ตอนที่แล้วChapter 171 Battling Heaven battlefield, war what?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 173 It seems like you do not understand

Chapter 172 Uncorrectable Battling Heaven Divine Carriage


不能修复的战天神车(三更)

ฉีอ้าวซือยังคงจ้องมองไปบนท้องฟ้าที่ว่างเปล่า,เพ่งพิศทิศทางที่ลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำเพิ่งจากไป.

อาจารย์ของนักบุญปิศาจ,ควรจะรู้จักกันดีกับปู่ของเขา,แล้วยังเรียกปู่เขาว่าเสี่ยวฉีด้วย?

“เส้าจู่,เป็นอะไรหรือไม่?”บรรพชนชราตระกูลฉีที่เวลานี้พยุงร่างก้าวเข้ามาหาฉีอ้าวซือ,เห็นอีกฝ่ายนิ่งชงัก,จึงเอ่ยถาม.

“ข้าไม่เป็นไร.”ฉีอ้าวซือที่ได้สติ ส่ายหน้าไปมา,เขาตรวจสอบร่างกายแม้ว่าจะเจ็บไปทั่วร่าง,ทว่าชีพจรก็ไม่ได้แตกสลายพังทลาย,เขารู้ดีว่าวัวกระทิงมังกรเขาทองคำนั้นได้ไว้ชีวิตเขา,ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่อีกรึ?

“พวกเรากลับก่อน.”ฉีอ้าวซือถอนหายใจ,เอ่ยออกมาว่า“ปู่ข้าเอ่ยถูก,ข้าควรจะพยายามมากกว่านี้,ด้านนอกยังมีคนที่ร้ายกาจมากมาย,สายโลหิตหนึ่งในสิบยุคโบราณ ก็แค่นั้น.”

บรรพชนชราตระกูลฉีเอ่ยออกมาว่า“เส้าจู่,อย่าได้ดูแคลนตัวเอง.”

“วางใจได้,ข้ารู้ตัวดี,สักวันหนึ่ง,ข้าจะเหนือกว่าลู่อี้ผิง,ข้าจะเอาชนะทั้งสองให้ได้ในสักวัน!”แววตาของฉีอ้าวซือเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น.

เจตจำนงนักรบสวรรค์ที่พวยพุ่ง,แผ่รัศมีกระจายเต็มท้องฟ้า.

ฉีอ้าวซือและคนตระกูลซือเวลานี้ได้จดจ้องมองไปยังราชรถเทวะจ้านเทียนที่ถูกทุบจนแบนบี้!

ล้อทั้งสี่ที่แตกหักเสียหายอย่างหนัก.

ฉีอ้าวซือถึงกับร้องไห้แต่ไร้น้ำตา.

มารดาเถอะ,แล้วจะขี่อย่างไร?

นี่คือราชรถเทวะจ้านเทียนของปู่เขา,เป็นสิ่งประดิษฐ์เทวะสืบทอดต่อกันมา,บิดาของเขาที่เช็ดทำความสะอาดมันทุกวี่วัน,ไม่ให้ฝุ่นจับเลยแม้แต่น้อย,กลับไปด้วยสภาพนี้,บิดาของเขาต้องบ้าคลั่งแน่.

เหล่ายอดฝีมือเมืองจ้านเทียนที่จ้องมองราชรถที่พังทลาย,ล้อทั้งสี่แตกหัก,ก็ยืนงงเป็นไก่ไม้เช่นกัน.

ราชรถเทวะจ้านเทียน,แม้นว่าจะพอนั่งได้,ทว่ากับไม่อาจวิ่งไปใหนมาใหนได้อีกแล้ว.

แม้นว่าจะเป็นสิ่งประดิษฐ์เทวะ,แต่ในเมื่อมันเสียหาย,ก็ไม่อาจกระตุ้นเปิดการใช้งาน,ดังนั้นจึงทำได้แค่เก็บมันกลับไป.

เหล่าผู้ฝึกตนที่เห็นคนของตระกูลฉีนำราชรถเทวะจ้านเทียนที่พังทำลายกลับไป,ก็เผยใบหน้าแปลกประหลาด.

“ราชรถเทวะจ้านเทียนจะซ่อมได้ใหม?”ผู้ก่อตั้งนิกายผู้หนึ่งเอ่ย.

อย่างไรก็ตามไม่มีใครตอบได้.

เทพสงครามจ้านเทียน,ฉีจ้านเทียนสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง,ประกอบขึ้นจากวัตถุดิบหายาก,ล้ำค่ามากมาย,แน่นอนว่าไม่ง่ายที่จะฟื้นฟูกลับมา.

“เจ้าคิดว่า,ท่านฉีหยวนจะแก้แค้นลู่อี้ผิงใหม?”บางคนที่เงียบและเอ่ยปากออกมา.

ฉีหยวนก็คือประมุขตระกูลฉี,เป็นบิดาของฉีจ้านเทียนนั่นเอง.

ท้ายที่สุด,คนของตระกูลฉีก็นำราชรถเทวะจ้านเทียนกลับถึงเมืองจ้านเทียน.

พวกเขาที่หอบราชรถเทวะจ้านเทียนที่ยับเยินกลับตำหนักของฉีหยวน.

หลังจากนั้น,เสียงโกรธเกรี้ยวอย่างรุนแรงก็ดังกังวานไปทั้งเมืองจ้านเทียน.

แววตาของฉีหยวนที่แดงซ่าน,โกรธเกรี้ยวเมื่อเห็นสภาพของราชรถเทวะจ้านเทียน“อาจารย์ของนักบุญปิศาจ,ลู่อีผิ้ง! เมืองจ้านเทียนและพวกเจ้าต้องตายไปข้างหนึ่ง!”

ฉีอ้าวซือก้าวไปด้านหน้า,เอ่ยอย่างระมัดระวัง,“ท่านพ่อ,เรื่องนี้ จะว่าไปก็แปลก,ข้าไม่รู้ว่าจะเอ่ยอะไรออกมา.”

“เจ้าจะพูดอะไร”ฉีหยวนที่จ้องมองตาขวางไปยังฉีอ้าวซือ.

ฉีอ้าวซือที่หวาดกลัว,ก้มหน้าเอ่ยออกมาว่า“ผู้ใต้บังคับบัญชาของลู่อี้ผิงรู้จักสภาวะแปลงร่างของท่านปู่ด้วย.”

“เจ้าบอกจะบอกว่าอีกฝ่ายรับรู้สภาวะเทพสวรรค์ของปู่เจ้าอย่างงั้นรึ?”ฉีหยวนที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโต.

ท้ายที่สุดฉีอ้าวซือก็พยักหน้ารับ.

“ใช่,นอกจากนี้ลู่อี้ผิงราวกับว่ารู้จักกับท่านปู่”ฉีอ้าวซือเอ่ยออกมาว่า“เขาเรียกท่านปู่ว่าเสี่ยวฉี.”

“เสี่ยวฉีอย่างงั้นรึ?”ฉีหยวนที่ใบหน้าสั่นส่ายไปมา.

......

ดินแดนบรรพชนสำนักอู๋เซิ่ง.

“อะไรนะ,ลู่อี้ผิงมายังโหยวหมิงอย่างงั้นรึ?”ถ่านอี,หม่าปิง,สี่ไท่จูสำนักอู๋เซิ่งใบหน้าเปลี่ยนสี.

“ท่านไท่จู่ทั้งสี่!”เจ้าสำนักอู๋เซิ่งที่ก้มหน้าก้มตาเอ่ยออกมาว่า“ที่เทือกเขาเทียนเซี่ย,ลู่อี้ผิงได้ใช้ทัณฑ์สายฟ้า,สังหารเผ่าวิญญาณรัตติกาลและคนของตระกูลหม่าหลายร้อยคน,แม้แต่เย่จื่อโม่และหม่าซียังตกตายไปพร้อมกัน.”

“ตอนนี้จักรศักดิ์สิทธิ์เองก็อยู่ในมือของลู่อี้ผิง.”

เจ้าสำนักอู๋เซิ่งที่เอ่ยอย่างระมัดระวัง“ไท่จู่ทั้งสี่,ลู่อี้ผิง เดินทางมายังโหยวหมิงครั้งนี้,เกรงว่าสถานการณ์พวกเราจะไม่ดีนัก,พวกเราควรที่จะไปพบกับท่านหลงกังวังมังกรปิศาจหรือไม่?”

หลงกังก็คือไท่จู่วังมังกรปิศาจนั่นเอง.

ถ่านอี้,หม่าปิงและพวกทั้งสี่ใบหน้ามืดครึ้ม.

ก่อนหน้านี้สองปิศาจซีจุนำจ้าวพิภพมากมายไปยังนิกายเทวะคุนเผิงเพื่อล้อมสังหารลู่อี้ผิง,เรื่องครั้งนี้,เป็นไปได้ว่าลู่อี้ผิงจะปล่อยพวกเขาไป.

ด้วยนิสัยของลู่อี้ผิง,ในเมื่อมาโหยวหมิง,จะต้องมาเยือนสำนักอู๋เซิ่งแน่ ๆ.

......

ดินแดนบรรพชนขุนเขาอู๋เซี่ย,เวลานี้เหล่าบรรพชนชราที่ชุมนุมกัน,ปรึกษาหารือเรื่องที่เกิดขึ้นในเทือกเขาเทียนเซี่ย.

ลู่อีผิ้งได้สังหารเผ่าวิญญาณรัตติกาลและยอดฝีมือนิกายจินกังหลายร้อยคน,ตอนนี้เหล่ากลุ่มอิทธิพลทั่งโหยวหมิงต่างก็รับรู้ข่าวนี้แล้ว.

“ท่านลู่อี้ผิงลงมือสังหารเผ่าวิญญาณรัตติกาล,และคนของนิกายจินกังหลายร้อยคน,นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีจริง ๆ.”บรรพชนชราคนหนึ่งที่ปรบมือด้วยรอยยิ้ม.

เผ่ามนุษย์ถูกเผ่าปิศาจกดดัน,ตอนนี้ลู่อี้ผิงสังหารเผ่าวิญญาณรัตติกาลและคนของนิกายจินกัง,เผ่ามนุษย์มากมายได้ยิน,ย่อมอดไม่ได้ที่จะปรบมือด้วยความยินดี.

“หากข้าได้รับใช้ถวายชีวิตให้กับท่านลู่อี้ผิง,ต่อให้เป็นช้างม้าวัวควาย ข้าก็ยินดี.”เจียงไห่ตงที่เอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกฮึกเหิม.

เจียงไห่ตง,ก็คือบรรพชนชราที่แข็งแกร่งที่สุดของขุนเขาอู๋เซี่ย.

ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น,เจ้านิกายขุนเขาอู๋เซี่ย เถาอี้เฟิงที่เงียบตลอดไม่เอ่ยกล่างอะไรออกมา.

หลังจากนั้นไม่นานการประชุมก็จบลง,เถาอี้เฟิงกลับตำหนักที่พักตัวเอง,ขณะเขาก้าวเดินออกไป,ไม่เห็นเหลียงหงจีมารายงานเขานานแล้ว,เวลานี้ทำให้เขาร้อนรน.

เรื่องเรื่องที่เขาเป็นสายลับเผ่าวิญญาณรัตติกาลหากเผยออกมาล่ะก็,ไม่เพียงแค่ขุนเขาอู๋เซี่ยเท่านั้น,แม้แต่เผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ไม่มีที่ซุกหัวนอนให้กับเขาแน่.

เขาที่ครุ่นคิดอย่างนักเวลาต่อมาก็ได้เรียกเจ้าโถงคุมกฎมาหา.

ในเวลาเดียวกันนี้,ลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำก็เดินทางมาถึงเมืองเฟิงไห่,พบกับอี้หว่านที่นัดหมายกันเอาไว้.

เหยาเฟิงนั้นได้จากไปแล้ว,เพราะต้องกลับไปรายงานระกูลเหยา.

ลู่อี้ผิง,วัวกระทิงมังกรเขาทองคำและอี้หว่านทั้งสามเดินทางต่อไปยังขุนเขาอู๋เซี่ย.

“ได้ยินมาว่า,ที่เทือกเขาเทียนเซี่ย,เผ่าวิญญาณรัตติกาลและตระกูลหม่ากว่าร้อยคนถูกท่านลู่อี้ผิงสังหารล่ะ!”ระหว่างทาง,อี้หว่านกล่าวต่อลู่อีผิ้งและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำด้วยความตื่นเต้น.

อี้หว่านรู้เพียงลู่อี้ผิงแซ่ลู่,ดังนั้นจึงไม่รู้สถานะที่แท้จริงของลู่อี้ผิง.

เรื่องที่เกิดขึ้นที่เทือกเขาเทียนเซี่ย,นางได้ยินเพียงข่าวลือ,ไม่ได้รู้ข้อเท็จจริงทั้งหมดแต่อย่างใด.

ลู่อี้ผิงได้ยินก็เผยยิ้มเล็กน้อย.

ขณะที่ทั้งสามออกจากเมืองเฟิงไห่,เมื่อใกล้ถึงขุนเขาอู๋เซี่ย,ได้พบกับเหล่าผู้คุมกฏของหออู๋เซี่ยบินตัดอากาศ,มาขวางพวกเขาเอาไว้.

เจ้าโถงคุมกฎลู่ชิงที่นำคนออกมา,อี้หว่านเห็นเข้าก็ประหลาดใจ“เจ้าโถงลู่,เป็นท่านรึ?”

ลู่ชิงเอ่ยปากออกมาทันที“อี้หว่าน,เจ้าเป็นสายลับของเผ่าวิญญาณรัตติกาล,โปรดตามพวกเราไปยังตำหนักคุมกฏด้วย.”

อี้หว่านได้ยิน,ก็เอ่ยออกมาด้วยความไม่พอใจ“ไม่ใช่ข้าสักหน่อย! เป็นอาจารย์ข้าที่เป็นสายลับเผ่าวิญญาณรัตติกาล เขากลับถูกเป็นผิด!”

ลู่ชิงขมวดคิ้ว,เอ่ยออกมาว่า“พวกเราจะพิสูจน์เอง,หากเจ้าไม่ใช่,พวกเราจะให้ความเป็นธรรมต่อเจ้าเอง,”จากนั้นเขาก็โบกมือให้คนของเขาออกไปจับกุมอีกฝ่าย.

คนของโถงคุมกฎสองคนที่ถือโซ่โลหะก้าวเข้าไป.

ใบหน้าของอี้หว่านที่เปลี่ยนสี,เห็นชัดเจนว่าอีกฝ่ายนั้นสรุปว่านางเป็นสายลับของเผ่าวิญญาณรัตติกาลตั้งแต่แรกแล้ว,เพียงแค่นำไปสืบสวน,ไม่มีความจำเป็นต้องคล้องโซ่กุญแจมือแต่อย่างใด,ไม่ใช่รึ?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด