ตอนที่แล้วChapter 16 Good, liking boasting is very normal
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 18 Ten Great Super Influences

Chapter 17 Exposes to the sun the dried beef


晒成牛肉干

“พวกเราเข้าไปดูหน่อย.”ได้ยินเสียงคำรามของอาชาวิญญาณอสนี,ลู่อี้ผิงก็เอ่ยปากออกมาทันที.

จากนั้นพวกเขาก็มุ่งตรงไปยังทิศทางของอาชาวิญญาณอสนี.

เพียงไม่นาน,พวกลู่อี้ผิงก็เดินทางไปถึงพื้นที่เหตุการณ์.

ที่ด้านหน้าปรากฏคนชุดดำสี่คน,ที่ล้อมจับอาชาอสนีสองตน,นอกจากนี้ยังมีคนอีกสองคนที่คอยกันไม่ให้อาชาวิญญาณอสนีหนี.

เห็นคนชุดดำแล้ว,ลู่อี้ผิงก็ยกยิ้มขึ้นมา,เพราะฝ่ายตรงข้ามนั้นเป็นคนของวิหารมารทมิฬ.

เหล่าชายชุดดำที่พบราชรถสีทองปรากฏขึ้น,ก็เผยความประหลาดใจออกมา.

คนชุดดำที่เฝ้าเส้นทาง ที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ก้าวเข้ามา.

เขามาถึงที่ด้านหน้าราชรถสีทอง,จ้องมองลู่อี้ผิงและคนอื่น ๆ,เผยแววตาประหลาดใจ.

เขาเอ่ยออกมาอย่างลังเล“อาชาวิญญาณอสนีทั้งสองเป็นของวิหารทมิฬของข้า,ขอให้ผู้ยอดเยี่ยมผ่านไปเถิด!”เขาเอ่ยอย่างสุภาพ,หากเป็นคนของวิหารมารทมิฬปรกติแล้วมักจะสังหารฝ่ายตรงข้ามทันที.

อย่างไรก็ตาม,เขาไม่อาจบอกระดับพลังของพวกจางจินได้เลย,ดังนั้นจึงไม่ได้คิดที่จะเริ่มต่อสู้.

“จากไปอย่างงั้นรึ?”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำหรี่ตามอง,“หากพวกเราไม่ไปล่ะ?”

คนของวิหารมารทมิฬที่ตกใจขึ้นมาทันที.

ในเวลานั้น,ยอดฝีมือมารทมิฬที่ปกป้องอีกส้นทางก็ก้าวเข้ามา,ได้ยินคำพูดดังกล่าวก็กล่าวหยัน“ไม่ไปอย่างงั้นรึ? เห็นเจ้ามีขนสีทอง,คงเป็นสัตว์กลายพันธ์,สังหารแล้วนำไปทำเนื้อวัวแดดเดียว,คงมีรสชาติดี!”

ทว่าขณะเอ่ยจบ,ทันใดนั้นก็เกิดแสงสว่างจ้า,ขาหน้าวัวกระทิงมังกรเขาทองก็ดีดออกไปแล้ว.

ยอดฝีมือวิหารมารทมิฬคนดังกล่าวถูกกระแทกลอยออกไปบนท้องฟ้า,ก่อนล่วงหล่นลงบนพื้น,ใบหน้าที่เป็นรอยกีบวัวกระทิง,ใบหน้าปกคลุมไปด้วยโลหิต,ไม่อาจมองเห็นปากและดวงตาได้อย่างสมบูรณ์.

“อะไรนะ!”เหล่ายอดฝีมือวิหารมารทมิฬที่เผยความตกใจเป็นอย่างมากออกมา.

คนทั้งสี่ที่กำลังล้อมอาชาวิญญาณอสนีทั้งสอง,สองคนที่หยุดลงหันหน้ามาจ้องมอง.

พวกเขาที่ใบหน้ากลายเป็นจริงจังขึ้นมาทันที.

“คิดจะให้ข้าเป็นเนื้อวัวแดดเดียวอย่างงั้นรึ?”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำกวาดตามองเหล่าคนของวิหารมารทมิฬ,พร้อมกับเผยยิ้ม“เหล่าหนิวแก่แล้ว,เนื้อหนาและสาก,ถึงจะตากแดดไปก็ไม่อร่อย,แต่ไม่รู้ว่าเนื้อคนตากแดด,จะมีรสชาติอย่างไร.”

กล่าวจบ,ลิ้นขนาดใหญ่ที่เลียริมฝีปากทันที.

คนของวิหารทมิฬพบว่า,ลิ้นของวัวกระทิงตนนี้ยังเป็นสีทองด้วย.

ทว่าได้ยินคำพูดดังกล่าว,ก็ทำให้พวกเขาใบหน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน.

หลายปีมานี้,วิหารมารทมิฬที่พัฒนาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว,กลายเป็นกลุ่มอิทธิพลหนึ่งในสิบในดินแดนเหิงหยวนแห่งนี้,กล่าวได้ว่าทั่วทั้งแผ่นดินมีสาขาของวิหารมารทมิฬเต็มไปหมด,ไม่ว่าจะเป็นจักรวรรดิมหาจักรพรรดิ,ราชวงศ์จักรพรรดิเห็นพวกเขาต่างก็หวาดกลัว,เวลานี้กับมีคนข่มขู่พวกเขาอย่างงั้นรึ?

หนึ่งในพวกเขาจ้องมองลู่อี้ผิง,แววตากลายเป็นเย็นชา“เจ้าหนุ่ม,เจ้ามาจากตระกูลใด? รู้ใหมว่าทำอะไรอยู่,เจ้ากำลังจะทำให้ตระกูลตัวเองได้รับภัยพิบัติอาจถูกวาดล้างทั้งตระกูล?”

“ถูกกวาดล้างทั้งตระกูลอย่างงั้นรึ?”ลู่อี้ผิงที่เผยยิ้มอย่างสุขุมเอ่ยออกมาว่า“ข้าต้องการทดสอบจริง ๆ.”

คนของวิหารมารทมิฬจ้องมองหน้ากันและกัน.

จากนั้นพวกเขาก็ชักกระบี่พุ่งออกไปโจมตี.

หนึ่งเข้าโจมตีลู่อี้ผิง,สองคนเข้าโจมตีวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ.

ปราณกระบี่ที่ส่องแสงวับวาว.

ปราณปิศาจที่พวยพุ่งปกคลุมท้องฟ้า.

ทั่วทั้งป่าทมิฬที่เต็มไปด้วยปราณกระบี่ที่กวาดม้วนกระจายไปทั่ว.

กล่าวได้ว่าปราณกระบี่ของทั้งสาม,เหนือกว่ามารกระบี่ตะวันตกเป็นอย่างมาก.

มารกระบี่ตะวันตก,ต้องไม่ลืมว่าอีกฝ่ายเพิ่งก้าวไปถึงระดับเทพวิญญาณไม่นาน.

ทว่าสามคนนี้,ก้าวสู่ระดับเทพวิญญาณมาหลายร้อยปีแล้ว.

อย่างไรก็ตาม,ขณะที่พวกเขาจะพุ่งเข้าหาแต่ไม่อาจเข้าถึงเป้าหมายก็ปรากฏร่างสามร่างเข้าไปขวาง.

เจ้าเหว่ย,เหว่ยปิงและเฉินหยงหยวนนั่นเอง.

จางจินที่แข็งแกร่งที่สุดไม่ได้ลงมือ.

เจ้าเหวิน,เหว่ยปิง,เฉินหยงหยวนทั้งสามไม่ได้ใช้อาวุธแต่อย่างใด,ต่อหน้าปราณกระบี่ปิศาจที่ทรงพลัง,พวกเขาใช้เพียงแค่หมัดเท่านั้น.

หมัดที่ต่อยไปยังทั้งสาม.

พลังหมัดที่ทำให้มิติรอบ ๆ แหวกแยกออกจากกัน,ราวกับจะพังทลายเป็นเสี่ยง ๆ.

คลื่นพลังหมัดที่รุนแรง,เป็นพลังที่แทบจะไร้เทียมทาน,ทำให้ปราณกระบี่ของคนจากวิหารทมิฬหายไปจนหมด.

จากนั้นร่างทั้งสามก็ลอยละล่องออกไปอย่างไร้ทิศทาง.

เหมือนกับอาวุโสมารตะวันตกก่อนหน้านี้,ถูกทุบจมพื้นอย่างโหดร้าย,ต้นไม้โบราณหลายตนที่พังทลายหักโค่นกลายเป็นพื้นที่ราบ.

คนทั้งสามที่เงยหน้าขึ้นในสภาพไม่สู้ดี จ้องมองพวกโจวเหวินพลางอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ยอดฝีมือเทพแท้จริงอย่างงั้นรึ?!”

เจ้าเหวิน,เหว่ยปิง,เฉินหยงหวนทั้งสาม,แม้นว่าประกายเทพจะยังไม่คืนกลับสู่จุดสูงสุด,ทว่ายอดฝีมือเทพวิญญาณขั้นต้นไม่อาจที่จะเทียบได้เป็นธรรมดา.

สองคนที่คอยรั้งอาชาวิญญาณอสนีเวลานี้ไม่อาจรั้งอาชาวิญญาณมังกรอสนีเอาไว้ได้,เวลานี้มันวิ่งหนีหายไปแล้ว.

สองอาชาวิญญาณอสนีหายไปลับตา.

ลู่อี้ผิงก็ไม่ได้เข้าไปขวางกั้นแต่อย่างใด,แม้นว่าอาชาวิญญาณมังกรอสนีจะเป็นสัตว์กลายพันธ์โบราณ,ทว่าก็ไม่อาจเทียบกับวัวกระทิงมังกรเขาทองคำได้เลย.

“เจ้าเป็นใคร?!”สองอาวุโสสูงสุดของวิหารมารทมิฬที่จ้องมองไปยังลู่อี้ผิงด้วยความหวั่นเกรง.

ผู้เยาว์คนี้,มียอดฝีมือเทพที่แท้จริงปกป้องอย่างคาดไม่ถึง!

เรื่องนี้!

มันเกินจะกล่าวจริง ๆ!

ลู่อี้ผิงที่กล่าวอย่างไม่แยแส“สองวันก่อนมีคนทำร้ายเจ้าวิหารของเจ้าบาดเจ็บไปไม่ใช่รึ?”

เวลาอาวุโสสูงสุดวิหารมารทมิฬที่ร่างกายสั่นไปมาทันที.

เหล่าสมาชิกวิหารมารทมิฬที่ได้รับบาดเจ็บไม่มีใครรู้,มีเพียงแค่เหล่าอาวุโสสูงสุดเท่านั้นที่รู้,ข่าวนี้ถูกปิดเอาไว้อย่างดี,แล้วชายหนุ่มคนนี้รู้ได้อย่างไร?

ทันใดนั้น,พวกเขาก็ครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้.

“เป็นเจ้าเองรึ?!”ใบหน้าของเขาที่เปลี่ยนสีในทันที.

เป็นฝีมือของชายหนุ่มคนนี้เองรึ?!

ลู่อี้ผิงไม่อธิบายใด ๆ,พร้อมกับโบกมือนำหม้อจักรวาลออกมา,จากนั้นพลังดึงดูดที่รุนแรงดึงร่างของทั้งหกคนของวิหารมารทมิฬเข้ามาข้างในทันที.

หม้อจักรวาลที่หมุนวนอย่างรวดเร็ว,คนทั้งหกก็ถูกกลั่นเป็นเม็ดยาทองคำเทพวิญญาณทันที.

ลู่อี้ผิงที่มอบมันให้กับพวกจางจิงคนละสิบเม็ด,หลังจากกินเม็ดยาเหล่านี้จะช่วยยกระดับพลังของพวกเขา.

คนทั้งสี่เพิ่งได้รับกายเนื้อไม่นาน,เม็ดยาทองคำเทพวิญญาณนี้,จะทำให้พวกเขาสามารถปรับสภาพได้อย่างรวดเร็ว.

“จูเหริน,อาชาวิญญาณอสนีทั้งสองที่หนีไป,ให้ข้าตามจับกลับมาใหม?”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเอ่ยสอบถามลู่อี้ผิง.

“เพื่ออะไร?”ลู่อี้ผิงที่จ้องมองวัวกระทิงมังกรเขาทองคำด้วยน้ำเสียงลึกล้ำ.

วัวมังกรเขาทองคำที่เผยยิ้มอาย ๆ,“ข้าต้องการให้จูเหรินรับผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคน,เพื่อสนับสนุนเป็นมือเป็นเท้าให้จู่เหรินไงล่ะ!”

ลู่อี้ผิงเผยยิ้ม“ข้าไม่คิดว่าเจ้าต้องการให้ข้ารับผู้ใต้บังคับบัญชามากหรอก,แต่อาชาวิญญาณอสนีสองตนนั้นเป็นตัวเมียต่างหากล่ะ.”

วัวกระทิงมังกรที่เผยท่าทางจริงจัง“ฟ้าดินเป็นพยาน,ข้าต้องการให้ท่านรับผู้ใต้บังคับบัญชามาเพิ่มเพื่ออำนวยความสะดวกให้นายท่านอย่างแน่นอน.”

ลู่อี้ผิงที่เผยยิ้ม“เอาล่ะ ๆ,ไปดูกัน.”

พวกจางจินเองตอนนี้ก็ไม่มีสัตว์ขี่,กล่าวได้ว่าการจับอาชาวิญญาณอสนีมาก็ดูจะเหมาะดี.

ดังนั้นพวกเขาจึงตามไป.

เพียงไม่นานก็เห็นสองอาชาวิญญาณอสนี.

สองอาชาวิญญาณอสนีที่ถูกอาวุโสวิหารมารทมิฬพัวพันก่อนหน้านี้,ทำให้เวลานี้มันอ่อนแรง,ทว่าเมื่อพวกมันเห็นพวกลู่อี้ผิงตามมา,ร่างกายของพวกมันก็แผ่สายฟ้าแล่นไปทั่ว,ก่อนที่จะปล่อยสายฟ้าโจมตีมายังพวกลู่อี้ผิงทันที.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด