ตอนที่แล้วบทที่ 25-26
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 29-30

บทที่ 27-28


บทที่ 27

เยี่ยมเยือน

เมิ่งอวิ๋นเสียงจ้องมองเขาอย่างเหม่อลอย พลางแอบพูดประโยคหนึ่งในใจว่า หน้าตาของชายผู้นี้ช่างหล่อเหลายิ่งนัก เขารูปงามราวกับปีศาจจิ้งจอก

“ข้าแค่คิดถึงวันที่ข้าอยู่ที่เจ้าสำราญราวเมามายในความฝันกับเจ้า” ขณะที่จิ่งฮวากล่าวเช่นนี้ เขามองตรงไปยัง           เมิ่งอวิ๋นเสียง คำพูดของเขาฟังดูไร้สาระ แต่ดวงตาของเขาดูจริงจังยิ่งนัก

เมิ่งอวิ๋นเสียงได้ยินเช่นนั้นก็มองหน้าเขา พลันทั้งสองก็สบสายตากัน เมิ่งอวิ๋นเสียงเขินอายเล็กน้อยด้วยเหตุผลบางอย่าง ดังนั้นนางจึงแสร้งไอแห้ง ๆ ออกมาและหลบสายตาจิ่งฮวา และแอบเตือนตัวเองว่าอย่าทำตัวไม่ดี

“เจ้าก็เห็นว่าร่างกายของข้าไม่แข็งแรงและขาดพละกำลัง เมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญก็จะมีความผิดพลาดเกิดขึ้น” ทุกวันนี้เมิ่งอวิ๋นเสียงอยู่แต่ในตำหนักจนรู้สึกว่าตัวเองจะขึ้นราอยู่แล้ว นางคาดหวังทุกวันว่าจะมีใครสักคนมาช่วยให้นางออกไปได้ แต่เมื่อมีคนมา นางก็กลับล้มป่วยลงเสียได้

เวรกรรม เวรกรรม...

เมื่อจิ่งฮวาได้ยินเช่นนี้ก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกวาดสายตามองเมิ่งอวิ๋นเสียงแล้วคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ใช่แล้ว อาเสียง ร่างกายของเจ้าอ่อนแอนัก ผิวของเจ้าซีดเกินไปเล็กน้อย คำพูดของเจ้าไม่มีชีวิตชีวา และกระดูกในร่างกายก็อ่อนแอ ธรรมดาเกินไป หากเจ้าเป็นบุรุษ เจ้าต้องพึ่งพาวิทยายุทธเพื่อฝึกฝนร่างกาย แต่น่าเสียดายที่เจ้าเป็นสตรี...”

เมิ่งอวิ๋นเสียงขมวดคิ้ว การฝึกวิทยายุทธเป็นทางเลือกที่ดี “พวกเจ้าไม่อนุญาตให้สตรีฝึกวิทยายุทธหรือ?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้อาฮวาก็จ้องมองเมิ่งอวิ๋นเสียงชั่วขณะหนึ่ง แต่เมื่อเมิ่งอวิ๋นเสียงเห็นว่าจิ่งฮวาไม่ตอบ นางก็คิดว่าเขาได้ยินไม่ชัดจึงถามอีกครั้ง

จิ่งฮวากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ใช่ว่าไม่อนุญาต เมื่อเทียบกับอาณาจักรอื่นแล้ว ขนบธรรมเนียมพื้นบ้านของอาณาจักรเราถือว่าเปิดกว้าง นอกจากนี้ยังมีสตรีที่ฝึกวิทยายุทธ แต่ปกติแล้วพวกนางมักจะเกิดในตระกูลที่ฝึกวิทยายุทธ สตรีจากครอบครัวสามัญไม่มีความคิดเช่นนั้น”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เมิ่งอวิ๋นเสียงก็กลอกตาที่มีน้ำตาคลอเบ้าและสูดจมูกที่อุดตันของนาง “ไม่เป็นอะไร ข้าต้องการฝึก        วิทยายุทธ”

ชิงหลัวที่ยืนอยู่ข้างนางตกใจ เมื่อเห็นเจ้านายของตนตัดสินใจอย่างกะทันหัน นางรีบกล่าวว่า “ไท่จื่อเฟย ไม่ได้แน่นอนเพคะ!”

“เหตุใดถึงไม่ได้?” เมิ่งอวิ๋นเสียงกลอกตา แม่สาวน้อยหนึ่งหมื่นปีคนนี้กล้าตัดสินใจท้าทายนางอีกครั้ง แต่นางจะไม่ปล่อยให้คนอื่นมาทำลายความตั้งใจได้

“ท่านคือไท่จื่อเฟย หากข่าวนี้แพร่กระจายออกไปก็จะ...”

เมิ่งอวิ๋นเสียงโบกมือด้วยความรำคาญ “กฎหมายไม่ได้กำหนดว่าไท่จื่อเฟยไม่สามารถฝึกศิลปะการต่อสู้ได้ ยิ่งกว่านั้นคือเจ้าไม่เห็นหรือว่าไท่จื่อเฟยของเจ้านอนซมอยู่บนเตียงด้วยความเจ็บป่วย เพียงเพราะเป็นไข้หวัดธรรมดา หากคราวหน้ายังเป็นเช่นนี้อีกไท่จื่อเฟยของเจ้าก็คงจะไม่รอดแน่ ข้าไม่ต้องการถูกจารึกชื่อไว้ในบันทึกประวัติศาสตร์ ว่าสาเหตุการตายของข้าคือเป็นหวัด มันดูไม่สมศักดิ์ศรีเลยแม้แต่น้อย”

จิ่งฮวามองชิงหลัวและตกตะลึงกับการเกลี้ยกล่อมของเมิ่งอวิ๋นเสียง เขาหัวเราะออกมาดังลั่น แต่กลับตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาแน่วแน่ของเมิ่งอวิ๋นเสียง

สตรีผู้นี้ต้องการให้ชื่อของตนถูกจารึกไว้ในบันทึกประวัติศาสตร์ น่าสนใจ ช่างน่าสนใจยิ่งนัก...

“แต่ว่า...” ชิงหลัวยังคงไม่ต้องการให้ไท่จื่อเฟยละทิ้งชื่อเสียงของตน

จู่ ๆ เมิ่งอวิ๋นเสียงก็โบกมือ “ไม่ต้องพยายามเกลี้ยกล่อมอีกต่อไป ข้าตัดสินใจแล้ว”

เมื่อพูดจบนางก็จามอีกครั้งและพูดคำนั้นขณะที่จมูกเป็นสีแดง เมื่อจิ่งฮวามองนาง อารมณ์แปลก ๆ ก็ผุดขึ้นในหัวใจของเขา แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นเขาก็ส่ายหัวอย่างขบขัน

“หากอาเสียงต้องการฝึกวิทยายุทธ ข้าก็พอจะช่วยเลือกคนฝึกให้ได้” ความจริงเขาต้องการจะสอนนางเอง แต่เนื่องจากสถานะของเขา เขาจึงไม่สามารถเข้าออกจากตำหนักบูรพาได้ตามใจต้องการ คราวนี้เขาสามารถเข้ามาในตำหนักได้ก็เพราะเขามาหารือกับไท่จื่อ เขาจึงมีโอกาสได้เข้ามาเยี่ยมนาง

บทที่ 28

ฝึกวิทยายุทธ (1)

เมิ่งอวิ๋นเสียงส่ายหน้าแล้วขยิบตาให้เขาอย่างซุกซน “ไม่ต้องหรอก ข้ามีตัวเลือกอยู่แล้ว”

อู๋ถงยืนอยู่ที่ประตูและทำใจอยู่นาน ราวกับว่าเขาไม่ได้กำลังจะเข้าไปในห้องของไท่จื่อเฟย แต่เป็นถ้ำของปีศาจร้าย เมื่อเขาคิดอยากจะหนีไป เสียงของไท่จื่อเฟย เมิ่งอวิ๋นเสียงก็ดังขึ้น

“เข้ามาสิ เจ้าหนีไม่พ้นหรอก” เมื่อได้ยินดังนั้น อู๋ถงก็อยากจะร้องไห้

“ถวายบังคมไท่จื่อเฟยพ่ะย่ะค่ะ”

ชายผู้คุกเข่าตรงหน้านางสวมชุดสีดำรัดรูป ผมของเขาเกล้าเป็นมวยสูง ผิวสีข้าวสาลีของเขาแสดงถึงสุขภาพที่ดี         การแสดงออกที่เกร็งและประหม่าของเขา แสดงให้เห็นว่าเขาตึงเครียดตลอดเวลา

หลังจากที่เมิ่งอวิ๋นเสียงพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว นางก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

ไม่เลว ไม่เลว นี่คือคนที่ข้ากำลังมองหา

“ฮ่าฮ่า... อาจารย์โปรดลุกขึ้นเถิด”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ อู๋ถงที่ลุกขึ้นครึ่งตัวแล้วก็ชะงักและคุกเข่าลงอีกครั้ง

“ไท่จื่อเฟย หากท่านโกรธเพราะข้าน้อยโยนท่านเข้าโรงเก็บฟืนครั้งล่าสุด ข้าน้อยก็ยินดีรับโทษด้วยความตาย แต่อย่าทรมานข้าน้อยเช่นนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อพูดจบอู๋ถงก็หน้าซีด เหงื่อบางผุดขึ้นเต็มใบหน้าของเขา

เมิ่งอวิ๋นเสียงไม่สนใจ และดึงเสื้อคลุมขนสัตว์บนกายนาง “ไม่ใช่ ไม่ใช่ ข้าดูเหมือนคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างนั้นหรือ? ข้าลืมเรื่องนั้นไปจนหมดสิ้นแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชิงหลัวและไป๋เฉาก็มองหน้ากัน วันนั้นนางพูดทั้งวันว่าจะรื้อโรงเก็บฟืนทิ้ง

“วันนี้เปิ่นกงต้องการจะถามเจ้าอย่างหนึ่ง”

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าน้อยเต็มใจบุกน้ำลุยไฟ” ตราบใดที่เขาไม่ได้ถูกทรมานจนถึงตาย เขาก็รู้สึกซาบซึ้งในพระคุณแล้ว แต่หลังจากพูดเช่นนั้นออกไปแล้ว เขาก็ต้องเสียใจในทันที

“ดีมาก ข้าชอบความเต็มใจของเจ้า อู๋ถง เจ้าต้องสอนวิทยายุทธให้ข้า!” เมิ่งอวิ๋นเสียงมองเขาด้วยความโล่งใจยิ่งนัก

ไท่จื่อเฟย เหตุใดท่านไม่ให้ข้าน้อยไปบุกน้ำลุยไฟเล่า ไท่จื่อเฟยผู้สง่างามจะฝึกวิทยายุทธ เพียงพูดเช่นนี้ก็เป็นการทำให้ไท่จื่อเสียพระพักตร์แล้วไม่ใช่หรือ?

“นั่น... หวังว่าไท่จื่อเฟยจะประทานอภัยให้ข้าน้อย ข้าน้อยทำไม่ได้จริง ๆ ไท่จื่อจะ...”

เมิ่งอวิ๋นเสียงอยากจะทุบหัวทุกคนในตำหนักบูรพาเสียจริง ดูเหมือนคำว่าไท่จื่อจะถูกจารึกไว้ในสมองของพวกเขา หันซ้ายก็ไท่จื่อ หันขวาก็ไท่จื่อ คิดแล้วก็รำคาญใจยิ่งนัก

“ข้าจะพูดกับไท่จื่อเอง เจ้ามีหน้าที่แค่สอนข้าเท่านั้น ดูข้าสิ ตอนนี้ข้าอ่อนแอและเจ็บป่วย เจ้าอยากให้ไท่จื่อของเจ้าเป็นพ่อหม้ายตั้งแต่อายุยังน้อยหรือ?”

“......”

เมิ่งอวิ๋นเสียงพูดโน้มน้าวด้วยความอุตสาหะ หลังจากผ่านไปสองสามชั่วโมง ในที่สุดนางก็สามารถเกลี้ยกล่อมไม้แห้งท่อนนี้ได้

ทันทีที่อู๋ถงจากไป ชิงหลัวก็ก้าวเข้ามาอย่างไม่พอใจ “ไท่จื่อเฟย เหตุใดท่านต้องให้เจ้าไม้แห้งนั่นสอนท่านเล่าเพคะ? ให้หวงจื่อลำดับที่หกส่งคนมาช่วยสอนท่านไม่ดีกว่าหรือเพคะ?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เมิ่งอวิ๋นเสียงก็ส่ายหน้าและพูดเสียงเบาว่า “อำนาจทางการเมืองนั้นสำคัญ คนนอกไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในตำหนัก แม้มองอย่างผิวเผินจะดูเหมือนว่าไท่จื่อและ หวงจื่อลำดับที่หกมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขาเกิดมาในราชวงศ์ และความเคลือบแคลงย่อมเกิดขึ้นในใจของพวกเขาได้เสมอ หากปล่อยให้คนของอาฮวาเข้ามา ไท่จื่อ ย่อมเกิดความเคลือบแคลงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้”

หลังจากฟังคำอธิบายแล้ว ชิงหลัวก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ไม่น่าแปลกใจที่วันนี้ไท่จื่อเฟยปฏิเสธความกรุณาของหวงจื่อลำดับที่หก แท้จริงแล้วก็เป็นเพราะเหตุผลที่ลึกซึ้งเช่นนี้นี่เอง

แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเมิ่งอวิ๋นเสียงที่ยังคงสูดน้ำมูกพลางครุ่นคิด ไท่จื่อเฟย ดูเหมือนว่าท่านจะมีบางอย่างเปลี่ยนไปจริง ๆ

เมิ่งอวิ๋นเสียงยังคงพูดกับตัวเองว่า “ยิ่งไปกว่านั้นคืออู๋ถงนั้นหน่วยก้านดีจริง ๆ คงไม่เข้มงวดมากเกินไป เปิ่นกงเรียนด้วยแล้วน่าจะมีความสุข ฉะนั้นอาจารย์แบบนี้ เปิ่นกงยอมรับ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด