ตอนที่แล้วตอนที่ 1165 ชี่เฉียว สถานการณ์สงครามเทพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1167 ใครกล้าทำร้ายน้องข้า?

ตอนที่ 1166 ข้าไม่ต้องการรอด อย่าได้คิดอีก


การต่อสู้ดุเดือดสิบนาทีชี่เฉียวล้มกับพื้นไปหลายสิบครั้ง

เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ

ในการโจมตีทำร้ายของเทพทั้งสามเทพอุดรจ้าวซีนั้นทรงพลังที่สุด พลังฝ่ามือของจ้าวซีมองภายนอกดูอ่อนหยุ่นละเอียดไม่น่าแปลกใจ แต่ความจริงมีพลังทะลุทะลวงแทรกเข้าไปทำร้ายอวัยวะภายในยิ่งกว่าสายฟ้า เย่ว์หยางมองดูและขมวดคิ้วไม่สามารถคิดหาวิธีแก้ไขภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกในขณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาไม่สามารถเปิดเผยตัวเองได้เป็นเรื่องที่ยากยิ่งขึ้น ถ้าเป็นเย่ว์หยางต่อสู้ด้วยตนเอง เขาอาจมีวิธีรับมือกับคนอย่างจ้าวซีซวงหานและซาฟง  แต่ตอนนี้เทพอาคเนย์ชี่เฉียวถูกศัตรูพบก่อนอย่างเห็นได้ชัด

“เจ้าโง่ชี่เฉียวตายซะเถอะ!” ซาฟงไล่ตามชี่เฉียวเหมือนหมาป่าหิวโหย

“ไสหัวไป!”

ถึงตอนนี้ชี่เฉียวตระหนักถึงความตายมานานแล้ว

เขาไม่ต้องการหลบหนีในสนามพลังสมบัติของเทพโบราณซึ่งเป็นเทพสังหารไม่มีใครสามารถหลบหนีได้ง่าย อย่าว่าแต่ฝ่ายศัตรูมีอยู่ถึงสามคนที่มีพลังพอกัน

ชี่เฉียวคิดหาวิธีลากหนึ่งในสามของศัตรูลงน้ำไปด้วยต่างฝ่ายต่างสู้ตกตายตามกัน

ซาฟงปกติมีความเร็วราวสายฟ้าเขาระดมหมัดต่อยเหมือนพายุทันที

โจมตีที่ด้านหลังชี่เฉียว

เลือดฉีดพุ่งจากปากชี่เฉียวแต่เขาไม่ได้ขยับ เหมือนกับว่าคนที่ถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัสไม่ใช่เขา  ภายใต้การระดมพลังโจมตีอย่างดุเดือดของซาฟงชี่เฉียวค่อยๆ หลับตา มือขวาของเขาทำท่าราวกับลูบคู่รักยื่นออกมาข้างหน้าซาฟงสีหน้าเปลี่ยน เขารีบกระโดดสูงออกมาจากวิถีโจมตีของชี่เฉียวกลับไปหาจ้าวซีและซวงหานสหายทั้งสอง

แสงสีทองฉายเจิดจ้า

พลังลำแสงสีทองฉายออกมาจากคัมภีร์อัญเชิญระดับทองพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า

อสูรพิทักษ์ที่คล้ายมังกรไฟร้องเสียงดังราวกับอัสนีบาตผสานเข้ากับร่างของชี่เฉียวเพิ่มพลังให้เจ้านายมันถึงสิบเท่าสนามพลังเพิ่มขยายตัว สนามพลังของเขาเป็นสนามพลังเพลิงม่วงทอง ภาพมังกรม้วนตัวปรากฏชัดและนี่อาจเป็นที่มาของชื่อชี่เฉียว! (มังกรแดง)

ชี่เฉียวใช้มือซ้ายพลิกหน้าคัมภีร์

อาวุธวิเศษปรากฏในมือซ้ายของเขา

ดูเหมือนง้าวแต่ไม่ใช่ง้าว แม้ว่าจะไม่มีพลังเจตจำนงของสมบัติเทพที่แท้จริงแต่ก็มีพลังที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร ตอนแรกเย่ว์หยางสงสัยว่าเป็นสมบัติเทพระดับต่ำ  แต่หลังจากตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่าเขาถึงแน่ใจว่าเป็นเพียงอาวุธวิเศษชั้นกึ่งเทพด้วยพลังสมบัติชั้นกึ่งเทพมันสามารถแสดงพลังได้คล้ายกับสมบัติเทพที่แท้จริงนี่คือสมบัติวิเศษนามว่า ‘กลืนมังกร’ที่ชี่เฉียวใช้ต่อสู้มาหลายพันปีแล้ว

กลืนมังกรไม่ใช่ง้าวไม่ใช่ขวานศึก แต่เป็นหอกยาวจะว่าคล้ายมังกรก็ไม่ใช่ จะว่าไม่คล้ายก็ไม่เชิง

ด้วยหอกนี้เองทำให้ชี่เฉียวยึดสถานะเทพอาคเนย์ได้

และตลอดไป

วันนี้ชี่เฉียวต้องใช้หอกนี้สู้กับศัตรู...บางทีอาจจะรู้ตัวดีอยู่แล้วว่านี่คือศึกสุดท้ายของเจ้านาย  ดังนั้นหอกกลืนมังกร จึงเปล่งเสียงครางหึ่งๆสะท้านวิญญาณ

“เพื่อนยาก! เรามาสู้กับศัตรูที่ทำร้ายเราพร้อมกันเถอะ!  ตั้งแต่เทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกตายไป  ข้าเพิ่งตั้งใจจะสู้แบบนี้จริงๆ  ข้าสัญญากับซื่อเสินไว้ในอดีตแล้วไม่ว่ายังไงก็ตาม ข้าจะอดทนต่อไป วันนี้ความพยายามของข้าจะสิ้นสุด แม้ว่าข้าจะต้องตายในสนามรบ  ข้าก็คงพักผ่อนได้อย่างสงบ” ชี่เฉียวลูบหอกลืนมังกรเหมือนกับว่าเป็นคู่รักหรือสหายสนิทของเขา และแสดงความรู้สึกอยู่ภายในเทพบูรพาซื่อเสินไม่อยู่ตรงนั้น ชี่เฉียวสามารถสู้ได้ตามลำพัง สิ่งเดียวที่อยู่คู่กายเสมอและเขาสามารถไว้วางใจได้ก็คือหอกกลืนมังกรในมือของเขา

“ราชาของข้าอย่าทิ้งข้าไว้ตามลำพัง...”

ในโลกคัมภีร์บางทีอาจสัมผัสได้ถึงการชี้นำของอสูรพิทักษ์

สตรีผิวขาวบินออกมาจากอากาศนางโผเข้าอ้อมอกชี่เฉียวร้องไห้ หลั่งน้ำตาดุจสายฝนถ้าไม่ใช่เพราะนางกำลังคร่ำครวญเสียใจ นางนับเป็นหญิงงามที่โลกต้องมองตะลึง

มือทั้งสองของนางกอดเอวชี่เฉียวสะอึกสะอื้นร้องไห้อย่างเงียบๆ

เสียงสะอื้นแผ่วเบาของนางดังเหมือนกาเหว่า

ถ้าใครได้ยินจะรู้สึกใจสลาย

ชี่เฉียวไม่ใช่คนใจแข็งเหมือนหินเหมือนเหล็ก  แต่สถานการณ์ที่น่ากลัวทำให้เขาต้องแข็งใจ  เขาเองก็รู้สึกเสียใจ และค่อยๆยื่นมือลูบผมยาวของคนรักอย่างนุ่มนวลในเวลานี้เขาไม่ใช่เทพอาคเนย์ที่กำลังต่อสู้อาบเลือดเสี่ยงชีวิตแต่เป็นเหมือนสามีที่ดีกำลังบอกลาภรรยาก่อนออกเดินทางถ้าไม่อยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง เขาจะทุ่มเทพลังออกมาขนาดนั้นได้อย่างไร?

“ราชาของข้า,ข้าต้องเป็นฝ่ายกล่าวอำลาก่อน... ข้ารู้ว่าท่านกลัวความเดียวดายมากที่สุดดังนั้นข้าจะล่วงหน้าไปก่อน ไปรออยู่ในเส้นทางปรภพไม่ไกล  ข้าจะรอท่าน ข้าจะไม่ยอมให้ท่านเดียวดาย ราชาของข้า.. ข้าขอลาก่อน!”

สตรีชุดขาวจูบลาคนรัก

นางคุกเข่าอีกครั้ง

นางกอดเข่าคนรักหลั่งน้ำตาและจุมพิตมือคนรักนางรู้ว่าเขาลังเลที่จะจาก แต่นางไม่สามารถทนได้นั่นคือเหตุผลที่นางต้องกล่าวลาอย่างเด็ดขาดเพื่อไม่ให้เป็นภาระห่วงของเขา

นางจับมือเขาแนบแน่นจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ก็ยังรู้สึกว่าไม่พอ

ในที่สุดนางคำนับและกราบเขาอีกครั้ง

รอจนนางเงยหน้ามองเขาอีกครั้งหน้าอกนางมีมีดสั้นปักลึกลงไปจนมิดด้ามมีด

“ราชาของข้าถ้าท่านมีโอกาสหนี อย่าลังเล ข้าจะรอท่านล่วงหน้า จะหมื่นปี แสนปีข้าก็จะรอ แค่กๆ ข้าขอล่วงหน้าไปก่อน ฝ่าบาทรักษาพระองค์ด้วย...” นางไม่สามารถกำมือชี่เฉียวได้ และในที่สุดขณะหงายร่างล้มลง  นางยังต้องการจะจับชุดของเขาแม้ตั้งใจจะจากไปก่อน แต่ก็ยังมีความอาลัย

ชี่เฉียวเหยียดมือคล้ายประคองร่างนางให้นอนลงกับพื้น  แต่แทนที่จะจับมือของนางเขากลับหลับตาด้วยความเจ็บปวดใจปล่อยให้นางล้มกับพื้นอย่างไม่เต็มใจ

เขาสามารถช่วยชีวิตนางได้  แต่เขากลับไม่ทำตอนนั้น

เพราะเขารู้เช่นกัน

ความตายของนางถูกกำหนดไว้แล้ว

ถ้านางตายที่นี่นางจะไม่ต้องมีชีวิตตามลำพังดีกว่าปล่อยให้นางถูกผนึกชีวิตอยู่ในโลกคัมภีร์ที่มืดมนหรืออาจถูกศัตรูจับและขืนใจจนต้องอับอายขายหน้า ปล่อยให้นางไปด้วยความรู้สึกที่ดีย่อมจะดีกว่า

นี่คือความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใจนาง  ดังนั้นเขากลัวและลังเล

แต่เขานับถือทางเลือกของนาง

“ตายอนาถเหลือเกินไม่มีความหมายอะไร  ข้าจะช่วยเจ้าเอง!”  มือของซาฟงไม่ทราบว่าถือสามง่ามทองไว้ตั้งแต่เมื่อใด  ภายใต้ดวงตาสีแดงโลหิตเขาใช้สามง่ามแทงที่หน้าอกสตรีชุดขาวอย่างเย็นชาและยกร่างนางขึ้นในอากาศ

“ซาฟง!” ชี่เฉียวพุ่งเข้าหาซาฟงอย่างโมโห แต่ซวงหานดึงโซ่น้ำแข็ง ชี่เฉียวถูกโจมตีอย่างดุเดือดแทน ไม่เพียงโจมตีซาฟงไม่สำเร็จ  แต่กลับถูกซาฟงเตะกระเด็นไปข้างทาง

“น่าสมเพชเหรือเกิน  แต่ข้าคิดว่ายังไม่พอ  ความจริงเอาหนักกว่านี้สักเล็กน้อยก็ได้”  ซาฟงหัวเราะ

“พระสนม”  ชี่เฉียวหลั่งน้ำตาเป็นสายเลือดสองสาย

“ราชาของข้า...ลาก่อน...” หญิงสาวที่ถูกสามง่ามทองแทงร่างชูอยู่ในอากาศตอนนี้ชุดขาวของนางย้อมเลือดแดงฉานใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา แต่นางพยายามดิ้นรน ใบหน้าซีดขาวมีรอยยิ้มอ่อนแอ

รอยยิ้มที่เสมือนดอกไม้สูญสิ้น

โลก

สูญเสียความงดงาม

นิ้วมือของสตรีชุดขาวกระตุกเล็กน้อยและดูเหมือนนางต้องการจะปลอบใจชี่เฉียวที่โกรธจนหน้ากระตุกแต่เขาไม่สามารถกำจัดโซ่น้ำแข็งที่สร้างความกังวลให้เขาได้แต่ความเคลื่อนไหวที่อ่อนโยนนี้ทำให้พลังชีวิตสุดท้ายของนางมอดดับลงดวงตาของนางปิดลงช้าๆ และใบหน้านางมีรอยยิ้ม นางไม่สามารถต่อต้านได้อีกต่อไปแม้แต่วินาทีเดียว

“อ๊าคคคคค!”  ชี่เฉียวคลุ้มคลั่งทันที

ร่างของเขาระเบิดพลังออกมาร้อยเท่า

โซ่ยะเยือกที่ล่ามร่างของเขาแตกระเบิดเป็นชิ้นกระจัดกระจายด้วยความโกรธของเขา

ซวงหานที่กำลังดึงโซ่ตกใจอ้าปากค้างแม้แต่เทพอุดรจ้าวซีถึงกับดวงตาเป็นประกาย

ซาฟงไม่มีเวลาทำลายร่างหญิงสาวที่ถูกเสียบอยู่บนสามง่ามทองหน้าของเขาก็ถูกหมัดพิโรธแฝงด้วยความเกลียดชังต่อยใส่ ฟันของเขากระเด็นหักไปสองซี่!

หอกกลืนมังกรของชี่เฉียวแทงใส่ซาฟง เขาต้องใช้สามง่ามทองปัดเบี่ยงเบนจึงหลบพ้นได้อย่างปลอดภัย

แต่อีกด้านหนึ่งไม่สามารถป้องกันวิชาศีรษะเหล็กของชี่เฉียวได้

อกของเขาถูกกระแทกระเบิด

ร่างเขากระเด็นไปที่ผนังหินที่อยู่ไกลๆ

“อ้ายเฟย! ในเส้นทางปรภพอย่าเพิ่งไปไกลนัก เจ้ารอข้าอีกนิด รอให้ข้าฆ่าซาฟงก่อนแล้วจะไปหาเจ้า!  ข้ารู้ว่าเจ้ากลัวความมืดที่สุดข้าจะไม่ยอมให้เจ้ารอนาน!”  ตอนนี้ชี่เฉียวเหมือนคนบ้า แต่เขาไม่ได้คลุ้มคลั่งทันที เขายังคงมีสติตวัดหอกกลืนมังกรไว้ข้างๆ เอื้อมมือรับร่างคนรักที่ร่วงมาจากอากาศ  ตาคมกล้าของชี่เฉียวนองน้ำตา เขาค่อยๆ วางร่างของนางลงกับพื้นอย่างแผ่วเบาเช็ดเลือดที่เปื้อนตัวนางออก

ซาฟงพุ่งกลับมาเหมือนสายฟ้าและแทงสามง่ามทองที่หน้าผากของชี่เฉียว

ชี่เฉียวไม่สนใจ

เลือดไหลออกจากหน้าผากชี่เฉียวราวกับน้ำ

ซาฟงพบว่าเขาไม่สามารถใช้สามง่ามตีและแทงชี่เฉียวอีกครั้งได้ชี่เฉียวใช้มือซ้ายโอบร่างคนรักขณะที่มือขวายื่นไปจับใบมีดของสามง่ามเขาใช้พลังเทพบิดสามง่ามอย่างแรงพร้อมกับระเบิดพลังเทพ  หลังมือขวาของเขามีเลือดไหลเป็นทางเขาอุ้มคนรักเดินไปที่ผนังหินที่เย่ว์หยางซ่อนตัว

ค่อยๆวางนางลงในหลุมเล็กห่างจากเย่ว์หยางไม่ถึง 100เมตรและโน้มตัวจูบคนรักเป็นครั้งสุดท้าย

ซาฟงโมโหและยกหินยักษ์ขึ้น

แล้วทุ่มใส่ศีรษะของชี่เฉียว

ชี่เฉียวยังคงเฉย

จนกระทั่งหินยักษ์เกือบจะฝังคนทั้งสองก่อนที่เขาจะใช้หมัดต่อยซาฟงกระเด็นออกไปเป็นพันเมตร

“พวกเจ้าจงถูกฝังไปพร้อมกับข้า”ชี่เฉียวเลือดท่วมตัวหันไปทางหอกกลืนมังกรก่อนจะหมอบลงพร้อมกับเงยหน้าด้วยความมุ่งมั่น “ข้าไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ พวกเจ้าไม่ต้องมีชีวิตเช่นกัน...”

“นี่เจ้าล้อเล่นใช่ไหม?”เทพพายัพก้าวออกมาอย่างยโส มือขวาของเขามีอาวุธวิเศษ ‘รากน้ำแข็ง’ ทั้งยังเป็นอาวุธระดับกึ่งเทพไม่ต้องคำนึงถึงระดับพลัง มันไม่เคยพ่ายแพ้หอกกลืนมังกร โซ่ใจฟ้ามีพลังล่ามวิญญาณอยู่ด้วย เขาไม่หดหู่ยินดีนักเพราะการยกระดับพลังร้อยเท่าของชี่เฉียวแต่ก้าวออกไปอย่างห้าวหาญและพูดเย้ยหยัน “อย่านึกว่าเจ้ามีสมบัติกึ่งเทพคนเดียว เจ้าคงไม่คิดหรอกนะว่าเจ้าคนเดียวที่มีคัมภีร์อัญเชิญ  เจ้าไม่สามารถเอาชนะซาฟงได้ก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะท้าทายข้ากับจ้าวซี ชี่เฉียว จริงๆ แล้วเจ้าอ่อนแอที่สุดในบรรดาแปดเทพ  ถ้าไม่ใช่เพราะซื่อเสิน เราคงฆ่าเจ้าไปนานแล้วจะปล่อยให้อายุยืนยาวมาหลายพันปีหรือ?”

บึ้มปัง!

อีกด้านหนึ่งซาฟงและจ้าวซีไม่อาจคงความแข็งแกร่งได้ต่อเนื่องอีกต่อไป  พวกเขาเรียกคัมภีร์อัญเชิญและอาวุธเทพและปลดปล่อยพลังเตรียมโจมตีชี่เฉียวเป็นครั้งสุดท้าย

เย่ว์หยางไม่ให้ความสนใจการต่อสู้ระหว่างสามคน  จิตใจของเขาให้ความสนใจสตรีที่ถูกฝังในหลุม

ทำไมชี่เฉียวถึงฝังนางที่นี่

ที่นี่มีความลับอะไร

เป็นการบอกใบ้อะไรหรือเปล่า?

หรือเป็นการกระทำที่บังเอิญไม่มีความหมาย?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด