ตอนที่แล้วตัวประกอบแรงค์ EX — 0044
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตัวประกอบแรงค์ EX — 0046

ตัวประกอบแรงค์ EX — 0045


14. สอบกลางภาค (1)

* * *

เขตหอพักของโรงเรียนแสงเงิน

ณ หอพักชั้นสิบในเขตเด็กปีหนึ่ง

เจ้าของห้องกำลังสั่นกลัวอยู่ใต้ผ้าห่ม

รอยเปื้อนสีแดง ไม่สิ สีแดงเข้ม สามารถมองเห็นได้ชัดเจนโดยไม่ต้องทำให้ห้องสว่าง

รอยเปื้อนเหล่านี้เริ่มทำลายชีวิตประจำวันของเธอ

‘ทำไมกัน… ทำไม!’

ตอนแรก เธอคิดว่าเป็นแค่ปัญหาด้านสายตา

จึงเข้ารับการตรวจทุกรูปแบบ

ตรวจค่าสายตา ตรวจสายตาเอียง วัดความดันในตา ตรวจตาบอดสี สแกนตาดวงตา สแกนชั้นผิวกระจกตา และอีกมาก

แห่งแรกคือตึกพยาบาลหมายเลข 1 ในเขตส่วนกลางของโรงเรียนแสงเงิน แห่งที่สองคือคลินิกจักษุวิทยาที่โด่งดังอันดับหนึ่งของกรุงโซล และแห่งที่สามคือโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย

แต่ทุกที่บอกว่าเธอปกติ

‘ตอนนี้ไม่ใช่แค่ตา แต่ยังรวมถึงหูด้วย…’

หากสวมอุปกรณ์พกพาประเภทเอียร์ริง เธอจะได้ยินเสียงแว่ว

เสียงแว่วแผ่วเบาในตอนแรก อยู่ๆ ก็เริ่มดังขึ้นในพักหลัง

ตอนแรกคิดว่าอุปกรณ์เสีย ก็เลยยื่นเรื่องขอเปลี่ยนใหม่

แต่เมื่อได้รับอุปกรณ์ใหม่

[อุฟุฟุฟุ ฮะฮะฮะ! คุคุคุ! คิคิ! ฟุฟุ! อุฟุฮะฮะ!]

ทันทีที่สวม เธอได้ยินเสียงประหลาดดังมาจากอุปกรณ์

จึงรีบโยนเอียร์ริงทิ้งโดยไม่ร้องสักแอะ ก่อนจะจับยัดใส่ลิ้นชักแล้วไม่เปิดออกมาอีกเลย

โชคดีที่ในเทศกาลสอบ มีนักเรียนไม่น้อยหลีกเลี่ยงอุปกรณ์ที่มีฟังก์ชันความบันเทิง การไม่ใส่เอียร์ริงจึงไม่ใช่เรื่องแปลก

‘เราอาจจะถูกเอนามีประเภทภาพลวงตาสิง…’

ถึงจะคิดแบบนั้น แต่เธอก็ไม่กล้าปรึกษาใคร

กำลังจะบอกว่าเอนามีประเภทลวงตา ฝ่าบาเรียของโรงเรียนแสงเงินเข้ามาได้ แล้วสิงร่างเพลเยอร์มัธยมปลายระดับหัวกะทิของเกาหลีใต้?

เหลวไหลสิ้นดี

บอกว่าตัวเองเป็นบ้ายังเชื่อได้ง่ายกว่า

‘ถ้าพูดออกไป คนต้องมองว่าเราบ้าแน่… ไม่ด้วยหรอก…’

ในระยะหลัง เธอเริ่มคิดถึงพ่อแม่มากขึ้น

ครั้งสุดท้ายที่ได้เจอหน้าพ่อแม่ คือตอนถ่ายรูปหมู่ในพิธีเปิดภาคเรียน ซึ่งมีหอพยัคฆ์สง่าเป็นฉากหลัง

พักหลังแทบไม่ได้ติดต่อกัน เพราะไม่สามารถสวมอุปกรณ์ได้เหมือนที่เคยวาดฝันไว้ก่อนเข้าเรียน

‘โทรไปฟังเสียงแม่แล้วกดวางดีกว่า… แค่แป๊บเดียว…’

เธอลุกออกจากเตียงโดยที่ยังคลุมผ้าห่ม

สวบ สวบ

เข้าใกล้โต๊ะอ่านหนังสือ

และเมื่อเปิดลิ้นชัก

“กรี๊ด!”

เลือด

ลิ้นชักของโต๊ะอ่านหนังสือเต็มไปด้วยเลือดสีแดง

ทุกสิ่งด้านในชุ่มชโลมไปด้วยเลือด

แถมปริมาณของเลือดยังเพิ่มขึ้นทีละนิดจนกระทั่งเอ่อล้นจากลิ้นชัก

ก๊อกก๊อก!

“ฉันดาอินนะ”

เพื่อนข้างห้อง อันดาอิน

อันดาอินที่ได้นั่งข้างกันในพิธีปฐมนิเทศหอพัก แถมยังอยู่ห้องติดกัน

อาจไม่สนิทเท่ากับคิมยูรีที่เป็นเพื่อนซี้ แต่ก็ถือว่าสนิทพอสมควร

‘ดาอิน…!’

เธอรีบเปิดประตูต้อนรับ

“ฉันได้ยินเสียงน่ะ เจอแมลงหรือ?”

อันดาอินกำลังถือสเปรย์ไล่แมลงสามชนิด

ถึงจะเป็นโรงเรียนมัธยมปลายอันทรงเกียรติอันดับหนึ่งแห่งเกาหลีใต้ที่มีความเข้มงวดสูง แต่ก็ไม่มีทางป้องกันแมลงที่บินมาจากภูเขาปีกสวรรค์ เด็กหอจึงต้องพกสเปรย์ติดห้องกันเป็นปกติ

“ป…เปล่า”

มันน่ากลัวกว่าแมลงอีกน่ะ

หันกลับไปมอง ห้องของเธอกลับเป็นปกติราวกับเมื่อครู่โกหก

ไม่มีรอยเปื้อนสีแดงเข้มที่มักเห็นจากมุมสายตา

ไม่มีความผิดปกติใดเกิดขึ้นขณะเธออยู่ใกล้กับอันดาอิน อดีตนักเรียนม.ต้นผู้เพียบพร้อมในทุกด้าน ซึ่งถูกคาดหวังว่าจะเป็นนักเรียนที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์โรงเรียนแสงเงิน

“…หรือว่าจะเกี่ยวกับชมรมวารสาร? เธอเคยเล่าให้ฟังว่างานที่นั่นค่อนข้างหนักสินะ”

“ป…เปล่า ไม่เกี่ยว”

“เธอดูเหนื่อยๆ นะ… ไปห้องพยาบาลไหม?”

“ไม่เป็นไร…”

“แน่ใจ?”

“ก็บอกว่าไม่เป็นไรไง!”

หญิงสาวเผลอตวาดเสียงดัง

ช่วงนี้จิตใจอ่อนไหวเป็นพิเศษ อารมณ์ก็เลยขึ้นๆ ลงๆ เหมือนคนบ้า

เธอรู้สึกยินดีที่อันดาอินแวะมาดู แล้วทำไมถึงต้องตวาดใส่?

หญิงสาวสำนึกผิดในทันที แต่คนเราไม่สามารถทวงคืนคำพูดที่หลุดจากปากไปแล้ว

“…ดาอิน โทษที”

“ไม่เป็นไร ฉันผิดเองที่ถามเซ้าซี้… พักผ่อนให้เยอะๆ นะ”

อันดาอินตอบกลับอย่างนุ่มนวล

ถ้าใครมาเห็นเข้า หรือต่อให้ไม่มีใครเห็น แต่เธอก็เห็นด้วยตาตัวเอง ว่าตนโมโหใส่อันดาอินที่รีบมาเคาะประตูด้วยความเป็นห่วง

น่าสมเพชสิ้นดี

กริ๊ก!

อันดาอินออกจากห้องไป

ประตูปิดสนิท

ความมืดแผ่ปกคลุมอีกครั้ง

* * *

การประชุมพันธมิตรสิบสองจักรราศีจบลงแล้ว วันถัดมาคือวันธรรมดา

วันจันทร์

เทศกาลสอบกลางภาคจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า

กล่าวคือ เหลือเวลาเตรียมตัวอีกแค่ไม่ถึงเจ็ดวัน

‘เด็กที่ขยันเรียนคงอ่านล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว’

แต่ก็มีเด็กอย่างชมรมบาสปีหนึ่งของโรงเรียนแสงเงินและโรงเรียนเตรียมทหาร ที่เล่นบาสฯ กันสุดเหวี่ยงตลอดวันอาทิตย์แล้วไปเที่ยวกันต่อหลังจากนั้น

โดยทั่วไป การเตรียมตัวสอบกลางภาคควรจะเริ่มตั้งแต่สองสามสัปดาห์ก่อน

‘งดกิจกรรมชมรมตั้งแต่วันนี้สินะ’

ชมรมกระจายเสียงก็หยุดพักเช่นกัน แต่ได้กำหนดกริ่งเปลี่ยนคาบไว้ล่วงหน้าครบตามตารางแล้ว

“ทำไมฉันถึงต้องเกิดมาโง่… ทำไมกัน!”

“3.14159265358979323846264338327950… ทำไมฉันต้องเอาสมองไปจำอะไรที่ไม่เกี่ยวกับวิชาสอบด้วยเนี่ย!”

“ฉันไม่ได้สอบวิชาประวัติศาสตร์เกาหลีนะ แต่เมื่อคืนกลับจำเพลงพื้นบ้าน การรำแบบดั้งเดิม ตัวเลขโบราณ และสถานที่ท่องเที่ยวได้เพียบ… จำไปทำไมวะเนี่ย”

“เจ้าพวกบ้า! เงียบสักที!”

โรงอาหารหอในเต็มไปด้วยนักเรียนที่ใกล้บ้าเพราะการสอบ

‘อิสรภาพมาพร้อมราคาที่ต้องจ่าย’

โรงเรียนแสงเงินเชิดชูอิสรภาพอย่างมาก

คำนึงจากการที่ชั่วโมงเรียนไม่มีผลต่อเกรดเลย โรงเรียนแสงเงินน่าจะเป็นโรงเรียนมัธยมปลายที่ให้อิสระมากที่สุดในเกาหลีใต้แล้ว

แต่สิ่งที่ต้องแลกมาก็คือ ข้อสอบของโรงเรียนแสงเงินที่ยากผิดมนุษย์มนา

ในแต่ละเทอมจะมีการสอบกลางภาคและปลายภาค

เด็กทุกคนสามารถเรียนจบได้โดยที่ไม่เข้าเรียนเลยตลอดสามปี แต่จะไม่สามารถเลื่อนชั้นได้ หากไม่สอบให้ครบสี่ครั้งต่อหนึ่งปี

ถ้าสอบตกก็ต้องเรียนเสริมและสอบซ่อม ถ้ายังตกอีกก็ต้องซ้ำชั้น

‘การสอบย่อยในคาบเรียนจะไม่ส่งผลต่อเกรด… ต่อให้สอบย่อยได้คะแนนดีตลอด แต่ถ้าสอบปกติไม่ผ่านก็จบเห่’

นอกจากนั้น นักเรียนที่มาโรงเรียนไม่ได้ สามารถใช้ระบบสอบทางไกล

การสอบทางไกลจำเป็นต้องสวมอุปกรณ์ครอบหัว ที่มีเวทป้องกันการโกงนับสิบชนิดเคลือบอยู่

‘ในเกม คะแนนสอบของเม็งเฮียวทงถูกล็อกให้คาบเส้นฉิวเฉียด ส่วนซาวอลเซอึมที่หายตัวไป ถูกระบุว่าซ้ำชั้นแล้วต้องเรียนปีหนึ่งใหม่’

ฉันคิดอะไรเรื่อยเปื่อยขณะเดินไปโรงเรียน

ตลอดสองข้างทาง ดอกซากุระกำลังเบ่งบานอย่างมีชีวิตชีวา แต่นักเรียนล้วนเหี่ยวเฉาใกล้ตายเต็มที

หลายคนเดินจ้องอุปกรณ์โฮโลแกรมเพื่อท่องเนื้อหาของวิชาสอบ

หลายคนเดินก้มหน้าพึมพำราวกับกำลังสวดมนต์

บรรยากาศเหล่านี้คือสิ่งตอกย้ำว่า การสอบกำลังจะมีขึ้นในอีกไม่ช้า

‘แต่ยังไงเสีย สิ่งที่แสดงถึงบรรยากาศการสอบได้ดีที่สุด คือบอร์ดรับสมัครปาร์ตี้ติวหนังสือ’

ปาร์ตี้ติวหนังสือ คือสัญลักษณ์แห่งเทศกาลสอบของโรงเรียนแสงเงิน

เมื่อเปิดอุปกรณ์เข้าไปในหน้าบอร์ดรับสมัคร โพสต์รับสมัครปาร์ตี้ติวหนังสือเรียงกันเป็นตับ

[ปาร์ตี้เรียนด้วยตัวเอง — แค่สิบสองชั่วโมงต่อวันเท่านั้น (รวมคาบเรียน) แต่ถ้าจับได้ว่ากุเวลาขึ้นมาเอง โดนเอาชื่อมาประจานในบอร์ดแน่! (9/10) ]

[ปาร์ตี้ติววิชา ‘กฎหมายพิเศษสำหรับเพลเยอร์ II’ — รับประกันว่าสอบย่อยภาคเช้าได้คะแนนเกิน 80% (8/10) ]

[*เฉพาะปีสามเท่านั้น* ปาร์ตี้ซ้อมลุยวงกตน้ำแข็ง, ห้ารอบ, รับตัวดาเมจแค่คนเดียว ยินดีต้อนรับซัพพอร์ต (6/10) ]

[วิชาแนะนำเอนามี… อา… ครูใจดีมาก แต่ข้อสอบไม่เลย… มารอดไปด้วยกันเถอะ (4/10) ]

[♬ชมรมการประพันธ์♬ มาติวหนังสือพลางฟังเพลงที่ตัวเองแต่งกันเถอะ! ขอแค่รักษามารยาท ถึงไม่ใช่เด็กในชมรมก็เข้าร่วมได้! (8/10) ]

[จับกลุ่มติวพลางแกะรอยชเวย็อนทึก, ค่าหัวหารเท่า, มาส่งมันลงนรกกันเถอะ! ตี้ล่าชเวย็อนทึก (10/10) ]

[ตี้ล่าชเวย็อนทึก 2 (10/10) ]

[ตี้ล่าชเวย็อนทึก 3 (9/10) ]

บางอันอ่านแล้วก็อยากเข้าร่วม

โดยเฉพาะปาร์ตี้ที่เกี่ยวข้องกับการเรียน

แต่น่าเสียดายที่’ ตี้ล่าชเวย็อนทึกคงไม่มีทางประสบความสำเร็จ

ตอนนี้การสอบกลางภาคใกล้เข้ามาแล้ว ทั้งเวลาและทรัพยากรมีจำกัด จำเป็นต้องเลือกให้รอบคอบที่สุด

‘ไปดูบรรยากาศห้องเรียนก่อนดีกว่า’

ฉันไม่อยากให้มีใครในห้องต้องซ้ำชั้น

* * *

ห้องเรียนปี 1/0

ไม่ผิดจากที่คาด บรรยากาศห้องหม่นหมองกว่าทุกที

“ถ้าฉันซ้ำชั้นจะทำยังไงดี…”

อีเรนากล่าวด้วยสีหน้ากระวนกระวาย ขณะจ้องสมุดจดที่เขียนด้วยลายมือตัวบรรจง

คิมยูรีที่ยืนข้างๆ พยายามให้กำลังใจ

“ฉันจะช่วยติวให้เธอทุกวิชาที่เราสอบตรงกัน! แต่เนื่องจากไม่ใช่เด็กหอ ก็เลยสอนได้แค่ที่โรงเรียน…”

จากบรรดาเพื่อนทุกคน ฉันเป็นห่วงวังจีโฮน้อยที่สุด

แต่ยังไงก็ควรถามเป็นมารยาท

“วังจีโฮ เตรียมสอบถึงไหนแล้ว”

“ก็คงคาบเส้นหวุดหวิด”

หมายความว่าจะปลอมเกรดตัวเองให้คาบเส้นสินะ

น่าชื่นชมเหลือเกินที่ยังมีสามัญสำนึกอยู่ ไม่เสกให้ตัวเองคะแนนเต็มจนทำลายสุขภาพจิตของนักเรียนที่ตั้งใจเรียน

ไนซ์! วังจีโฮ!

‘ซาวอลเซอึม… ถึงจะไม่ได้เรียนในเดือนแรกเลย จนมีเนื้อหาที่ต้องอ่านกองเป็นภูเขา แต่ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะซ้ำชั้น’

คนที่น่ากังวลที่สุดคือเม็งเฮียวทง

เม็งเฮียวทงคือนักสู้สมองกล้าม ผู้เกิดมาพร้อมสกิลสุดโกงและพละกำลังมหาศาล

แต่ก็แค่นั้นเลย

เขาเอาแต่จ้องกระดาษหนังสือเรียนด้วยสายตาว่างเปล่า

“ฮีโร่ที่ไหนเขาอ่านหนังสือกัน…”

เสียสติไปแล้วรึไง?

เม็งเฮียวทงเอาแต่พึมพำเรื่องเหลวไหลไม่พัก

“สีดำคือตัวหนังสือ… สีขาวคือกระดาษ…”

เห็นทีต้องยื่นมือเข้าช่วย ก่อนที่หมอนี่จะข้ามแม่น้ำที่มิอาจหวนกลับ

เม็งเฮียวทงเริ่มเรียนช่วงเดือนมีนาคม หมายความว่ายังสามารถเลือกวิชาสอบใหม่ได้

คงเอาวิชายากๆ ออกจากวิชาสอบหมดแล้วมั้ง… แล้วเปลี่ยนเป็นวิชาสายต่อสู้แทน

เพราะหัวอย่างเม็งเฮียวทงคงสอบวิชาเชิงวิชาการไม่ไหว

“อ่านวิชา ‘ทฤษฎีต่อสู้สำหรับเพลเยอร์ 1’ ไปถึงไหนแล้ว? มันใกล้เคียงการต่อสู้จริงมาก ดังนั้นถ้านายท่องจำคำสำคัญได้…”

ฉันชะงักคำพูดกลางคัน

เพราะสิ่งที่อยู่ในมือเม็งเฮียวทงไม่ใช่หนังสือ ‘ทฤษฎีต่อสู้สำหรับเพลเยอร์ 1’

“หนังสือคณิตศาสตร์…? นายเลือกสอบเลข?”

ขอให้ตาฝาดทีเถอะ

“แล้วมันจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ… คุณรองหัวหน้าห้อง”

หนังสือที่เม็งเฮียวทงกำลังอ่านคือคณิตศาสตร์

หัวข้อใหญ่ - พหุนาม

หัวข้อย่อย - การคำนวณพหุนาม

ฉันตระหนักทันทีหลังจากได้อ่านตัวหนังสือใหญ่ๆ บนหนังสือเรียนที่สะอาดสะอ้านมาก

‘ยังไม่จบบทแรกเลย!’

เลือกปาร์ตี้เรียนหนังสือได้แล้ว

“คืนนี้เด็กหอคนไหนจะจับกลุ่มอ่านหนังสือมั่ง?”

แน่นอน เม็งเฮียวทงถูกบังคับให้เข้าร่วม

* * *

หลังเลิกเรียน อาคารสมาคมปีกธรณี

ในล็อบบี้ ฉันเห็นคนของสมาคมปีกธรณีกำลังจัดสรรห้องติวหนังสือให้เด็กหอ

ซงซีวาน ประธานสมาคม เรียกชื่อฉันทันทีที่เห็นหน้า

“อึยชิน! มากับเด็กห้องศูนย์ใช่ไหม? ทั้งหมดห้าคนสินะ… เดี๋ยวหาห้องติวหนังสือให้นะ”

“ใช่ พอจะมีว่างไหม”

“มีสิ! เอาเป็น… ชั้นสอง ห้อง 210 ก็แล้วกัน รหัสห้อง 0000… ไปเปลี่ยนรหัสแล้วใช้จนกว่าจะสอบกลางภาคเสร็จได้เลย”

ซงซีวานช่วยบอกทางพวกเราผ่านโฮโลแกรม

“ขอให้โชคดีกับการสอบกลางภาคครั้งแรกนะ รวมถึงเฮียวทง เซอึม เรนา กับฮันอีด้วย! ถ้าขาดเหลืออะไรก็แจ้งได้”

“เอ้า! นี่ของว่าง”

“เด็กปี 1/0 ปีนี้นิสัยดีมาก! พวกนี้แทนคำขอบคุณจากฉัน!”

คณะกรรมการสมาคมปีกธรณีที่ยืนข้างซงซีวาน เลื่อนกล่องที่เต็มไปด้วยอาหารมาทางพวกเรา

ถั่ว ผลไม้แห้ง ไข่ต้ม คุกกี้โกโก้ ช็อกโกแลต โยเกิร์ตไขมันต่ำ นมถั่วเหลือง…

ของกินเล่นที่ช่วยให้อิ่มท้องแต่ไม่ทำลายสุขภาพ

ฮันอีผู้หลงใหลของหวาน รีบรับกล่องมาถือ

“ขอบคุณนะคะ!”

หลังจากเด็กหอห้องศูนย์อย่างฉัน เม็งเฮียวทง ซาวอลเซอึม ฮันอี และอีเรนากล่าวขอบคุณรุ่นพี่ พวกเราทยอยเคลื่อนย้ายไปยังห้องติวหนังสือ

“สุดยอด! เพิ่งเคยเข้าห้องติวหนังสือก็วันนี้ล่ะ! เจ๋งชะมัด!”

ห้องติวหนังสือ 210

ผนังสีเข้มช่วยให้ดวงตารับภาระน้อยลง

รอบโต๊ะอ่านหนังสือที่ใหญ่พอจะรองรับนักเรียนได้สิบคน เต็มไปด้วยเก้าอี้สุขภาพที่ออกแบบสำหรับการนั่งนานๆ โดยไม่ปวดหลัง

ตรงมุมห้องมีโซฟาตัวใหญ่สำหรับเอนหลังนอน เหมาะกับนักเรียนที่ต้องการอ่านหนังสือโต้รุ่ง

เป็นห้องที่ออกแบบมาให้นักเรียนสุมหัวกันติวหนังสือโดยเฉพาะ

“ฮันอี ฉันขอโทษ…”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า คนสอนก็ได้ทบทวนไปในตัว”

ฮันอีที่นั่งข้างอีเรนา บรรจงอธิบายเนื้อหาอย่างใจเย็น

แค่ฟังผ่านๆ ยังรู้เลยว่าตรงประเด็นและย่อยง่ายขนาดไหน

‘สมแล้วที่เป็นศิษย์กงชองวอน’

วิชาแนะนำเอนามีของกงชองวอนเป็นวิชาที่ดี ยกเว้นแค่ข้อสอบ

“ฉันไม่คิดจะเรียนต่อมหา’ ลัยน่ะ เล็งไว้ว่าจะเข้าร่วมทีมโปรหรือไม่ก็สานต่อธุรกิจครอบครัว ก็เลยไม่ได้เลือกสอบเลข… ขอโทษนะที่ช่วยอะไรไม่ได้”

ซาวอลเซอึมทำหน้ารู้สึกผิด

จะไปรู้สึกผิดทำมะเขืออะไร?

คนที่ไม่ปกติคือเม็งเฮียวทงที่เลือกเรียนเลขต่างหาก

“ว่าแต่… ทำไมนายถึงเลือกคณิตศาสตร์ล่ะ”

“นั่นสินะ มันเป็นไปแล้วน่ะ”

ได้ฟังคำถามซาวอลเซอึม เม็งเฮียวทงตอบเหมือนไม่ตอบ

เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ…

ครูฮัมกึนยองรู้ว่าเม็งเฮียวทงสอบเข้าด้วยโควตาพิเศษ ไม่มีทางแนะนำให้สอบคณิตศาสตร์แน่

‘เฮ้อ… เราเป็นคนเดียวที่ช่วยหมอนั่นได้สินะ’

โชคดีที่ทบทวนบทเรียนของตัวเองเสร็จเกือบหมดแล้ว

ติวเลขให้เม็งเฮียวทง… จะมองว่าเป็นความท้าทายใหม่ๆ ก็แล้วกัน

“อ่านเลขไปถึงไหนแล้ว? ตอบมาตรงๆ”

“การแยกตัวประกอบ…”

โฮ่ ไม่เลวนี่

การแยกตัวประกอบอยู่ในบทที่สามของพหุนาม

ว่าแต่… อ่านจบบทแรกแล้วหรือ?

“สมัยม.ต้น ฉันชำนาญการแยกตัวประกอบมาก”

เวรเอ้ย

ไม่ใช่การแยกตัวประกอบของพหุนามในหลักสูตรม.ปลาย แต่เป็นการแยกตัวประกอบของจำนวนนับตอนม.ต้น?

* * *

ท่ามกลางการต่อสู้อย่างดุเดือดระหว่างเม็งเฮียวทงกับคณิตศาสตร์ เวลาล่วงเลยไปเรื่อยๆ

วันพุธ เทศกาลสอบกลางภาคขยับใกล้เข้ามาทุกที

วันนี้เป็นวันเลือกตั้งใหญ่ของเกาหลีใต้ จึงถือเป็นวันหยุดราชการ

ถึงจะเป็นวันหยุด แต่ก็ไม่ใช่วันพักผ่อน

ก็แค่วันติวหนังสือที่ไม่ต้องไปโรงเรียน

“ฮะฮะฮะ… เพลงท่องตารางธาตุเมื่อวานยังวนเวียนในหัวฉันอยู่เลย… ทั้งที่ฉันไม่ได้สอบเคมี…”

อีเรนากำลังทำหน้าสิ้นหวัง

ซาวอลเซอึมที่ต้องขยันอ่านเป็นเท่าตัวเพื่อชดเชยหนึ่งเดือนแรก กล่าวอย่างหดหู่

“ได้ยินว่าปีที่แล้วมีคนแกล้งเปิดเพลงต้องห้าม จนนักเรียนไม่มีสมาธิอ่านหนังสือ…”

เพลงต้องห้าม

เพลงที่ฟังแล้วติดอยู่ในหัว ทำให้จดจ่อกับการอ่านได้น้อยลง

เอาจริงดิ แกล้งกันแบบนี้ในช่วงเตรียมสอบ?

‘…ถึงจะไม่รู้ว่าฝีมือใคร แต่ขอเดาว่าเป็นเด็กปี 2/0 รุ่นนี้’

ขณะเดียวกัน เม็งเฮียวทงที่เอาแต่นั่งจ้องหนังสือทำโจทย์ ไม่ตอบสนองกับคำพูดใครทั้งสิ้น ประหนึ่งตุ๊กตาไร้วิญญาณ

สิ่งเดียวที่บ่งบอกว่าเขายังมีชีวิตอยู่ คือฝ่ามือที่ขยับเล็กๆ เป็นระยะ

จากบรรดาเด็กหอของปี 1/0 มีแค่ฉันกับฮันอีที่ยังดูเหมือนคนปกติ

พวกเราคอยช่วยกันเคี่ยวเข็ญเด็กคนอื่นไม่ให้หย่อนยานเกินไปนัก

* * *

พวกเราห้าคนใช้วันหยุดร่วมกัน

กินข้าวด้วยกัน และอ่านหนังสือด้วยกันจนดึกดื่น

ฉันเปิดโฮโลแกรมขึ้นมาอ่านข่าว พลางจิบชาที่สมาคมปีกธรณียกมาเสิร์ฟเพื่อป้องกันสุขภาพดวงตา

‘ถ้าอิงจากเนื้อเรื่องในเกม คนคนนั้นจะได้รับเลือก’

จากเนื้อข่าว ด้านหลังชื่อของหนึ่งในตัวละครที่ควบคุมได้ของฉัน มีคำว่า ‘ชนะแน่นอน’ เขียนกำกับไว้

สอดคล้องกับเอ็กซิตโพลล์และผลการนับคะแนนล่าสุด ดังนั้นถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คนคนนี้ก็จะได้รับเลือก

“ควรปลุกไหม? หรือไปเอาผ้าห่มมาให้ดี?”

ฮันอีกล่าวอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

เมื่อฉันปิดโฮโลแกรมแล้วหันไปมอง ซาวอลเซอึมกับอีเรนาผล็อยหลับไปแล้ว

เหลือบมองหนังสือเรียนที่พวกเขากำลังติว

“ดูจากจำนวนหน้า พวกเขายังอ่านไม่ถึงเกณฑ์ที่เราตั้งไว้ ให้นอนสักงีบแล้วค่อยปลุกขึ้นมาอ่านใหม่ดีกว่า”

“ฉันจะไปเอาผ้าห่มจากล็อบบี้… อยากเดินให้ร่างกายตื่นตัวสักหน่อย”

ฮันอีเดินออกจากห้องติวอย่างเงียบเชียบ เพื่อไม่เป็นการรบกวนคนนอน

นักสู้สมองกล้าม เม็งเฮียวทงยังไม่มีวี่แววจะหลับ ยังคงต่อกรกับตัวเลขและแนวคิดอย่างโดดเดี่ยว

ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเลือกเส้นทางที่ทำร้ายตัวเองขนาดนี้

“ทำไมถึงเลือกคณิตศาสตร์ล่ะ… ฉันไม่คิดว่านายเลือกเพราะความชอบ”

ภายในเกม เม็งเฮียวทงที่กลับมาเข้าเรียนตอนปีสอง ไม่ได้เลือกสอบเลข

ไม่มีการบรรยายว่าเขาเผชิญความยากลำบากระหว่างการสอบ

แก่กแก่ก!

เสียงดินสอกดในมือเม็งเฮียวทงดังแผ่วเบา ไส้เก่าถูกดันหลุดออกมา

“เพราะมันคือวิชาของครูประจำชั้น”

ฮัมกึนยองไม่ได้สอนเลขสักหน่อย

“ฉันหมายถึงครูประจำชั้นตอนม.ต้นปีสาม… ก็เลยอยากตั้งใจเรียนน่ะ”

อ้อ… วิชาของครูประจำชั้นตอนม.ต้น

ในเกม บางครั้งเม็งเฮียวทงก็พูดกับจูซูย็อกว่า

ถ้าไม่ใช่เพราะครูประจำชั้นตอนปีสาม เขาคงไม่มีโอกาสได้สอบเข้าโรงเรียนแสงเงิน

‘จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเม็งเฮียวทงไม่ได้เรียนที่นี่…’

ตอนนี้ก็คงทำงานเสี่ยงๆ อยู่

เพราะโรงเรียนมัธยมปลายเพลเยอร์แห่งอื่น ไม่มีโควตาพิเศษแปลกๆ เหมือนกับโรงเรียนแสงเงิน

กล่าวคือ ส่วนใหญ่จะไม่มีโควตาสำหรับเพลเยอร์ที่ไม่เก่งวิชาการ และโรงเรียนทั่วไปก็แทบไม่มีหลักสูตรที่ไม่เสียค่าเล่าเรียน

เม็งเฮียวทงคงจบการศึกษาสูงสุดได้แค่ชั้นม.ต้น

“สมัยยังเรียนม.ต้น ครูในโรงเรียนทำตัวไม่เหมือนครูสักคน… คนเดียวที่ฉันเรียกว่าครูได้เต็มปากคือครูคณิตศาสตร์”

เม็งเฮียวทงไม่ลงรายละเอียด

แต่ฉันก็พอจะเดาได้

“ก็เลยเกิดอยากลองตั้งใจเรียนตอนม.ปลายน่ะ… แต่เด็กเวรของที่นี่เรียนเก่งกันชะมัด หนังสือเรียนบ้านี่ก็เข้าใจยากยังกับหนังสือสวดมนต์”

เม็งเฮียวทงเล่าขณะสอดไส้ดินสอเข้าไปในดินสอกด

…ชอบทำโจทย์ด้วยดินสอกับกระดาษมากกว่า เพราะตอนม.ต้นเรียนมาแบบนี้?

ที่ในเกมไม่เลือกเรียนเลข เพราะตอนนั้นเป็นชั้นปีสองแล้ว ช้าเกินกว่าจะเริ่มใหม่

ได้ยินเม็งเฮียวทงพูดถึงขนาดนี้ ฉันคงไม่กล้าบอกให้เขาทิ้งวิชาเลข

“อันดับแรกก็ต้องจำ ‘นิยาม’ ให้ขึ้นใจก่อน อย่าเพิ่งสนใจวิธีแก้โจทย์… อ่านให้เข้าใจว่าสัญลักษณ์นี้คืออะไร คำนี้หมายถึงอะไร… จากนั่นค่อยเริ่มแก้โจทย์”

นรกคณิตศาสตร์ยังคงดำเนินต่อไป

เม็งเฮียวทงอาจมีสมองก้อนหิน แต่โบราณเคยว่าไว้ สิ่งใดที่สลักลงบนหิน มันจะคงอยู่ไปตลอดกาล

สู้เค้านะเม็งเฮียวทง

ขณะนั่งดูอีกฝ่ายท่องนิยาม คำพูดหนึ่งหวนกลับมาในหัว

‘เขาคือคนเดียวที่ฉันเรียกว่าครูได้เต็มปาก…’

โลกนี้ยังมีคนที่ใช้คำว่า ‘ครู’ ด้วยความหมายลึกซึ้งอยู่สินะ

ความรู้สึกไม่เข้าพวกผุดขึ้นก่อนจะเลือนหายไป

* * *

การสอบกลางภาควันแรก

วิชาแรกคือ ‘ทฤษฎีต่อสู้สำหรับเพลเยอร์ 1’

เนื่องจากเป็นวิชาบังคับ มันจึงเป็นวิชาข้อเขียนเดียวที่เด็กห้องศูนย์ได้สอบพร้อมหน้า

คงเพราะเป็นวันสอบ ทั้งเจ็ดคนจึงมาโรงเรียนเร็วกว่าปกติ

“ทุกคนพยายามเข้านะ!”

คิมยูรีกล่าวพลางแจกถุงลูกอมเปปเปอร์มินต์ที่ดูแล้วน่าจะห่อเอง

ในถุงใสขนาดเท่ากำปั้น มีลูกอมเปปเปอร์มินต์ทรงสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนเบียดเสียดอยู่หลายเม็ด

เด็กที่ได้รับลูกอมต่างพากันขอบคุณคิมยูรี

ฉันได้รับเป็นคนสุดท้าย

“จะกินอย่างดีเลยล่ะ… ว่าแต่ ยังเหลืออีกเยอะเลยนะ เตรียมมาแจกเพื่อนห้องอื่น?”

“เปล่า… ของห้องเราทั้งหมด ฉันเอามาสิบหกชุด เผื่อว่า…”

คิมยูรีก้มมองถุงขนมในถุงกระดาษด้วยสีหน้าเศร้าหมอง

นี่คือการสอบกลางภาค เธอคงคิดว่าเพื่อนในห้องอาจเข้าเรียนครบทุกคน ก็เลยเตรียมมาให้พอดีจำนวน

ดูจากสถานการณ์ คงไม่มีใครมาเพิ่มแล้วล่ะ จะปลอบยังไงดีนะ…

ครืด!

ทันใดนั้น

ประตูอัตโนมัติหน้าห้องเรียนเปิดออก เผยให้เห็นนักเรียนหญิงคนหนึ่ง

อีกฝ่ายสวมฮู้ดคลุมทับเสื้อนักเรียนแล้วรูดซิปขึ้นถึงปลายคาง

ผมกระเซิง หมวก และแว่นตาหนาๆ ทำให้มองเห็นใบหน้าได้ไม่ชัด

“…อ…อะไรกัน! ไหนว่าอัตราการเข้าเรียนต่ำไง!”

ก็ต่ำไง

ในขณะที่ห้องอื่นมีเด็กเข้าเรียนห้าสิบคนครบ ห้องเรายังไม่เคยถึงครึ่งของสิบหกคน

“ทำไมถึงคนเยอะขนาดนี้! ฉันกลับล่ะ! ครูฮัมกึนยองคนโกหก!”

นักเรียนหญิงเอาแต่พูดอยู่ฝ่ายเดียวจนกระทั่งหันหลังกลับ ประหนึ่งกำลังโซโล่บทละครเวที

ปึง!

สาวปริศนาฝืนปิดประตูอัตโนมัติ

ตึกตึกตึกตึก!

ฉันได้ยินเสียงย่ำเท้าไปตามทางเดินนอกห้อง

แค่ฟังผ่านๆ ก็พอจะเดาได้ว่าเป็นพวกที่มีกำลังขามาก

ขณะนักเรียนทั้งเจ็ดคนเอาแต่จ้องประตูอัตโนมัติด้วยสายตาว่างเปล่า

ประตูเปิดออกอีกครั้ง

หล่อนเปลี่ยนใจแล้วย้อนกลับมา? นั่นคือสิ่งที่ฉันคิด

แต่ด้านหลังประตูกลับเป็นฮัมกึนยองที่ทำหน้าผิดหวัง

“…ได้ยินว่าจะมีเด็กมาเรียนเพิ่มอีกหนึ่งคน ยังมาไม่ถึง?”

เธอนี่เอง

มาแล้วครับ แล้วก็ไปแล้ว

“อ๊ะ… ฉันลืมให้ลูกอมเธอ…”

คิมยูรีที่เพิ่งได้สติ ก้มมองถุงใส่ลูกอมด้วยอาการเสียดาย

สอบกลางภาควันแรก

อัตราการเข้าเรียนของห้องศูนย์ยังคงไม่ถึง 50%

แม้จะเกือบแล้วก็เถอะ

หล่อนคงกลับบ้านไปจริงๆ แล้วค่อยมาสอบซ่อมทีหลัง

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (1/4)

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด