ตอนที่แล้วตอนที่ 1265 ทักษะแฝงเร้นโชคดีของเป่าเอ๋อ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1267 เปิดประตูปัญญา

ตอนที่ 1266 ยิ้มของผู้ชนะ นัยน์ตาสดใส


รอบนอกแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ

วิหารเทพนำทาง

ครึ่งเดือนที่ผ่านมามีร่างเงาจำนวนมากออกมาจากมิติว่างเปล่าเพื่อสำรวจทางเข้าของแดนล่มสลายแห่งทวยเทพที่ลึกลับที่นี่บันทึกอักขระรูน และการสำรวจข้อความใดๆก็ตามล้วนศึกษาโดยร่างเงาเหล่านี้ น่าเสียดายที่ร่างเงาเหล่านี้เตรียมมาดีอย่างเต็มที่ทั้งพลังเวทต่างๆแต่ในที่สุดก็ยังผิดหวังกับสถานที่ลึกลับแห่งนี้

พวกเขาลองใช้วิธีการหลายสิบวิธีรวมทั้งการใช้พลังเทพฝ่าเข้าไปในพลังกฎสวรรค์โดยตรง

ทั้งหมดนั้นล้วนแต่ล้มเหลว

“ไม่, ไอ้ที่เฮงซวยอย่างนี้ไม่ได้เป็นทางเข้าสู่ใจกลางของแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ  โชคร้ายจริงๆข้าบอกไปแล้วว่าทางเข้าที่แท้จริงอยู่ใต้วังเทียนหลัวพวกเจ้าก็ไม่เชื่อต้องมาเสียเวลาอยู่ที่นี่ ตอนนี้ผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว เจ้าไม่พบอะไรเลย  เราเป็นเหมือนแมลงวันตาบอด  เราเอาแต่อยู่ที่นี่และที่นี่ไร้ประโยชน์ วิหารเทพนำทางนี้เป็นเรื่องหลอกลวงแต่ครั้งโบราณ ข้ากล้าพูดได้ว่าตั้งแต่สมัยโบราณทุกคนถูกหลอกถูกโกง  เราไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป  เสียเวลาเปล่า!  มีเงาสีแดงเพลิงกล่าวหาสหายที่อยู่ด้วยความโกรธ

“อย่าเพิ่งโมโห หลายอย่างไม่ได้เสียหายถึงขนาดที่ต้องโกรธกัน”  มีเงาเรื่องหนึ่งยังอยู่ในอารมณ์ที่ดี

“นี่คือทางเข้าจริง ไม่ใช่เรื่องหลอก  นอกจากนี้ยังป้องกันไว้อย่างแข็งแกร่ง

“ถ้าเจ้าคิดว่านี่เป็นการหลอกลวงเชิญออกไปข้างนอกได้เลยเราจะไม่รั้งเจ้าไว้”หัวซาน!  ทำสิ่งที่เจ้าอยากทำได้เลย เราไม่ห้ามเจ้าแต่โปรดหยุดบ่นเสียที ที่นี่การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่ไม่ส่งผลดีต่อการทำงานแต่ส่งผลเสียต่อขวัญและกำลังใจของทุกคน” เงาสีม่วงมีแนวคิดตรงข้ามเงาร่างแดงเพลิงโชติช่วง

“อะไรนะ? ข้าอยู่ที่นี่แล้วถ่วงขาถ่วงหลังของพวกเจ้าทุกคนหรือ?” เงาร่างแดงที่เรียกตนเองว่าหัวซานโกรธสหายอย่างหนัก

“เจ้าไม่ได้ลากถ่วงทุกคน  แต่จะมีประโยชน์มากถ้าเจ้าหุบปากของเจ้า”เงาร่างม่วงกระทบในตอนท้าย

“เอาละพอเถอะ เราทุกคนเป็นสหายกันมายังขุมทรัพย์ของดินแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ ก่อนที่ขุมทรัพย์จะถูกเปิดออกเราควรจะทำงานร่วมกันแทนที่จะโทษว่าซึ่งกันและกันเหมือนตอนนี้ เราทำเรื่องนี้หากตาแก่เทียนอี้เห็นเข้าไม่ขำก็คงไม่แปลก...  ในขณะที่ตงฟางและเทียนอี้อยู่ในระหว่างการต่อสู้อย่างดุเดือดกับผู้พิทักษ์หอทงเทียนพวกเขาไม่มีเวลาแยกมาดู เราจะต้องรีบหาทางเข้าที่แท้จริงและรีบเก็บเกี่ยวสมบัติมันยากที่จะหาช่วงเวลาแห่งผลกำไรดังกล่าว ชาวประมงอย่างเราต้องการของมีค่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะคว้าชิ้นเนื้อที่เข้าปากเทียนอี้ ตอนนี้เขากลัวผู้พิทักษ์หอทงเทียนและเขาไม่กล้าแสดงตัวออกมาอย่างง่ายๆเราต้องรีบคว้าโอกาสนี้ไว้” ร่างเงาน้ำเงินออกมาห้ามทัพเงาร่างแดงและเงาร่างม่วง

“ฟังนะ จางไห่ หัวซาน, เหลยหมิงพวกเจ้าต้องพูดให้น้อยลง อูหวินกับหยวนเหย่ พวกเจ้าช่วยพูดหน่อย ถ้าภายในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพไม่มีทางเข้าก็คงกลายเป็นเรื่องสับสนวุ่นวาย  เรื่องนี้จะถูกส่งกลับไปยังแดนสวรรค์บน” มีร่างสีขาวเงินเหมือนกับเป็นร่างของสตรีกล่าวชวนเบาๆ

“ให้ข้าหุบปาก” เงาร่างไฟถอนหายใจไม่พอใจ “ข้ายืนยันที่วังเทียนหลัว ผู้พิทักษ์แผ่นดินก็คือทางเข้าที่แท้จริง”

“ความสงสัยนี้ไม่ได้ไร้เหตุผลสิ้นเชิง”   เงาร่างดำพูดเสียงก้อง  “ถ้าเทียนอี้รู้ว่าเราอยู่ที่ไหนเขาจะไม่นั่งดูเฉยๆ แน่  เว้นแต่ไม่ใช่ทางเข้าที่แท้มันไม่มีประโยชน์ที่เราจะสำรวจต่อไป”

“อูหวิน! เจ้ากำลังคิดว่าเทียนอี้กำลังผ่านด่านสุดท้าย  เขาไม่รู้ว่าเรามา”  เงาร่างเขียวเมื่อได้ยินก็ไม่เห็นด้วย

“อย่างไรก็ตามข้าไม่คิดว่าเทียนอี้จะถูกหลอกได้ง่าย แม้แต่ตงฟางที่มีไหวพริบสติปัญญาดีก็อาจตรวจพบเราได้เพียงแต่เขาไม่สามารถเปลี่ยนเราเป็นตัวหมากของเขาได้ เขาได้แต่ควบคุมคนอื่นสามารถสร้างชื่อเสียงในแดนสวรรค์บนได้จะโง่ได้อย่างไร? ไม่,  เขาเป็นคนโง่จริงๆ  ถ้าขืนโง่จริงๆ  ก็คงตายไปนานแล้ว จะมีชีวิตอยู่มาถึงปัจจุบันได้อย่างไรนี่ไม่ใช่เป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับทุกคนและไม่ได้ปฏิเสธการค้นหาเป้าหมายของทุกคน แต่ข้าคิดว่าเราต้องระมัดระวังตัวให้มากพอ”  เงาดำยืนยันความคิดเห็นของเขา

“การสงสัยมิใช่เป็นไปไม่ได้  แต่เป็นเรื่องโง่ที่จะคิดถึง”  เงาร่างเขียวแค่นเสียงเยาะเย้ยสหายที่ชื่ออู่หวิน

“ข้าจะไม่บอกเจ้าอีกแล้ว”  เงาร่างดำชื่ออู่หวินโกรธมากเช่นกัน

“ตอนนี้เราควรจะทำอย่างไร?  เราควรสำรวจทางเข้าลับต่อไป หรือเบนไปที่วังเทียนหลัว?”  เงาร่างทองสับสนเล็กน้อย เขาถามความเห็นของทุกคน

อย่างนั้นเราจะทำอะไรต่อไป?

ตอนนี้ความเห็นแยกออกเป็นสองแนวทาง

ฝ่ายหนึ่งคิดว่าทางเข้านี้เป็นเส้นทางที่แท้จริงและควรใช้เวลาสำรวจสถานที่ลึกลับ อีกฝ่ายหนึ่งรู้สึกว่าทางเข้าน่าจะอยู่ในอีกสถานที่หนึ่งไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอยู่ที่นี่ต่อไป

ไม่ว่าจะเลือกทิศทางใดจะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างสมบูรณ์

แยกกันทำนั่นไม่ใช่เรื่องที่อาคันตุกะที่ไม่ได้รับเชิญยินดีเห็น

แม้ว่าพวกเขาทุกคนจะมีพลังเทพเกินกว่าคนธรรมดาแต่ทักษะของพวกเขาแต่ละคนยังห่างจากเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ยากจะโยกคลอนเขาได้อย่างมิต้องสงสัย  พวกเขาทราบและเข้าใจอย่างถ่องแท้แม้ว่าพวกเขาจะร่วมมือกันพวกเขาก็ไม่สามารถต่อกรกับเจ้าตำหนักสูงสุดได้และยิ่งไม่สามารถแยกกันดำเนินการได้

ควรจะทำอย่างไรดี?

เงาร่างทุกคนหันไปทางเงาร่างน้ำเงินที่ดูลึกซึ้งที่สุด

มีแต่เขาเท่านั้นที่เข้าร่วมสงครามสมบัติลับแดนล่มสลายแห่งทวยเทพหอทงเทียนครั้งล่าสุด ตอนนั้นเขายังไม่แข็งแกร่ง  ตอนนั้นจางไห่มีบทบาทน้อยไม่สำคัญ  อย่างน้อยก็เข้าร่วมสู้ในสงครามกับจักรพรรดิอวี้เมื่อหกพันปีก่อนและกับนางพญาผู้พิชิตเมื่อหมื่นปีก่อน จึงได้รู้จักขุมสมบัติลับโบราณมากขึ้น

หลังจากสงครามคราวนั้น เทียนอี้ผู้ได้รับผลประโยชน์มากมายกลายเป็นนักสู้ผู้นำที่แข็งแกร่งไม่เป็นรองใครของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ทันที

“ที่นี่เป็นประตูทางเข้าจริง  ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ได้ผ่านเข้าไปแต่สหายของข้าที่เคยตายในสงครามครั้งแรกเคยต่อสู้ที่นี่เพื่อยึดเส้นทางเข้าสู่ขุมทรัพย์เขาต้องสูญเสียอนาคตที่ยิ่งใหญ่และชีวิตที่ทรงพลังของเขา  เมื่อเทียบกับเขาแล้วข้าเป็นนักสู้มือใหม่ที่อ่อนแอในเวลานั้น ข้าไม่มีคุณสมบัติจะเข้าช่วงชิง  ข้าเพิ่งจะมาที่นี่ในตอนนั้น  โชคดีที่เป็นมือใหม่ที่โง่เขลา”  เงาร่างสีน้ำเงินรำลึกถึงเรื่องราวในอดีตที่เขาคิดถึง  “หอทงเทียนในอดีตนั้นแข็งแกร่งไม่ตกต่ำเหี่ยวแห้งเหมือนวันนี้ ข้าจำได้ว่าเมื่อข้ายังอยู่ในเส้นทางเดินโบราณถ้าถูกผู้แข็งแกร่งแห่งหอทงเทียนทั้งสองจับ  ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา ข้าอาจถูกบีบคั้นจนตายโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใด  แต่พวกเขาไม่ได้ทำพวกเขาหัวเราะแล้วพูดว่าพวกเขาจะให้โอกาสข้ามีชีวิตรอดอยู่บอกแม้กระทั่งว่าพวกเขาจะช่วยเมล็ดพันธุ์ผู้บุกรุกจากแดนสวรรค์ไว้เพื่อที่จะไม่ต้องเข่นฆ่ามากเกินไป นี่คือความเป็นจริง หอทงเทียนที่ทรงพลังในสมัยนั้นมีคุณสมบัติพอจะพูดสิ่งต่างอย่างแน่นอน  พลังของพวกเขาจะบอกว่า บางทีพวกเจ้าทุกคนมีความมั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเอง  แต่ถ้าพูดกันตามความเป็นจริงแล้ว ถ้าเทียบกับพวกเขาในอดีตพวกเขาอาจต้านรับพวกเขาได้ไม่เกินสามท่า!”

“อะไรนะ?” ร่างเงาไฟอุทานลั่นด้วยความเหลือเชื่อไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น เงาร่างทุกคนก็รู้สึกเหลือเชื่อด้วย

“ข้าไม่ได้พูดเกินจริง พวกเจ้าควรรู้ว่าข้าพูดแต่ความจริงเท่านั้น  นอกจากนี้ยังมีถึง 80%” เงาร่างสีน้ำเงินชื่อจางไห่โบกมือให้สหายเงียบไม่ต้องสงสัย  “นักรบหอทงเทียนมีพลังแข็งแกร่งสุดยอดนักรบแดนสวรรค์บนมีพลังแต่หกในสิบของหอทงเทียน พวกเขาไม่ได้เหนือกว่าพวกหอทงเทียน”

นักสู้จากแดนสวรรค์บนมีพลังเทียบกับนักรบหอทงเทียนได้เพียง50-60% เองหรือ?

นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว

ไม่ต้องพูดถึงแดนสวรรค์บน  แค่แดนสวรรค์ธรรมดาก็มีขนาดใหญ่กว่าหอทงเทียนไม่รู้ต่อกี่เท่า! พวกเขาไม่สามารถจินตนาการออกได้จริงๆ พวกเขาคาดเดาว่าแม้ว่าแดนสวรรค์จะมีแผ่นดินใหญ่นั่นก็ยังจะใหญ่กว่าหอทงเทียนทั้งหมด แต่แดนสวรรค์มีแผ่นดินถึงล้านแห่งมีเขตดินแดนที่แต่ละดินแดนมีจักรพรรดิแดนดินปกครองถึงร้อยแห่งทวีปปกครองเกือบหมื่นทวีป

ด้วยดินแดนสวรรค์ขนาดใหญ่เช่นนี้กับแดนสวรรค์บนและสุดยอดนักสู้นับไม่ถ้วนกลับมีจำนวนพอๆ กับบ้านนอกอย่างหอทงเทียน?

หากบอกว่านักรบจากแดนสวรรค์อ่อนแอเกินไปนั่นก็ถูก แต่แดนสวรรค์บนเล่า? แดนสวรรค์บนไปอยู่ที่ไหน?

ถ้าไม่ใช่ว่าจางไห่โกหกไม่เป็นเปลี่ยนเป็นคนอื่นพูด ทุกคนจะไม่เชื่ออย่างแน่นอน

นักรบหอทงเทียนขัดกับเจตจำนงสวรรค์จริงๆ!

พวกเขาไม่ต้องการให้คนอื่นมีชีวิตอยู่ได้หรือ?

เทียบกับนักรบหอทงเทียนในปัจจุบันนี้แล้วช่างน่าสมเพชเหลือเกิน การรุกรานของแดนสวรรค์มีแต่ทหารระดับต่ำเท่านั้น ถ้าไม่ใช่เย่ว์ไตตันเจ้าเด็กที่ไม่ธรรมดาคอยต่อต้านแล้วหอทงเทียนไม่มีทางดำรงอยู่ได้ ดังนั้นพวกเขายังพอโล่งใจอยู่ได้บ้าง!

ในอดีตนักรบหอทงเทียนที่ครั้งหนึ่งเคยสบประมาทแดนสวรรค์กลับไม่สามารถหาคนเก่งสักสองสามคนลุกขึ้นต่อต้านการรุกรานจากแดนสวรรค์ได้

สุดยอดฝีมือที่เคยมีอิทธิพลทั้งหมดไปอยู่ที่ไหนกันหมด?

“พวกเขาตายกันหมด ต่อให้ไม่ตายก็ถูกผนึกโดยมหาเทพโบราณ” คำพูดของจางไห่ทำให้สหายทั้งหมดตกตะลึง

“ไม่ได้ตายทั้งหมดหรือ?”  เงาร่างเพลิงหัวซานไม่อาจยอมรับได้

“นั่นแหละคือจำนวนสุดยอดนักสู้ที่มีมากเทียบกับแดนสวรรค์แล้วมีถึง50-60%” อู่หวินก็รู้สึกเหลือเชื่อ ใครกันแน่? ใครกันที่มีพลังฆ่าสุดยอดนักสู้ได้มากมายเพียงนั้น?

“ใช่แล้ว พวกเขาตายกันหมดเข่นฆ่ากันเองไม่มีใครอื่น พวกเขาทำตัวกันเอง! ในหอทงเทียนเกิดการต่อสู้ประจัญบานกันบ่อย นี่คือลักษณะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนักสู้หอทงเทียน เช่นเดียวกับการสู้ประจัญบานเป็นการต่อสู้ที่ไม่กระทบต่อกองกำลังภายนอก  นักรบทวีปมังกรทะยานสู้กับนักรบปีศาจแดนนรก  และนักรบในแดนนรกต่อสู้กันเองไม่มีใครสามารถค้นพบว่า อะไรคือสาเหตุความเกลียดชังเหตุผลแบบไหนกันที่ทำให้พวกเขาต้องมาต่อสู้กันเองอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเช่นนี้”

“และการต่อสู้แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งหรือสองครั้งในชั่วข้ามคืนและการต่อสู้บางครั้งยาวนานเป็นพันๆ ปีความแค้นความชังส่งผ่านไปยังลูกหลานรุ่นแล้วรุ่นเล่าและคงอยู่ตลอดไป”

“อาจกล่าวได้ว่าการตกต่ำของหอทงเทียนเป็นเพราะการต่อสู้ภายในกันเอง  นักรบหอทงเทียนชอบการต่อสู้มากเกินไป  คนแข็งแกร่งของพวกเขา ไม่ถูกฆ่าก็ถูกผนึก ในที่สุดก็มีเพียงจำนวนน้อยที่สืบทอดความแข็งแกร่งกันต่อไป  อย่างไรก็ตามเมื่อศิษย์รุ่นหลังเติบโตเต็มที่พวกเขาเริ่มต่อสู้กันอีกครั้ง และต่อสู้กันจนถึงที่สุดและเหลือรอดชีวิตเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สืบทอดความรุ่งเรืองต่อมา  หากแต่บุคคลระดับกลางๆ นั้นมีการขาดช่วงคนรุ่นหลังๆ สูญเสียการส่งต่อพลังของคนรุ่นก่อนๆ พวกเขาเริ่มตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอนาถขาดแคลนผู้แข็งแกร่ง...เหลือแต่เย่ว์ไตตันในปัจจุบันนี้ อย่างไรก็ตามการเติบโตของนักรบหอทงเทียนนั้นรวดเร็วมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักรบชาวมนุษย์ของทวีปมังกรทะยานมีความก้าวหน้ารวดเร็วอย่างน่าทึ่ง เย่ว์ไตตันเป็นเด็กอัจฉริยะยอดเยี่ยมกว่าอัจฉริยะทั้งปวง”  จางไห่เล่าสถานการณ์ต่างๆ ให้สหายของเขาฟังและเงาร่างสองสามร่างได้ยินแล้วถึงกับอุทานเบาๆ แล้วมองเขาต่อ

“จะแบ่งกลุ่มชาติพันธุ์ระหว่างพวกเขาได้อย่างไร?  มนุษย์แห่งทวีปมังกรทะยานและสังคมปีศาจแดนนรก?”  เงาร่างสีเขียวถาม

“ไม่, พวกเขามีกลุ่มชาติพันธุ์ที่ซับซ้อนมากๆแม้แต่ทวีปมังกรทะยานและปีศาจแดนนรกอย่างน้อยก็แบ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ได้หลายสิบชาติพันธุ์  แต่นักรบบันไดสวรรค์มีความเป็นปึกแผ่นมากกว่าสามารถจำแนกชาติพันธุ์ได้ง่ายกว่า พวกเขามีวิทยายุทธเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง” เงาร่างน้ำเงินชื่อจางไห่ส่ายศีรษะ

“แดนสวรรค์บนแบ่งพวกเขาว่าแตกต่างกันอย่างไร?”  เงาร่างทองถาม

“แดนสวรรค์บนในอดีตถูกแบ่งออกตามสถานที่ซึ่งพวกเขามาไม่ว่าจะเป็นบันไดสวรรค์ ทวีปมังกรทะยานหรือปีศาจแดนนรก  พื้นล่างของหอทงเทียนนั้นเล็ก  แดนสวรรค์บนกล่าวโดยทั่วไปแล้วแบ่งออกเป็นสามกลุ่มที่สำคัญมากในแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์นั้นมีขนาดใหญ่และซับซ้อนมากแน่นอนว่าถ้ามีศัตรูต่างถิ่นบุก ก็ต้องต่อสู้เพื่อรักษาชาติพันธุ์ขนาดใหญ่ไว้  นั่นเป็นเรื่องปกติเหมือนอย่างที่แดนสวรรค์บุกรุกหอทงเทียน ตอนนี้ทุกคนโต้ตอบตามคำสั่งของเย่ว์ไตตัน แน่นอนว่านี่เป็นส่วนใหญ่เพราะหอทงเทียนไม่มียอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ หากพวกเขามีนักสู้ที่แข็งแกร่งเหมือนเย่ว์ไตตันหลายสิบหรือหลายร้อยคน เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะต่อสู้เคียงข้างกันไม่ต้องพูดถึงว่ามีเป็นร้อย ต่อให้พวกเขามีเย่ว์ไตตันหลายสิบคน พวกแดนสวรรค์จะไม่มีใครกล้าเข้ารุกราน  แม้ถ้านักรบหอทงเทียนไม่ได้ต่อสู้กันเอง  ที่นี่มักจะเป็นเขตหวงห้ามนักรบแดนสวรรค์ไม่มีทางเข้ามาตอแย  มันเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร แม้แต่ทหารทั่วไปของแดนสวรรค์ก็ยังกล้าเข้ารุกรานย่ำยีพวกเขาอย่างย่ามใจ..”

“พูดถึงความแตกต่างระหว่างชาติพันธุ์ทั้งสามข้าชักสนใจเรื่องเหล่านี้เล็กน้อย” ร่างเงาเขียวถามด้วยความกระตือรือร้น

“แดนสวรรค์บนแบ่งพวกเขาตามพฤติกรรมและนิสัยของพวกเขา  โดยทั่วไปแล้วพวกเขาไม่ชอบรังแกคนอ่อนแอ ในทางตรงกันข้ามหอทงเทียนชอบความรู้สึกพิทักษ์ธรรมช่วยคนอ่อนแอ  และต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งพวกที่มีนิสัยอย่างนี้มักจะมาจากทวีปมังกรทะยาน สังคมของนักสู้จากทวีปมังกรทะยานมีความเกี่ยวเนื่องทางสายเลือดที่สำคัญ  กล่าวอีกอย่างหนึ่งนักสู้ที่แข็งแกร่งจากทวีปมังกรทะยานเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ใหญ่ที่สุด  มีความแตกต่างจากปีศาจแดนนรกมาก ประการแรกพวกเขาสนับสนุนให้มีพลังต่อสู้ก่อสงครามต้องเผชิญหน้าท้าทายกับนักสู้ผู้แข็งแกร่งทุกคนและเมินเฉยต่อสิ่งมีชีวิตเล็กและอ่อนแอแต่ก็ยังแตกต่างจากนักสู้แดนสวรรค์บนหลายคนพวกเขาไม่สนใจสิ่งมีชีวิตที่เล็กและอ่อนแอ  แต่ไม่ยอมให้สิ่งมีชีวิตระดับล่างเป็นอุปสรรคขัดขวางต่อความก้าวหน้า บ่อยครั้งที่พวกเขาดำเนินการทำลายล้างกลุ่มคนชั้นล่างหรือจับมาเป็นทาสเมื่อเทียบกับนักสู้แดนสวรรค์บน ต้องอธิบายให้ถูกว่าชนชั้นสูงของเผ่าปีศาจแดนนรกเป็นพวกกล้าหาญแต่บ้าคลั่งก่อสงครามเพื่อเข้าครอบครองปกครองอย่างเดียวดูเหมือนไม่มีความกระตือรือร้นที่ยิ่งใหญ่” เงาร่างน้ำเงินจางไห่สรุป

“บันไดสวรรค์เล่า เป็นยังไงบ้าง?”  เงาร่างสีเขียวถามอีกครั้ง

“บันไดสวรรค์เหมือนกับว่ามีลักษณะที่ลึกลับมากตำนานที่มีอยู่ในแดนสวรรค์ดูเหมือนจะมีน้อยเช่นกัน”เงาร่างทองแสดงความเข้าใจเรื่องที่สนใจ

“เป็นเช่นนั้นจริงๆและสิ่งที่ทำให้ประหลาดใจที่สุดก็คือนักรบหอทงเทียนจากบันไดสวรรค์แห่งนี้ จำนวนคนพวกนี้มีน้อยที่สุดและส่วนใหญ่เป็นสตรีแต่ความแข็งแกร่งของพวกเขานับว่าไม่เลว ชาติพันธุ์แปลกประหลาดนี้อาจมีความสัมพันธ์กับเผ่าบูรพาอมตะอย่างแยกไม่ออกไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น  นักรบบันไดสวรรค์นั้นมีนิสัยรักสงบ  พวกเขาไม่ชอบการต่อสู้เลยพวกเขารักสิ่งมีชีวิตทั้งต้นไม้ใบหญ้า แมลงนกทุกชนิดแม้แต่ทาสที่ต่ำต้อยพวกเขาก็ยังให้การเหลียวแล บางทีอาจเป็นเพราะคิดแบบนี้นักรบจากบันไดสวรรค์มักประสบกับความเข้าใจผิดคิดว่าพลังของพวกเขาอ่อนแอมากและพวกเขามักถูกจู่โจมเพื่อยึดครอง...  ในเวลานั้นมีสงครามหลายอย่างที่เกิดขึ้นเช่นนี้! เพราะนักรบบันไดสวรรค์ถูกโจมตีความโกรธของนักรบทั้งสองกลุ่มทั้งของทวีปมังกรทะยานและปีศาจแดนนรกจึงขึ้นมายังแดนสวรรค์จนมิอาจควบคุมได้หากไม่มีเทพบางตนช่วยผนึกไว้ อย่างนั้นสงครามคงไม่สงบลงง่ายๆ”

“เจ้าหมายความ นักรบระดับเทพของหอทงเทียนก็คือพวกที่สู้ตาย? แดนล่มสลายแห่งทวยเทพนี้ก็คือตำนานสมบัติของพวกเขาหรือ?”  เงาร่างไฟนามหัวซานในที่สุดก็พบว่าทำไมพี่ใหญ่อย่างจางไห่ถึงไม่ไปสำรวจในที่ไกลจากที่นี่

“จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ผิด”  ร่างเงาสีน้ำเงินจางไห่เห็นด้วย

“มีสมบัติอยู่ในนั้นมากมายเท่าใดกัน?”เงาร่างทั้งหมดนัยน์ตาเป็นประกาย

“พระเจ้า ถ้าเราสามารถได้มาสักหนึ่งในสิบ ไม่สิ,สักหนึ่งในหมื่นแล้วละก็...” เงาร่างสีทองไม่อาจจินตนาการอีกต่อไป

“ทำไมกัน?ทำไมนักรบหอทงเทียนตายแล้วถึงกลับไปยังแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ?   ในขณะนี้ทำไมพวกเขาถึงไม่ต่อสู้ทำไมพวกเขาถึงตาย  แม้ว่าพวกเขาจะตายทำไมต้องกลับมาที่นี่  ข้าไม่เข้าใจ!”  เงาร่างเขียวงง

“นักรบหอทงเทียนเป็นที่รู้จักของชาวแดนสวรรค์บนว่าอ่อนแอ  พวกเขาไม่เหมือนกับเรา  เมื่อพวกเขาเข้าไปในแดนสวรรค์พวกเขาจะสร้างบ้านของพวกเขาที่นั่น สร้างอาณาจักรของพวกเขาเองและพัฒนาก้าวหน้าต่อไป   พวกเขาไม่ได้เป็นเช่นนี้  เมื่อพวกเขาสร้างเมืองหรืออาณาจักรใหญ่ถึงระดับหนึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมีความรู้สึกนึกถึงการมีบ้านให้กลับเป็นไปไม่ได้ที่จะมีความรู้สึกมีความเห็นอกเห็นใจเหมือนกับที่หอทงเทียนดินแดนมาตุภูมิ  ข้าเคยได้ยินความลับมาว่านักรบหอทงเทียนที่มีพลังสูงสุดจะมาที่บันไดสวรรค์สถานที่ลึกลับในตำนานที่นั่นนักสู้จะทิ้งเครื่องหมายมรดกพลังความแข็งแกร่งไว้ข้างหลังด้วยกระบวนการฝึกฝนที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขามอบให้ผู้เยาว์รุ่นหลัง  และหลังละสังขารพวกเขาเลือกให้วิญญาณกลับไปยังจุดเดิมที่เป็นแดนล่มสลายแห่งทวยเทพและผนึกทุกอย่างในชีวิตของพวกเขาเพื่อให้คนรุ่นหลังได้เติบโตไม่หยุดตามกระแสเวลาสถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์รวมพวกเขาทั้งหมดและจุดเริ่มต้นจนกระทั่งทุกอย่างดำเนินไปสู่ความโกลาหล ข้าไม่แน่ใจนัก แต่สามารถยืนยันได้ว่าทางเลือกของพวกเขาไม่เหมือนกับแดนสวรรค์และแดนสวรรค์บน”

“เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีความขัดแย้งในตัวเองจริงๆ!  ในชีวิตข้าชอบการต่อสู้แต่ข้าชอบที่จะกลับไปที่ต้นกำเนิดด้วยกันหลังจากตายแล้วนี่เป็นพฤติกรรมที่ไม่มีเหตุผลจริงๆ!” ร่างเงาสีม่วงส่ายหัวและถอนหายใจ เขาไม่เข้าใจความคิดเห็นพฤติกรรมที่ขัดแย้งเหล่านี้ได้

“แต่คนพวกนี้ชอบการต่อสู้  นอกจากนี้ยังมีลักษณะที่แปลกและขัดแย้งเช่นกันตราบใดที่หอทงเทียนถูกรุกรานจากแดนสวรรค์พวกเขาจะละวางความเกลียดชังและปกป้องศัตรูด้วยกันบางทีนี่อาจเป็นความรู้สึกรักบ้านเกิด! เมื่อมองดูเย่ว์ไตตันในปัจจุบันนี้เขามายังทวีปมังกรทะยานสามารถร่วมมือกับบันไดสวรรค์และแดนปีศาจนรกเพื่อต่อต้านตงฟางด้วยกัน ถ้าเป็นในแดนสวรรค์และแดนสวรรค์บนเป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นการต่อต้านเช่นนี้  เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการต่อสู้ที่ไร้พ่าย  มีคนมากมายที่ติดตามเย่ว์ไตตันโดยไม่เกรงกลัว  คนโง่แบบนี้หาได้ยากจริงๆ ในแดนสวรรค์แต่ก็เป็นคนโง่ที่ทำให้ข้าตกใจ เป็นครั้งแรกที่พวกอ่อนแอทำให้ข้าตกใจได้!” เสียงของร่างเงาเพลิงหัวซานค่อยๆ เปลี่ยนเป็นชื่นชม

“ฮะฮะ นี่ช่างแตกต่างจากแดนสวรรค์และแดนสวรรค์บนของเราจริงๆ” ทันใดนั้นเงาร่างสีฟ้าจางไห่ส่ายหัวและหัวเราะ  “ข้าเห็นด้วยกับพวกเจ้าแต่ข้าไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่าไม่มีโอกาสได้ชัยชนะ  โดยส่วนตัวข้าคิดว่าเย่ว์ไตตันจะชนะ!”

“อะไรนะ?” เงาร่างทั้งหมดจ้องมองหัวหน้าด้วยความประหลาดใจ

“ไม่ต้องแปลกใจเกินไปแม้ว่าสถานการณ์การต่อสู้จะยังไม่ชัดเจน แต่ข้าเชื่อว่าชัยชนะสุดท้ายจะตกเป็นของเย่ว์ไตตันผู้นั้น หอทงเทียนมีสุดยอดนักสู้ลับพิเศษคอยปกป้องอยู่มากมาย พวกเขาจะไม่มองดูตงฟางและเทียนอี้ทำลายหอทงเทียนแน่นอน บางทีในบรรดาเทพที่ตายไปนับไม่ถ้วนอาจมีหลายคนที่ไม่รู้จัก? นักรบของหอทงเทียนในอดีตมีมากมายเหมือนดวงดาวในท้องฟ้าพวกเขาจะตายไปทั้งหมดได้อย่างไร? อย่างน้อยก็ยังเหลืออยู่หลายคน ยิ่งไปกว่านั้นในเรื่องการสืบทอดวิชาของหอทงเทียนเป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดยั้งสิ้นสูญตลอดประวัติศาสตร์ต่อสู้ของหอทงเทียนหลายพัน? ไม่มีเลยหอทงเทียนให้กำเนิดนางพญาผู้พิชิต! นางพญาผู้พิชิตที่พยายามกวาดดินแดนสวรรค์ยังคงถูกผนึก  แล้วหอทงเทียนสูญสิ้นนักรบหรือไม่? เปล่าเลย! หอทงเทียนให้กำเนิดจักรพรรดิอวี้!  จักรพรรดิอวี้ตาย หอทงเทียนสูญพันธุ์นักรบไหม?ก็เปล่าอีก ตอนนี้สถานที่แห่งนี้สร้างเย่ว์ไตตันอัจฉริยะที่ผิดธรรมดาขึ้นมาอีก!  ในช่วงเวลาที่วิกฤตที่สุดนี้เขาเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ดังนั้นหอทงเทียนจึงไม่มีวันสูญเสิ้นนักรบอย่างแท้จริงหอทงเทียนอาจจะตกต่ำลงไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง แต่หลังจากพักฟื้นก็ให้กำเนิดอัจฉริยะขึ้นมาจำนวนนับไม่ถ้วนมันสร้างอัจฉริยะเพื่อขยายความงดงามรุ่งโรจน์ของบรรพบุรุษ”  เงาร่างน้ำเงินจางไห่มองออกไปไกล

“ไม่อาจบอกได้ว่าเย่ว์ไตตันชนะ  ที่สำคัญเค้าโครงแผนของตงฟางทั้งหมดได้บรรลุขอบเขตที่ไม่สามารถกอบกู้กลับคืนได้”  ร่างเงาเพลิงหัวซานยังสงสัย

“ดังนั้นเราต้องรักษาความเป็นกลางก่อนที่จะมีการชี้ขาดครั้งสุดท้ายการวางตัวเป็นกลางคือการกระทำที่ฉลาดที่สุด”เงาร่างเขียวยิ้ม

“ถ้าพวกท่านเต็มใจรักษาความเป็นกลางอย่างนั้นข้าในฐานะเป็นหนึ่งในเจ้าบ้านยินดีร่วมต้อนรับเล็กๆ น้อยๆ แม้ว่าอาคันตุกะผู้มีเกียรติจากแดนสวรรค์ไม่กี่คนต้องการเยี่ยมชมแดนล่มสลายแห่งทวยเทพที่เป็นความลับสุดยอดของทวยเทพแต่ก็ไม่มีอะไรเสียหาย ที่นี่อู๋เสียของทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อนำท่านเข้าสู่อดีตอันรุ่งโรจน์ของผู้บุกเบิกหอทงเทียน”  จู่ๆเสียงไพเราะเป็นธรรมชาติไม่รู้ดังขึ้นมาจากไหน รู้แต่เพียงว่าเสียงดังมาถึงท่ามกลางเงาร่างเหล่านั้นผ่านการป้องกันที่ไม่มีใดเทียบดังเข้าไปในใจของเงาร่างเหล่านั้น

ไม่รอให้เงาร่างเหล่านั้นมีปฏิกิริยาสนองตอบ

ในที่นั้น

มีคนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนเปล่งรัศมีราวกับเทพธิดาลงมาจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้าไม่มีผงคลีแปดเปื้อนดวงตานางเป็นประกายสดใสดึงดูดหัวใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด