ตอนที่แล้วChapter 52 Misunderstands
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 54: Control

Chapter 53 Murder ghost


杀人鬼

หลังจากทุกคนกลับมายังป้อมซาซานแล้ว,แต่ละคนก็กลับบ้านของตนตามปรกติเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น.

ซูเห่าและอู๋หยุนเทียนที่นั่งอยู่บนโต๊ะศิลา,พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งปี.

ซูเห่าที่เอ่ยออกมาสามเรื่อง,เรื่องแรก,อาจารย์ที่สถาบันยุทธ์นับว่ายอดเยี่ยม,อย่างที่สองเกี่ยวกับเพื่อนร่วมสถาบัน,อย่างที่สามเกี่ยวกับความรู้ในการก้าวสู่ขอบเขตปรมาจารย์.

อู๋หยุนเทียน,ที่เอ่ยเกี่ยวกับเหตุการณ์ป้อมซาซานที่ยังคงเป็นเช่นเดิม.

สองพ่อลูกที่พูดคุยกันง่าย ๆ,เป็นการทักทายกันอย่างเรีบง่ายดังที่เคยเป็น.

หลังจากที่เงียบไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง,ซูเห่าที่แกะห่อผ้าออกมา,พร้อมกับส่งของขวัญให้กับอู๋หยุนเทียน.

อู๋หยุนเทียนที่ตั้งใจรับฟังเรื่องราวต่าง ๆ อย่างตั้งใจไม่ได้เอ่ยอะไร,ไม่ได้เอ่ยถามด้วยซ้ำว่าซูเห่าได้เงินมาจากใหน,ถึงสามารถซื้อของมากมายกลับมาบ้านได้.

หลังจากเก็บข้าวของเสร็จ,ซูเห่าเอ่ยถาม,“พ่อ,รับรู้คลื่นยกระดับปราณโลหิตรึยัง?”

อู๋หยุนเทียนที่ขมวดคิ้วไปมา,พยักหน้าและส่ายหน้า“รู้เพียงเล็กน้อย,ไม่อาจควบคุมเจตจำนงได้ดั่งที่เจ้าอธิบายเลย.”

ซูเห่าเข้าใจได้,คนทั่วไปไม่มีระบบข้อมูลสนับสนุน,จะให้ร่างกายสัมผัสข้อมูลพิเศษดังกล่าวนี้ นับเป็นเรื่องที่ยากมาก.

เขาพบกับคลื่นยกระดับปราณโลหิต,เพราะระบบรวบรวมข้อมูล,หลังจากวิเคราะห์ประมวลผล,แล้วรายงานต่อซูเห่าโดยตรง.

แม้แต่เขา,ก็ไม่รู้จะช่วยอู๋หยุนเทียนได้อย่างไร,เขาไม่อาจเผยระบบพินบอลให้กับคนอื่น ๆ เห็นได้.

ซูเห่าพยักหน้ารับ”จำต้องใช้เวลา,นี่ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี.

ในเวลานั้น,ซูเห่าเอ่ยออกไปว่า“ท่านพ่อ,ท่านรู้เกี่ยวกับ,รูปแบบสัตว์ร้ายใหม?”

อู๋หยุนเทียนส่ายหน้า“รู้,ทว่ารู้แค่ว่ามันเกี่ยวข้องกับการยกระดับเป็นปรมาจารย์,ส่วนเรื่องอื่นข้าไม่รู้.”

ซูเห่าเอ่ย”รูปแบบสัตว์ร้ายเป็นสิ่งสำคัญในการยกระดับเป็นปรมาจารย์,ขอเพียงสามารถสลักอักขระโครงสร้างรูปแบบสัตว์ร้ายลงบนร่างได้,ก็จะสามารถสร้างเครือข่ายจิงซีในร่างกายได้,ซึ่งเมื่อโครงสร้างรูปแบบสัตว์ร้ายทำงานได้อย่างราบรื่นก็จะถือว่าเป็นปรมาจารย์ยุทธ์.

อย่างไรก็ตาม,รูปแบบสัตว์ร้ายของข้าไม่อาจมอบให้ท่านได้,เพราะว่ามันซับซ้อนเกินไป,นอกจากนี้ยังเป็นกฎของสถาบัน,ไม่อนุญาตสอนให้คนอื่น,ข้าเองก็สัญญากับอาจารย์ไว้,ดังนั้นหลังจากนี้ข้าจะช่วยท่านหา.....”

อู๋หยุนเทียนไม่รอให้ซูเห่าเอ่ยจบ,เอ่ยออกมาว่า“ข้ารู้!”

และยังเอ่ยออกมาว่า“ถึงตอนนี้มีรูปแบบสัตว์ร้าย,ก็เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะก้าวสู่ขอบเขตปรมาจารย์.”

ซูเห่าที่เอ่ยด้วยความสงสัย“ทำไม?”

อู๋หยุนเทียนที่ถอนหายใจ“จิงซีของข้าติดอยู่ในคอขวด,ไม่อาจยกระดับไปจนถึงขีดจำกัดของร่างกายได้,ดังนั้นจึงไม่มีคุณสมบัติพอเป็นไปตามข้อกำหนดที่จะเป็นปรมาจารย์ได้.”

ซูเห่าที่ครุ่นคิด“เรื่องนี้รึ?”

อู๋หยุนเทียนที่เผยยิ้มอย่างขมขื่น“เจ้ายังไม่เคยพบกับคอขวด,แน่นอนเจ้าจึงไม่อาจสัมผัสได้,ก่อนหน้านี้อาจารย์ได้บอกกับพวกเรา,ต้องการยกระดับเป็นปรมาจารย์,จะต้องยกระดับจิงซีไปจนถึงขีดจำกัดของร่างกาย,ถึงจะมีโอกาสสำเร็จในการยกระดับ.”

เขาจ้องมองซูเห่าเอ่ยออกมาว่า“คลื่นยกระดับปราณโลหิตที่เจ้าเอ่ย ข้าเองก็เริ่มสัมผัสได้แล้ว,อาจจะมีโอกาสทะลวงคอขวดปราณโลหิตได้,หาไม่แล้ว,เกรงว่าชีวิตนี้คงไม่อาจก้าวหน้าต่อได้แล้ว.”

ซูเห่าเห็นอู่หยุนเทียนรู้สึกว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้,เวลานี้เขาจึงจมอยู่ในความคิดทันที.

เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองคือสุดยอดพรสวรรค์,ดังนั้นการตระหนักรู้คลื่นยกระดับปราณโลหิตมี่เขาใช้นั้น,คนอื่นควรที่จะทำได้เช่นกัน.

ด้วยเหตุนี้ซูเห่าที่เข้าสู่พื้นที่พินโบก,พร้อมกับสร้างอีกหนึ่งโครงการขึ้นมา,ภารกิจยกระดับวิถึยุทธ์ด้วยวิธีอย่างง่าย.

หลังจากครุ่นคิด,ก็เพิ่มข้อมูลอีกหนึ่งข้อ,การค้นหาความลับของอักขระรูนรูปแบบสัตว์ร้าย.

หากเขาสามารถจัดการงานทั้งสองสำเร็จ,ซูเห่าอาจจะสามารถเปลี่ยนโลกใบนี้ได้.

ผู้ฝึกยุทธ์จะไม่ถูกจำกัดด้วยพรสวรรค์อีก,หากทุกคนสามารถสร้างปราณโลหิตขึ้นมาเองได้, สามารถสลักรูปแบบสัตว์ร้ายกันได้ทุกคน.

ก็จะทำให้ในโลกใบนี้มีระดับปรมาจารย์ยุทธ์มากมาย,และเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็จะมีชีวิตดีขึ้น,ทั่วทั้งโลกได้รับองค์ความรู้ที่จะเปลี่ยนชะตา,และนี่คือสิ่งหนึ่งที่เขาสามารถตอบแทนโลกใบนี้ที่มอบความรู้ให้กับเขาได้.

“ความรู้ของข้ายังไม่พอ,ตอนนี้สิ่งที่ข้าต้องการที่สุด,ก็คือการศึกษารูปแบบสัตว์ร้ายมากยิ่งขึ้นและยังมีทฤษฎีปราณโลหิตด้วย.”

ศึกษาเรื่องดังกล่าวให้ชัดแจ้ง,จะสามารถสร้างวิธีทำให้มันง่ายขึ้น,เมื่อสามารถสร้างวิธีการที่ง่ายก็จะทำให้ทุกคนสามารถเรียนรู้เข้าใจได้,เขาจำต้องเปลี่ยนให้มันเป็นข้อมูลธรรมดาทั่วไป,ไม่ให้มันลึกล้ำเกินจะพรรณนาต่อไป,ต่อให้เป็นประชาชนทั่วไปก็ยังเข้าใจได้.

......

ซูเห่าอยู่ที่ป้อมปราการซาซานสามวันแล้ว,จากนั้นเขาก็เอ่ยลาอู๋หยุนเทียน,กลับสถาบันหลิงหยุน,กลับเข้าพักที่หอนักเรียนหลิงหยุน.

ในเวลานี้สถาบันหลิงหยุนดูเงียบเหงามาก,กระทั่งอาจารย์ที่ปรึกษายังปิดเทอมไปด้วย,นอกจากนี้ยังมีหลายคนที่ออกท่องโลกสำรวจป่า,ออกท่องยุทธภาพค้นหาสิ่งที่ไม่เคยเห็น,มีเพียงแค่นักเรียนบางคนและอาจารย์ชราที่หมดไฟเฝ้าสถาบัน,รวมทั้งผู้ดูแลหอตำราหลิงหยุน.

ชายชราผู้ดูแลหอตำราผู้นี้ ซูเห่าสัมผัสได้ว่า,จิงซีอีกฝ่ายทรงพลังมาก,มีระดับปรมาจารย์ขั้นสูง,แม้แต่สูงกว่าปรมาจารย์ขั้นสูงทั่วไปด้วย,อย่างไรก็ตาม,เขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายไปใหนเลย,แทบจะประจำอยู่หอตำราตลอดเวลา.

“ไม่แม้แต่เข้าห้องน้ำเลยรึไงกัน?”ซูเห่าที่สงสัยขึ้นมาในใจ.

สภาพบรรยากาศในโรงเรียนเวลานี้เงียบสงบเป็นบรรยากาศที่ซูเห่าชื่นชอบมาก.

หนึ่งคนที่ซูเห่าไม่คาดคิด,เป็นเสี่ยวเหม่ยที่ยังคงอยู่ในหอตำราเช่นเดิม,นี่คือสาวน้อยที่เคยหวาดกลัวเขาจนร้องไห้,ดูเหมือนว่าชีวิตของเธอจะหลงใหลในหนังสือเป็นอย่างมาก.

คาดไม่ถึงว่าเธอจะไม่ปิดเทอมอยู่ในสถาบันเพื่ออ่านหนังสือ.

อย่างไรก็ตาม,ทั้งสองก็เป็นคนแปลกหน้าของกันและกัน,อาจจะนับได้ว่าเป็นคนแปลกหน้าที่คุ้นเคย,ซูเห่าเองก็ไม่ได้วางแผนที่จะตีสนิทกับเธอแต่อย่างใด.

เวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว.

ผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว,ซูเห่าที่เติมจิงซีเต็มได้ในที่สุด,อักขระในร่างกายที่ทำงานเต็มที่,ตลอดเวลาครึ่งเดือนในหอตำราหลิงหยุน,ตำราทุกเล่มถูกเขาบันทึกข้อมูลหมดแล้ว,ข้อมูลต่าง ๆ ถูกบันทึกไว้ในพื้นที่พินบอล,เมื่อเขาต้องการอ่าน,เขาสามารถดึงข้อมูลดังกล่าวมาได้ในทันที,เหมือนกับว่ามีหอตำราเคลื่อนที่ติดตัว.

นอกจากนี้เขายังเริ่มเตร็ดเตร่ไปยังร้านขายหนังสือนอกสถาบัน,เพื่อบันทึกข้อมูลลงบนฐานข้อมูลด้วย.

ในเมื่อไม่อาจจ่ายได้,ก็ทำได้แค่ทำการบันทึกอย่างรวดเร็ว,และรีบจากไป.

ด้วยเหตุนี้ทำให้เจ้าของร้านมาห้ามเขาหลายครั้งเช่นกัน.

ดังนั้นเพื่อประนีประนอมกับเจ้าของร้าน,เขาทำได้แค่จ่ายค่าเช่าในการอ่านสิบนาทีสิบทองแดง,หลังจากครบสิบนาทีก็กลับ.

ด้วยเหตุนนี้เจ้าของร้านที่ได้รับเงินสิบทองแดงโดยไม่เสียอะไรจึงยินยอมให้ซูเห่าเปิดอ่านในที่สุด.

ซูเห่าที่ใช้เวลาสิบนาทีนี้บันทึกข้อมูลอย่างรวดเร็ว.

ในวันหนึ่งตอนเย็น,ขณะซูเห่าก้าวออกมาจากร้านหนังสือ,เขาได้ยินผู้คนในถนนพูดคุยกัน,ทำให้เขารู้สึกสนใจ.

“ตอนกลางค่ำกลางคืนระวังตัวด้วย,ได้ยินมาว่ามีคนห้าคนหายตัวไป!”

“น่ากลัวมาก,ข้าได้ยินมาว่าคนจากฝั่งเหนือหายไปสองสามวันอย่างไร้ร่องรอย,เมื่อคืนก็เป็นคนจากฝั่งใต้,ไม่รู้ว่าจะมาถึงที่นี่ใหม?”

“ปากอีกาอีกแล้ว,เจ้าพูดไร้สาระอะไร? ไม่ใช่อยากให้ตัวเองตายเร็วรึไง?”

“ข้าได้ยินมาว่าฝีมือผีฆาตรกรม,เป็นสัตว์ร้ายชนิดหนึ่งที่ลอบเข้ามากินคนในเมือง?”

“เป็นไปได้!”

“นับตั้งแต่เจ็ดวันก่อน,ทุกวันจะมีคนหายไปคนหนึ่ง,ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน!”

“วางใจได้! องค์รักษ์เมืองหลิงหยุนได้ตั้งทีมสอบสวนแล้ว,ไม่ว่าจะเป็นฝีมือใคร,อีกไม่นานก็จะจัดการเจ้าผีนั่นได้อย่างแน่นอน!”

......

ซูเห่าได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วไปมา“ผีฆาตรกรรม? ไม่ควรมีสัตว์ร้ายแฝงตัวเข้ามาจริง ๆ ใช่ใหม?”

เขาคิดเรื่องดังกล่าวชั่วขณะ,ก่อนที่จะหยุดคิดอย่างรวดเร็ว,ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องใส่ใจ,มันหน้าที่ของผู้พิทักษ์เมืองหรือไม่?!

ผู้พิทักษ์เมืองหลิงหยุน,แม้นว่าจะมีคนไม่มาก,ทว่าก็เป็นหนึ่งองค์กรที่ทรงพลังที่สุดในเมืองหลิงหยุน,สมาชิกทั่วไปก็เป็นจอมยุทธ์ระดับสูงแล้ว,และหัวหน้าทีมแต่ละกลุ่มยังมีระดับปรมาจารย์ขั้นต้น,หัวหน้ากองเป็นขอบเขตปรมาจารย์ขั้นสูง,กระทั่งผู้บัญชาการเองก็เป็นถึงขอบเขตบรรพจารย์อีกด้วย.

“สนใจเรื่องตัวเองดีกว่า.”

เมื่อเร็ว ๆ นี้เขาเก็บเกี่ยวข้อมูลจากตำรามากมาย,เขาบอกได้ว่าสัตว์ร้ายในป่าเขามีอยู่มากมาย,ต้องการรูปแบบสัตว์ร้ายที่สมบูรณ์จากพวกมันไม่ง่ายเลย.

มันยากเกินจินตนาการ,การสังหารสัตว์ร้ายเพียงตัวเดียวไม่อาจได้รับรูปแบบสัตว์ร้ายที่สมบูรณ์,จะต้องสังหารสัตว์ร้ายชนิดเดียวกันเป็นจำนวนมาก,ปะติดประต่อผสานกันจึงจะทำให้บันทึกรูปแบบสัตว์ร้ายที่สมบูรณ์ได้.

ซูเห่าที่ถือตำรา“ประวัติการสำรวจป่าเขาโดยอาเซี่ยง” กำลังกลับสถาบัน,ตำราเล่นนี้มีข้อมูลคล้ายกับตำราที่บันทึกไว้ในพื้นที่พินบอล“สำรวจความลึกล้ำของสัตว์ร้าย” ซึ่งเพียงพอให้เขาศึกษาในวันนี้.

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด