ตอนที่แล้วบทที่ 41-42
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 45-46

บทที่ 43-44


บทที่ 43

ความลับของพวกเขา

หลังออกมาจากเจ้าสำราญราวเมามายในความฝัน เมิ่งอวิ๋นเสียงเดินไปตามถนนอย่างหดหู่ ในมือของนางถือผลไม้เคลือบน้ำตาลที่จิ่งฮวาซื้อให้ และเดินก้มหน้าราวกับดอกไม้ที่ถูกแสงแดดแผดเผาอย่างไร้ความปรานี

เมื่อจิ่งฮวาเห็นเช่นนี้ก็ยกยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “อาเสียง หากเจ้าไม่กินผลไม้เคลือบน้ำตาลนี้ มันจะละลาย”

เมื่อได้ยินดังนั้น เมิ่งอวิ๋นเสียงก็เงยหน้าขึ้นมองผลไม้เคลือบน้ำตาลแล้วมองจิ่งฮวา ก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง นางคิดมาตลอดว่าตนเองมีความชาญฉลาดในการต่อรอง แต่ครั้งนี้นางขาดทุนจริง ๆ ตอนแรกนางคิดว่าเหยาจีจะเปิดเผยเรื่องที่น่าตื่นเต้นบางอย่างออกมา แต่กลับกลายเป็นเพียงเรื่องซับซ้อนแบบละครน้ำเน่า

ความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ อาฮวาเป็นหวงจื่อและเหยาจีเคยเป็นนางกำนัลคนสนิทในตำหนักของเขา พวกเขาเคยมีชีวิตที่สวยงาม แต่คนหนึ่งมีพรสวรรค์และสถานะที่สูงกว่า ทั้งสองเป็นดั่งไม้แห้งและไฟที่อยู่ใกล้ชิดกันจึงมีความสัมพันธ์กัน และจากนั้นไม่นานโศกนาฏกรรมความรักก็เกิดขึ้น เพราะในที่สุดอัตลักษณ์ของชนชั้นที่ร้ายกาจก็ได้แยกทั้งสองออกจากกัน และนกเป็ดน้ำคู่รักก็ต้องขมขื่น

เมื่ออาฮวาเห็นว่าสตรีที่เขาเคยรักมาเป็นนักดนตรีในหอคณิกา เขาก็คงรู้สึกไม่สบายใจ หลังจากคิดเช่นนั้นแล้วนางก็มอง จิ่งฮวาด้วยความเห็นอกเห็นใจ “อาฮวา เจ้ามีคนที่เจ้าชอบหรือไม่?”

สิ่งที่เมิ่งอวิ๋นเสียงเต็มใจทำมากที่สุดคือการช่วยจับคู่ แม้ว่าเรื่องราวของทั้งสองจะค่อนข้างหดหู่ แต่นางไม่อาจทนดูคนสองคนที่รักกันถูกพรากจากกันได้

จิ่งฮวาไม่รู้ว่าเมิ่งอวิ๋นเสียงจะเปลี่ยนบทสนทนาได้เร็วถึงเพียงนี้ เขาจึงรู้สึกประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เหลือบมองนางและหันกลับไปอีกครั้ง แล้วแสร้งไอออกมาสองครั้ง          เมิ่งอวิ๋นเสียงคิดว่าเขาเขินอายจนไม่กล้าพูดออกมา นางจึงเร่งให้เขาตอบ

เมื่อจิ่งฮวาหันกลับมาก็ดูเหมือนว่าเขากำลังตัดสินใจครั้งใหญ่ เขามองเมิ่งอวิ๋นเสียงด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็พูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “เมื่อก่อนไม่มี แต่ตอนนี้มีแล้ว”

เมิ่งอวิ๋นเสียงรู้สึกตัวชาเล็กน้อยเมื่อถูกเขาจ้องมอง และพยายามคิดว่าเขากำลังครุ่นคิดสิ่งใดในใจอยู่กันแน่ จากนั้นชายหนุ่มก็แสร้งไอออกมาแล้วรีบหันหลังกลับ นางตอบกลับเขาว่าดีแล้ว จากนั้นเมิ่งอวิ๋นเสียงก็คิดว่าความรักของจิ่งฮวาไม่ประสบความสำเร็จเพราะสถานะของเขา เขาจึงต้องยอมแพ้ ดังนั้นหากนางคิดหาวิธีช่วยเหลือให้ทั้งสองได้พบกันอีก อาฮวาก็คงจะมีความสุขมากเป็นแน่

หลังจากพูดจบแล้วก็เผยรอยยิ้มกว้างจนเกือบจะน้ำลายไหล

หลังจากกลับมายังตำหนักบูรพาแล้ว เมิ่งอวิ๋นเสียงก็ได้ยินเสียงคร่ำครวญด้วยความเสียใจทันที จนทำให้เมิ่งอวิ๋นเสียงคิดอยากจะหนีไปให้เร็ว

“ไท่จื่อเฟย ท่านลืมข้าน้อยได้อย่างไร? ข้าน้อยรับใช้ท่านมาเกือบทั้งชีวิต และไม่ได้สนิทน้อยไปกว่าหวงจื่อลำดับที่หกที่ท่านเพิ่งรู้จักเพียงไม่กี่วัน มันช่างเหน็บหนาวเปล่าเปลี่ยวยิ่งนัก” อันที่จริงชิงหลัวต้องการจะบอกว่าเห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อน แต่นางก็เกรงว่าเมิ่งอวิ๋นเสียงจะทุบตีนาง

เมิ่งอวิ๋นเสียงกลอกตา เกือบทั้งชีวิตหรือ ตอนนี้นางเพิ่งก้าวเข้าสู่วัยสาวได้ไม่นาน แล้วนางจะพูดราวกับว่าตนแก่ชราไปแล้วได้อย่างไร แต่นางก็ตัดสินใจพูดปลอบโยนว่า “ไท่จื่อเฟยของเจ้าจะลืมเจ้าได้อย่างไร อย่าโกรธเลยนะ ดูสิว่าข้าเอาอะไรมาฝากเจ้า”

หลังจากพูดจบ นางก็รีบยื่นผลไม้เคลือบน้ำตาลที่กำลังจะละลายในมือของตนให้นาง เมื่อชิงหลัวเห็นเช่นนี้ ดวงตาของนางก็เป็นประกายขึ้นมาทันที แล้วน้ำตาก็ไหลออกจากตาคู่งามทั้งสองข้างของนาง นางประทับใจมากจนต้องหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความซาบซึ้งขณะมองเมิ่งอวิ๋นเสียง “ไท่จื่อเฟยรู้ได้อย่างไรว่าผลไม้เคลือบน้ำตาลเป็นของโปรดของข้าน้อย ไท่จื่อเฟยไม่ได้ลืมข้าน้อยจริง ๆ ด้วย ท่านมีเมตตาต่อข้าน้อยมากที่สุดเพคะ”

เมื่อเมิ่งอวิ๋นเสียงได้ยินเช่นนี้ก็หัวเราะแห้ง ๆ แล้วพยักหน้าเห็นด้วย แต่ความจริงคือผลไม้เคลือบน้ำตาลละลายไปจนแทบกินไม่ได้แล้ว และเป็นเพราะเรื่องของอาฮวาทำให้นางกินอะไรไม่ลง ดังนั้นนางจึงยกให้ชิงหลัว

บทที่ 44

เรื่องคนรับใช้ในตำหนัก

“ชิงหลัว แล้วไป๋เฉาอยู่ที่ใด?” เมิ่งอวิ๋นเสียงหันมองซ้ายมองขวาแต่ก็ไม่เห็นไป๋เฉา นางจึงอดกังวลใจเล็กน้อยไม่ได้ สตรีผู้นี้เป็นคนที่จัดการได้ยากที่สุดในตำหนัก อารมณ์ของนางนั้นรุนแรงยิ่งกว่าเจ้านายของนางเสียอีก และในแต่ละวันก็แทบจะไม่เห็นนางเลย

“ไม่ทราบเพคะ นางอาจกำลังผ่าฟืนอยู่ในสวนหลังตำหนักก็ได้” ชิงหลัวพูดเสียงอู้อี้ขณะเคี้ยวผลไม้เคลือบน้ำตาลในปากจนแก้มป่อง

“ผ่าฟืนหรือ? เหตุใดไป๋เฉาถึงต้องไปผ่าฟืนด้วย? คนรับใช้และแม่ครัวของเราไปอยู่ที่ไหน?” ทันทีที่เมิ่งอวิ๋นเสียงได้ยินว่าไป๋เฉากำลังผ่าฟืน นางก็รู้สึกโกรธและประหลาดใจมากที่นางต้องทำงานหนักเช่นนั้น

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชิงหลัวก็มองนางแปลก ๆ ก่อนจะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยความประหม่าว่า “ไท่จื่อเฟยลืมไปแล้วหรือเพคะ? เป็นเพราะเมื่อก่อนท่านอารมณ์ฉุนเฉียวนัก เมื่อใดก็ตามที่ท่านโกรธไท่จื่อ ท่านจะระบายความโกรธของท่านกับคนรอบข้าง และทุกครั้งจะต้องมีคนถูกสั่งโบย ตราบใดที่ทำงานในตำหนักนี้ก็จะไม่มีใครไม่โดนไม้ของท่าน คนเหล่านั้นไม่สามารถทนได้อีกต่อไป พวกเขาจึงยื่นคำร้องขอย้ายออก ไท่จื่อจึงสั่งย้ายคนรับใช้ทั้งหมดที่นี่ออกไปเพื่อดัดนิสัยท่าน  และทำให้ไม่มีผู้ใดรับใช้ท่านอีกเพคะ”

เดิมทีไท่จื่อต้องการให้นางและไป๋เฉาออกไปด้วยเช่นกัน แต่เนื่องจากพวกนางเป็นหญิงรับใช้คนสนิท ทั้งสองจึงไม่อาจปล่อยให้ไท่จื่อเฟยอยู่อย่างโดดเดี่ยวได้ หลังจากอ้อนวอนอยู่นาน พวกนางจึงได้อยู่รับใช้เคียงข้างไท่จื่อเฟยต่อไป

เมิ่งอวิ๋นเสียงเอียงศีรษะครุ่นคิดอยู่นาน เหตุใดนางถึงไม่มีความทรงจำส่วนนี้เลย “เช่นนั้นก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตำหนักของเราดูรกร้างว่างเปล่าถึงเพียงนี้”

ชิงหลัวพูดไม่ออก ไท่จื่อเฟย ท่านความรู้สึกช้าเกินไปหรือไม่เพคะ

“แล้วแม่ครัวเล่า? ยังมีแม่ครัวอยู่ใช่หรือไม่?” นางทำอาหารไม่เป็น และนางจำได้ว่าไป๋เฉาและชิงหลัวไม่เคยแตะต้องงานครัวเลย แล้วทุกวันนี้ใครเป็นคนทำอาหาร?

ชิงหลัวอุทานออกมาราวกับนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “อ่า... มีแม่ครัวอีกคนหนึ่งอยู่เพคะ ตอนนั้นหลังจากที่ไท่จื่อให้ทุกคนออกไปหมดแล้วก็เหลือเพียงเราสามคนในตำหนัก โดยไม่มีแม้แต่แม่ครัว ดังนั้นเมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน แม้ว่าการเข้าครัวจะยากสำหรับพวกเรา แต่พวกเราก็ต้องไม่ปล่อยให้ไท่จื่อเฟยหิวหรือเข้าครัวเอง ไม่สิ เมื่อถึงเวลาอาหาร ไป๋เฉาและข้าน้อยจะไปขออาหารที่ครัวใหญ่มาให้ท่านโดยเฉพาะเพคะ”

ชิงหลัวไม่อยากจะนึกถึงช่วงเวลานั้นเลย ในขณะนั้นนางถูกดูหมิ่นเหยียดหยามอย่างหนัก

“แล้วแม่ครัวคนปัจจุบันมาจากไหน?” ในเมื่อจิ่งหรงโหดร้ายนักก็น่าจะปล่อยให้นางอดตายไปเสียเลย เหตุใดเขาถึงยังใจดีปล่อยให้มีคนทำอาหารให้นางอยู่อีก นี่เรียกว่าเป็นความเห็นอกเห็นใจได้หรือไม่?

“แม่เฒ่าอิงใจดีนัก เดิมทีนางเป็นผู้ช่วยในครัวใหญ่ เมื่อนางเห็นว่าไป๋เฉากับข้าน้อยไปขออาหารที่ครัวใหญ่ทุกวัน นางก็ทนดูไม่ได้ ดังนั้นนางจึงทูลขอมารับใช้ที่ตำหนักแห่งนี้ ซึ่งก็โชคดีที่ไท่จื่อทรงอนุญาต มิฉะนั้นพวกเราคงอดตายอยู่ที่นี่ไปนานแล้วเพคะ” ในตอนที่พวกนางรู้ว่าแม่เฒ่าอิงจะมา ชิงหลัวและไป๋เฉาต่างก็ดีใจและกังวลเล็กน้อย พวกนางดีใจที่รู้ว่าในโลกนี้มียังมีคนดีที่สามารถช่วยพวกนางได้ แต่พวกนางก็กังวลว่าหลังจากแม่เฒ่าอิงมาแล้ว นางจะทนอารมณ์เกรี้ยวกราดของไท่จื่อเฟยไม่ได้และจากไปในชั่วพริบตา แต่โชคดีที่เมื่อแม่เฒ่ามาอยู่ได้ไม่นาน ไท่จื่อเฟยก็มีอาการดีขึ้นและกลายเป็นคนที่แตกต่างจากคนเดิมอย่างสิ้นเชิง

แม้ว่าชิงหลัวจะสงสัยยิ่งนัก แต่นางก็ชอบไท่จื่อเฟยคนนี้มากกว่า ดังนั้นนางจึงไม่คิดจะถามต่ออีก เพราะเกรงว่าหากนางถามคำถามมากเกินไป ไท่จื่อเฟยอาจจะจำเรื่องราวทั้งหมดได้และเปลี่ยนกลับไปเป็นเหมือนเดิม ซึ่งไม่คุ้มเอาเสียเลย เมื่อคิดได้เช่นนี้นางก็ข่มใจตัวเองด้วยการกัดผลไม้เคลือบน้ำตาลอีกคำ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด