุทธิ์

ในท่ามกลางอักขระรูนสวรรค์เสวี่ยอู๋เสียอาบแสงเทพและดูดซับเจตจำนงและคำแนะนำของเทพธิดาปัญญาทีละนิดนางเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดและมาด้วยความสมัครใจนอกจากการรับตกทอดจากเทพีปัญญาแล้วนางยังรู้สึกถึงความประทับใจและประสบการณ์ของเทพธิดารุ่นพี่นับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้ามาในใจนางอย่างไม่รู้จบ

ขณะนี้เอง

นางเข้าใจ

ความตั้งใจที่แท้จริงของการเปิดเส้นทางของเทพธิดาปัญญา!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด