ตอนที่แล้วตอนที่ 4 โต๊ะกินข้าว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6 เข้าเมือง

ตอนที่ 5 ความทรงจำที่กลับมา


ตอนที่ 5 ความทรงจำที่กลับมา

เมื่อมองดูให้ดี ๆ สุนัขตัวนี้มีขนสีเหลืองออกไปทางสีทองมากกว่าน้ำตาลซึ่งแปลกมาก เวลานี้มันลุกขึ้นหลังจากที่นอนราบอยู่ก่อนหน้านี้ เมื่อมองเห็นอาหารดูเหมือนว่ามันจะมีพละกำลังกลับคืนมา มันเห็นชุนหยา กำลังถือชามมาที่มัน จึงกระดิกหางอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ชุนหยาซักเท่าไหร่  จากนั้นชุนหยา ลูบหัวมันแล้วยื่นชามให้ มันกินข้าวทั้งหมดนั้นอย่างรวดเร็วและชุนหยายังช่วยมันเติมน้ำในชามข้าวนั้นเพราะในผัดกะหล่ำปลีดองที่ ฉื้อโถว นำมาจากบ้านย่า มันเค็มมาก สุนัขจะอาเจียนได้หลังจากกินเข้าไป ดังนั้นให้มันดื่มน้ำเจือจางเพื่อให้ความเค็มคงจะสามารถช่วยได้ สุนัขสีเหลืองทองตัวใหญ่เลียชามอีกครั้งและกินน้ำที่ชุนหยาเติมให้

หลังจากลูบหัวสุนัขอย่างมีความสุขสักพัก ชุนหยา ก็กลับไปหาแม่ของเธอ และมองไปที่ใบหน้าของนางจาง ที่กำลังซักผ้าเช็ดโต๊ะอยู่ในสนามหญ้า เธอรู้ดีว่านี่คือแม่ของเธอแต่นางจางคนนี้ช่างดูผอมและผิวหยาบกร้านเหลือเกิน แต่เธอก็เลือกที่จะเข้าในและและชวนแม่ของเธอคุย: “แม่ หนูขอตั้งชื่อเจ้าตัวนี้ว่า รูบาร์บ ได้ไหม”

นางจาง ยิ้มและตอบว่า : “เอาสิ แต่ว่ามันจะรู้ไหมว่ามันชื่อนี้ มันอาจมีชื่ออื่นอยู่แล้วก็ได้”

เถี่ยโถว ยังเดินไปหาพี่สาวของเขาและเล่นกับสุนัขด้วย ดูเหมือนเขาจะชอบมันมากเช่นกัน เขายิ้มและเรียกมันว่า รูบาร์บ ตามที่ ชุนหยาตั้งชื่อด้วย

จู่ ๆ ชุนหยา นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ต้มไข่ให้เถี่ยโถว การกินข้าววันนี้เหนื่อยกว่าที่ผ่านมาจริง ๆ เธอจึงเรียกพ่อของเธอมาจุดไฟให้เธออีกครั้ง แต่เมื่อฉื้อโถวได้ยินเขาก็รีบอาสาว่า :  "ข้าไปจะทำเอง"

ในขณะเดียวกันซือต๋าต้องการจะบอกว่าเขาจะทำมันเอง แต่นางจาง ก็ขยิบตาให้เขา และเขาจึงนั่งเงียบ ๆ ในลานบ้านมองดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาว เขาไม่เคยเงยหน้ามองท้องฟ้านานมากแล้วเช่นกัน

ทั้งนี้ฉื้อโถว อาจเริ่มรู้สึกสงสัยบางอย่างเกี่ยวกับความผิดปกติของพวกเขาแล้ว ดังนั้นจะเป็นการดีกว่าที่จะไม่ทำตัวแปลกจากตัวตนเก่าของพวกเขาเกินไป นางจางจึงกลัวว่าจะถูกจับได้

หลังจากชุนหยาต้มไข่เสร็จ ฟ้าก็มืดมากแล้ว และทุกคนก็กลับไปที่ห้องนอน และคืนนี้ยังเป็นการอาบน้ำในความมืดและไม่มีสบู่เหลวหรือแชมพู ทำให้ นางจาง คันไปทั้งตัว เธอยังมองหาตะเกียงจนทั่วแล้วแต่ก็ไม่พบตะเกียงหรือน้ำมันที่ใช้จุดเพื่อให้มีแสงสว่างได้ เมื่อมองไปที่ห้องของฉื้อโถวและเถี่ยโถว ก็เห็นว่าคงเป็นเรื่องปกติที่ไม่มีตะเกียงในบ้านนี้

สามคนพ่อแม่ลูก นอนอยู่บนเตียงและคุยกันเบา ๆ

ซือต๋า: "ถ้าพรุ่งนี้เราตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวเองยังอยู่ที่นี่ เราต้องเข้าเมืองและหาของใช้จำเป็นสำหรับบ้านหลังนี้ ไม่อย่างนั้นคุณกับลูกจะใช้ชีวิตลำบากมาก"

นางจาง คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และพูดว่า : "ไม่ใช่เพราะคุณเหรอ มองมาที่ฉันสิ ร่างกายมันเป็นสีเขียวช้ำไปหมด คิดแล้วฉันอยากจะหักขาของคุณทุกนาที”

หลังจากพูด นางจางก็บิดเอวของซือต๋าอีกครั้ง และซือต๋า ก็เริ่มร้องเสียงดัง

ชุนหยา: "พ่อ เบา ๆหน่อยสิ บ้านหลังนี้มีการเก็บเสียงที่แย่มาก ทั้งสองคนอย่าทะเลาะต่อหน้าหนูได้ไหม อีกอย่างเราต้องพูดให้เหมือนคนที่นี่อย่าลืมสิ"

นางจาง ปล่อยมือออกจาก ซือต๋า

ชุนหยา คิดบางอย่างและพูดต่อ: "พ่อ แม่ บอกหนูที ถ้าเราต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป เราจะอยู่กันยังไงในอนาคต จากข้อมูลที่ ฉื้อโถว บอกที่ดินสามไร่ของครอบครัวนี้ถูกบังคับขายใช้หนี้ไปแล้ว และหมายความว่ามันหายไปแล้วและเราเหลือก็เงินน้อยกว่าห้าตำลึงเราควรทำอย่างไรต่อไป”

และนางจาง ก็อยากจะตีใครที่เป็นต้นเหตุอีกครั้ง แต่เมื่อรู้สึกถึงบรรยากาศที่ไม่ดี ซือต๋า จึงรีบพูดว่า : "พ่อจะออกไปหางานทำ พ่อยังทำงานเป็นนักบัญชีที่นี่ได้!"

หลังจากนั้นบรรยากาศที่เลวร้ายได้ลดลง อย่างไรก็ตาม นางจาง ยังคงขัดขวางเขาและกล่าวว่า: "นักการบัญชีไม่ใช่สิ่งที่อยากเป็นก็เป็นได้ง่าย ๆ   ใครจะช่วยฝากคุณเข้าทำงานที่นี่ เมื่อคุณคือ ซือต๋า ที่มีแต่เรื่องเสียชื่อเสียงของเขา มันจะเป็นไปได้ยังไงดูสภาพตอนนี้สิ ใครจะช่วยฝากคุณเข้าทำงานเป็นนักบัญชี”

ชุนหยา พยักหน้าเงียบ ๆ ในความมืดและสิ่งที่แม่ของเธอพูดก็สมเหตุสมผล เมื่อพ่อของเธอฟื้นขึ้นมาในร่างของ ซือต๋า นักพนัน จะมีใครเชื่อถือในตัวเขาได้อย่างไร

ซือต๋า กล่าวต่อ: “ถ้าอย่างนั้นพ่อจะเป็นกุลีรับจ้างคนอื่น”

นางจาง ยังคงทุบตีเขาต่อไป: "หืม… กุลีเหรอ? ดูตัวเองตอนนี้ซิ ทำอะไรไหวบ้าง ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้คุณถือกระเป๋าใบใหญ่ ๆ ไหวรึเปล่าด้วยซ้ำ?”

"ฮิ ฮิ..." ชุนหยาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา แท้จริงแล้วภาพลักษณ์ของพ่อของเธอในตอนนี้ดูอ่อนแอและผอมบางมาก และภาพลักษณ์ทั้งหมดจากครอบครัวเดิมของพวกเขากับตอนนี้มันช่างแตกต่างกันมาก เมื่ออยู่ที่นี่สถานะทางครอบครัวของพวกเขาค่อนข้างดูแย่มาก

“แล้วเราควรทำอย่างไรดี?เราจะนั่งรอความตายอย่างเดียวไม่ได้นะ” ซือต๋า ทำอะไรไม่ถูก อันที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้คิดจริงจังเกี่ยวกับการเป็นกุลีแต่เขาคิดอะไรไม่ออกเกี่ยวกับการหาเงิน

จู่ ๆ ชุนหยา ก็นึกถึงไอเดียหนึ่งขึ้นมาได้และพูดว่า: “หนูมีความคิดบางอย่าง จำได้ไหมที่หน้าโรงเรียนของหนู เมื่อโรงเรียนเลิก มักจะมีแผงลอยเล็ก ๆ ขายแพนเค้กต้นหอม ไข่ชา ฯลฯ และมีนักเรียนต่คิวซื้อเยอะมาก แต่น่าเสียดายที่พวกเขาตั้งร้านที่นั่นไม่ได้แล้วเพราะโรงเรียนไม่ให้ขาย  หนูอยากรู้ว่าถ้าเราจะทำบ้างพวกเราสามารถตั้งร้านเล็ก ๆ แบบนั้นที่นี่ได้ไหม?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ นางจางรู้สึกว่ามันน่าจะเป็นไปได้มากกว่าที่ ซือต๋า พูดว่าจะออกไปหางานทำ และพวกเขายังมีเงินอยู่บ้าง ดังนั้นธุรกิจขนาดเล็กอาจเพียงพอกับเงินและเหมาะสมมากกว่า ดังนั้นเธอจึงพูดว่า: "ใช่ งั้นเราลองตั้งแผงขายของดูสิ ถึงเราจะไม่ได้ตั้งแผงขายในโรงเรียนเอกชนเหมือนที่นั่น แต่เราก็ยังถามคนแถวนี้ได้ว่ามีตลาดที่ไหนบ้างที่จะพอขายได้ อาจจะเป็นตลาดกลางคืน หรือตลาดเช้าก็ได้ทั้งนั้น เราลองไปในเมืองพรุ่งนี้กันก็จะรู้เอง"

“ใช่ หนูจะซื้อของมาทำขนมหรือของว่างสำหรับทำขาย” ชุนหยา พูด

ทั้งนางจาง และซือต๋า ตกลงกันว่าที่จะไปในเมืองหรือเขตของที่ว่าการอำเภอในวันพรุ่งนี้ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องให้ ฉื้อโถว ไปด้วย เพราะพวกเขาไม่รู้ทางเลย เมื่อพวกเขาทั้งสามคนตกลงกัน จากนั้นก็ต่างคนต่างเข้านอน

วันนี้พวกเขาได้รับประสบการณ์แปลกใหม่มากเกินไปทั้งร่างกายและจิตใจของพวกเขาทั้งหมดเหนื่อยล้าจนทั้งสามคนหลับไปหลังจากหยุดพูดได้ไม่นาน

ขณะหลับพวกเขาทั้งสามมีความฝันที่ยาวนานมาก ในความฝันเหมือนความจริงและภาพลวงตายังคงทับซ้อนกัน ในขณะหนึ่ง พวกเขาคิดว่ามันเป็นความจริงของครอบครัวนี้ แม้มันยากจะเชื่อแต่มันก็ได้เกิดขึ้นแล้ว

ทั้งสามคนหลับไปจนพระอาทิตย์ขึ้น และนางจางก็ตื่นขึ้นอย่างช้า ๆ เมื่อมองดูผู้คนรอบตัวเธอ เธอยังไม่สามารถปรับตัวได้ซักเท่าไหร่ แต่เนื่องจากความฝันที่เธอฝันทั้งคืนมันคือความจริงของนางจางคนนี้ เธอจึงยิ่งโกรธมากขึ้น เธอตบตีซือต๋าจนกระทั่งเขาตื่นขึ้น

ซือต๋า ตื่นขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง เขาคิดถึงความฝันที่เขาเห็นเมื่อคืนนี้ เขารู้สึกว่าเขาสมควรแล้วที่จะถูกภรรยาทุบตีแล้ว ซือต๋าทำร้ายภรรยาและลูกทุกวันได้อย่างไร ช่างน่าสงสารครอบครัวนี้จริง ๆ

ทั้งสามคนแลกเปลี่ยนความฝันที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้และได้ข้อสรุปว่าความฝันเมื่อคืนนี้อาจเป็นความทรงจำของพวกเขา เพราะในความฝัน ทั้ง 3 คนที่ได้รื้อฟื้นความทรงจำสาเหตุที่ต้องตกลงไปในบ่อน้ำจากมุมของตัวเอง

เรื่องราวทั้งหมดนั้นปรากฎว่าหลังจาก ซือต๋า ถูกเจ้านี้บังคับให้ขายที่ดิน 2 ไร่เมื่อไม่กี่วันก่อนเพื่อชดใช้ เขาไปที่ว่าการอำเภอ เพื่อแลกเปลี่ยนโฉนดและเงินส่วนต่างกับใครบางคนเมื่อเช้าวานนี้ เงินและโฉนดก็ถูกเคลียร์ทันที และเขากลับมาที่บ้านเพื่อทุบตี นางจาง อย่างรุนแรงเพราะมีการโต้เถียงกันเกี่ยวกับเรื่องนี้

เมื่อเห็นสิ่งที่ ซือต๋า ทำกับแม่ของเธอ ชุนหยา เด็กหญิงวัยแปดขวบ ต้องการเข้าไปปกป้องแม่ของเธอ แต่ ซือต๋า ก็หันมาทุบตีเธอเช่นกัน นางจาง รู้สึกหายใจไม่ออกชั่วขณะหนึ่ง เธอรู้สึกว่าวันนี้เธอคงไม่สามารถมีชีวิตต่อไปได้ เธอจึงกอดเขาและจะทำให้เขาตายไปด้วยกันกับเธอในบ่อน้ำ

ดังนั้นนางจาง จึงกอดที่เอวของ ซือต๋า ไม่ว่าเธอจะผอมบางแค่ไหน การทำงานหนักหลายปีทำให้เธอแข็งแกร่งมาก  ซือต๋า ไม่เคยคิดว่าภรรยาของเขาซึ่งถูกเขาทุบตีและดุด่าอยู่เสมอจู่ ๆ จะทำเช่นนี้ได้ และเมื่อนางจางกำลังกอดลากซือต๋า เพื่อจะกระโดดลงไปในบ่อน้ำ ชุนหยา ต้องการดึงแม่ของเธอไว้ แต่เธออายุแค่แปดขวบและไม่สามารถรั้งแม่ของเธอไว้ได้เลย ดังนั้นเธอจึงถูกน้ำหนักตัวของผู้ใหญ่สองลงดึงลงไปในบ่อน้ำพร้อมกันด้วยขณะที่มือของเธอยังจับที่ตัวของนางจาง

ในเวลานี้เมื่อเล่าความฝันจบ แม่และลูกสาวมองไปที่ ซือต๋า อย่างเย็นชา ซือต๋า ได้แต่เกาหัวและหัวเราะอย่างเคอะเขิน เขาจะทำอย่างไรดี? ก่อนหน้านี้ ซือต๋า คนนั้นไม่ใช่เขา เขาอาจผิดเมื่ออยู่ในร่างของซือต๋าขณะนี้ แต่อย่างไรก็ตามเขาคือเขาไม่ใช่ซือต๋าคนเดิม

บรรยากาศตึงเครียดเล็กน้อย ซือต๋า กลืนน้ำลาย และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดว่า: "คุณคงไม่คิดว่าผมจะทำอย่างที่ผ่านมา ต่อจากนี้ไป คุณต้องรู้ว่าผมคือ ซือต้าเฉิน ไม่ใช่ซือต๋า จริง ๆ  ไม่ว่าซือต๋าจะเคยทำไม่ดีอะไรไว้ แต่ในฐานะหัวหน้าครอบครัว ผมสัญญาว่าจะให้คุณกับลูก ๆ ทั้งกินและดื่มอย่างดีที่สุด อย่าโกรธอีกเลย!” หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกผิดกับทุกคน

ในครอบครัวเดิมของพวกเขา ซื่อต้าเฉิน สามารถช่วยเหลือการทำงานบ้านได้ จางหลานจื้อ ที่เป็นหัวหน้าพยาบาล และเธอมักจะยุ่งอยู่กับการเปลี่ยนกะเข้าเวรทุกวัน ส่วนซื่อต้าเฉิน ทำงานเกี่ยวกับเครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ต เขาทำงานได้สะดวกกว่า และงานของเขาแค่ต้องตรวจสอบบัญชีทุก ๆ วัน และซูเปอร์มาร์เก็ตมีผู้จัดการ หัวหน้า และพนักงานประจำอยู่แล้ว เขาจึงไม่ต้องทำอะไรมาก

นางจาง รู้ว่าเขาสมควรที่จะถูกตำหนิ แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่เธอจะรู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงการถูกทุบตีในความฝัน แต่เมื่อดูท้องฟ้าข้างนอกแล้วตอนนี้ สายแล้ว และที่นี่ยังมีลูกชายสองคนที่นอนอยู่อีกห้อง เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เธอพูดเสียงดังด้วยความตกใจ : “ลุกกันได้แล้ว ทำอาหารกันก่อน!” นางจาง ตีที่แขนของ ซือต๋าและรีบสวมรองเท้าด้วยความรีบเร่งและออกไปจากห้อง

ซือต๋า รีบตามภรรยาของเขาและออกไป แต่ชุนหยา ยังนอนบิดขี้เกียจอีกสองสามครั้งบนเตียงก่อนจะลุกขึ้นช้า ๆ

มันไม่สะดวกซะเลยที่จะอยู่ในห้องเดียวกันกับพ่อแม่ อันที่จริงเธอโตเป็นผู้ใหญ่ แต่โชคดีที่มีผ้าเก่า ๆ กั้นไว้

"พ่อกับแม่ต้องคืนดีกันไม่ช้าก็เร็ว ตอนนี้พวกเขาอายุแค่ 30 เอง มีลูกสาวนอนข้าง ๆ แบบนี้ไม่ได้  ยังไงเธอก็ต้องหาเงินให้ได้ อย่างน้อย ๆ ก็สร้างบ้านหลังเล็ก ๆ สักหลังก่อน" ขณะที่เปลี่ยนเสื้อผ้า ชุนหยา บ่นเงียบ ๆ อีกว่า: “เสื้อผ้าก็เก่าเกินไปด้วย และฉันต้องหาเงินมาซื้อเสื้อผ้า น่าอึดอัดที่ต้องสวมใส่มัน และไหนจะต้องใช้ส้วมที่ขุดดินเป็นหลุมอีก คงไม่ต้องพูดถึงความปลอดภัยของชีวิต ถ้าหากไม้กระดานที่เหยียบไม่แข็งแรงอาจตกส้วมได้และคงเหม็นมาก”

ในที่สุดแล้ว ชุนหยา ก็ยังให้ความสำคัญกับห้องน้ำมาก เธออาจจะต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนานแค่ไหนไม่มีใครรู้ได้ดังนั่นต้องเริ่มต้นใหม่ที่นี่อย่างจริงจังได้แล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด