ตอนที่แล้วตอนที่ 1140 พบชิ้นส่วนวัตถุโบราณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1142 โชคของเจ้าหมดแล้ว

ตอนที่ 1141 เดี๋ยวพี่จะให้อมยิ้มเป็นรางวัล


เย่ว์หยางเป็นหนึ่งในตัวประกันที่สบายที่สุดในบรรดาผู้ถูกลักพาตัวมากมาย

ไม่เพียงแต่เขาไม่จำเป็นต้องรวมกลุ่มอยู่กับทุกคนในจัตุรัสนักรบแต่เขายังได้รับการต้อนรับอย่างดีจากโจรดวงดาว

นอกเหนือจากอาหารที่อุดมสมบูรณ์และเสื้อผ้าที่สะอาดแล้วเขายังได้อยู่ในห้องโดยสารแยกต่างหาก แม้ว่าจะไม่หรูหราห้าดาวเหมือนก่อนนั้นแต่ก็ยังดีกว่าโจรดวงดาวทั่วไปมาก หลังจากอ้างชื่อพี่ใหญ่เย่ว์หยางบอกฮัวยาโจรดวงดาวร่างหยาบกร้านผู้คอยทำหน้าที่คุ้มกันเย่ว์หยางในอนาคตส่งอาหารค่ำมาให้  เย่ว์หยางทำเป็นไล่ฮัวยาออกไปจากห้องและปิดประตูใส่หน้าฮัวยาจากนั้นกลับเข้าไปพักในโลกคัมภีร์อย่างสบายปล่อยวางเรื่องภายนอกอย่างสิ้นเชิง

ฮัวยาลูบคลำจมูกและกลับไปรายงานพยัคฆ์บิน

พยัคฆ์บินได้ยินแล้วหัวเราะลั่น

กาดำนั่งอยู่อีกด้านขมวดคิ้วเล็กน้อย  “เจ้าเด็กนี่ ข้าเกรงว่าจะควบคุมได้ไม่ง่ายนักเขาไม่ใช่คนที่ยินดีใช้ชีวิตใต้บังคับบัญชาของใคร..”

“กาดำ, เจ้ากำลังอิจฉาอยู่นะ”  พยัคฆ์บินแตะไหล่กาดำและส่ายหน้ายิ้ม  “ข้าเข้าใจว่าเจ้าเองก็ยังอายุน้อย ไม่ว่าเจ้าจะใจกว้างแค่ไหนเจ้าก็ไม่รู้ตัวว่าคนอื่นดีกว่าเจ้าและมีศักยภาพมากกว่า  เมื่อเจ้าเห็นคู่ปรับไม่ว่าเจ้าจะอยู่ฝ่ายไหน เจ้าย่อมไม่มีความสุขแน่นอน”

“ข้า..ไม่” กาดำไม่พูดอีกต่อไป

“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ”  พยัคฆ์บินพยักหน้าให้เขา  “ก็อย่างที่เจ้าพูด  เด็กหนุ่มคนนี้มีศักยภาพ  แต่เขาจะยินดีร่วมงานกับเราหรือไม่?  เด็กหนุ่มอย่างเขาอาจถูกชี้นำจากคนที่มีความสามารถเบื้องหลังเราได้  เราเป็นแค่โจรดวงดาวและมันยากสำหรับเราที่จะให้อนาคตที่สดใสแก่ผู้คน อย่างไรก็ตาม ข้าแค่ใช้วิธีนี้ลองเสี่ยงโชคไว้ก่อน อย่าให้อินทรีป่ารู้ไม่เช่นนั้นข้าคงถูกชิงตัวคนแน่”

“ใช่, ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร”  กาดำไม่ชวนพูดเรื่องนี้อีกต่อไป

“ท่านพยัคฆ์บิน,มีข้อมูลมาว่าผู้บัญชาการกริฟฟิน ขุนพลเทพอินทรีทองและเทวทูตเหมาพั่วตี้ยังหาตัวไม่พบ”  โจรดวงดาวคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงาน

“แปลก!” กาดำขมวดคิ้วอีกครั้ง

“ผู้บัญชาการกริฟฟิน, แม่ทัพอินทรีทอง,และเหมาพั่วตี้ยังอยู่บนยานแม่แน่นอน พวกเขารอโอกาสที่จะยึดเรือกระทุงอีกครั้ง”  พยัคฆ์บินสวมชุดเกราะทหารธรรมดาพยักหน้า“ข้ากล้าพูดได้ว่ากริฟฟินและอินทรีทองคงเก็บตัวซ่อนอยู่ในความมืดเพื่อคอยสอดแนม สิ่งที่ทำให้พวกเขากลัวก็คือฟลามิงโกที่ไม่เคยพลาดท่ามาก่อนไม่ใช่ข้าและอินทรีป่าสองคน พวกเขาอาจรู้แล้วว่าเรามีความเชี่ยวชาญพลังต้องห้ามดังนั้นทันทีที่เรือเปลี่ยนมือ พวกเขาก็ซ่อนตัวและไม่ให้โอกาสเราได้โจมตี! อย่างไรก็ตามนี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะยอมเสียยานแม่นี้ให้เราง่ายๆข้ามีลางสังหรณ์ จะมีการต่อสู้ที่ดุเดือดตามมา นี่แค่เป็นการอุ่นเครื่อง  กาดำ! อย่างนั้นเจ้าต้องระวังให้มากขึ้น!”

“ข้าจะระวังให้มากขึ้น”  บุรุษชุดคลุมดำ กาดำไม่กล้าประมาท แม้ว่าเขาจะเชี่ยวชาญพลังต้องห้ามซึ่งเพิ่มพลังได้เป็นร้อยเท่า  แต่สถานะของผู้บัญชาการกริฟฟินและแม่ทัพอินทรีทองไม่ใช่ธรรมดาพวกเขาลือชื่อในการต่อสู้อาบเลือด

ไม่มีใครกล้าดูแคลน!

พยัคฆ์บินผู้สวมเกราะอย่างทหารธรรมดาคิดเล็กน้อย

หลังจากชะงักเล็กน้อยเขาบอกโจรดวงดาวคนร่างใหญ่ชื่อฮัวยา “เจ้าไปที่ห้องโดยสารของกัปตันและเตือนความจำพวกเขาให้เร็วให้เรือนกกระทุงเคลื่อนไปที่แนวเข็มขัดดาวตกระหว่างขุนเขาเหนือขุนเขาและหุบเขาโลกธาตุให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้  ขอเพียงไปถึงที่นั่น นั่นคือถิ่นของเราเป็นที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง ยานกระทุงไม่ใช่ยานแม่ที่แล่นได้เร็วที่สุดแต่สามารถไปได้วันละหมื่นกิโลเมตร ดูเหมือนว่ายังคงมีเวลาครึ่งวัน เราจะไปถึงบ้าน    ลูกเรือกระทุงยังคงจับตาดูอยู่  ในส่วนนี้ เราจะพลาดไม่ได้!”

ฮัวยาไปทันทีและพยัคฆ์บินจมนิ่งอยู่ในความคิด  กริฟฟินและอินทรีทองซ่อนตัวอยู่ที่ไหนบนเรือ

เขาจะเพิกเฉยได้อย่างไร?

ที่ไหนปลอดภัยที่สุด?

พยัคฆ์บินไม่ได้ทำอะไร

เมื่อทำอะไรไม่ถูกเขาถอนหายใจยาว  “แผนการสมบูรณ์แบบ  แต่พอลงมือทำงานกลับเต็มไปด้วยช่องโหว่ดูเหมือนว่าข้าไม่สามารถรักษาความระมัดระวังและรายละเอียดก่อนหน้านี้ได้  หลังจากได้รับพลังต้องห้าม  แต่ข้ามั่นใจตัวเองมากเกินไป!”

ในห้องโดยสารธรรมดาวางโต๊ะตัวหนึ่งมีคนสองคนนั่งหันหน้าหากัน

มีกระดานหมากรุกอยู่บนโต๊ะ

กำลังมีการเข่นฆ่า

ผู้เล่นหมากรุกจ้องมองกระดานหมากรุกอย่างตั้งใจ  ดูเหมือนจะไม่ได้ยินเสียงโจรดวงดาวที่กำลังค้นหาอยู่ด้านนอก

นอกจากบุรุษทั้งสองแล้วยังมีบุรุษอีกคนหนึ่งนั่งมองดูการแข่งหมากรุก สีหน้าของเขามีแววกังวลเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะการเดินเกม หรือเพราะมีเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา

ในโลกคัมภีร์

ทันทีที่เย่ว์หยางกลับเข้าโลกคัมภีร์เขาเรียกประชุมทุกคนทันที

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกับพวกเข้าพักผ่อนแล้วรีบตามมาสมทบ เช่นเดียวกับเย่ว์หวี่ พวกนางสวมชุดเรียบร้อย  นางเซียนหงส์ฟ้าไม่สนใจเปลี่ยนชุดใส่ชุดนอนบางๆเดินออกมองเห็นยอดอกเลือนลางตระหง่าน เทียนฟาหาวจนอกนางกระเพื่อมคนอื่นเห็นก็ไม่คิดอะไร มีแต่อี้หนานและเซี่ยอีที่รู้สึกต่ำต้อยเหมือนนกกระทาน้อย

“อะไรกันนี่นางมองไม่เห็นนิ้วเท้าตัวเองมานานเท่าใดแล้ว!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอดพูดไม่ได้

“นางไม่ได้ว่าเจ้า แม่เอลฟ์น้อย อย่าเข้าใจผิด!” เย่ว์หวี่กลัวว่าสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ฟังแล้วนางจะเศร้า จึงปลอบใจนาง

“เฮ้อ..พวกเจ้าก็ขี้อิจฉา มีแต่ตัวร้ายที่รู้ดี!” นางเซียนหงส์ฟ้ายักคิ้วให้เย่ว์หยาง ‘เจ้าก็รู้’ ทำให้เด็กหนุ่มข้ามโลกปากคอแห้ง แทบไม่อยากประกาศประชุมแล้วกอดนางเซียนหงส์ฟ้าพาไปนอนคุยในห้องส่วนตัว

“ถ้าเจ้าบอกเราให้ไปเยี่ยมน้องชายหมูของเจ้าอย่างนั้นเจ้าก็ทำสำเร็จแล้ว” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทำหน้ากระด้างทุบเย่ว์หยางหนึ่งหมัด

“แค่ก แค่ก,อันที่จริงข้าเรียกประชุมทุกคนเพราะมีธุระต้องคุย!”  เย่ว์หยางรีบกลับเข้าเรื่อง

“พลังต้องห้าม? ชิ้นส่วนวัตถุโบราณสามารถควบคุมพลังต้องห้ามได้หรือ?”  พอฟังเรื่องราวจากเย่ว์หยางอย่างละเอียดทุกคนตกอยู่ในความเงียบ สาวโล่วฮัวกล่าว “โบราณวัตถุนี้เกี่ยวข้องกับโบราณวัตถุที่เจ้าหาอยู่หรือเปล่า?”

“ต้องใช่แน่ไม่อย่างนั้นผู้อาวุโสในโลกไร้ที่สิ้นสุดของคัมภีร์เงิน ถึงขอให้เขามาขุนเขาเหนือขุนเขาเพื่อให้ช่วยค้นหา ข้าคิดว่าถ้าโบราณวัตถุแตกสลายกลายเป็นเศษซากหักพังจำนวนมากและการเก็บรวบรวมจะต้องลำบากแน่” หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกสงสัยโบราณวัตถุคงถูกทำลาย เป็นเพราะการต่อสู้และความตายของเทพผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองคือเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกอาจเป็นไปได้ว่าเทพเทียมทั้งแปดที่เหลือทุกคนล้วนแต่มีเศษวัตถุโบราณและนั่นเป็นสิ่งที่ใหญ่ที่สุดที่กาดำได้มาจากโจรดวงดาวนี้ นั่นเป็นเพียงเศษเล็กเศษน้อยที่มีการเก็บกักพลังน้อยที่สุด

“เรายังไม่รู้สถานการณ์หุบเขาโลกธาตุ  แต่ขุนเขาเหนือขุนเขาไม่มีกฎสวรรค์จำกัดพลัง  ที่นี่เราสามารถออกไปช่วยเจ้าได้”  นางเซียนหงส์ฟ้าพร้อมแล้ว และถ้าจำเป็นนางจะออกไปท้าสู้กับเทพเทียม

“แม้ว่าจะไม่ใช่การจำกัดการใช้วิทยายุทธ์  แต่พลังอ่อนแอลงร้อยเท่านั่นเป็นปัจจัยที่ไม่อาจละเลยได้” เย่ว์หวี่ชี้ให้เห็นประเด็นสำคัญอย่างมีเหตุผล

“ถ้าเราสามารถใช้พลังต้องห้ามนั้นได้ก็คงดี!”  ราชันย์ปีศาจใต้ถอนหายใจ

“ไม่ได้” โล่วฮัวพูดปฏิเสธอย่างจริงจัง “ก่อนอื่นเราไม่รู้วิธีได้พลังต้องห้ามนั่นมา  ประการที่สองไม่ว่าจะต้องมีการพึ่งพาอาศัยกันหรือไม่การใช้พลังคนอื่นเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ตนเองก็คือการใช้พลังเพื่อหลอกตนเอง เราไม่สามารถทำอย่างนี้ได้เพราะการฝึกฝนก็เหมือนการพายเรือทวนกระแสน้ำ ถ้าเราไม่ก้าวหน้าต่อไป เราจะล้าหลัง!”

“ข้าแค่ติ๊งต่างเท่านั้น”  ราชันย์ปีศาจใต้รีบอธิบาย

“นี่เป็นแค่มุมมองทางยุทธวิธี ไม่มีอะไรผิด  แต่ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด  เราต้องหลีกเลี่ยงวิธีนี้”  อู๋เหินพูดเพื่อรักษาหน้าราชันย์ปีศาจใต้  ในฐานะเป็นสตรีคนแรกของเย่ว์หยางแม้ว่านางไม่ค่อยออกมายุ่งกับโลกภายนอกแต่ในความคิดของทุกคนถือว่าสถานะของนางยังคงโดดเด่นแม้แต่นางเซียนหงส์ฟ้าก็ยังอ่อนข้อให้นางสามส่วน เมื่อทุกคนมองดู อู๋เหินยิ้มให้ยิ้มของนางเหมือนทำให้ท้องฟ้าผ่องใสดอกไม้เบ่งบานยิ้มของอู๋เหินยากจะมีใครงดงามเปรียบ

อู๋เหินผายมือ

นางลูบแขนเย่ว์หยางเบาๆอี้หนานเกิดอาการโงกง่วงนางถือโอกาสนอนอิงอู๋เหิน

ขนตางอนยาวของอี้หนานสั่นเล็กน้อยทำท่าเหมือนจะตื่นแต่เนื่องจากสัมผัสที่สบายของอู๋เหินนางจึงเผลอหลับอย่างเงียบๆ อู๋เหินยกนิ้วส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบและลดเสียงกระซิบ “พลังต้องห้ามนั้นยากต่อการควบคุมและมีแนวโน้มมากว่าจะทำลายร่างกายทั้งไม่เป็นประโยชน์ต่อการฝึกฝน  เราไม่อาจใช้พลังนี้  แต่มีจุดหนึ่ง ข้าเชื่อว่าทุกคนสังเกตเห็นนั่นคือพลังเทพที่เก็บไว้ในโบราณวัตถุสามารถต้านทานพลังต้องห้ามได้  เราไม่สามารถใช้พลังต้องห้ามแต่ในการใช้ชิ้นส่วนของโบราณวัตถุย่อมไม่มีปัญหา”

“ใช่แล้วด้วยสิ่งนี้พลังต้องห้ามของศัตรูจึงเท่ากับถูกหักล้าง!” องค์หญิงเชี่ยเชี่ยนมีความสุขที่ได้ทราบเรื่องนี้  แต่ในสายตาของอี้หนานที่หลับอยู่ในอ้อมแขนเย่ว์หยางรีบนั่งตัวตรงแม้ว่านางจะลดเสียง แต่ก็อดตื่นเต้นไม่ได้

“เสี่ยวซาน เจ้ากลับมาครั้งนี้เจ้าจะปรับแต่งเกราะรบเต่าดำได้ไหม?” คนที่รู้ใจเย่ว์หยางดีที่สุดก็คือเย่ว์หวี่

“ท่านเดาออกได้อย่างไร?”  เย่ว์หยางประหลาดใจ

“ฮึ..ดูอารมณ์ดีใจเหมือนเด็กต้องการคำชมใครตาไม่บอดย่อมมองออกกันทั้งนั้น” เย่ว์หวี่ยิ้ม แต่คนแรกที่คาดเดาความเคลื่อนไหวเย่ว์หยางออกก็คือนางจริงๆ

“เจ้าขโมยเศษโบราณวัตถุมาด้วยหรือ?” ครั้งนี้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนนั่งเฉยไม่ได้อีกต่อไปนางพุ่งเข้าหาเย่ว์หยางและทุบเบาๆ หนึ่งหมัด ทำเอาอี้หนานตกใจตื่น นางยื่นมือออกไปลูบแก้มเย่ว์หยาง  “เด็กดี! ทำดีได้ดี ดูเหมือนข้าควรให้รางวัลเจ้าอีกครั้ง..” นางอยากจะบอกว่านางจะให้รางวัลเย่ว์หยางด้วยการจูบ  แต่เมื่อนางเห็นว่าทุกคนกำลังมองดูนาง  นางไม่สามารถแบกศักดิ์ศรีเชิดหยิ่งได้อีกต่อไปนางแก้ไขคำพูดทันที  “ใช่แล้ว พี่สาวจะให้รางวัลเจ้าเป็นอมยิ้มหนึ่งเม็ดในครั้งต่อไป”

ทุกคนต้องการให้องค์หญิงผู้หยิ่งภูมิใจแสดงความน่ารักออกมาทางใดทางหนึ่ง

นางเป็นคนจูบเขาแล้วทุกคนจะพูดอะไรได้

มันน่าอายสำหรับนางนักหรือ?

พูดอย่างนี้แม้ว่านางไม่เหนื่อยแต่ทุกคนที่ได้ยินรู้สึกเหนื่อยหน่ายแทนนาง...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด