ตอนที่แล้วตอนที่ 1212 คุ้นเคยเป็นธรรมชาติ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1214 แดนสวรรค์ การรุกราน?

ตอนที่ 1213 ครอบครัว? ยิ้มพิมพ์ใจ


เสวี่ยอู๋เสียตื่นขึ้น

ลืมตาขึ้นครั้งแรกนางอยากพบเด็กหนุ่มวายร้ายที่นางฝันถึงขณะหลับสนิท  นางรู้ว่าเขาคิดถึงนางเรียกนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าหวังว่านางจะตื่นขึ้นและหวังว่าเมื่อนางลืมตาจะมองเห็นหน้าเขาทันทีและเตือนเขาไม่ให้ทำตัวน่ารังเกียจเกินไป  อย่างไรก็ตามมีหลายครั้งที่นางต้องการจะตอบสนองเล็กๆน้อยๆ แม้ว่าจะเป็นการบอกใบ้เล็กน้อยก็ไม่สามารถทำได้

นางไม่รู้ว่านางอยู่ท่ามกลางความปั่นป่วนโกลาหลนานแค่ไหนบางทีอาจเป็นเวลาพันปี หรือนานแสนนาน

ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าเขาอยู่ใกล้ๆเสมอหัวใจนางคงร้อนรน

ในการหลับอย่างสงบแทบใกล้เคียงกับความนิรันดร์เสวี่ยอู๋เสียรู้สึกว่านางได้ผลรับมากมายจริงๆ แม้ว่านางจะไม่สามารถพูดคุยหยอกล้อกับเขาได้  แต่นางก็มีความอดทนมากขึ้นตระหนักรู้ความคิดในความเงียบของนางมากขึ้น...  การหลอมรวมพลังเทพน้ำแข็ง สำนึกเทพค่อยๆมีการเปลี่ยนแปลงควบแน่นแบบค่อยเป็นค่อยไปโดยไม่ต้องมีความคิดนำใดๆ อยู่ตรงกลางพลังงานรูปแบบใหม่ก่อตัวโดยอัตโนมัติ เกิดเป็นกระบวนการทางสำนึกเทพและพลังเทพที่สมบูรณ์นางได้เรียนรู้เข้าใจขอบเขตความรู้ของระดับเทพเป็นความรู้ใหม่ที่ไม่คาดคิดจินตนาการมาก่อน บางอย่างก็เป็นเรื่องลึกลับซับซ้อนถ้าต้องใช้ปัญญาทำความเข้าใจทั้งหมดไม่ก็รู้ว่าเมื่อไหร่จะเข้าใจได้หมด   ได้แต่รอสำรวจในใจตนเองเงียบๆและดูดซับความรู้นั้นเข้าด้วยกัน

ในบางขอบเขตเสวี่ยอู๋เสียรู้สึกว่านางมีความเข้าใจ

แต่การค้นพบสุดท้ายนั้นเป็นแค่การเริ่มต้น

เหมือนกับปลายยอดภูเขาน้ำแข็งซึ่งเป็นส่วนน้อยเท่านั้น

มีบางครั้งเสวี่ยอู๋เสียคิดว่านางยังอยู่ไกลมาก แต่ในที่สุดนางพบว่าเชี่ยวชาญประสบความสำเร็จโดยไม่รู้ตัว  มีเพียงโอกาสเดียวที่จะแสดงยืนยัน!

นางต้องการแบ่งปันผลเก็บเกี่ยวและร่วมยินดีกับเด็กหนุ่มตัวร้าย  เขาคงจะมีความสุขกับนาง  บางทีเขาอาจจะบ่นเพราะนางเอาแต่นอนนานเกินไป  แต่คงจะมีความสุขมากขึ้นอย่างแน่นอน...องค์หญิงผู้เชิดหยิ่งคงจะดื่มน้ำส้มสายชูสามชามใหญ่ (หมายความว่าหึง)นางคงจะโกรธมากที่ไม่เห็นตัวนางเองเป็นเวลานาน เสวี่ยอู๋เสียคิดจะตามหานาง

อย่างไรก็ตามเมื่อนางได้รับประโยชน์ขอบเขตพลังที่สูงส่งนางกระตือรือร้นจนกระทั่งเป็นอิสระจากสภาวะปั่นป่วน

เมื่อนางลืมตาขึ้นนางต้องการพบเขาเป็นคนแรก

แต่เสวี่ยอู๋เสียพบว่า

ตัวนางอยู่ในมิติเวลาที่ลึกลับ

ทุกอย่างที่นี่ดูเหมือนจะคุ้นเคยมากราวกับว่านางเคยเห็นมาก่อน แต่เสวี่ยอู๋เสียแน่ใจว่าทุกอย่างในนี้แปลกอย่างสิ้นเชิง  นางไม่เคยเห็นมาก่อน มีความคุ้นเคยแต่รู้สึกแปลกเหมือนไม่ใช่ความจริง

ไม่มีดอกไม้ ต้นไม้ ไม่มีภูเขาไม่มีทะเลสาบไม่มีอะไรในโลก

บางทีเป็นกลุ่มเมฆหมอกในท่ามกลางความโกลาหล

ถ้าไม่ใช่เพราะเสวี่ยอู๋เสียพบว่าตนเองตื่นเต็มที่แล้วนางคงสงสัยว่ายังคงหลับและอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน

“บางทีอาจมีคำตอบในคัมภีร์แห่งสัจจะ”  เสวี่ยอู๋เสียคิดเรื่องนี้แล้วไม่สามารถหาเหตุผลรับรองได้ นางต้องมองดูจากคัมภีร์แห่งสัจจะซึ่งหลอมรวมกับนางวิวัฒนาการไปเป็นสมบัติชั้นเทพคุณภาพสูง

นิ้วดุจหยกของนางพลิกหน้าเบาๆ

คาดไม่ถึงเลยว่าคัมภีร์แห่งสัจจะซึ่งสามารถนำเสนอความจริงของโลกได้ทั้งหมดไม่มีการตอบสนอง

แม้นางจะเรียกขุนพลเทพธิดาวายุอสูรพิทักษ์ของนาง

แต่กลับไร้ผลสิ้นเชิง

“เกิดอะไรขึ้น?”  เสวี่ยอู๋เสียงงงวยยังมีที่ใดในโลกที่ไม่สามารถเรียกอสูรพิทักษ์ออกมาด้วยหรือ?  นี่ที่ไหนกัน? เห็นได้ชัดว่านางหลับอยู่ในโลกคัมภีร์ และจู่ๆนางกลับมาอยู่ดินแดนลับของมหาเทพโบราณ ต้องมีอะไรผิดปกติเป็นแน่!

นางงงงวยและไตร่ตรองกลับไปมาเป็นร้อยครั้งและประหลาดใจกับสิ่งที่นางพบ

ที่ด้านหลังนางไม่รู้ว่ามีเด็กหญิงน่ารักสองคนปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ทั้งสองคนกระพริบดวงตากลมโตมองดูนาง

เสวี่ยอู๋เสียเห็นเด็กหญิงมาหลายคน ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือนอกมีมากมายโดยเด็กหนุ่มตัวร้ายของนางเป็นพวกรักเด็กเขารู้จักเด็กหญิงโตเด็กหญิงน้อยอยู่ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นซวงเอ๋อจอมซน หนิวหนิวปิงเอ๋อผู้ว่าง่าย เป่าเอ๋อ รวมทั้งองค์หญิงจากตระกูลต่างๆ  แม้แต่ในสถาบันฉางชุนเฉิงห้องเรียนระดับสูงที่แม่เฒ่าอู่เถิงดูแล มีเด็กหญิงมากมายที่นางพบเจอ

อย่างไรก็ตามเสวี่ยอู๋เสียมั่นใจ

เด็กหญิงผู้น่ารักสองคนที่อยู่ข้างหน้านางนางไม่เคยพบเห็นมาก่อน และไม่เคยเห็นเด็กหญิงที่ผิวสีชมพูน่ารักขนาดนี้

แม้ว่าเสวี่ยอู๋เสียไม่ใช่คนที่ชอบคลุกคลีกับเด็กแต่นางกลับรักเด็กผู้หญิงสองคนข้างหน้านี้

เพราะ

พวกเธอน่ารักมาก!

“พวกเจ้า....” เสวี่ยอู๋เสียเหมือนมีภาพเลือนลางว่าคุ้นเคยกับเด็กน้อยสองคนนี้มาก่อน  แต่ก็แน่ใจว่าไม่เคยเห็นพวกเธอมาก่อนเนื่องจากนางรู้สึกอย่างนี้ นางจึงสับสนไม่แน่ใจชัดนัก  ทำไม!

นางทำท่าอยากกอดเด็กหญิงผิวสีชมพูน่ารักทั้งสอง  แต่ทั้งสองเมื่อเห็นนางเหมือนกับจะเข้าใจนางกลับถอยหลังไปหนึ่งก้าว

ไม่ยอมให้กอด

พวกเธอมองกันและกันอีกครั้ง

เสียงหัวเราะชัดเจนไพเราะราวกับระฆังเงินได้ยินสะท้อนไปทั้งใจ

เด็กหญิงทั้งสองจับมือซอยเท้าน้อยๆวิ่งห่างออกไป

เสวี่ยอู๋เสียยื่นมือไขว่คว้าและพบเห็นรอยเท้าตัวนางเองถ้านางต้องการเคลื่อนไหวที่นี่สักครึ่งเมตร นางจะต้องดิ้นรนใช้พลังทั้งกาย เป็นไปไม่ได้ที่จะตามจับเด็กหญิงผู้น่ารักทั้งสองที่ถลันร่างห่างออกไปพร้อมกับยิ้มให้อย่างคาดไม่ถึง เด็กหญิงทั้งสองคนเป็นลูกของใคร ทำไมพวกเธอถึงมาอยู่ที่นี่?

ทำไมพวกเธอจึงดูคุ้นเคยกับนางยิ่งนัก

ปัญหาหลายอย่าง

ผุดขึ้นในใจของเสวี่ยอู๋เสียนางคิดไตร่ตรองก็คิดไม่ออก

เสวี่ยอู๋เสียเดินช้าๆไปในทิศทางที่เด็กหญิงทั้งสองหายไปทุกย่างก้าวที่นี่เหมือนใช้เวลาสิบวันครึ่งเดือนถึงจะไปได้  การกระทำทุกอย่างช้าไปหมด  โชคดีที่ห้ามเรื่องการเดินเท่านั้น ถ้าห้ามไม่ให้พูดนางคงต้องกังวลเป็นแน่

เสวี่ยอู๋เสียผู้ได้ความอดทนในช่วงเวลาที่หลับสามารถทำได้อย่างสบายไม่กังวล อย่างไรก็ตาม นางใช้เวลาเดินทั้งวัน

ถ้าเปลี่ยนเป็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนซึ่งเป็นคนใจร้อนกว่า

คาดว่านางคงอึดอัดหายใจไม่ออกเป็นแน่

นางไม่รู้ว่าจะต้องเดินไปอีกนานเท่าใด

ในไม่ช้าเสวี่ยอู๋เสียก็หยุดแทบไม่สามารถยืนอยู่ได้ ทันใดนั้นนางพบว่ามีบางคนกำลังฝึกฝนอยู่

คนผู้นี้ยังคงเป็นดรุณีน้อย  แต่เป็นดรุณีที่โตกว่าซวงเอ๋อและหนิวหนิวแต่เล็กกว่าปิงเอ๋อและเป่าเอ๋อ ลักษณะของนางนั้นมีความคุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ถูกเหมือนกับว่าเด็กหญิงผู้นี้นางเคยพบเห็นมาก่อน เป็นความคุ้นเคยเหมือนคนที่รักให้ความรู้สึกเป็นมิตรและสบายใจ

“น้องสาว, เจ้าเป็นใครกัน?” เสวี่ยอู๋เสียรู้ว่าคนผู้นี้ไม่ใช่สมาชิกครอบครัวนางแน่  แต่นางสงสัยว่าดรุณีน้อยผู้นี้อาจเป็นสมาชิกครอบครัวของคนรักนางบางทีอาจเป็นน้องสาวของเขาก็ได้ แต่เดิมน้องสาวของวายร้ายของนางก็คือปิงเอ๋อและซวงเอ๋อไม่มีใครอื่น แต่เมื่อเด็กหญิงปรากฏต่อหน้าเสวี่ยอู๋เสียนางคงไม่ปฏิเสธว่าไม่มีความเป็นไปได้อย่างอื่นบางทีอาจเป็นดอกผลแห่งความปรารถนาของมารดาเย่ว์หยางก็ได้

หรืออาจจะมีเหตุผลอื่น

อย่างไรก็ตามน้องสาวผู้นี้ต้องเป็นสมาชิกครอบครัวเขาแน่นอน!

ดรุณีน้อยผู้นี้สวมใส่ชุดที่งดงามซึ่งเสวี่ยอู๋เสียไม่เคยเห็นมาก่อน นางพอเห็นเสวี่ยอู๋เสียก็รั้งพลังกลับอย่างรวดเร็ว นางมองดูเสวี่ยอู๋เสียและกระพริบตากลมโตเหมือนกับที่เด็กหญิงผู้น่ารักทั้งสองมองเสวี่ยอู๋เสีย

“หน้าของข้ามีอะไรรือ?”  เสวี่ยอู๋เสียรู้สึกหวาดหวั่นและลูบหน้าโดยไม่รู้ตัว

“.....” ดรุณีน้อยยิ้มแต่ไม่พูดอะไร

นางยื่นมือออกมาทันที

เสวี่ยอู๋เสียไม่ค่อยเข้าใจนักคาดว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังแสดงออกถึงพฤติกรรมที่ดี อาจพยายามจูงมือนางก็ได้ นางยังคงลองยื่นมือออกไปจับมืออ่อนนุ่มของอีกฝ่ายเบาๆ

เป็นสัมผัสที่ปลอดภัยสนิทสนมและทำให้หัวใจของเสวี่ยอู๋เสียสงบลง

นี่คือคนรักคนหนึ่ง

วินาทีต่อมานั้น

นางประหลาดใจมากที่พบว่าดรุณีน้อยที่อยู่ข้างหน้านางควบแน่นพลังใช้พลังปราณสร้างเป็นกระบี่มังกรทองและลอยตัวขึ้นไปยืนบนศีรษะมังกร มังกรทองบินขึ้นไปในท้องฟ้า ในพริบตาเดียวไม่รู้ว่านางบินไปไกลเพียงไหน ถ้าเปลี่ยนเป็นโลกธรรมดาก็ต้องบินผ่านมาหลายพันไมล์

“จะไปไหนกัน?” เสวี่ยอู๋เสียคิดว่านางจะพาตัวนางเองไปจากโลกแปลกประหลาดเพื่อกลับไปพบกับตัวร้ายของนาง?

“.....” เด็กสาวยิ้มหวานให้นาง แต่ไม่อธิบายอะไร

มังกรทองยักษ์ถูกสร้างด้วยปราณกระบี่ดูเหมือนจะผ่านมิติเวลาได้

เสวี่ยอู๋เสียงงงวยตลอดทาง

ไม่ลดลงแม้แต่น้อย

ทันใดนั้นนางรู้สึกว่าร่างกายเบา

มังกรทองยักษ์หายไปนางพบว่านางมาอยู่ในโลกที่มีพลังเทพสว่างไสวเต็มไปด้วยรัศมีแสง เมื่อเทียบกับโลกแห่งความฝันที่มีสีสันเต็มไปหมด เสวี่ยอู๋เสียพบว่า  แม้โลกที่สวยงามที่สุดที่นางเคยพบเจอมาก่อนเมื่อมาเปรียบเทียบกับที่นี่ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยอ้าง

โลกคัมภีร์ของตัวร้ายผ่านการใช้เจตจำนงและสร้างให้ทุกคนอย่างสวยงาม

แต่มิอาจเปรียบกับที่นี่ได้

ความรู้สึกห่างชั้นนั้นเหมือนกับลูกเป็ดขี้เหร่กับพญาหงส์ขาว

พลังเทพของเสวี่ยอู๋เสียสามารถใช้ที่นี่ได้ในที่สุดยิ่งกว่านั้นยังได้รับพลังสนับสนุนเป็นพันเท่า.. นางลอยตัวอยู่ในท้องฟ้ามองดูทิวทัศน์ทั้งหมดเบื้องหน้านาง  นอกจากนี้ที่นี่ยังมีความงดงามอย่างที่มิเคยพบเห็นจากที่ใดมาก่อนมิอาจบรรยายเป็นคำพูดได้ ที่ด้านบนสุดเหมือนมีลำแสงเทพสีรุ้ง

ครอบคลุมเต็มท้องฟ้าทั้งหมด

นางไม่รู้ว่าต้องใช้เวลามากมายเพียงไหนพลังเทพจึงสามารถกลั่นตัวได้มากมายขนาดนี้

ภายใต้แสงสีรุ้งศักดิ์สิทธิ์ไกลออกไปมีเสาสีแดงอ่อนทอดยาวจากเชิงเขาตั้งชันขึ้นหายไปบนท้องฟ้าใจของอู๋เสียตื่นเต้น พลังเทพพานางมาที่หน้าเสาแสงสีแดงและนางก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าเสาแดงนี้ไม่ใช่อะไรอื่น  แต่เป็นสิ่งเดียวที่ไม่เหมือนใครในโลกของเด็กหนุ่มวายร้ายนั่น  เสาเพลิงอมฤต ตัวร้ายนั่นไม่สามารถกลั่นสร้างเสาเพลิงอมฤตที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้คั่นโลกและสวรรค์อย่างนิรันดร

เสาเพลิงอมฤตนี้คาดว่ากว้างสิบกิโลเมตรหรืออาจมากกว่านั้น

สูงจรดฟ้า

นางไม่รู้ว่าไปสุดที่ใด

“พี่สาว!เจ้ามาได้อย่างไร?”  เสียงห้าวน่ารักดังออกมาจากลำเสาเพลิงอมฤตจากนั้นเสวี่ยอู๋เสียยังไม่ทันตั้งตัวนางรู้สึกว่ามีศีรษะน้อยๆเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนนาง พลังแฝงจากการโถมตัวเข้าอ้อมกอดทำให้นางปลิวกระเด็นถ้าไม่ใช่เพราะนางหลอมรวมกับพลังเทพหิมะน้ำแข็ง คงโดนเด็กน้อยผู้นี้ชนกระเด็นไปในอากาศ

“ปิงหยินนั่นเป็นเจ้าเอง!”  เสวี่ยอู๋เสียดีใจแม้ว่าเด็กสาวนี่จะแก่นห้าวไปบ้าง แต่พอนางปรากฎตัวเสวี่ยอู๋เสียรู้สึกผ่อนคลายจิตใจ

“พี่อู๋เสีย! เจ้ามาถึงที่นี่ได้ยังไง?” ศีรษะน้อยๆ ในอ้อมแขนนางเงยหน้ามอง และนั่นคือสาวกิเลนปิงหยิน

“อ่า.. ข้าไม่รู้!”  เสวี่ยอู๋เสียไม่สามารถตอบได้  เมื่อนางหลับนางอยู่ในสภาพปั่นป่วนจากนั้นตื่นขึ้นมาพบเด็กหญิงน่ารักสองคน และมีเด็กหญิงโตผู้น่ารักอีกคนใช้ปราณกระบี่มังกรทองพาข้ามาจนกระทั่งถึงที่นี่แปลกประหลาดยิ่งกว่าความฝัน พูดให้คนอื่นฟังคงไม่มีใครเชื่อ

เสวี่ยอู๋เสียมองขึ้นไปบนท้องฟ้าแต่ในท้องฟ้านั้นมังกรทองหายไปแล้ว

เด็กสาวผู้น่ารักก็หายไปแล้ว

มองเห็นไกลๆ เหมือนดวงดาว

เป็นประกายสดใส

สุกใสเหมือนกับประกายตาของนาง

เสวี่ยอู๋เสียเหมือนกับมองเห็นภาพลวงตามองเห็นเด็กหญิงในท้องฟ้าที่ห่างไกลยิ้มและโบกมือให้นาง...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด