ตอนที่แล้วตอนที่ 89 รูปแบบของเจตจำนงปรมาจารย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 91 ฉันรู้มากกว่าที่คุณคิด

ตอนที่ 90 คำว่าเพื่อนยังคงเหมือนเดิมมิเปลี่ยนแปลง


ตอนที่ 90 คำว่าเพื่อนยังคงเหมือนเดิมมิเปลี่ยนแปลง

หลังอาหารเช้า ลู่เซิงนั่งแท็กซี่ไปที่โรงเรียนมัธยมไป๋เหอที่ 3

คําพูดของลู่ชิงเหอทําให้เขานึกขึ้นได้ว่าใกล้ถึงวันสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วและอีกไม่นานโรงเรียนก็จะปิดเทอม หากเขาไม่ไปโรงเรียนในครั้งนี้ก็ยากที่จะมีโอกาศอีกในอนาคต

แท็กซี่หยุดที่ประตูโรงเรียน ลู่เซิงจ่ายเงินและลงจากรถ

ในเวลานี้เริ่มเรียนแล้ว ดังนั้นทางเข้าโรงเรียนจึงดูว่างเปล่ามาก

ลู่เซิงเดินไปหาป้อมยามที่อยู่ถัดจากประตูรั้วและเคาะหน้าต่าง จากนั้นหัวของใครบางคนก็โผล่ออกมาข้างใน

"รู้ไหมเธอมาสายแค่ไหน? โทรหาครูประจำชั้นมารับเอง.."

"เอ่อก่อนหน้านี้ผมหยุดเรียนและเพิ่งกลับมาเรียนวันนี้ครับ"

"ฮ้ะ?" ยามเดินออกมาจากป้อมยามโดยถือหนังสือเล่มเล็กๆในมือ

"ห้องไหน? ฉันจะลงชื่อไว้"

"ลู่เซิงม.ปลายปี 3 ห้อง 5 ครูประจำชั้นชื่อฮงเจี้ยนชุน"

"ม.ปลายปี 3 ห้อง 5 ลู่..." มือของยามหยุดลงทันทีและเงยหน้าขึ้นมองลู่เซิงอย่างระมัดระวัง

"เธอชื่ออะไรนะ? ลู่เซิง?! ลู่เซิงคนนั้นนะเหรอ!?"

"ครับ" ลู่เซิงพยักหน้า

เมื่อมองไปที่หน้าตาของลู่เซิง ยามก็ตื่นเต้นทันที

"เธอคือลู่เซิงจริงๆเหรอ? จอมยุทธ์อัจฉริยะในทีวี? มาจากโรงเรียนมัธยมไป๋เหอที่ 3 ของเรา... เธอรอเดี๋ยวนะ"

ก่อนที่เขาจะพูดจบ ยามก็รีบกลับไปที่ป้อมของตัวเองโดยทิ้งลู่เซิงไว้ที่ประตูโรงเรียน

"เอ่อให้ผมเข้าไปก่อนได้ไหมครับ"

....

ม.ปลายปี 3 ห้อง 5 คลาสคณิตศาสตร์

ครูประจำชั้นฮงเจี้ยนชุนพ่นน้ำลายไปทั่วโพเดียมโดยที่นักเรียนด้านล่างเริ่มง่วงนอน

"ครูขอบอกไว้ก่อนว่าอย่าประเมินคลาสวัฒนธรรมต่ำเกินไป ครูรู้ดีว่าพวกเธอหลายคนสมัครเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยยุทธ์ แต่อย่าลืมว่าคะแนนของคลาสวัฒนธรรมถูกนับในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยยุทธ์ด้วยเช่นกัน

บางครั้งการขาดแค่คะแนนเดียวก็อาจทำให้เธอพลาดมหาวิทยาลัยยุทธ์ที่เธอต้องการเข้าได้เลย

ค่าปราณโลหิตก็เป็นเกณฑ์ในการวัดคะแนนและมันต้องใช้เวลาฝึกฝนหลายสัปดาห์ หลายเดือนกว่าจะเพิ่มขึ้น แต่ถ้าเป็นคลาสวัฒนธรรมมันก็เป็นแค่เรื่องของคำถามไม่กี่ข้อ!"

"เมื่อไหร่จะจบสักที"

ด้านล่างโพเดียม เด็กชายที่สวมแว่นพึมพําอย่างเบื่อหน่าย จากนั้นก็เอื้อมมือไปสกิดเด็กชายตัวอ้วนที่นั่งข้างๆ "หลิวฉีหมิงหลังเลิกเรียนเล่นเกมไหม? ฉันเกือบจะถึงแพลตตินั่มแล้ว"

เด็กชายตัวอ้วนหันศีรษะมาและส่ายหน้า "ฉันไม่ไป พวกนายไปเถอะ ฉันสมัครเป็นทหาร ดังนั้นฉันต้องไปฝึกพิเศษหลังเลิกเรียน"

"ทําไมช่วงนี้นายขยันจัง มันไม่เหมือนนายเมื่อก่อนเลย"

"เหอะๆ ตอนนี้ใกล้สอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ฉันไม่อยากไปที่ไซต์ก่อสร้างเพื่อแบกปูนหลังเรียนจบหรอกนะ"

"ไม่..." เด็กชายสวมแว่นต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่เสียงอันเยือกเย็นของฮงเจี้ยนชุนก็ดังมาจากโพเดียม "จู้ซิงจี้ หลิวฉีหมิง เธอสองคนยืนขึ้นเดี๋ยวนี้!"

เด็กชายสวมแว่นและเด็กชายตัวอ้วนลุกขึ้นยืนอย่างเศร้าสร้อย

ตอนแรกพวกเขารอที่จะโดนตําหนิแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีใครบางคนมาที่ประตูห้องเรียนและโบกมือเรียกครูประจําชั้นฮงเจี้ยนชุน

ฮงเจี้ยนชุนจ้องมองทั้งสองคนและรีบออกไป

"ฮู้เหมือนครั้งนี้จะโชคดีนะ" เด็กชายสวมแว่นยิ้ม

หลิวฉีหมิงจ้องมองเขาและบ่น"พอเลยทีหลังอย่าชวนฉันคุยในห้องอีก"

"ไม่ต้องกังวลหรอกน่า คลาสนี้ใกล้จะจบแล้ว"

"ใช่ๆ คลาสนี้ใกล้จบแล้ว" คนที่อยู่ด้านข้างต่อบทสนทนาทันที

"กริ๊ง~"

"โอ้ ในที่สุดก็จะจบสักที!" หลังจากนั้นไม่นานทั้งห้องก็ส่งเสียงเชียร์

แต่ในเวลานี้ ฮงเจี้ยนชุนเดินกลับเข้ามาในห้อง

ห้องเรียนเงียบไปครู่หนึ่ง

เด็กซนบางคนทนไม่ไหวและมุดหัวเข้าไปใต้โต๊ะ แต่ทุกคนแปลกใจที่ฮงเจี้ยนชุนไม่โกรธเลย

ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนแถมยังดูตื่นเต้นและมีความสุขอีกด้วย

"เขาเงินเดือนขึ้นเหรอ?" จู้ซิงจี้พึมพําเสียงต่ำ ส่วนหลิวฉีหมิงที่ได้ยินก็ทำตาโตใส่เขา

"นักเรียน คลาสเรียนนี้จบแล้ว ทุกคนเตรียมตัว..."

"แน่นอนว่าหัวหน้ามาตรวจงาน" จู้ซิงจี้เดาอย่างมั่นใจ

แต่คําพูดต่อไปของฮงเจี้ยนชุนทําให้ทั้งห้องเรียนตกอยู่ในความเงียบที่น่าขนลุก

"...ลู่เซิง นักเรียนในห้องของเรากําลังจะมา"

หลังจากนั้น ฮงเจี้ยนชุนก็วิ่งออกไปจากห้องเรียนโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด

วินาทีต่อมา ทั้งห้องเรียนก็ระเบิดออกด้วยความตกใจ เสียงพูดคุยดังขึ้นไปทั่ว

"เฮ้ย! ฉันได้ยินถูกใช่ไหม ลู่เซิงจะกลับมาเรียนแล้วเหรอ!?"

"ไม่น่าใช่กลับมาเรียน คลาสเรียนจบแล้ว เขาจะกลับมาทำไม? ฉันว่าเขาต้องกลับมาทำอะไรบางอย่างแน่ๆ"

"เขากลับมาหาพวกเราแล้ว!"

"โอ้พระเจ้า ฉันคิดว่าฉันจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว!"

"ฉันได้ยินมาว่าลู่เซิงกลายเป็นลูกศิษย์ของประธานสมาคมจอมยุทธ์และตอนนี้เขากำลังฝึกฝนอยู่ที่ชั้นบนสุดของอาคารสมาคมจอมยุทธ์ทุกวันเพื่อเตรียมตัวทะลวงเข้าสู่ระดับปรมาจารย์!"

"ฉันได้ยินมาว่านายกเทศมนตรีต้องการให้ลูกสาวของตัวเองแต่งงานกับลู่เซิง แต่ลู่เซิงปฏิเสธเพราะอยากโฟกัสกับการฝึกศิลปะการต่อสู้เพื่อเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย!"

"ลายเซ็น! หายากมากที่เราจะเจอลู่เซิงสักครั้ง! เราต้องเอาลายเซ็นมาจากเขาให้ได้!"

"บ้าเอ้ย! ฉันต้องหากระดาษสอบที่ได้คะแนนสูงสุดให้ลู่เซิงเซ็นแล้วใส่กรอบแขวนไว้บนผนังบ้านของฉัน!"

ห้องเรียนใหญ่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ทุกคนต่างพยายามรื้อค้นหาสิ่งของ

ลู่เซิงกําลังจะมา...

หลิวฉีหมิงนั่งอย่างงุนงงเป็นเวลานาน ก่อนที่เขาจะตอบสนองและเริ่มยุ่งอยู่กับการหาสิ่งของต่างๆ

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเขากําลังหาอะไรก็ตาม

10 นาทีต่อมาเด็กชายที่ยืนอยู่ที่ประตูห้องเรียนก็วิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว

"เขามาแล้ว!"

นักเรียนม.ปลายปี 3 ห้อง 5 ทั้งหมดเงียบไปชั่วขณะ พวกเขานั่งหลังตรงอย่างเรียบร้อย แต่ศีรษะเอียงไปในทิศทางของประตูห้องเรียนอย่างประหม่า ทุกคนต่างรู้สึกตื่นเต้นและคาดหวัง

หลิวฉีหมิงก็มองอยู่เช่นกันโดยคาดหวังว่าจะมีใครบางคนปรากฏตัวขึ้น

หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็เห็นกลุ่มคนเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ครูประจําชั้นฮงเจี้ยนชุน,ครูคลาสศิลปะการต่อสู้จงเจิ้งกั๋ว,ผู้อำนายการ, รองผู้อำนายการ, หัวหน้าฝ่ายวิชาการ...

หัวหน้าเกือบทั้งหมดของโรงเรียนมา แต่ละคนมีรอยยิ้มบนใบหน้า ท่าทางของพวกเขาดูเป็นมิตรและเข้าถึงง่ายและศูนย์กลางที่พวกเขารวมตัวกันคือชายหนุ่มร่างสูง 1.8 เมตร

ชายหนุ่มคนนั้นผิวขาวและมีดวงตาเปล่งประกายเหมือนดวงดาว

แม้ว่าจะใส่แค่ชุดง่ายๆอย่างเสื้อยืดสีขาวและกางเกงสแล็คสีดํา แต่ก็ทําให้ผู้คนรู้สึกถึงออร่าไอดอลหรือตัวเอกชายในอนิเมะโรงเรียน

ทุกท่วงท่าเต็มไปด้วยประกายออร่าที่อธิบายไม่ได้

แม้จะถูกรายล้อมไปด้วยกลุ่มคนที่มีอิทธิพลและอายุมากกว่า เขาก็ยังคงมีออร่าที่แข็งแกร่ง

เขาเป็นเหมือนดวงตะวันในยามเช้าที่สดใสแต่ไม่ร้อน

นักเรียนทั้งหมดตกตะลึง เด็กสาวหลายคนจ้องมองชายหนุ่มอย่างมึนเมา

หลิวฉีหมิงก็ตกอยู่ในภวังค์เช่นกัน

ชายหนุ่มหล่อเหลาที่เปล่งประกายตรงหน้าเขาแตกต่างจากเพื่อนซี้ในความทรงจำของเขาอย่างสิ้นเชิง

เขารู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างกําลังหายไปจากตัวเขาอย่างรวดเร็วแต่เขากลับไม่สามารถเข้าใจมันได้เลย

"นักเรียนทุกคนแสดงความยินดีต่อการกลับมาของลู่เซิง!"

ครูประจำชั้นฮงเจี้ยนชุนก้าวขึ้นไปบนโพเดียมและตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นเต้น

นักเรียนด้านล่างตะลึง 3 วินาที จากนั้นก็กรี๊ดกราดส่งเสียงเชียร์และปรบมือไม่รู้จบ

ลู่เซิงที่ยืนอยู่บนโพเดียมด้วยอายเล็กน้อยและทําอะไรไม่ถูก เดิมทีเขาแค่อยากกลับมาเยี่ยมโรงเรียน เขาไม่เคยคิดต้องการทำฉากใหญ่โตแบบนี้

เขาเป็นเพียงนักเรียนธรรมดา..

ลู่เซิงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และยกมือขึ้น

ห้องเรียนที่มีเสียงดังก็เงียบลงทันที

นักเรียนทุกคนไม่ได้สังเกตเลยว่าลู่เซิงดูเหมือนจะมีเวทมนตร์พิเศษบางอย่างในตัวเขาซึ่งทําให้ผู้คนต้องการเชื่อฟังโดยไม่รู้ตัว

"ครูฮง" ลู่เซิงหันหัวไปมองฮงเจี้ยนชุนและพูด"ผมอยากเรียนคลาสวัฒนธรรมเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม"

"เอ่อ..." ฮงเจี้ยนชุนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นใบหน้าของเขาแดงขึ้นอย่างรวดเร็วและตื่นเต้นมากจนตัวสั่น

"ได้แน่นอน!"

"ขอบคุณครับครูฮง" ลู่เซิงก้าวลงจากโพเดียมและนั่งลงบนที่นั่งของเขา

เขาเห็นหลิวฉีหมิงมองมาอย่างมึนงงจึงยิ้มให้อีกฝ่าย

ในเวลาต่อมา ฮงเจี้ยนชุนดูเหมือนจะอายุน้อยลง 20 ปีทันที เขายืนอยู่บนโพเดียมอย่างตื่นเต้นโดยใช้มือและเท้าของเขาสอนบทเรียนที่ภาคภูมิใจที่สุดในอาชีพครูของเขาและนักเรียนห้อง 5 ทุกคนก็ฟังอย่างตั้งใจ

เมื่อเสียงกริ๊งดังขึ้น นักเรียนจากห้องอื่นๆก็เดินออกมาและแปลกใจที่เห็นว่าห้อง 5 เงียบมากมีเพียงเสียงบรรยายที่สะท้อนอยู่ในทางเดินและยังมีหัวหน้าของโรงเรียนทุกคนยืนอยู่ที่ประตูด้วยรอยยิ้ม

นักเรียนบางคนอยากรู้อยากเห็นและเดินเข้าไปมอง

ในเวลาไม่นาน ข่าวการกลับมาเรียนของลู่เซิงก็แพร่กระจายไปทั่วโรงเรียนมัธยมไป๋เหอที่ 3

...

"คลาสนี้จบแล้ว!"

ฮงเจี้ยนชุนสาบานว่าเขาไม่เคยพูด 2 คํานี้ด้วยความไม่เต็มใจขนาดนี้มาก่อน

สายตาของฮงเจี้ยนชุนมองไปที่ตําแหน่งหนึ่งใต้โพเดียมและนักเรียนทุกคนก็มองไปที่ตําแหน่งนั้นเช่นกัน

ชายหนุ่มที่มีออร่าสดใสยืนขึ้นจากที่นั่งของเขาและมองทุกคนในห้องราวกับว่าต้องการจดจำใบหน้าทั้งหมดนี้ไว้ "งั้นผมขอตัว แล้วเจอกันนะทุกคน"

ก่อนจากไปชายหนุ่มตบไหล่ของหลิวฉีหมิงเบาๆ เอนตัวลงและกระซิบที่หูของหลิวฉีหมิง "เอาล่ะ ถ้าว่างๆ ไว้มาเล่นเกมด้วยกัน"

หลิวฉีหมิงเหมือนถูกฟ้าผ่าและอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเล็กน้อย เขามองแผ่นหลังของชายหนุ่มที่เดินจากไปและแอบสาบานกับตัวเองในใจ

'ฉัน หลิวฉีหมิง แม้ว่าจะล้มลุกคุกคลานและรันทดมากแค่ไหน ฉันต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยยุทธ์ให้ได้!'

ปล.ม.ปลายปี 3 = ม.6

4.5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด