ตอนที่แล้วChapter 14: Do not give me to be oppressive
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 16 Good, liking boasting is very normal

Chapter 15 Practices in a big way


都是练大的

“ไม่เคยสังหารผู้คนอย่างโหดร้ายทารุณอย่างงั้นรึ?”ลู่อี้ผิงที่ชี้นิ้วออกไป,แสงศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งไปเข้าไปยังร่างของอู๋โม่.

เมื่อแสงศักดิ์สิทธิ์ผสานเข้าไปในร่างของอู๋โม่,เวลานั้นลมปราณแห่งความตายจากร่างของเขาที่ปรากฏเสียงวิญญาณร้องโหยหวนทรมาน,กำลังร้องดังก้องแหวกสวรรค์,ดังกระจายไปทั่วทุกสารทิศ.

วิญญาณโหยที่มากมาย,เกรงว่าคงจะมากกว่าสิบล้านตน.

เห็นชัดเจนว่า,อู๋โม่ไม่เพียงแค่บ่มเพราะวิชาภูติปิศาจ,ทว่ายังสังหารผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วน,เสียงวิญญาณโหย,ต่างก็ดังก้องกังวานสั่นพ้องในจิตใจของเขา.

“มีวิญญาณโหยมากมายจากวิญญาณของเจ้า,ยังบอกว่าไม่เคยสังหารผู้คนอย่างโหดร้ายอีกรึ?”ลู่อี้ผิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา.

อู๋โม่ใบหน้าเปลี่ยนสี,ไม่คาดคิดเลยว่าลู่อี้ผิงจะสามารถทำให้วิญญาณโหยในวิญญาณของเขาร้องก้องออกมา.

ในเวลานั้น,ร่างกายของเขากลายเป็นลำแสงแห่งความตาย,พุ่งลอดมิติออกไปทันที.

“หนีรึ?”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำ,เงยหน้าขึ้น,เสียงคำรามที่เหมือนกับหวูดแต่สงรามมันดังก้องไปทั้งสวรรค์และปฐพี.

ภายใต้เสียงของวัวคำราม,เห็นเพียงห้วงมิติที่แตกร้าวเป็นรอยอย่างคาดไม่ถึง,มันแตกบิดเบี้ยวแยกออกจากกันเหมือนกับแผ่นดินแยก.

พลังที่ทำให้ห้วงมิติสับสนวุ่นวาย,พุ่งออกไปเป็นสายน้ำอย่างบ้าคลั่ง.

ภายใต้พลังมิติที่สับสนวุ่นวาย,อู๋โม่ที่กลายเป็นพลังแห่งความตายที่มุดมิติหนีก่อนหน้านี้,ถูกกระแทกหลุดออกมา หล่นลงพื้นเสียงดัง,ก่อนที่จะเห็นโลหิตของอีกฝ่ายที่ชโลมไปทั่วร่างกาย,เขาจ้องมองวัวกระทิงมังกรเขาทองคำด้วยความอัศจรรย์ใจและหวาดกลัว.

ก่อนหน้านี้เขารู้ว่าวัวกระทิงมังกรเขาทองคำนั้นแข็งแกร่ง,ทว่าไม่คิดเลยว่ามันจะเหนือกว่าที่เขาคาดเอาไว้มาก.

ห้วงมิติที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก.

อย่างไรก็ตามเพียงเสียงคำรามของวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ,กับทำให้ห้วงมิติแตกแยกเป็นทางอย่างคาดไม่ถึง.

ลู่อี้ผิงที่จ้องมองอู๋โม่อย่างไม่แยแส,ปล่อยพลังดูดดึงร่างอีกฝ่ายมาด้านหน้า,ก่อนที่จะใช้วิชาค้นจิตวิญญาณทันที.

หลังจากนั้นไม่นาน,ลู่อี้ผิงก็หยุดลง.

ผ่านมานานแล้วที่เขาซ่อนตัวจากโลกในป่าศักดิ์สิทธิ์,ไม่รู้เรื่องราวสถานะการณ์ในดินแดนเหิงหยวนเลย,เขาจึงได้ค้นวิญญาณชายชราผมเทาเมื่อครู่นี้,ทำให้เขาพอรับรู้สถานะการณ์ของดินแดนเหิงหยวน(ต้นกำเนิดสุดท้าย) แห่งนี้ได้.

หลังจากถูกค้นวิญญาณ,อู๋โม่ที่เวลานี้อ้าปากหวอ,ดวงตาที่ว่างเปล่าตาค้าง,เวลาเดียวกันสายฟ้าสีม่วงที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า.

เห็นสายฟ้าสีม่วงบนท้องฟ้า,ใบหน้าของอู๋โม่เปลี่ยนสี,เป็นไปได้ว่านี่คือทัณฑ์สายฟ้าแห่งความว่างเปล่าอย่างงั้นรึ?!

สายฟ้าแห่งความว่างเปล่า,หลังจากผ่านยุคโบราณมา,ก็ไม่เคยปรากฏขึ้นในโลกนี้อีกเลย.

เพราะว่าหลังจากผ่านยุคบรรพกาลมาก็ไม่เคยมีใครสามารถอัญเชิญสายฟ้าแห่งความว่างเปล่าออกมาได้นั่นเอง.

ทว่าชายหนุ่มผู้นี้,คาดไม่ถึงว่าจะสามารถอัญเชิญสายฟ้าแห่งความว่างเปล่าออกมาได้!

เป็นไปได้ว่า,เขาคืออสุรกายชราจากยุคบรรพกาลจริง ๆ รึ?!

ในเวลานั้น,สายฟ้าแห่งความว่างเปล่าที่ฟาดมาบนร่างของเขาแล้ว,พริบตานั้นสติของเขาก็สลายหายไปในทันที.

ลู่อี้ผิงทำลายจิตสำนึกของอู๋โม่,จากนั้น,ก็นำร่างของอู๋โม่บดขยี้ให้กลายเป็นชิ้นเนื้อแบ่งออกเป็นสี่ส่วนเล็ก ๆ,พร้อมกับส่งไปยังเจียงซือทั้งสี่เท่า ๆ กัน.

อู๋โม่นั้นมีระดับเทพแท้จริงขั้นกลาง,พลังชีวิตและพลังเทวะนั้นมีไม่น้อย,หลังจากแบ่งกายเนื้อของอู๋โม่ใส่เข้าไปในเจียงซือแล้ว,ลมปราณแห่งความตายก็หายไปทั้งหมด,ร่างศพที่ค่อย ๆ ฟื้นฟูมีเลือดเนื้อเหมือนกับสิ่งมีชีวิต.

เพียงสิบลมหายใจเท่านั้น,ศพสี่ร่างได้เปลี่ยนร่างกายเป็นสิ่งมีชีวิตแล้ว.

อย่างไรก็ตามร่างของทั้งสี่,ดวงตายังคงดำมืดอยู่.

“เนตรสังสารวัฎ,จงปรากฏ!”

ลู่อี้ผิงที่เอ่ยกล่าวออกมาเล็กน้อย.

ในเวลานั้นบนความว่างเปล่า,หลุมน้ำวนขนาดใหญ่,ที่ปรากฏขึ้นบนอากาศ,ปรากฏเป็นดวงตาที่แปลกประหลาด,ดวงตาที่ราวกับจะสามารถจ้องมองทะลวงทุกอย่างในโลกนี้,ราวกับสามารถกำหนดความเป็นตายของทุกสรรพชีวิตได้.

ดวงตาของลู่อี้ผิงที่เปล่งแสงพุ่งออกไป,หลุมน้ำวนสังสารวัฏที่ส่องแสงสว่างวับวาว,ปกคลุมมนุษย์โบราณทั้งสี่.

เนตรสังสารวัฏที่หายไปหลังจากนั้น.

ลู่อี้ผิงที่นำเกราะเทวะสี่ชุดส่งออกมาให้คนทั้งสี่,“สวมมันซะ.”

“รับทราบ,จูเหริน!”ร่างทั้งสี่ที่กล่าวตอบรับอย่างเคารพ.

ร่างทั้งสี่,หลังจากผ่านพลังหยินหยางคืนกลับเมื่อครู่นี้,จิตวิญญาณใหม่ก็ถูกผสานเข้าไป,กล่าวได้ว่ายกเว้นรัศมีเทพ,พลังที่มีนั้นไม่ต่างจากยอดฝีมือเทพแท้จริงเลย.

เมื่อทั้งสี่สวมชุดเกราะเทวะ,ลู่อี้ผิงทำการแบ่งรัศมีเทพของอู๋โม่ใส่เข้าไปในวิญญาณของพวกเขา.

ถึงจะเป็นจ้าวแห่งทวยเทพในยุคบรรพกาล,ก็ไม่สามารถแบ่งประกายเทพให้กับคนอื่นๆ ได้,ยิ่งการแบ่งออกเป็นสี่ส่วน,ยิ่งแทบเป็นไปไม่ได้.

อย่างไรก็ตาม,ลู่อี้ผิงกับสามารถทำได้สำเร็จ.

หนำซ้ำยังดูง่ายดายอีกด้วย.

หลังจากนั้น,ลู่อี้ผิง,วัวกระทิงมังกรเขาทองคำและผู้ติดตามใหม่ก็ออกจากพื้นที่ดังกล่าว.

แน่นอนว่าก่อนไป,ลู่อี้ผิงได้สั่งวัวกระทิงเขาทองคำทำลายมหาค่ายกลชำระล้างสะกดวิญญาณและแท่นบูชายันต์นี้ไปด้วย.

หลังจากลู่อี้ผิงออกจากพื้นที่ดังกล่าว,ก็ตรงไปยังถ้ำที่พักของชายชราอู๋โม่ที่อยู่ในอีกพื้นที่หนึ่งของสนามรบแห่งทวยเทพ.

หลายปีมานี้,อู๋โม่ที่เก็บสิ่งของหลายอย่างมาจากสนามรบแห่งทวยเทพ,หลายอย่างที่มีแม้แต่สิ่งของที่เคยเป็นของเทพสวรรค์,สิ่งของเหล่านี้,แม้นว่าจะไม่จำเป็นสำเร็จลู่อี้ผิง,ทว่าสามารถมอบให้คนอื่นได้.

ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในที่พักของอู๋โมว,ลู่อี้ผิงเก็บใส่ราชรถทองคำ,ก่อนเดินทางไปยังส่วนลึกของสนามรบแห่งทวยเทพต่อไป.

ผู้ติดตามสี่คนนำทางอยู่ด้านหน้าราชรถทองคำ.

คนทั้งสี่ถูกเรียกว่า,จางจิน,เจ้าเหวิน,เหว่ยปิงและเฉินหยงหยวน.

ผู้ติดตามทั้งสี่,ที่คอยจัดการซือหลิงและเจียงซือที่ขวางทาง,วัวกระทิงมังกรเขาทองคำไม่จำเป็นต้องลงมืออีกต่อไป.

ในเวลากลางคืน.

สนามรบแห่งทวยเทพที่มีสายลมที่รุนแรงพัดผ่านไปมาไม่หยุด.

ซือหลิง(อันเดต)และเจียงซือ(ผีดิบ) ที่ออกมาเต็มไปหมด.

แม้นว่าพวกเขาจะไม่ได้หวาดกลัวแต่อย่างใด,ทว่าการจะสังหารทั้งหมดอย่างรวดเร็วก็เป็นปัญหาเหมือนกัน.

“หยุดที่หุบเขาด้านหน้า,พรุ่งนี้ค่อยเดินทางอีกครั้ง.”ลู่อี้ผิงชี้ไปที่หุบเขาด้านหน้า.

พวกจางจินที่โค้งคำนับรับคำในทันที.

จากนั้น,ก็นำราชรถเข้าไปยังหุบเขาดังกล่าว.

ลู่อี้ผิงที่กวาดตามองสภาพบรรยากาศในหุบเขาดังกล่าว,พวกเขาหยุดใกล้หน้าผา,ก่อนที่พวกจางจินจะเริ่มก่อไฟ,ย่างเนื้อแกล้มสุรา.

เนื้อที่หอมหวนและกลิ่นสุราที่เย้าน้ำลาย.

วัวกระทิงมังกรเขาทองคำที่ปัดห่างไปมา,สังหารยุงที่เข้ามาใกล้.

ยุงที่นี่,มีขนาดเท่ากับกำปั้น,ปากของมันยังสามารถพ่นไอเย็นที่น่าเกรงขามออกมาได้ด้วย.

“เพราะว่าสนามรบแห่งทวยเทพ,เลยทำให้ยุ่งเหล่านี้ตัวใหญ่ขนาดนี้,หากว่าถูกมัดกัดเข้าล่ะก็,เกรงว่าแม้แต่ก้นของเหล่าหนิวคงบวมปูดแน่ ๆ.”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเอ่ย.

ลูอี้ผิงเผยยิ้ม“ถึงจะไม่มียุง,ก้นของเจ้าก็บวมอยู่แล้ว.”

วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเผยยิ้ม“ไม่ใช่ว่าเพราะจูเหรินเตะก้นข้าบ่อย ๆ แล้วบอกว่าเป็นการฝึกหรอกรึ?”

จางจินและคนอื่น ๆ ได้ยิน,อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา.

“หัวเราะอะไรกัน.”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำหัวเราะ,“หากพวกเจ้าถูกยุงพวกนี้ต่อยเข้าล่ะก็,คงยืนไม่อยู่แน่,บางที่คงไม่แม้แต่สามารถใช้พลังเทพได้ด้วยซ้ำ.”

ทั้งสี่ที่กลายเป็นจริงจังขึ้นมาทันที.

ขณะพวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น,ที่ด้านนอกหุบเขาไม่ไกลออกมา,ปรากฏร่างสองร่าง,ชายชราที่มีใบหน้ารูปไข่,และสตรีผู้เยาว์ที่ดูน่ารักน่าชัง.

“อาจารย์,ในสนามรบแห่งทวยเทพ,มีลมปราณแห่งความตายหนักหน่วงขนาดนี้,มีต้นไม้ฟินิกซ์เทวะอยู่จริง ๆ รึ?”สตรีน้อยที่เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงอ่อนเสียงหวาน.

“ไม่ควรจะเป็นเรื่องปลอม.”ชายชราที่ดูลังเลก่อนที่จะเดินตรงไปยังหุบเขาแห่งหนึ่ง“ที่ด้านหน้ามีหุบเขา,พวกเราหลบไปพักด้านใน,พรุ่งนี้ค่อยออกเดินทางต่อเถอะ.”

ชายชราและเด็กสาวที่ก้าวเข้าไปในหุบเขา,เวลานั้นได้กลิ่นเนื้อย่างและสุราที่หอมกรุ่น,ก็เผยความประหลาดใจออกมา.

พวกเขาทั้งสองเดินตามกลิ่นของเนื้อย่างและสุราไป.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด