ตอนที่แล้วตอนที่ 1229 เสียงสวรรค์ปรากฏ คนผู้นั้นกลับมาแล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1231 นางพญามาแล้ว!

ตอนที่ 1230 จูบลืมโลก!


หลังจากเสียงไพเราะของสตรีนางนี้จบลงฉับพลันมิทราบว่าลมยะเยือกพัดมาจากที่ใด

ทุกที่ที่พัดผ่านกลายเป็นน้ำแข็งไปหมด

สิ่งมีชีวิตใดๆทั้งหมดกลายเป็นเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง

รวมถึงเด็กสาวยักษ์ที่กำลังดิ้นรนลุกขึ้นและร่างเงากับตั่วตั่วที่กำลังใช้พลังเทพสู้กันอยู่ในท้องฟ้าและแม้แต่มังกรพิรุณกับอวตารร่างทองของเทพปีศาจเว่ยกวงที่กำลังจะใช้แขนกระบี่ขวาสังหารโลกกลายเป็นน้ำแข็งทั้งหมดในทันที เหมือนกับว่าทั้งโลกถูกแช่ด้วยน้ำแข็งไม่มีสิ่งใดสามารถเคลื่อนไหวได้ในเวลานี้

มิทราบว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด

ร่างอวตารทองของเทพปีศาจเว่ยกวงเริ่มสั่นและร่างของเขาเริ่มฟื้นตัวเล็กน้อย

และตั่วตั่วที่เปลี่ยนไปเป็นน้ำแข็งเริ่มขจัดน้ำแข็งบนร่าง  เงาดำค้างอยู่ในกลางอากาศจนกระทั่งมังกรพิรุณที่ควบคุมโดยเย่ว์หยางค่อยๆ เคลื่อนลงมามันคำรามเพื่อทำลายผนึกน้ำแข็งบนร่าง

“ใครกัน?” เทพปีศาจเว่ยกวงลอยตัวขึ้นด้วยความโกรธแค้น

ขณะเดียวกันเขาพบว่าผิดปกติ

เขาเกลียดและกลัวต่อพลังน้ำแข็งที่น่ากลัวนี้ เขาต้องคอยทนทรมานกับพลังน้ำแข็งอย่างนี้มาก่อนหรือเปล่า?

เขาไม่พบเห็นศัตรูเพียงแต่รู้ว่าเป็นสตรี แต่พลังน้ำแข็งนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกและคุ้นเคย พลังน้ำแข็งนี้แตกต่างจากพลังน้ำแข็งที่เขาผ่านการต่อสู้มาหลายครั้งความแตกต่างกันก็คือพลังน้ำแข็งนี้เป็นพลังเทพใหม่ซึ่งแตกต่างจากพลังแช่แข็งที่เขาพบมาก่อนแต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือความแข็งแกร่งของพลังน้ำแข็งนี้น่ากลัวกว่าพลังน้ำแข็งที่เขาเคยจำได้และมีพลังผนึกแบบเดียวกันทำให้พลังของเขาอ่อนแอลง

เขาไม่รู้ว่าฟ้าสูงเพียงไหนแต่เขารู้สึกว่าเหนือท้องฟ้าขึ้นไป

มีสายฟ้าสีม่วง

ระเบิดพลังลงมาด้วยความเร็วเหลือเชื่อ

เปลี่ยนเป็นคนอื่นโจมตีแม้ว่าจะเป็นเทพก็เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ร่างเทพอวตารของเทพปีศาจเว่ยกวงรับพลังสายฟ้านี้

อย่างไรก็ตามสายฟ้าสีม่วงนี้ดูเหมือนจะเป็นกฎสวรรค์ที่มิอาจปฏิเสธได้ไม่ยอมให้มีการเบี่ยงร่างหลบได้และยากจะต้านทานได้ฟาดลงบนศีรษะของร่างอวตารทองของเทพปีศาจเว่ยกวง และทะลวงลึกลงไปในวิญญาณของเทพปีศาจเว่ยกวง

ดวงตาของร่างเทพอวตารสีทองดูเหมือนแสดงสีหน้าอาการเหลือเชื่อ

อารมณ์สีหน้านี้ถูกแช่ค้างโดยสายฟ้า

จนกระทั่งร่างอวตารทองทรุดลงกับพื้นสีหน้านี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

เป็นเวลาหมื่นกว่าปีแล้วที่เทพปีศาจเว่ยกวงไม่ถูกศัตรูโค่นล้มแม้แต่ร่างอวตารทองที่เขาใช้สำนึกเทพควบคุมก็ยังลุกขึ้นยืนทันทีได้เป็นความจริงที่เถียงไม่ได้ว่าร่างของเขาไม่สามารถควบคุมได้  นอกจากมีความสับสนมากขึ้นเขายิ่งมีความโกรธและความตกใจปรากฏในสีหน้าใช่แล้วตอนนี้เขาไม่มีทางเก็บซ่อนความตกใจไว้ภายใน!

แม้ว่าศัตรูยังหาสำนึกเทพเขาไม่พบแต่เขาก็ถูกโจมตีจนล้มลง

และใช้เพียงสองเคล็ดพลัง

น้ำแข็งหนึ่งและสายฟ้าหนึ่ง

สามารถเอาชนะสำนึกเทพและทำร้ายพลังเทพจนร่างอวตารทองกระแทกกับพื้น..นี่ นี่คือศัตรูแบบไหนกัน?

“สาวหิมะ! ข้าคิดถึงเจ้ามาก!” เมื่อครู่นี้ใช้สองท่าก็ล้มเทพปีศาจเว่ยกวงได้เย่ว์หยางเข้ามากอดนางแน่น จนนางแทบหายใจไม่ออก ถ้าเป็นเวลาปกตินางคงทุบตีเขาบ้างแน่นอน แต่ตอนนี้นางนอนนานเกินไป นางไม่สามารถพูดกับเขาได้ นางอยากจะกอดเขา หากแต่นางต้องเข้าไปฝึกในโลกมหัศจรรย์ตามคำสั่งในสำนึกแล้วนางคงกลับไปยังโลกคัมภีร์เพื่อพบเขาและกอดเขาแล้ว

“ข้า..ข้าก็คิดถึงเจ้าเหมือนกัน”  มีคำพูดเป็นพัน นางไม่รู้จะเริ่มพูดตรงไหนนางได้แต่โอบกอดเขาอย่างเดียว นางไม่สามารถพูดอะไรได้แค่อยากจะกอดเขาเช่นนี้ตลอดไป

ตั้งแต่วันที่นางตื่นขึ้นนางต้องการจะลืมตามองเขา

บอกเขาว่านางก็คิดถึงเขามาก

ในวันที่นางสู่ห้วงนิทรา

ไม่มีแม้สักวันที่ไม่ต้องการกลับไปหาเขาให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้

นางไม่สามารถวางหน้าได้ถนัดแม้ต้องการจะอยู่ใกล้เขา แต่ก็ไม่อาจใกล้ชิดสนิทกับเขามากเกินไป นางมักแข่งขันกับแม่เสือสาวทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจกับเรื่องนี้ในช่วงที่นางจมอยู่ในห้วงนิทรานางตัดสินใจเป็นพันครั้ง หมื่นครั้งตราบใดที่นางฟื้นคืนสตินางจะไปพบเขาโดยเร็วที่สุด นางจะเพิกเฉยเปล่อยวางทุกอย่างไม่สนใจสายตาคนอื่น ไม่แข่งดีกับแม่เสือสาว จะไม่ทำให้เขาต้องตื่นตระหนกตกใจ ตราบเท่าที่ได้อยู่กับเขา

ดังนั้น

ทุกอย่างไม่สำคัญ

ที่สำคัญคือนางชอบทำเช่นนั้น

จนกระทั่งนางหลับอยู่ในความปั่นป่วน   นางรู้สึกเดียวดายช่วยตัวเองไม่ได้นางจึงตระหนักว่าการได้มีความสุขได้หัวเราะอยู่ใกล้ๆ เขาได้อยู่ใกล้เขานั่นคือคุณค่าของความสุข

“ข้ากลัวว่าจะสูญเสียเจ้าไปจริงๆ  ข้าไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่มีเจ้าแม่สาวหิมะ! เจ้าทำให้ข้ากลัวแทบตาย!” เด็กหนุ่มจากโลกอื่นจำได้ว่านางหายตัวไปอย่างลึกลับ และในเวลานั้นเขากลัวจริงๆนางนอนอย่างสงบใกล้ๆ เขา แต่เมื่อนางฟื้นตื่นขึ้นมาเขากลับพบว่านางหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ทำให้แทบเป็นบ้าในเวลานั้น

“ไม่, ต่อไปข้าจะไม่หนีหายไปไหนอีกแน่นอนและข้าจะไม่ทำให้เจ้าห่วงใยอีกต่อไป!” นางยกมือเรียบลื่นดุจหยกของนางลูบหู แก้ม คิ้วของเขาเป็นครั้งแรกและนางรู้สึกเหมือนว่ามองไม่เห็น แม้ว่าลักษณะนี้จะประทับอยู่ในใจนางแล้วก็ตามในส่วนลึกที่สุดของวิญญาณนางไม่สามารถลบภาพเขาออกไปได้แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะยังไม่รู้สึกพอตัวร้ายผู้นี้คือคนที่จะต้องผูกติดร่วมสุขกับนางไปทั้งชีวิตเขาเป็นคนที่อยู่กับนางด้วยกันตั้งแต่อดีตปัจจุบันและในอนาคตพวกเขามีเป้าหมายจะร่วมแบ่งปันทุกข์สุขด้วยกันตลอดไป

นางมองดูเขาขณะที่เขาเองก็มองดูนาง

ในขณะนี้

พวกเขาลืมโลกทั้งหมด

ในสายตาของพวกเขามีเพียงกันและกัน

ลืมที่จะจูบเขาเป็นครั้งแรกแต่นางรู้สึกว่าคราวนี้นางไม่เคยคิดถึงเขาขนาดนี้มาก่อนไม่เคยอยากจูบเขามากขนาดนี้มาก่อน

แทบจะอดใจรอไม่ไหวและนางจูบริมฝีปากเขาสัมผัสนี้แสดงออกถึงความรักหมดหัวใจ  ในช่วงเวลาที่จูบเขานางรู้สึกว่านางคิดถึงเขาและความสุขที่ได้จากการปลดปล่อยอารมณ์ซึ่งสะสมเต็มอยู่ในจิตวิญญาณนางรู้สึกมีความสุขล้นหลาม รู้แต่เพียงว่าจูบเขาอย่างแนบแน่น

นางเหมือนเห็นภาพลวงตาว่าอยู่ในโลกที่ท้องฟ้าสดใสมีแต่เพียงเขากับนาง

ในช่วงเวลาของการกลับมาพบกันนางไม่คิดถึงเรื่องต่อสู้อีกต่อไป

ไม่สนใจว่าจะมีศัตรูอยู่โดยรอบ

นาง

แค่ต้องการจูบเขา

เมื่อจูบกันอย่างดูดดื่มทั้งเย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียไม่มีอะไรพูด ไม่ส่งเสียงอยู่เป็นเวลานาน

ตั่วตั่วมองดูอย่างอิจฉาสาวน้อยยิ้มมุมปาก เด็กสาวยักษ์เสี่ยวเสี่ยวเอินประหลาดใจ นางได้รับคำแนะนำจากทุกคนในโลกคัมภีร์ให้ฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเพราะร่างกายที่มีขนาดใหญ่โต ในการดำเนินชีวิตของนางแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะมีส่วนร่วมในการดำเนินชีวิตทั้งหมดและยากจะเห็นว่าเย่ว์หยางจูบกับใคร ตามความรู้ความเข้าใจของนาง อาจกล่าวได้ว่านางได้รับความรู้ใหม่  ปรากฏว่าการจูบเป็นเช่นนี้เองดูเหมือนจะน่าสนุก!

เด็กสาวไตตันฝันว่าสักวันนางจะสูงเท่าพี่ชายนางหรือไม่ก็พี่ชายนางจะสูงเท่านาง

ถ้าเป็นอย่างนั้นนางจะสามารถอยู่กับเขาได้อย่างสบาย

ทำเหมือนอย่างที่ทุกคนทำได้

ตัวอย่างเช่นจูบเหมือนอย่างนี้!

ร่างเงาดำหลุดออกมาจากน้ำแข็งได้ตรงนั้นนั่นเองใบหน้านางเขียวคล้ำดูไม่ชัดเจนแต่ดวงตามีประกายสีเขียวไม่ว่าอิจฉาหรือประหลาดใจกันแน่แต่นั่นเป็นความเกลียดชนิดหนึ่ง เป็นความเกลียดแทบบ้าคลั่ง เกลียดสิ่งที่ดีงามและความสุข และมีความบ้าคลั่งต้องการทำลายทุกอย่างที่นางเกลียด

เงาดำใช้สายตาสีเขียวจ้องมองเย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียและสาปแช่งสบถด่าการจูบกันของสองคนนั้นที่ไม่สมเหตุสมผล

ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อครู่เป็นพลังน้ำแข็งไร้เทียมทานและพลังสายฟ้าสั่นสะท้านวิญญาณที่ทำให้นางกลัว

เกรงว่าร่างเงาดำคงโถมเข้าเข่นฆ่าสังหารแน่นอน

เทพปีศาจเว่ยกวงที่มีระดับพลังเหนือกว่าเขาดูแคลนทุกอย่างในโลก

ขณะมองดูเย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียจูบกันเขาไม่ได้อิจฉาหรือประหลาดใจ ไม่ลังเล ไม่หวั่นไหวในอารมณ์รักของมนุษย์  เขาไม่มีการแสดงออกถึงความรักที่มีต่อมนุษย์นับตั้งแต่ย่างเข้าสู่ระดับเทพ สำหรับเทพปีศาจเว่ยกวงอารมณ์อย่างมนุษย์ทั้งหมดคือจุดอ่อน ไม่ว่าจะเป็นความรักในครอบครัวความรักของมิตรสหายเป็นข้อบกพร่องร้ายแรง

ตราบเท่าที่เทพมีอารมณ์แบบมนุษย์อย่างนั้นเขาจะไม่สามารถยืนหยัดเป็นผู้ชนะคนสุดท้ายแน่นอน

ในชีวิตที่ยืนยาวนานของเขา เขาไม่เคยเห็นศัตรูที่ทรงพลังคนใดมีอารมณ์แบบมนุษย์... สำหรับเย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียที่ยังมีอารมณ์ความรักความพลัดพรากในหัวใจ  อารมณ์แบบนั้นจะทำให้เขาเป็นฝ่ายชนะ

ในเมื่อศัตรูมีจุดอ่อนใหญ่อย่างนั้นการสู้ครั้งต่อไปย่อมเป็นอันปรากฏผลที่แน่นอนแล้ว

ไม่ว่าศัตรูจะทรงพลังเพียงไหน

ตราบเท่าที่ยังเป็นมนุษย์  อารมณ์แบบมนุษย์ นั่นคือจุดอ่อน

อย่างนั้นชัยชนะในการสู้รบจะตกเป็นของเขา  ผู้ได้รับเลื่อนขึ้นเป็นเทพไม่ควรมีจุดอ่อน

เทพคือผู้ที่ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ไม่มีความอ่อนแอของมนุษย์อย่างสิ้นเชิง คือชีวิตประเภทเดียวที่สมบูรณ์เกินสิ่งต่างๆ มากมาย  ไม่มีความปรารถนาอย่างสัตว์ป่ากระหายเลือด ไม่มีการเข่นฆ่าอย่างชั่วร้ายและไม่มีอารมณ์สับสนของมนุษย์ “มนุษย์ผู้น่าสงสารถูกความรักครอบงำ ชีวิตของมนุษย์เจ้าก็เหมือนแสงเทียนสว่างเหมือนหิ่งห้อยพอเปลวชีวิตมอดไหม้ดับสูญก็เหลือนเถ้าธุลีและท้ายที่สุดก็ไม่เหลืออะไร...ในสายธารแห่งชีวิตที่ยืดยาว เจ้าไม่คู่ควรพูดถึงความนิรันดร์ สิ่งนั้นเป็นของเราเหล่านักสู้ชั้นเทพเท่านั้น” เทพปีศาจเว่ยกวงยกเท้าข้างหนึ่งและพยายามย่ำใส่เย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียที่กำลังกอดกันและกัน

โฮก....

มังกรพิรุณโผล่ขึ้นมาด้านบนทันที

เย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียดูเหมือนไม่รู้ว่าพวกเขายังคงจูบกันอย่างดูดดื่ม

ในขณะที่พวกเขาจูบกันและกันพวกเขาลืมเรื่องอันตรายความเป็นความตายรอบด้าน ลืมทุกอย่างเกี่ยวกับโลก....

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด