ตอนที่แล้วตอนที่ 1241 เทพก็คาดไม่ได้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1243 ย้อนเวลา?

ตอนที่ 1242 ไม่ใช่เจ้า  เจ้าไม่สามารถบังคับได้!


เดิมทีเย่ว์หยางต้องการกลับไปยังวังเทียนหลัวเพื่อพบกับแม่สี่

รู้กันดีว่านางคือผู้ที่เขากังวลห่วงใยที่สุด

นางและน้องสาวตัวน้อย

ขณะที่ผู้นำเผ่าพันธุ์ต่างๆ ทั่วหอทงเทียนต่างเทเลพอร์ตเข้ามาและเตรียมเผชิญหน้ากับกองทัพรุกรานของแดนสวรรค์ด้วยปณิธานมุ่งมั่นไม่ธรรมดาจากนั้นมีข้อมูลส่งผ่านคัมภีร์อัญเชิญแม้จะอยู่ห่างไกลเป็นพันๆ ไมล์และแทรกซึมอยู่ในทะเลสำนึกของเย่ว์หยาง หลังจากเย่ว์หยางสัมผัสถึง ตอนแรกเขาตกใจจากนั้นรู้ตัวทันทีว่าเป็นข้อความจากมือมืดที่อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์ จุนอู๋โหย่วและผู้เฒ่าเย่ว์ไห่เห็นสีหน้าเขาเปลี่ยนจึงรีบถามอย่างรวดเร็ว

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยืนอยู่ข้างตัวเขา

นางกับเขาส่งกระแสจิตถึงกันได้  แม้ว่าจะไม่ชัดเจนเต็มร้อยแต่ก็พอเข้าใจได้บ้างบางส่วน

ไม่เพียงแต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเท่านั้นที่มีทักษะหกรับรู้  แม้แต่เจ้าเมืองโล่วฮัวและนางเซียนหงส์ฟ้าก็ยังรู้สึกถึงลางหายนะได้

“ข้ามีความรู้สึกที่มิอาจบรรยายได้มีบางอย่างเกิดขึ้นและข้าต้องไปจัดการเรื่องนี้ที่นั่น  พวกเจ้าไปที่ทวีปกวงหมิงก่อนโดยมิต้องรอข้า  ช่วงเวลาที่ข้ายังไม่กลับมาเรื่องในสนามรบข้าขอมอบให้อู๋เสีย ถ้าอู๋เสียไม่ว่างก็มอบให้เชี่ยนเชี่ยนและเทียนฟาสองคน...”  เย่ว์หยางรู้สึกได้ถึงสัญชาตญาณต่อสู้ของพวกนางได้และปล่อยพวกนางออกมาจากโลกคัมภีร์ด้วยท่าทีจริงจังรวมทั้งหญิงงามอู๋เหินและเย่ว์หวี่ที่ไม่ค่อยมีส่วนร่วมในการต่อสู้

ในที่สุดเย่ว์หยางเหลือไว้แต่เพียงเสี่ยวเหวินหลีคนเดียว

แม้แต่ดาบอสูรเทาเถี้ยและแมงป่องดาวฟ้าพวกมันทุกตัวได้รับคำสั่งให้ติดตามองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน

อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เย่ว์หยางใช้ไพ่ในมือเกือบทั้งหมดของเขาเป็นครั้งแรก  เขาทุ่มเทพลังต่อสู้ของเขาไปจนหมดทุกคนจะเข้าร่วมในการศึกครั้งนี้

“เจ้าจะเริ่มต่อสู้ตัดสินเด็ดขาดตั้งแต่แรกเชียวหรือ?”  ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ตกใจเมื่อเห็นความเคลื่อนไหวของเย่ว์หยาง

“เข้าใจแล้ว”  จุนอู๋โหย่วสมแล้วที่เป็นจักรพรรดิเขารู้ได้อย่างรวดเร็วและสามารถตัดสินใจได้  ภายใต้ความรู้สึกที่อ่อนโยน เขามองดูธิดาสุดที่รัก เขาต้องการจะลูบศีรษะนาง แต่ในวินาทีต่อมาเขาได้สละทิ้งความรักและมือที่ยื่นออกมาหมายจะลูบศีรษะนางกลายเป็นกำมือแน่นท่าทีของเขาภาคภูมิสง่างามต่างจากความเป็นสุภาพบุรุษ เหมือนกับพยัคฆ์ร้ายนักรบ

เขาจับมือขวาของธิดาที่ถือดาบเทพพยัคฆราชองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยกดาบแตะที่ข้อมือของเขา

รวมกับผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ที่กล่าวอำลาหลานชายเบาๆพร้อมทั้งเดินเคียงข้างไปที่จุดเทเลพอร์ตของหอทงเทียนชั้นล่างพร้อมกัน

ไม่ว่าเขาจะเป็นจักรพรรดิชาวโลกหรือนักรบผู้ปกป้องบ้านเกิด เขาตระหนักว่าคือการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายตั้งแต่แรกเริ่มไม่มีเวลาพักหายใจ  การโจมตีของศัตรูไม่ใช่ว่ามีเพียงไม่กี่เดือน  ที่สำคัญกองทัพศัตรูจะตามมากดดัน  ดังนั้นต้องสู้ให้เด็ดขาดตั้งแต่แรก

ในขณะนี้เขาคิดว่าหอทงเทียนมีเวลาพักพอแล้ว

แต่เย่ว์หยางกระทำหมดทุกอย่าง

เขาจึงเข้าใจได้ทันที

ศัตรูที่แท้จริงในขณะที่เย่ว์หยางกลับมาหอทงเทียน จะเริ่มการโจมตีทั้งหมดและเป็นการต่อสู้ที่เด็ดขาด... เป้าหมายศัตรูก็คือเด็กน้อยข้างหน้าเขา และศัตรูได้คำนวณทุกอย่างไว้แล้วรวมทั้งการกลับมาของเขา

พวกเขาไม่ต้องคิดเรื่องนั้นตราบใดที่เย่ว์หยางน้อยพ่ายแพ้  อย่างนั้นหอทงเทียนจะตกต่ำดำดิ่งมากยิ่งกว่ายุคจักรพรรดิอวี้

อาจจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิงโดยไม่มีผู้ใดรอดชีวิตอยู่ได้

ดังนั้นขณะนี้จุนอู๋โหย่วตื่นตัวว่าเขาไม่ใช่จักรพรรดิของมนุษย์อีกต่อไป  แต่เป็นนักรบที่ปกป้องดินแดนมาตุภูมิเป็นบิดาผู้ปกป้องธิดาสุดที่รัก

“พี่ไห่!  จำได้ไหมครั้งแรกที่เราเข้าสู่สนามรบ?”  จุนอู๋โหย่วพบว่าดวงอาทิตย์อุทัยฉายแสงอยู่เต็มท้องฟ้า

“วันนี้อากาศดีเหมือนกับวันนั้น!” ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่มองดูท้องฟ้าและยิ้มทันที

เขาเริ่มหัวเราะเบาๆ

แต่เขาเริ่มหัวเราะดังขึ้นทุกขณะเสียงหัวเราะที่ห้าวหาญดังขึ้นไปถึงชั้นฟ้า

ภายใต้ดวงอาทิตย์อุทัยจุนอู๋โหย่วและผู้เฒ่าเย่ว์ไห่อาบแดดยามเช้าและหัวเราะกึกก้องฟ้าอยู่เป็นเวลานาน

เย่ว์หยางและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกอดกันและกล่าวคำอำลากันแม้แต่เด็กสาวเป่าเอ๋อก็ไม่เว้นที่ทำให้เขาเสียดายก็คือเสวี่ยอู๋เสียบอกว่าจะไปโลกมหัศจรรย์ของปิงหยินเพื่อตามหาอี้หนานและปิงเอ๋อและนางคงตามมาสมทบไม่ทัน... เขาไม่กังวลเรื่องอี้หนานและปิงเอ๋อ  พวกนางจะปลอดภัยเมื่ออยู่กับสาวกิเลนปิงหยิน  แต่เสวี่ยอู๋เสียไม่อยู่ก่อนเริ่มสงครามไม่ได้รับไออุ่นจากอ้อมกอดนาง ทำให้เย่ว์หยางรู้สึกเสียดายเล็กน้อย

เขารู้ว่านางจะไม่พลาดการต่อสู้ครั้งนี้อีก  แต่เขาไม่รู้ว่านางจะกลับมาเมื่อใด

ปล่อยวางสิ่งที่รบกวนใจไปก่อน

เย่ว์หยางตรงเข้าไปหาองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพวกเขายิ้มเฉิดฉายราวกับจะปลอบประโลมให้ทุกคนคลายกังวล  “บางทีหลังจากข้าคลี่คลายปัญหานี่สักพัก  เจ้ารอข้า ข้าจะไม่ให้เจ้าผิดหวังแน่”

“ข้าเชื่อเจ้า  ข้าจะรอเจ้า!”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจูบเย่ว์หยางไม่บ่อยนักแต่ครั้งนี้นางเป็นฝ่ายเริ่มเอง

แม้แต่เย่ว์หวี่ก็ยังอดอ้าแขนกอดนางมิได้

หลิวเย่หลบอยู่ด้านหลังอย่างเขินอาย

จนกระทั่งองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนต้องนำทุกคนจากไปนางเทเลพอร์ตกลับมาและกระโดดกอดอาจารย์อย่างกล้าหาญแต่ยังไม่ทันทีเย่ว์หยางจะกอดนางตอบนางกลับหายตัววับกลับไปเข้ากลุ่มราวกับกลัวว่าเย่ว์หยางจะกัดนาง

เป่าเอ๋อที่มักสร้างปัญหาแต่ก็เป็นตัวนำโชค เหลียวหลังกลับโบกมือให้เขาบ่อยๆ  “ไม่ต้องกลัวนะ  ถ้าเจ้าสู้ไม่ได้ ข้าจะช่วยเจ้า  คราวนี้ข้าจะทำงานอย่างดี  คอยดูให้ดี!”

“.......”  เย่ว์หยางพูดไม่ออก  เจ้าเป็นสาวน้อย  อย่าก่อเรื่องให้คนอื่นสับสนดีกว่าเจ้าไม่จำเป็นต้องช่วยคนอื่น มีแต่คนอื่นจะต้องช่วยเจ้า!

ถ้าไม่ใช่เพราะรู้สึกมีลางสังหรณ์อยู่ในหัวใจ

เย่ว์หยางไม่ต้องการให้ทุกคนออกจากโลกคัมภีร์ออกไปสู้จริงๆ

อย่างไรก็ตามในความคิดของเขาสัญชาตญาณของการสู้ในสนามรบคือ ไม่ปล่อยให้ทุกคนอยู่ใกล้  เพื่อความปลอดภัยของพวกนาง  เย่ว์หยางตัดสินใจเชื่อในตัวเองอีกครั้งและเสี่ยงส่งอู๋เหินและเย่ว์หวี่ลงสนามรบ ไม่ได้ปกป้องพวกนางเหมือนแต่ก่อน   เป็นไปได้ไหมว่าในการต่อสู้ครั้งนี้แม้แต่โลกคัมภีร์ก็ไม่ปลอดภัยต่อไปอีกแล้ว?

ถ้าเขามีเวลาเขาต้องการกลับไปถามแม่สี่หรือฝ่าบาทจริงๆ

บางทีพวกเขาอาจให้คำตอบที่ดีกว่า

นอกจากนี้ยังมีจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีหลังจากฝึกฝนอยู่ที่บันไดสวรรค์ เขาสงสัยว่าพวกนางจะได้รับข้อมูลการบุกรุกของศัตรูที่แข็งแกร่งนี้หรือไม่?

ก่อนหน้านี้คัมภีร์อัญเชิญของหอทงเทียนไม่มีความสามารถในการสื่อสารกันและกันใครเป็นผู้ให้วิธีการนี้ อย่างไรก็ตามผู้เฒ่าหนานกงยังส่งข้อมูลระยะไกลถึงแดนสวรรค์ที่แยกห่างกันได้

เย่ว์หยางสูดหายใจลึก

ศัตรูแข็งแกร่งอยู่ข้างหน้า

ยิ่งกว่านี้ นี่เป็นศัตรูที่น่ากลัวผู้รวมเอาทุกสิ่งทุกอย่างไว้  เขาเกรงว่าแม้แต่การกลับมาของเขาก็อยู่ในการคำนวณของคนผู้นี้ด้วย

เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นนี้ เย่ว์หยางรู้สึกอึดอัดเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขา ท่านอาจไม่กลัวศัตรูที่ทรงพลังแม้ว่าจะเป็นศัตรูฝีมือสูงส่งก็ตาม  ตราบใดที่ท่านพยายามพากเพียรอย่างหนักชัยชนะจะตกเป็นของท่าน อย่างไรก็ตามในการเผชิญหน้ากับคนฉลาดและเหมือนกับปีศาจแบบนี้  เขาคำนวณศัตรูได้อย่างแข็งแกร่งแม่นยำและควบคุมสถานการณ์โดยรวม หากเขาต้องการเอาชนะคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวคนนี้  มีแต่ต้องใจจดใจจ่อจริงๆ!

“พลังปณิธานราชันย์ไม่หวั่นไหวดุจเพชร” เย่ว์หยางกำจัดความคิดและอารมณ์ที่ทำให้ไขว้เขวในจิตใจของตนเองอยู่ในสภาพจดจ่อสูงสุด

ความคิดเดียว

เย่ว์หยางทะลวงผ่านช่องว่างมิติเวลาได้อย่างง่ายดาย

เช่นเดียวกับการเดินทางที่ก้าวเดินอยู่บนท้องถนนผ่านภูเขาแม่น้ำหลายสาย ในการเดินทางหลายพันไมล์ เขาเดินทางเหมือนคนธรรมดาที่สง่างามเรื่อยๆสบายๆ ดุจเดินชมสวนหลังบ้าน เขาเดินไปตามทิศทางที่มีกระแสยั่วยุจากระยะไกลเป็นพันลี้ ในชั่วพริบตาเดียวก็ปรากฏกายใต้เงื้อมเขาที่ดูแปลกตา

ในแนวเขามีน้ำตกอยู่ด้านหนึ่งมองดูราวกับสายรุ้ง

น้ำตกทิ้งตัวลงมาในระยะสูง 3000 ฟุตแต่ก็ยังดูเงียบสงบ

ที่ด้านหนึ่งมีต้นสนใหญ่พอๆกับมังกรใหญ่  แผ่ขยายกิ่งก้านสองกิ่งมองดูเหมือนเจ้าบ้านต้อนรับอาคันตุกะจากแดนไกล

บรรยากาศผ่อนคลาย

กระดานหมากรุกหิน

ชิ้นหมากรุกจำนวนมากกระจัดกระจายอยู่บนกระดานหินดึกดำบรรพ์มีรอยตะไคร่น้ำขึ้น

ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวก่อให้เกิดภาพลักษณ์กลับกันกับแสงแดดยามรุ่งอรุณที่สาดแสงสีทอง

มีนิ้วคู่หนึ่งดูราวกับหยกคีบจับหมากเบาๆ  บัณฑิตวัยกลางคนยิ้มวางหมากเหมือนพบพานสหายและยิ้มอย่างเป็นกันเองให้กับคุณชายสามตระกูลเย่ว์  “เจ้ามาแล้ว เชิญนั่ง! มาไวกว่าที่ข้าคิดเสียอีก..”

เพียงประโยคนี้ เย่ว์หยางรู้สึกใจหายวูบทันที

ถ้าเขาไม่เปลี่ยนจากอาคันตุกะเป็นเจ้าภาพอย่างนั้นคนที่อยู่ต่อหน้าจะกลายเป็นเจ้าของหอทงเทียนใช่ไหม?

“หอทงเทียนเป็นของข้าแม้ว่าจะถ้าจะต้อนรับ ก็สมควรเป็นข้า!” เย่ว์หยางพูดถึงทัศนคติเขาอย่างหนักแน่น

“อย่างนั้นหรือ?  เป็นบุรุษหนุ่มที่มั่นใจเสียจริง! อย่างไรก็ตามหอทงเทียนไม่ใช่ของเจ้า เข้าใจไหม? อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่!” บัณฑิตวัยกลางคนไม่โกรธแม้แต่น้อย เขายิ้มเล็กน้อย

“ตอนนี้ไม่ใช่อย่างนั้นอนาคตก็จะเป็นของข้า ข้าคือเจ้าของมัน! ในเมื่อข้าเป็นจ้าว ต่อให้เป็นเจ้าของในอนาคตข้าก็ต้องมีอำนาจครอบครองมีอำนาจตัดสินใจทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอนาคตของมัน!” เย่ว์หยางจ้องมองบัณฑิตวัยกลางคน และเน้นทีละคำ  “ข้า คือ เจ้าของ หอทงเทียน ไม่ใช่เจ้า!  ที่นี่ไม่ได้เป็นของเจ้าทั้งในอดีต ปัจจุบันหรืออนาคต!”

“ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ก็ต้องจบกระดานนี้เสียก่อนจึงจะชัดเจน” บัณฑิตวัยกลางคนหัวเราะ “บางทีหลังจากเล่นจบกระดานนี้แล้ว อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตก็ได้จริงไหม?”

“ไม่ว่าต้องเล่นกี่กระดานอนาคตจะไม่เปลี่ยน!” เย่ว์หยางมั่นใจเต็มร้อย

“เจ้ารู้ได้อย่างไร  ถ้าเจ้ายังไม่ลอง?”  บัณฑิตวัยกลางคนวางหมากในมือเหนือกระดานหินตัวหมากนั้นทำให้พื้นที่กลับสู่ความวุ่นวาย

“เพราะโชคชะตา” เย่ว์หยางนั่งลงทันทีและนั่งอยู่หน้าก้อนหิน  เขาจับหมากรุกโรยรอบๆตัวหมากที่บัณฑิตวัยกลางคนเพิ่งวางและพบว่า มีหมากล้อมไว้อย่างแน่นอน ภายใต้การจ้องมองของบัณฑิตวัยกลางคนเย่ว์หยางหยิบหมากขึ้นและโยนอย่างไม่เป็นทางการพร้อมกับแค่นเสียงดุเดือด“มันเป็นของข้า ข้าสามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายาม ข้าไม่ได้ขออะไรที่ไม่ใช่ของข้า!”

“พ่อหนุ่ม! เจ้าไม่เชื่อหรือว่าการทำงานอย่างหนักสามารถต่อต้านฟ้าได้  เจ้าเชื่อในเรื่องโชคชะตามากน้อยแค่ไหน?”  บัณฑิตวัยกลางคนเหมือนกับคุยกับสหายเก่าที่คั่นด้วยโต๊ะหินและหยิบชิ้นหมากรุกขึ้นมาวางบนพื้นหินตามที่ต้องการ

“ข้าไม่เชื่อว่าข้าไม่มีอะไรเกี่ยวกับท่าน  แต่ที่นี่ขอเตือนบางคนว่าการฝืนบังคับเกินไปบางครั้งก็ไร้ประโยชน์!”

เย่ว์หยางทำได้อย่างรวดเร็ว

เขาหยิบชิ้นหมากและวางต่อข้างหมากที่บัณฑิตวัยกลางคนวางอยู่แล้วทันที

เป็นตำแหน่งที่บัณฑิตวัยกลางคนวางได้ยินเย่ว์หยางพูดว่า ‘ฝืนเกินไปก็ไร้ประโยชน์’ สีหน้าของบุรุษวัยกลางคนเปลี่ยนไปเล็กน้อยและการเคลื่อนไหวของเขาช้าลงเล็กน้อย ดังนั้นเย่ว์หยางวางหมากแรกเขากลับไปดูหมากที่เย่ว์หยางวางไว้อย่างประณีตราวกับว่าขุมทรัพย์ที่เขาทุ่มเทมาทั้งชีวิตแต่ไม่มีความหวังจะได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด