ตอนที่แล้วตอนที่ 1227 โรคระบาด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1229 เสียงสวรรค์ปรากฏ คนผู้นั้นกลับมาแล้ว

ตอนที่ 1228 สมบัติมากสีสัน


เปลี่ยนเป็นคนอื่นมายืนตะโกนแบบนั้นคงเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์

ตรวจสอบเรียกเก็บค่าน้ำเป็นเรื่องแย่มาก

แต่ไม่มีใครสามารถตรวจสอบได้เรื่องนี้ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจึงจะแสดงอำนาจตรวจสอบได้

เย่ว์หยางตะโกนเช่นนี้แม้ว่าจะไม่มีอำนาจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่อย่างน้อยก็สามารถทำให้สาวน้อยผู้นอนหลับอุตุเป็นหมูอยู่ในบ้านทั้งวันต้องสะดุ้ง  ทำไมกัน? เพราะเขาเป็นเจ้าของบ้านจะตรวจสอบเรียกเก็บค่าน้ำค่าไฟนับเป็นเรื่องปกติ!

“น่ารำคาญชะมัดคนกำลังจะอาบน้ำ เตรียมตัวเข้านอนแท้ๆ!” เสียงผู้หญิงที่น่ารักแค่นเสียงเหนื่อยหน่ายผ่านจมูกบนศีรษะของนางโพกผ้าเช็ดตัวและบนร่างนางพันด้วยผ้าขนหนูเตรียมอาบน้ำปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหลังเย่ว์หยางแผ่นหลังสีขาวราวกับรากบัวของนางมีเม็ดหยดน้ำเกาะพราว ขณะเดินมีน้ำหยดลงตามรายทางตลอด

“ช่วยข้าหน่อย   ข้ากลัวจริงๆ!”  เย่ว์หยางเตรียมก้มหน้าดมผ้าเช็ดตัวนาง

“บังอาจ,เจ้าลามก!” ไม่รอให้เด็กหนุ่มจากโลกอื่นตั้งตัว เด็กสาวรีบจับผ้าเช็ดตัวไว้แน่นและเตะเขากระเด็นลอยทันที

อย่างไรก็ตาม

ทันทีที่นางปรากฏตัวพลังกดดันของเทพปีศาจเว่ยกวงและกลุ่มแสงเขียวชั่วร้ายของร่างเงาสูญเสียประสิทธิภาพไปในทันที

แรงกดดันที่อัดใส่เย่ว์หยางจนแทบหายใจไม่ออกตอนนี้เหมือนกับได้รับสายลมฤดูใบไม้ผลิ เหมือนสายฝนโปรยปรายที่มองไม่เห็น  และในที่สุดก็อ่อนกำลังลง แม้แต่เทพปีศาจเว่ยกวงเองก็ไม่รู้สึกว่าจะอธิบายอะไรได้?  สตรีตัวเล็กๆ มาถึงพร้อมกับนุ่งผ้าเช็ดตัวนางไม่ใช่นักสู้ระดับเทพแน่นอน พลังกดดันของนักสู้ระดับเทพไม่ส่งผล? พลังแสงโรคระบาดก็ไม่คงอยู่ต่อไป

ทำไมเมื่อครู่นี้ถึงไม่มีผลอะไรเลย?

ตั้งแต่สาวน้อยแปลกประหลาดวิ่งออกมากลุ่มแสงเขียวไม่เพียงแต่ไม่สามารถเคลื่อนเข้าไปข้างหน้าได้  แม้แต่เย่ว์หยางจะเดินหน้าเข้ามาพลังโรคระบาดก็ไร้ประโยชน์ไม่สามารถทำอะไรได้

เงาดำรู้สึกตกใจ

มีแต่นาง

ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้?

เนื่องจากกิเลนเป็นอสูรบูรพาอมตะมีพลังวิญญาณที่บริสุทธิ์โดยกำเนิดสามารถสลายกำจัดอุบาท และพลังกาฬกิณีได้ทั้งหมด

เวทโรคระบาดมีผลต่อนักรบหรือพลังป้องกันเป็นเรื่องยากที่จะใช้ของวิเศษและอสูรเพื่อกำจัดผลร้ายเช่นนี้ได้อย่างเด็ดขาด  อย่างไรก็ตามมันกลับไม่มีผลต่อสาวกิเลนนี้เพราะนางมีพลังบริสุทธิ์โดยกำเนิดสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเวทโรคระบาดความจริงเป็นเวทจากดินแดนบูรพา  หลังจากมีการปรับเปลี่ยนปรับปรุงบางอย่างเมื่อรวมกับอสูรร้ายและทักษะแฝงเร้นพิเศษทำให้พัฒนาไปสู่พลังโจมตีในปัจจุบัน.... เป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้เคล็ดวิชาแบบนี้เพื่อจัดการกับอสูรอมตะอย่างกิเลน

โชคดีที่สาวกิเลนนี้ยังเด็กถ้านางเป็นผู้ใหญ่เกรงว่าฝ่ายตรงข้ามคงได้รับผลสะท้อนกลับ

เย่ว์หยางหล่นลงมาจากท้องฟ้า

กระแทกกับพื้น

เขาอยากดูทิวทัศน์งดงามใต้ผ้าเช็ดตัวของสาวกิเลน  แต่มันน่าขายหน้าเล็กน้อยดังนั้นเขาแสร้งทำเป็นกระแอมไอทำตัวเป็นสุภาพบุรุษชี้นิ้วไปที่เงาดำ  “จะทำยังไงดี  ดูนังแม่มดเฒ่าชั่วร้ายอยู่ฝ่ายเดียวกับเจ้าหรือเปล่า?นางมารังแกข้าถึงหน้าบ้านแล้ว เจ้ากลับไม่สนใจเลย!”

สาวกิเลนยังคงโกรธเขานางเชิดหน้าแค่นเสียงออกจมูก  “ไม่ใช่คนของเราแน่นอน  ส่วนใหญ่เป็นลูกหลานเผ่าพันธุ์ปีศาจแดนสวรรค์สำคัญอะไรกับเราด้วย!  ระดับก็ไม่สูง อย่าดึงพวกมีพลังชั่วร้ายมาเหมารวมกับเรา  เราทั้งสองต่างกันห่างไกลเจ้าไม่รู้อย่าพูดดีกว่า!”

เย่ว์หยางได้ยินแล้วมีความสุข  “อย่างนั้นเจ้าหมายความว่า ฆ่าไปก็ไม่เกี่ยวกันใช่ไหม?”

สาวกิเลนชายตามองเขา  “นี่เจ้าโง่หรือเปล่า?  พวกเราทั้งหมดรักสงบเราจะโจมตีเจ้าได้อย่างไร?”

“เจ้าขี้เกียจมากกว่า  คร้านเกินกว่าจะทำอะไร ไม่ใช่รักสงบ”  เย่ว์หยางคิดว่าอาจเป็นเช่นนี้

“ว่าไงนะ?”  สาวกิเลนโมโห

“ถ้าไม่อย่างนั้นเจ้าต้องพิสูจน์โค่นเจ้าตัวใหญ่ลง” เย่ว์หยางคิดว่าไม่จำเป็นต้องให้นางทำงานยากเกินไป  ตราบใดที่นางฆ่าเทพปีศาจเว่ยกวงเขาจึงจะเชื่อว่าเผ่าบูรพาอมตะไม่ขี้เกียจ แต่รักสงบ

“ไม่”  สาวกิเลนผู้ฉลาดปฏิเสธอย่างเดียวนี่จะหลอกให้คนโจมตีแทนตนเอง คิดสวยหรูจริงๆ

“ถ้าเจ้าไม่ต้องการให้ข้าหวดก้นบวมก็ช่วยกันหน่อย!” เย่ว์หยางโมโห แพนดอราออกมาก็สร้างปัญหา แม้แต่นางก็คิดจะยืนดูกันเฉยๆ หรือ?

“ก็ได้!” ภายใต้สายตาแข็งกร้าวเด็ดขาดของเย่ว์หยาง สาวกิเลนพยักหน้าน้ำตาคลอเบ้าท่าทางน่าสงสารเล็กน้อยใครผ่านไปมาจะรู้สึกใจอ่อน โชคดีที่เย่ว์หวี่และสาวๆคนอื่นไม่ได้อยู่ที่นี่มิฉะนั้นพวกนางคงวิจารณ์เย่ว์หยางและห้ามไม่ให้เขาแกล้งเด็กสาวสาวใช้เอลฟ์ที่อยู่ใกล้ๆ เป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ก็ยังช่วยปลอบใจสาวกิเลน เพราะว่าถ้าเจ้านายโกรธขึ้นมาผลที่ตามมาจะร้ายแรงมากดังนั้นควรจะเชื่อฟังดีกว่า กฎครอบครัวเป็นเรื่องที่น่าเศร้า พวกเจ้านายมักใช้ข้ออ้างนี้เพื่อลงโทษลูกบ้านและทุกคนก็กลัวกันมาก ด้วยวิธีนี้เองสาวกิเลนจึงต้องสัญญาทั้งน้ำตาตีหน้าเศร้าอีกเล็กน้อยราวกับว่านางคือนางเอกดราม่าที่ถูกกลั่นแกล้งโดยหัวหน้าครอบครัวผู้ชั่วร้าย

“ความจริงแล้วข้า...” ความคิดเย่ว์หยางสัมผัสได้ถึงการไม่ยินยอมพร้อมใจ แต่ในกรณีนี้เขาพูดไม่ออก

นิ้วของสาวกิเลนมีสีแดงขึ้น  และเล็งไปที่เงามืดในระยะไกล

รังสีสายหนึ่งพุ่งออกจากนิ้วของนาง

จุดที่ลำแสงผ่านไปทำให้กลุ่มแสงเขียวละลายระเหยหายไปในอากาศ

กลุ่มแสงเขียวที่รายล้อมถูกลำแสงบริสุทธิ์ชำระหายไปและลำแสงยังพุ่งตรงไปยังร่างเงาที่หยิ่งยโสทันที

เงาร่างดำไม่สามารถหลบแสงชำระนี้ได้พ้นราวกับว่าคอของนางถูกมือข้างหนึ่งบีบรวบไว้ นางพยายามดิ้นรนอย่างเจ็บปวดจากนั้นคำรามออกมาจากลำคอ “เจ้าทำลายโรคระบาดของข้า!  เจ้ารู้หรือเปล่าว่าข้าต้องทุ่มเททุ่มราคาไปเท่าใดกว่าจะฝึกขึ้นมาได้?  เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าฝึกมาเป็นเวลากี่ปี?  เจ้ากลับทำลายมัน!”

สำหรับข้อกล่าวหาเช่นนี้สาวกิเลนปิงหยินแค่นเสียง  “เจ้าไม่ใช่คนครอบครัวข้า ข้าแค่ปิดทักษะฝีมือเผ่าของข้าไว้เพื่อไม่ให้เผ่าของข้าเสื่อมเสียชื่อเสียง!”

ในท้องฟ้า

ร่างอวตารของเทพปีศาจเว่ยกวงบดบังฟ้าและดิน

ถ้าไม่ใช่เพราะพลังแรงกดดันหายไปร่างอวตารนี้ก็จะใช้ลูกไม้ที่เย่ว์หยางไม่สามารถคลี่คลายได้ไม่สามารถหลบหนีได้ มีฝนดาวตกกลุ่มดาวราชสีห์คอยอยู่ด้านหลังเขา  แม้ว่าเขาไม่ตาย  แต่เทพปีศาจเว่ยกวงจะถูกฝังไว้ในที่แห่งนี้

ตอนนี้พอสาวกิเลนปิงหยินปรากฎตัวและกำจัดแรงกดดันได้สถานการณ์กลับเดินหน้าไปเป็นอีกอย่างหนึ่ง

แม้ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะได้  แต่การหลบหนีย่อมไม่เป็นปัญหา

ใบหน้าน้อยๆของสาวกิเลนปิงหยินมองดูจริงจังเป็นครั้งแรก

แม้แต่กับบุรุษลึกลับก่อนนั้นนางก็ยังไม่จริงจังมากนัก เวลานั้นนางทำร้ายบุรุษลึกลับนั้น  ตอนนี้นางไม่ได้ใช้กลวิธีนั้นทดลองทดสอบพลังวิญญาณ  แต่นางมองดูท้องฟ้าเป็นเวลานาน  ร่างอวตารของเทพปีศาจเว่ยกวงที่กำลังใกล้เข้ามา ยิ่งเข้ามาใกล้เท่าใดร่างยักษ์อวตารลุกไม้อยู่เต็มท้องฟ้า  เย่ว์หยางรู้สึกปวดหัวใจการสู้ของมนุษย์ยักษ์จะทำให้นางที่เป็นสาวน้อยทนได้อย่างไร?

นี่คือความรับผิดชอบของเขานี่คือศึกของตัวเขาเอง!

เย่ว์หยางสูดหายใจลึก

เขาเตรียมให้แพนดอราและสาวกิเลนปิงหยินกลับไปและเขาจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้สู้กับเทพปีศาจเว่ยกวง

แต่สาวกิเลนปิงหยินยื่นมือขวางเขาอย่างจริงจัง  “ให้ข้าลงมือก่อนแล้วค่อยถึงรอบเจ้า!”

รัศมีสดใสเหมือนรุ้งปรากฏบนร่างนางกลิ่นกายหอมระเหยออกมาจากร่างของนางผ่านผ้าเช็ดตัวที่นางนุ่งและผ้าขนหนูที่โพกศีรษะคลี่ออกโดยอัตโนมัติเกราะรบสวมร่างของนางโดยอัตโนมัติพลังปราณวิญญาณที่ละเอียดอ่อนคลุมเครือยากจำแนกขยายออกจากร่างของนาง  พลังคลื่นที่ไม่ธรรมดากวาดไปทั่วพื้นปฐพีเหมือนสายลมโปรยปราย โลกเต็มไปด้วยพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ยากพบเจอ

“ข้าไม่มีความตั้งใจจะสู้กับเผ่าบูรพาอมตะ  แต่เจ้าฝ่าฝืนแทรกแซงหลักสันติภาพที่พวกเจ้าได้กำหนดไว้  ดังนั้นข้าจะไม่รามืออยู่เฉยๆ แน่นอน”  เทพปีศาจเว่ยกวงพูดเป็นครั้งแรก  เสียงของเขาเหมือนกับสายฟ้าฟาดระหว่างโลกและสวรรค์ทำให้ภูเขาและแม่น้ำสั่นสะเทือน

“ย่อร่าง!” คำตอบของสาวกิเลนปิงหยินชัดเจนมือทั้งสองมีประกายระยิบระยับชูขึ้นเหนือศีรษะ

“ต่อต้านข้าต้องตาย!”  เทพปีศาจเว่ยกวงโกรธเขากดมือลงพื้นอย่างรวดเร็ว

แสงสดใสไม่รู้หมดสิ้น

ตั้งแต่ปิงหยินผลักฝ่ามือค้ำฟ้าลำแสงกลายเป็นแม่น้ำแสงมีสีสันชัดเจนราวกับมีชีวิตหรือม่านแสงสีที่สวยงามยิงขึ้นไปบนท้องฟ้าที่กำลังลุกไหม้

แสงเจ็ดสีสว่างสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

ไม่ว่าจะเป็นอุกกาบาตหรือร่างอวตารเทพปีศาจเว่ยกวงที่ไฟลุกโชติช่วงหดตัวลงในระดับที่เห็นชัดด้วยตาเปล่า

แม้ว่าเทพปีศาจเว่ยกวงจะระเบิดพลังเทพและเจตจำนงเทพอย่างบ้าคลั่งแต่ไม่สามารถขัดขวางป้องกันผลกระทบจากรัศมีเจิดจ้าที่ไม่ธรรมดาเจ็ดสีนี้

ภายใต้สายตาจ้องมองของเย่ว์หยางเขาเห็นร่างอวตารขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถมองเห็นแม้ฝ่ามือได้ตอนนี้มองเห็นขนาดร่างกายครึ่งหนึ่ง ร่างอวตารมีขนาดเล็กลงอย่างน้อยร้อยเท่าเย่ว์หยางไม่สามารถจินตนาการได้ว่าพลังชนิดนี้เป็นอย่างไรภายใต้การขัดขวางของเทพปีศาจเว่ยกวงแสงรุ้งเจ็ดสีสามารถลดขนาดของร่างอวตารลงได้ร้อยเท่า ถ้าอย่างนั้นลำแสงเจ็ดสีย่อขนาดของปิงหยินนับว่าเป็นสมบัติวิเศษหรือไม่?

ขณะที่มีความรู้สึกว่ายังไม่พอปิงหยินหยิบน้ำเต้าหยกออกมา

การพุ่งลงมาของร่างอวตารนั้นทำให้ร่างของเขาบดบังเต็มท้องฟ้า

ปรากฏว่า

ปากน้ำเต้าหยกฉายแสงชนิดหนึ่ง

สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางและอดีตเทพธิดาหายนะตะลึงมองก็คือตอนนี้ร่างอวตารมีขนาดหดเล็กลงอีกครั้งด้วยความเร็วกว่าเดิมถึงสิบเท่า ในเวลาไม่ถึงร้อยวินาทีร่างอวตารไร้ศีรษะหดร่างลงมาเหลือขนาดหมื่นเมตรตอนนี้มันมิใช่อวตารขนาดดาวเคราะห์อีกต่อไป

เย่ว์หยางสังเกตว่าใบหน้าน้อยๆของปิงหยินไม่ได้ลดความจริงจังลงเลย เขาลอบถอนหายใจโล่งอก ดูเหมือนว่าความเปลี่ยนแปลงนี้ยากที่นางจะทำได้สำเร็จไม่ง่ายเลยสำหรับนางเหมือนอย่างที่มองเห็นโดยผิวเผิน

“มีแต่ต้องใช้เสาขนาดยักษ์หวดเขาโดยเร็ว” ปิงหยินให้เย่ว์หยางปล่อยเด็กสาวไตตันเสี่ยวเสี่ยวเอินออกมา

เด็กสาวยักษ์ออกมาต่อสู้ได้ลำบากเพราะมีการรบหลายครั้งที่ไม่เหมาะกับขนาดร่างกายของนาง

อย่างไรก็ตามคิดว่าตอนนี้ได้แล้ว

เป็นช่วงเวลาที่นางมีขนาดร่างกายใหญ่โตที่สุด

สาวกิเลนปิงหยินถือกลุ่มแสงสีไว้ในมือซ้ายขวาและกดมือซ้ายคือแสงเพชร มือขวาเป็นพลังวิญญาณ

เมื่อได้รับพรวิเศษสองชนิดของหนุนเสริมเด็กสาวยักษ์เสี่ยวเสี่ยวเอินตวาดลั่นร่างของนางขยายเพิ่มอีกสิบเท่าพลังแสงสีทองช่วยเสริมพลังต่อสู้ของนางนอกจากนั้นเกราะไตตันทองของนางก็มีพลังเพิ่มขึ้นหลังจากนั้นเย่ว์หยางเสริมเงายักษ์เพิ่มเข้าไปอีกพลังสาวไตตันยักษ์เสี่ยวเสี่ยวเอินพุ่งทะยานเกินขีดจำกัดเหมือนกับภูเขาไฟระเบิดที่ไม่มีทางระบายออก

นางตวาดราวกับสายฟ้าและพุ่งทะยานไปทางร่างอวตารเทพปีศาจเว่ยกวงที่กำลังร่วงลงพื้นและขนาดหดเล็กลงอีกสองสามเท่า

เดิมทีเย่ว์หยางต้องการวิ่งเข้าไปช่วย

แต่พอเหลียวหลังหันกลับเขาพบว่าปิงหยินใช้พลังไปแทบไม่เหลือ นางค่อยๆ ล้มลงกับพื้น

นอกจากตอนทำลายผนึกออกมาเย่ว์หยางไม่เคยเห็นสาวน้อยอยู่ในสภาพอ่อนแอแม้แต่น้อยใจของเขาเจ็บปวดเหมือนถูกเข็มแทงเขากอดนางไว้ในอ้อมแขน

“เจ้าทึ่ม!  รีบฆ่าศัตรูเรามีเวลาชั่วธูปไหม้” สาวกิเลนปิงหยินโกรธและต้องการจะทุบตีเขาแต่นางไม่สามารถยกแขนขึ้นได้แม้แต่น้อย แม้แต่เสียงก็ยังอ่อนล้าเหมือนมด  เย่ว์หยางจูบหน้านางและให้คำรับประกัน  “อย่าว่าแต่มีเวลาชั่วธูปไหม้เลยต่อให้มีเวลาสิบวินาที ข้าจะต้องฆ่าเขาให้ได้ เจ้ารอข้ากับมาได้!”

เด็กหนุ่มหน้าด้านจากโลกอื่นพาสาวกิเลนปิงหยินกลับไปในโลกคัมภีร์  เขาก้มหน้าแอบขโมยจูบปากนาง

ทำให้สาวกิเลนผู้บริสุทธิ์สะท้านเหมือนถูกไฟดูด

อ่อนไปทั้งตัว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด