ตอนที่แล้วChapter 26 Body condition
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 28 Practices 1 to practice

Chapter 27 Centrifugal force parting method


离心力分离法

“เซี่ยงหวู่,เจ้ารู้แล้วใช่ใหมว่าจะเป็นจอมยุทธ์ได้อย่างไร?”

ซูเห่าเอ่ยรับ“รู้แล้ว,ท่านพ่อบอกว่าขอเพียงสามารถเคลื่อนปราณโลหิต,เปลี่ยนรูปร่างของมัน,จนสามารถเคลื่อนไหวส่งออกมานอกร่างกายได้,ก็จะเท่ากับสามารถกลายเป็นจอมยุทธ์ได้.”

“นักรบในป้อมปราณซาซาน,มีจอมยุทธ์หลายคน,เจ้ารู้ใหม,ว่าหัวหน้าลุงเหอ,ลุงหลี่,หรือลุงเกา,เจ้าเห็นพวกเขาครั้งแรก,สามารถบอกความแตกต่างของพวกเขากับผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปได้หรือไม่?”

“แตกต่างรึ?”ซูเห่าที่ขมวดคิ้วไปมา,เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย.

ผู้ฝึกยุทธ์และจอมยุทธ์,นอกจากความแข็งแกร่งแล้ว,มีอะไรที่แตกต่างกันอย่างงั้นรึ?

ซูเห่าที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่,ก่อนที่จิตสำนึกของเขาจะเข้าไปในพื้นที่พินบอล,ทำการเปรียบเทียบเหล่านักรบในป้อมซาซาน,เปรียบเทียบ,ค้นหาความแตกต่างของผู้ฝึกยุทธ์และจอมยุทธ์.

เพียงไม่นานซูเห่าก็พบร่องรอย.

“มีกลิ่นอายที่แตกต่างกัน!”

กลิ่นอายหรือสนามพลังปราณของจอมยุทธ์นั้นแตกต่างจากผู้ฝึกยุทธ์มาก,ทว่า นี่ไม่น่าจะใช่คำตอบที่อู๋หยุนเทียนต้องการ.

ซูเห่าที่ครุ่นคิดไปอีก,ก่อนที่ดวงตาจะเป็นประกาย,เอ่ยตอบออกมาทันที“ข้ารู้แล้ว,รูปร่างหน้าตาแตกต่างกันออกไป,เหล่าจอมยุทธ์นั้นจะมีจิงซีหล่อเลี้ยงอยู่มากมาย.(จิงชี่เซิ๋น หรือ แก่นแท้ พลัง และจิตวิญญาณ)”

อู๋หยุนเทียนที่เผยยิ้มที่ยากจะเห็นออกมา“พร้อมกับพยักหน้ารับ”ใช่,จิงซี,นั่นคือกุญแจที่จะก้าวเข้าสู่ประตูของจอมยุทธ์!”

ซูเห่าที่เกาศีรษะไปมา,เป็นคำพูดที่เปี่ยมล้นด้วยความหมายจิตวิทยามาก,ดูเหมือนว่าการเรียนวิทยายุทธ์จะเกี่ยวข้องกับจิตวิทยาจริง ๆ!

เห็นท่าทางซูเห่าที่งงงวย,อู๋หยินเทียนที่เผยยิ้มและเอ่ยออกมาว่า“ที่จริงมันไม่ยากจะเข้าใจ,อย่างแรกคือเจ้าต้องคิดถึงปัญหา,ทำไมเจ้าจึงรู้สึกว่าปราณโลหิตไม่อาจเคลื่อนย้ายได้?”

ซูเห่าที่จมอยู่ในความคิด,ไม่มีแรงจากภายนอกไปกระทำ,แล้วปราณโลหิตในร่างกาย,จะขยับได้อย่างไร? คิดอย่างหนักแต่ก็ไม่เข้าใจ,จึงทำได้แต่ส่ายหน้าไปมา“ไม่รู้จริง ๆ.”

ความสัมพันธ์ของเขาและอู๋หยุนเทียน,เหมือนกับอาจารย์และนักเรียนมากกว่าพ่อและลูก,เมื่อไม่เข้าใจก็ต้องถาม.

อู๋หยุนเทียนเอ่ย,“เพราะว่าปราณโลหิตไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเจ้าไงล่ะ.”

ซูเห่าที่สงสัยอย่างชัดเจน,เขาไม่รู้วิธีควบคุมปราณโลหิตจริง ๆ,ทำได้แค่รับฟังการอธิบายของอู๋หยุนเทียนอย่างตั้งใจ.

อู๋หยุนเทียนที่หยิบศิลาก้อนหนึ่งขึ้นมาเอ่ยถามซูเห่า“ศิลาก้อนนี้ใครเป็นผู้ควบคุม?”

“ท่านพ่อ.”

“ทำไม?”

ซูเห่าที่เอียงคอเอ่ยออกมาว่า“เพราะว่าศิลาอยู่ในมือท่าน.”

“ใช่,เพราะศิลาอยู่ในการควบคุมของข้า,ถึงมันจะไม่ขยับเอง,แต่ก็ถูกทำให้ขยับ,หากข้าต้องการให้มันหยุดนิ่งมันก็หยุดนิ่ง,ปราณโลหิตเองก็เช่นกัน.”

อู๋หยินเทียนที่โยนก้อนศิลาให้กับซูเห่าแล้วเอ่ยออกมาว่า“ปราณโลหิตก็เหมือนศิลาก้อนนี้,มันจะขยับตามมือของเจ้า,ทว่าเจ้าไม่ได้ใช้มือแต่เป็นจิตสำนึกของเจ้า,การจะสามารถควบคุมปราณโลหิต,ขับเคลื่อนไปทั่วร่างกายแม้แต่ส่งออกนอกร่างกายของเจ้าได้,หากเจ้าต้องการให้มันขยับ,มันก็จะขยับ,ต้องการให้มันหยุดนิ่งมันก็จะหยุดนิ่ง,ตามความต้องการของเจ้า.”

ซูเห่าที่รับก้อนศิลามา,ครุ่นคิดคล้ายว่าจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว“เป็นแบบนี้นะเอง.”

เขาพบว่าบิดาของเขาร้ายกาจจริง ๆ,สามารถเข้าใจสิ่งที่เป็นนามธรรม,สอนเขาให้เข้าใจแจ่มชัด,ทำให้เขาเข้าใจหลักการอย่างรวดเร็ว,ดูเหมือนว่าเขาจะทำงานหนักมาก.

อู๋หยุนเทียนเอ่ย“การควบคุมปราณโลหิต,เป็นเรื่องที่ง่ายมาก,ขอเพียงจิตสำนึกของเจ้าเหนือกว่าร่างกาย,เจ้าก็จะควบคุมมันได้,ดังนั้นเจ้าจำเป็นต้องเสริมพลังจิตสำนึกจนมากพอที่จะขับเคลื่อนปราณโลหิต”

ซูเห่าที่พยักหน้ารับ“แล้วจะเพิ่มจิตสำนึกได้อย่างไร?”

สิ่งสำคัญ,ไม่ใช่ทฤษฎี,ทว่าเป็นวิธีการต่างหาก.

อู๋หยุนเทียนเอ่ย“ก่อนที่จะพูดถึงวิธีการเพิ่มจิงซี,จำเป็นต้องพูดถึงข้อระมัดระวังในการบ่มเพาะนี้,ต้องให้ความสำคัญกับมันให้มาก.”

ซูเห่าที่รับฟังอย่างตั้งใจ.

“สามเข้มงวด,สี่ขยัน,ห้าไม่กระทำ; เข้มงวดต่อตัวเอง,เข้มงวดกับคำพูด,เข้มงวดกับหลักการ; ขยันคิด,ขยันศึกษา,ขยันระมัดระวัง,ขยันให้ความเคารพ ;ไม่พูดจาไร้สาระ,ไม่พูดมาก,ไม่เล่นลิ้น,ไม่ปฏิเสธสิ่งที่ตัวเองกระทำ,ไม่ระเริงในตัณหา.”

อู๋หยุนเทียนที่เอ่ยอย่างจริงจัง“จำได้หรือไม่?”

ซูเห่าที่พยักหน้ารับ,สามเข้มงวดสี่ขยันห้าไม่กระทำที่ถูกท่องออกมา.

อู๋หยุนเทียนพยักหน้า“ข้าจะสอนเจ้าบ่มเพาะสร้างจิงซี.”

......

ในทุก ๆ วันซูเห่าจะยกระดับความแข็งแกร่งของกระดูกหนึ่งชั่วโม.,ส่วนเวลาอื่น ๆ ก็ใช้เปลี่ยนจิงซีของตัวเอง,ตามวิธีการของอู๋หยุนเทียน,ในแต่ละวันเขาบ่มเพาะอยู่เงียบ ๆ.

แบบฝึกสะสมจิตสำนึกนั้นไม่ยาก,ทว่าจำเป็นต้องใช้เวลาในการสะสมทีละนิดทีละน้อย,ทว่าด้วยการมีเสี่ยวกวงช่วยเหลือ,ทำให้ซูเห่าสามารถยกระดับจิตสำนักได้ทุกวัน,เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก.

เมื่อซูเห่ายกระดับสะสมพลังจิตของตัวเอง,เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว,ทำให้จิตสำนึกของซูเห่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ,ด้วยจิตสำนึกที่เพิ่มพูน,ทำให้เขาสามารถควบคุมฟังก์ชันหลายอย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ,ยกตัวอย่างการควบคุมกล้ามเนื้อ,อัตราการเต้นของหัวใจ,เวลานี้การควบคุมสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ง่ายดายเป็นอย่างมาก.

หกเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว,ซูเห่าที่พยายามควบคุมการเคลื่อนปราณโลหิตอีกครั้ง,เดิมทีเขาคิดว่ามันจะนิ่งงันเหมือนกับเมื่อก่อน,ทว่าไม่คาดคิดเลยว่าปราณโลหิตจะเคลื่อนไหวตามจิตสำนึกของเขา,ไปในทิศทางที่เขาต้องการเล็กน้อย,แม้นว่าจะเป็นเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขามีความสุขเป็นอย่างมาก.

เคลื่อนที่ได้เล็กน้อย แล้วกลับไปนิ่งงันเหมือนเดิม,ทว่าซูเห่าที่เริ่มเข้าใจวิธีการแล้ว,สำเร็จแล้ว,เวลานี้เขาที่ใช้เวลาอีกครึ่งปีในการฝึกฝน,ในเวลานี้ขอเพียงเขาต้องการปราณโลหิตในร่างกายของเขาก็สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว.

ซูเห่าที่สงบใจ,นั่งสมาธิ,ปรับสภาพร่างกายและจิตใจ,ฝึกฝนการเคลื่อนปราณโลหิตของตัวเอง.

อีกครึ่งปีต่อมา,ซูเห่ามีอายุเก้าขวบ.

ในเวลานี้เขาสามารถควบคุมปราณโลหิตได้อย่างอิสระ,นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมมันตามวิชา“ปราณโลหิตจิ่วกง” ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย.

อย่างไรก็ตาม,เขายังไม่ถูกนับว่าเป็นจอมยุทธ์ที่แท้จริง,อาจจะเรียกได้ว่าเป็นครึ่งจอมยุทธ์ก็ได้,แม้นว่าเขาจะเคลื่อนไหวปราณโลหิตได้,ทว่าไม่อาจเปลี่ยนรูปและส่งออกมาด้านนอกร่างกายได้.

ตามข้อมูลใน“ตำราปราณโลหิตจิ่วกง” เขาจำเป็นต้องเคลื่อนที่ปราณโลหิตด้วยความเร็วสูง,เพื่อเปลี่ยนรูปร่างของปราณโลหิตก่อน.

อย่างไรก็ตาม ซูเห่าเริ่มสัมผัสได้เช่นกัน,การเปลี่ยนรูปปราณโลหิต,จะต้องเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงมาก.

ในวันหนึ่งจิตสำนึกของเขาที่จมจ่อมอยู่ในร่างกาย,ปราณโลหิตที่เคลื่อนที่ตามตำรา“ปราณโลหิตจิ่วกง” โคจรด้วยความเร็วสูงผ่านไปยังเก้าตำแหน่งพิเศษชีพจรด้วยความเร็วสูง.

ด้วยการเคลื่อนปราณโลหิตไปยังตำแหน่งทั้งเก้าด้วยความเร็ว,ทำให้ปราณโลหิตเริ่มจับตัวกันเป็นของเหลวช้า ๆ.

ซูเห่าเริ่มเข้าใจแล้วว่าสสารที่เป็นของเหลวนี้ก็คือจิงซีของจอมยุทธ์.

หลังจากที่สะสมจิงซีเหล่านี้ได้อย่างมั่นคงแล้ว,ร่างกายก็จะเปลี่ยนไปด้วย.

หลังจากนั้นไม่นาน,ซูเห่าพบว่าการเปลี่ยนแปลงปราณโลหิตเป็นของเหลวจิงซีทั้งหมดนั้นเป็นกระบวนการที่ช้ามาก.

ประสิทธิภาพในการเปลี่ยนรูปร่างถือว่าต่ำสุด ๆ,ด้วยความเร็วนี้เกรงว่าจะต้องใช้เวลาอีกนาน.

ซูเห่าขมวดคิ้วไปมา,เฝ้ามองกระบวนการเปลี่ยนรูปดังกล่าวอย่างระมัดระวัง,จนพบเข้ากับหลักการการเปลี่ยนปราณโลหิต.

เขาพบว่าการเปลี่ยนรูปแบบของปราณโลหิตนั้น,ไม่ใช่ว่าเป็นการกลั่นทำให้มันบริสุทธิ์ขึ้นหรอกรึ?

“เป็นเช่นนี้นะเอง!”

ซูเห่าที่คิดได้เช่นนั้นก็ใช้ระบบเครื่องซักฟ้า,ด้วยการหมุนโคจรด้วยแรงดันสูงเพื่อสลัดสิ่งสกปรกออกไป,หมุนวนโคจรอยู่รอบ ๆ จุดชีพจรทั้งเก้าอย่างรวดเร็ว.

ด้วยการพยายามหมุนปราณโลหิตอย่างรวดเร็ว,จุดชีพจรทั้งเก้าหมุนเร็วขึ้นและก็เร็วขึ้น.

เมื่อปราณโลหิตหมุนวนก็เริ่มที่จะสลายกลั่นตัวเป็นของเหลว,ปราณโลหิตที่เริ่มบริสุทธิ์ขึ้นเรื่อย ๆชำระสิ่งสกปรก,กลั่นตัวเป็นของเหลวด้วยความเร็วที่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ.

ตำแหน่งจุดหมุนที่เวลานี้กลืนปราณโลหิตทั่วไปรอบ ๆ ด้วยความเร็วสูง,ทำให้มันบริสุทธิ์และเล็กลงเรื่อย ๆ,จนสามารถเปลี่ยนปราณโลหิตทั้งหมดให้กลายเป็นของเหลวจนหมด.

“เปลี่ยนรูปสำเร็จแล้วรึ? ลึกลับมาก,นี่คือแก่นปราณโลหิตที่ท่านพ่อเอ่ยหรือไม่?!”

“ประสิทธิภาพการเปลี่ยนปราณโลหิตดั้งเดิมมีประสิทธิภาพต่ำมาก,ด้วยวิธีการหมุนแบบเครื่องซักผ้า,ทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นสิบเท่า,การหมุนดังกล่าวนี้ทำให้ปราณโลหิตบริสุทธิ์เร็วขึ้น,ทำให้เปลี่ยนผู้ฝึกยุทธ์เป็นจอมยุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว.”

ซูเห่ารู้สึกพึงพอใจกับภูมิปัญญาของเขาเป็นอย่างมาก.

จากนั้นเขาก็จ้องมองสสารไร้สีใหม่อย่างระมัดระวัง,นี่คือจิงซีของจอมยุทธ์.

เขาที่พยายามเคลื่อนไหวจิงซีของจอมยุทธ์,พบว่าปราณโลหิตแบบใหม่นี้ควบคุมเคลื่อนไหวได้ง่ายมาก.

จิงซีของจอมยุทธ์สามารถเคลื่อนไหวไปยังตำแหน่งใหนก็ได้.

ซูเห่าที่นำดาบสั้นออกมา,ก่อนที่จะเคลื่อนไหวจิงซีผ่านแขนไปยังดาบสั้น,จากนั้นก็ฟันไปยังพื้นศิลาด้านหน้าเบา ๆ.

“พรึดด ~”

ดาบสั้นที่ทะลวงไปยังพื้นศิลาราวกับแทงลงไปในเต้าหู้.

“เกินจริงไปใหม!!!”ซูเห่าที่ตกใจ.

นี่คือพลังจิงซีของจอมยุทธ์อย่างงั้นรึ? แข็งแกร่งมาก,หรือว่านี่คือสิ่งที่เรียกว่า พลังภายในของตำนานโลกเดิมหรือไม่?

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด