ตอนที่แล้วChapter 147 Ancient Times Reverend One
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 149 You are Thunder God Ancestor, Lu Yiping!(

Chapter 148 Let him jump around for a few days


先让他蹦跶一些日子(四更)

ซ่างเหรินจินกวงเอ่ยถาม“พวกเขาเป็นใครมาจากใหน?”

จางฉางอันลังเลเอ่ยออกมาว่า“คนที่ลงมือน่าจะเป็นอสูรเทวะฟินิกซ์,มีระดับเทพสวรรค์ขั้นต้น,เขาได้ใช้เพลิงแท้ฟินิกซ์,นอกจากนี้ยังมีชายร่างยักษ์และชายหนุ่มคนหนึ่ง,ไม่อาจมองเห็นความแข็งแกร่งได้.”

“คนของเผ่าฟินิกซ์ ระดับเทพสวรรค์ขั้นต้นรึ?”ซ่างเหรินจินกวงครุ่นคิด“เป็นไปได้ว่า เผ่าฟินิกซ์ปรากฏสู่โลกหล้าแล้วรึ?”

จินเหม่ยจวนเอ่ย“จินกวง,ความกล้าเจ้ามันช่างน้อยนิด,เผ่าฟินิกซ์แล้วอย่างไร?”จากนั้นนางก็เอ่ยกับจินเทียนหง,“ไป,ป้าจะไปภูเขาหกตา,แก้แค้นให้กับเจ้าเอง.”

“ท่านป้า,แขนข้า!”จินเทียนหงเอ่ย.

จินหม่ยจวนทำการเชื่อมต่อแขนที่ขาดหายให้กับจินเทียนหงทันที,จากนั้นก็นำเขาไปยังภูเขาหกตา.

ซ่างเหรินจินกวงไม่อาจทำอะไรได้มีแต่ต้องตามไปด้วย.

เมื่อซ่างเหรินจินกวง,จินเหม่ยจวนและคนอื่น ๆ มาถึง,เทือกเขาหกตาก็ไม่มีใครอยู่แล้ว.

“หนีไปแล้วรึ?”จินหม่ยจวนที่ขมวดคิ้วไปมา.

แม้นว่าเทือกเขาหกตาจะอยู่ไม่ไกล,ทว่าเวลาที่จินเทียนหงและพรรคพวกเดินทางกลับ,จินเหม่ยจวนต่อแขน,และกลับมาอีกครั้ง,ก็ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงเช่นกัน.

“หนีไปเร็วจริง ๆ.”จินเทียนหงแค่นเสียงเย็นชา.

ซ่างเหรินจินกวงได้มายืนที่หน้าสุสาน,จ้องมองป้ายศิลาจารึก“สุสานฟู่ซีอรหันต์ปิศาจยุคโบราณ,จากสหายเฉียงเหลียง.”เขาขมวดคิ้วไปมาด้วยความสงสัย“ฟู่ซี? เฉียงเหลียง?”จากนั้นก็เอ่ยต่อจินเหม่ยจวน“เจ้าเคยได้ยินนามฟู่ซีใหม?”

จินเหม่ยจวนส่ายหน้าไปมา“ไม่เคยได้ยินเลย,คงเป็นใครที่ไม่สำคัญในยุคโบราณ.”

......

หลังจากที่ลู่อี้ผิงออกจากเทือกเขาหกตา,จากนั้นก็นำวัวกระทิงมังกรเขาทองคำและหวงจิวมุ่งตรงไปยังเรือนที่พักเทียนซาน,เขตแดนไท่สวี.

แน่นอนว่าก่อนออกจากนิกายกระบี่กุยหยวน,เถ้าแก่ร้านขายของเอ่ยว่าประมุขตนเองพักอยู่ที่เรือนที่พักเทียนซานเมืองจื่อเหว่ย.

ประมุขของเถ้าแก่ร้านขายของก็คือ เช่อตงหยาง.

ในอดีตเทพธิดาโหลวงซินวังเทวะเป่ยโตว,มีศิษย์คนหนึ่งที่มีสกุลเช่อ,นามเช่อจื่อเผิง.

หากลู่อี้ผิงคาดเดาไม่ผิด,เช่อตงหยางอาจจะเป็นลูกหลานของเช่อจื่อเผิงก็ได้.

ในยุคสงครามแห่งทวยเทพในยุคโบราณ,วังเทวะเป่ยโตวเองก็ได้เข้าร่วมสงคราม.

เจ้าวังเทวะเป่ยโตวได้ล่วงหล่นจากสวรรค์ในสงครามครั้งนั้น.

เพราะว่าเจ้าวังเทวะเป่ยโตวตกตายไป,หลังจากสงครามเสร็จสิ้น,เหล่าเจ้าหอวังเทวะเป่ยโตวได้แย่งชิงตำหนักเจ้าวังกัน,เกิดการต่อสู้ภายใน,ท้ายที่สุดเจ้าหอหลายคนได้จากไปด้วยเช่นกัน.

ดังนั้นเพียงไม่นานหลังจากสงครามแห่งทวยเทพ,วังเทวะเป่ยโตวจึงตกต่ำลงอย่างสมบูรณ์.

ส่วนเทพธิดาโหลวซุ่ยเองได้จากไป,ส่วนไปที่ใดนั้น,ไม่มีใครรู้.

มีบางคนเอ่ยว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์เป่ยโตวเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก,จึงได้ออกจากพิภพเหิงหยวนไป.

ดวงดาราที่พราวแสง.

กำลังส่องสว่างวับวาว.

ด้านหน้ากองไฟที่ลุกโชน,ลู่อี้ผิงได้นำกระบี่หักเหยี่ยนสุ่ยออกมา,พร้อมกับครุ่นคิดถึงเรื่องราวในอดีต.

วัวกระทิงมังกรเขาทองคำต้องการเอ่ยอะไรออกมาทว่ากับดูลังเล.

ในอดีต,อาจมีเรื่องราวบางอย่างเกิดขึ้น,ทำให้ธิดาศักดิ์สิทธิ์โหลวสุ่ยเศร้าเสียใจ,จนต้องออกจากพิภพเหิงหยวนไป.

วัวกระทิงมังกรเขาทองคำได้แต่เอ่ยพึมพำ.

ลู่อี้ผิงที่เก็บกระบี่หักเข้าไปในหม้อจักรวาล,จากนั้นก็นำศิลาจารึกสวรรค์หลักออกมา.

กว่าสองวันแล้ว,ที่เขาได้ศึกษาศิลาจารึกสวรรค์หลัก.

ใน 100 ศิลาจารึก,ศิลาจารึกหลักคือส่วนที่สำคัญที่สุด,แม้นว่าศิลาจารึกหลักจะสูงไม่กี่เมตร,ทว่ากับมีอักขระมากมายนับไม่ถ้วน,เนื้อหามีจำนวนมหาศาล.

ขณะที่เขาศึกษาศิลาจารึกหลัก,ลู่อี้ผิงก็ได้นำศิลารองทั้งเก้ามาให้วัวกระทิงมังกรเขาทองคำและหวงจิวตระหนักรู้เช่นกัน.

แสงจันทราที่สาดส่องในเวลากลางคืนได้ส่องกระทบศิลาหลักทำให้มันแผ่รัศมีแสงสีทองเรื่อ ๆ ออกมา.

อีกหนึ่งคืนก็ผ่านไป.

ลู่อีผิ้งได้เก็บศิลาจารึกทั้งสิบไป,พลางครุ่นคิด.

จากศิลาจารึก,เขารับรู้มาว่าในอดีตเจี้ยนมู่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในต้าหวง,ยืนหยัดเด็ดเดี่ยว,เชื่อมต่อเส้นทางสวรรค์ให้กับทุกสรรพชีวิต.

เช่นนั้น,รากของเจี้ยนมู่ก็คงจะอยู่ในดินแดนที่เรียกว่าต้าหวง.

ทว่าต้าหวงคือที่ใดกัน?

อยู่ที่ใหน?

ภายในศิลาจารึกหลักไม่ได้เอ่ยถึง.

วัวกระทิงมังกรที่ยืนขึ้นเหยียดคร้านเอ่ยออกมาว่า“ศิลาจารึกที่ตาเฒ่าจักรพรรดิสวรรค์ทิ้งเอาไว้,มีเรื่องดี ๆ น่าสนใจไม่น้อย,เมื่อคืนมีเรื่องน่าสนใจหลายอย่าง,มีเรื่องให้ทำไม่น้อย,ไม่เช่นนั้นแล้วโลกนี้ก็คงน่าเบื่อเกินไป.”

จากนั้นเขาก็ถอนหายใจ“การมีชีวิตยืนยาวเองก็เป็นปัญหาเหมือนกัน.”

หวงจิวถึงกับพูดไม่ออก.

เหล่าผู้ยิ่งใหญ่มากมายในจิวเทียนล้วนแต่ต้องการมีชีวิตยืนยาวกันทั้งนั้น.

แต่กับมีใครบางคนเอ่ยว่า การมีชีวิตยืนยาวแล้วเป็นปัญหาน่าเบื่อ ซะอย่างงั้น.

ที่จริงเกี่ยวกับเรื่องของลู่อี้ผิงและวัวกระทิงมังกรเขาทองคำ,หวงจิวรู้ไม่มากนัก,รู้เพียงว่าลู่อีผิ้งก็คือซือจุ้นของนักบุญปิศาจ,ส่วนมีอายุยืนยาวเท่าไหร่,ไม่อาจบอกได้จริง ๆ.

ผ่านมานานหลายปีแล้ว,แทบไม่มีใครรู้เลยว่าอาจารย์ของนักบุญปิศาจเป็นใคร.

หวงจิวจำได้มีแม่ทัพใหญ่ของท่านนักบุญปิศาจที่รู้,แต่เพราะเฉิงซ่วงหลงรู้นิสัยของลู่อี้ผิงดี,จึงไม่กล้าแพร่งพรายเรื่องนี้ต่อโลกภายนอก.

วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเอ่ย“เหล่ยเห่านิกายเทวะคุนเผิงต้องการท้าประลองกับจูเหริน,ข้าคิดว่าไม่ต้องรอถึงสองเดือนหรอก,พวกเราไปยังนิกายเทวะคุนเผิงบดขยี้เขาโดยตรงเลยดีกว่า.”

หวงจิวแทบสำลัก.

บุกไปยังนิกายเทวะคุนเผิงบดขยี้เหล่ยเห่าโดยตรงเลยอย่างงั้นรึ?

ถึงอย่างไรอีกฝ่ายคือหนึ่งในสิบยอดฝีมือยุคจ้านเทียน!

วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเอ่ยว่าจะเข้าไปบดขยี้เลยรึ?

นิกายเทวะคุนเผิงไม่ได้มีแค่เหล่ยเห่า,ยังมีเฉินโหยวเฉียนและตัวตนที่แข็งแกร่งอีกมากมาย.

ในเมื่อนิกายเทวะคุนเผิงยืนยงมาแต่ยุคโบราณ,ใครจะรู้ว่าอาจจะมาจากยุคบรรพกาลด้วยซ้ำ,ซึ่งอาจจะมีอสุรกายชราซ่อนอยู่ในนั้นก็ได้.

ในเวลาเดียวกัน,ลู่อีผิ้งเอ่ยอย่างไม่แยแส“ให้เขาเต้นแร้งเต้นกาไปสักสองสามวัน,แล้วค่อยไปนิกายเทวะคุนเผิงก็แล้วกัน.”

หวงจิวกลายเป็นงงไปเลย.

ความหมายของจู่เหริน,เอ่ยว่ารออีกสักวันสองวันแล้วค่อยไปยังนิกายเทวะคุนเผิงอย่างงั้นรึ?

เมืองจื่อเหว่ย,เหมือนกับเมืองเสวียนกู่,นี่คือหนึ่งในเมืองโบราณที่สุดในดินแดนไท่สวี,ทว่าเทียบกับเมืองเสวียนกู่ที่ดูคึกครื้นเต็มไปด้วยผู้คนเมืองจื่อเหว่ยแห่งนี้ค่อนข้างเงียบเหงา.

บนถนนใหญ่ด้านข้างมีทางเท้าที่ดูโล่ง.

ร้านค้ารอบ ๆ เองก็ดูเงียบเหงาเช่นกัน.

พวกลู่อี้ผิงที่มาถึงเมืองจื่อเหว่ยที่ดูเงียบเหงาก็ประหลาดใจ.

“เมืองจื่อเหว่ยเงียบเหงาขนาดนี้ได้อย่างไรกัน.”วัวกระทิงมังกรเขาทองคำเอ่ย.

หวงจิวเอ่ยด้วยความสงสัย“หลายหมื่นปีก่อน,เมืองจื่อเหว่ยเต็มไปด้วยหลากหลายเผ่าพันธ์,ไม่รู้ว่าเงียบเหงาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่.”

ทั้งสามที่มายังเรือนที่พักประมุขของเถ้าแก่ที่เคยซื้อกู่ฉินมังกรทมิฬ.

“ไม่รู้ว่าผู้ยอดเยี่ยมมาพบท่านประมุขอย่างงั้นรึ?”ที่ด้านหน้าเรือนที่พัก,มีผู้คุ้มกันที่จ้องมองพวกลู่อี้ผิงด้วยท่าทางระมัดระวัง.

ลู่อีผิ้งเอ่ยออมกาว่า“เจ้าเข้าไปรายงาน,บอกว่าคนที่ดึงสายกู่ฉินมังกรทมิฬได้มาขอพบ.”

“ผู้ยอดเยี่ยมโปรดรอสักครู่.”ผุ้คุ้มกันที่เข้าไปรายงานด้านใน.

เพียงไม่นาน,ก็เห็นชายวัยกลางคนก้าวออกมา,ด้วยท่าทางประหลาดใจและตื่นเต้น.

ที่แท้เป็นท่านลู่นี่เอง,ผู้น้อยเช่อตงหยาง,คารวะท่านลู่.”ชายวัยกลางคนก้าวออกมาโค้งคำนับอย่างนอบน้อม.

เถ้าแก่ได้แจ้งเขาก่อนหน้านี้แล้ว,ว่าคนที่ขยับสายกู่ฉินมังกรทมิฬได้ก็คือ ลู่อี้ผิง.

การต่อสู้ที่เมืองเทียนเป่ยเอง,เช่อตงหยางเองก็ได้ยินเช่นกัน.

ตอนนี้ผู้คนทั่วทั้งจิวเทียนทั้งเมืองใหญ่เมืองเล็กต่างก็พูดคุยกันเรื่องการต่อสู้ที่เมืองเทียนเป่ย,เกี่ยวกับเรื่องบรรพชนทัณฑ์สายฟ้า,ลู่อี้ผิงไม่หยุดหย่อน.

หลังจากที่ผู้คุ้มกันเข้าไปรายงานประมุข,คาดไม่ถึงว่าท่านประมุขจะโค้งคำนับลู่อี้ผิงอย่างเคารพเช่นนี้.

หลังจากเช่อตงหยางออกมาต้อนรับก็เชิญ ลู่อี้ผิงและพวก เข้าไปด้านใน.

หลังจากที่เข้าไปในห้องโถง,เช่อตงหยางที่เชิญลู่อี้ผิงน่าบนที่นั่งอันทรงเกียรติ,ลู่อี้ผิงที่ก้าวเข้าไปนั่งอย่างไม่เกรงใจ,จากนั้นก็นำกระบี่หักเหยียนสุ่ยออกมา,เอ่ยสอบถาม,“ได้ยินเถ้าแก่เอ่ยว่า กระบี่หักเหยี่ยนสุ่ยนี้เป็นของตกทอดจากตระกูลของเจ้าอย่างงั้นรึ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด