ตอนที่แล้วตอนที่ 1114 การโน้มน้าวที่น่าทึ่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1116 คนโอหังที่สุดในโลก

ตอนที่ 1115 เสรีภาพ โอกาส การยอมรับ


เทวีเสรีภาพอิงหลัวจิตใจสงบราบเรียบเหมือนกระจก

นางไม่ได้เบือนหน้าหนีปฏิเสธเย่ว์หยางเหมือนที่เคยทำมาก่อนเพียงแค่เหลือบตาโดยไม่ตั้งใจ ดวงตาของนางมองไม่เห็นแน่นอน แต่ตาที่บอดนี้สามารถมองทะลุเข้าไปในจิตวิญญาณของเขาได้เสมอ เย่ว์หยางไม่ได้รู้สึกอายสำหรับคนที่แข็งแกร่งในโลก เด็กหนุ่มจากโลกอื่นไม่ได้ด้อยกว่าใคร

เพียงแต่เมื่อเผชิญหน้ากับเทวีเสรีภาพ

เขามีความรู้สึกไม่สบายใจ

ไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของนาง  แต่เป็นเพราะจิตใจกว้างขวางและความเมตตาของนาง

เขาเชื่อว่าในโลกนี้ไม่มีใครมีความเมตตาและเข้าใจสรรพสัตว์มากกว่าเทวีเสรีภาพแล้ว  ความเมตตาและความเห็นอกเห็นใจของนางไม่ใช่ความเมตตาอย่างคนโง่หรืออ่อนแอ ทั้งไม่ใช่การไถ่บาป แต่เป็นความเมตตาระดับสูง

เป็นความเมตตาที่ถึงระดับเทพหรืออาจสูงมากกว่า

สำหรับคนทั่วไปนางไม่คิดว่าความทุกข์นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี ในทางตรงกันข้ามนางมีความเชื่อว่าการที่คนทุกข์ทรมานเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการเลื่อนระดับสภาวะจิตใจ  เป็นวิถีก้าวหน้าเลื่อนเป็นระดับเทพได้ตลอดไป  แต่ในท่ามกลางผู้คนที่เจ็บปวดและสับสน นางมอบความสะดวกและช่วยเหลือผู้ทุกข์ทนเหล่านั้น

เมื่อรู้ว่าคนเหล่านั้นประสบความยากลำบากทรมานแต่เพราะความเจ็บปวดมีมากเกินไป ผู้ทุกข์ทรมานจึงเป็นผู้น่าสงสาร

เย่ว์หยางขอร้องนางอีกครั้ง

วิธีอย่างนี้จะไม่ขัดแย้งกันหรือ?

แต่เวลานั้นเทวีเสรีภาพกลับตอบด้วยรอยยิ้มบางอย่างรู้ว่าผิดก็ต้องทำ ตราบเท่าที่สิ่งนั้นออกมาจากหัวใจ

ก่อนที่จะเดินทางไปยังเกาะกลางบึงหยุดลมเพื่อสู้กับจ้าวสุริยา  เย่ว์หยางเคยสนทนากับนางเนื่องจากการรู้แจ้งในระดับสภาวะใจของนาง เย่ว์หยางจึงเริ่มต้นตระหนักถึงความจริงของมนุษย์และเทพนั่นทำให้อารมณ์ของเขาดีขึ้นมาก ในท้ายที่สุดด้วยความช่วยเหลือของเย่ว์หวี่การฝึกฝนนั้นทำให้เขาเข้าใจสภาพของธาตุน้ำบริสุทธิ์และธาตุไฟที่สมบูรณ์แบบที่สุด  หากปราศจากการรู้แจ้งจากเทวีเสรีภาพ  เย่ว์หยางคงไม่ได้เลื่อนระดับอย่างรวดเร็ว

แม้ว่ามองอย่างผิวเผินเทวีเสรีภาพจะไม่ได้มีบทบาทในการชี้ขาดการต่อสู้ระหว่างเย่ว์หยางและจ้าวสุริยาก็ตาม

แต่ในความเป็นจริงก่อนการต่อสู้การรู้แจ้งที่ได้รับจากนางทำให้เกิดผลกระทบอย่างต่อเนื่องในการเลื่อนระดับของเขา

หลังจากเอาชนะจ้าวสุริยา

เย่ว์หยางพาเทวีเสรีภาพซึ่งถูกชางหลงโจมตีจนหมดสติกับพื้นกลับมาที่โลกคัมภีร์ด้วย

การกระทำนี้แม้จะเป็นการเห็นแก่ตัวอยู่บ้าง แต่เย่ว์หยางไม่ได้มีความคิดเรื่องขืนใจนาง  แค่ต้องการนำเทวีเสรีภาพออกมาไม่ปล่อยให้นางพเนจรอยู่ในภูมิภาคสวนสวรรค์ที่เต็มไปด้วยสงครามและใช้พลังชีวิตหมดไปกับมดแมลงที่อ่อนแออย่างไร้ประโยชน์

ต่อมานางเซียนหงส์ฟ้าและราชันย์ปีศาจใต้เข้าปกครองภูมิภาคสวนสวรรค์  สถานการณ์สงครามต่อสู้กันในภูมิภาคสวนสวรรค์ก็ค่อยๆดีขึ้น จึงไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยนางไป

แต่เทวีเสรีภาพไม่ได้ต่อต้านคัดค้าน

ตรงกันข้ามนางยังคงอยู่ต่อยกเว้นบางครั้งก็พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้อักขระรูนและกลยุทธ์โบราณกับอู๋เหินและเย่ว์หวี่  ส่วนใหญ่นางจะคิดคำนึงอยู่เงียบๆ  นางเป็นสตรีที่ไม่มีความปรารถนาทะเยอทะยานอี้หนานกับเย่ว์ปิงจะโน้มน้าวใจนางได้อย่างไร? แต่นางอาจจะไม่ปฏิเสธอย่างชัดแจ้ง นางรอจนกว่าเย่ว์หยางจะเข้ามาจากนั้นจึงค่อยอธิบายอย่างชัดเจนว่าทำไมถึงยากจะปฏิเสธอี้หนานและเย่ว์ปิงเหมือนอย่างที่เคยปฏิเสธกีดกันห่างไกลเป็นพันไมล์เลยหรือเปล่า?

“ข้ามาแล้ว!” เย่ว์หยางเตรียมทำใจมองผลในแง่ร้ายที่สุด

“หลายวันมานี้ข้าคิดไตร่ตรองเป็นอย่างดี” เทวีเสรีภาพอิงหลัว ไม่ได้ขับไล่ไสส่งแขกอย่างที่เขาคิด  แต่กลับปล่อยวางใจที่นิ่งดุจทะเลสาบสนทนากับเขาฉันท์มิตรในโลกภายในจิตอย่างสงบ  “เพราะไม่ได้ทำอะไรเลยข้าจึงต้องคิดมาก”

“อย่างนั้นท่านคิดอะไรอยู่?”  หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเย่ว์หยางแน่ใจว่าคงหยอกเล่นสนุก พูดว่าท่านไม่มีอะไรทำในช่วงเวลาที่ผ่านมาหรือจะพูดว่าเพื่อชื่อเสียง ท่านอุทิศตนอุทิศความรักให้ผู้อื่นก็ได้ไม่ใช่หรือ...แต่อยู่ต่อหน้าเทวีเสรีภาพเขารักษามารยาทจริงจังยิ่งกว่าอยู่ต่อหน้าจักรพรรดินีราตรีและจื้อจุนเสียอีกและไม่ยิ้มพร่ำเพรื่อ

“ข้ากำลังคิดว่าจุดจบของชีวิตหนึ่งคือจุดเริ่มต้นอีกชีวิตหนึ่งก็ได้” เทวีเสรีภาพอิงหลัวพูดเช่นนี้ เย่ว์หยางถึงกับหลั่งเหงื่อ

“เรื่องลึกลับมากเช่นนี้ปล่อยให้ผู้เชี่ยวชาญค้นคว้าวิจัยเถอะ”  เย่ว์หยางรีบโบกมือไม่อยากคุยเรื่องนี้มาก

“ความจริงแล้วไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องค้นคว้าวิจัยเรื่องอย่างนั้น  ข้าไม่ได้ค้นคว้าวิจัยเชิงวิชาการ  ข้ามีอิสระในการปลดปล่อยมากขึ้นข้าเข้าใจมากขึ้นว่าถ้าชีวิตถูกยกเลิกไปจะเป็นการปลดภาระหรือไม่? ถ้ามันคือจุดเริ่มต้นของอีกชีวิตหนึ่งก็อาจไม่ใช่ความโล่งใจ แต่เป็นการเริ่มต้นความสุขหรือความทุกข์ในระยะสั้น  ความโล่งใจย่อมเกิดได้เมื่อไม่ใส่ใจทุกสิ่ง”  เทวีเสรีภาพถอนหายใจเล็กน้อย “ข้าได้คิดได้สำรวจติดตามการแบ่งเบาทุกข์แบบนี้ในสถานที่เล็กๆ   แต่ข้าก็เข้าใจว่า บางทีข้าไม่อาจไปถึงระดับนั้นได้ในชีวิตของข้า”

“ดูท่านไม่เหมือนคนมองโลกในแง่ร้าย?”  เย่ว์หยางประหลาดใจ  “ท่านมีอิสระและเป็นอยู่อย่างดีมีอะไรไม่พอใจอีก?”

“ข้าไม่มีอะไรไม่พอใจ แต่ข้ามักมีความรู้สึกบางอย่างในใจอยู่เสมอ  สิ่งที่ไม่ได้เรียกร้อง เป็นไปได้ว่ามันเกินจินตนาการ  หรืออย่างที่เจ้าบอก ข้าอาจคิดมากเกินไป”เทวีเสรีภาพส่ายศีรษะเล็กน้อย

“ความหลุดพ้น”เย่ว์หยางเริ่มขมวดคิ้ว แต่ทันใดนั้นเขาลืมตาและยิ้มราวกับดวงตะวันที่ไม่มีเมฆหมอกบดบัง

“ดูเหมือนว่าเจ้ามักจะได้คำตอบง่ายๆเสมอ  เจ้าสามารถบอกข้าบ้างได้ไหม?”  เทวีเสรีภาพอิงหลัวรู้อยู่แล้วตั้งแต่นางอยู่ที่บึงหยุดลมว่าเย่ว์หยางเป็นคนฉลาดที่สุดเท่าที่นางเคยพบมารวมทั้งตัวนางเองก็สามารถเข้าใจความจริงบางอย่างโดยไม่จำเป็นต้องรู้แจ้ง  แต่เขาไม่เพียงแต่สามารถเปลี่ยนให้เป็นพลังศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น  แต่ยังนำไปใช้ได้จึงไม่ใช่เรื่องที่พูดเกินจริงเขาเป็นคนฉลาดผิดมนุษย์ทั่วไป

“เพื่อให้เป็นเช่นนี้ในแต่ละขอบเขตมีวิธีหลุดพ้นต่อกัน” เย่ว์หยางยกตัวอย่างต่อ “เช่นคนธรรมดาสามัญคนหนึ่ง ถูกภารกิจหน้าที่กดดันทำให้ต้องเหนื่อยหนักทำงานหาอาหาร เสื้อผ้ารายได้เพื่อใช้จ่ายในการดำรงชีวิตรวมทั้งสิ่งอื่นๆเพื่อทำให้ตัวเองภรรยาลูกๆ มีชีวิตที่เป็นสุขกินดีอยู่ดีมีเสื้อผ้าสวมใส่ต้องทำงานแทบไม่มีเวลาหยุดพักหายใจ... ถ้าสักวันหนึ่งเขาแก้ไขสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดได้ก็นับเป็นความโล่งใจ  อยู่มาเกิดได้รับความมั่งคั่งอย่างไม่คาดฝันมีเงินเป็นล้าน อาหาร เสื้อผ้าไม่เป็นปัญหาอีกต่อไปปัญหาความเจ็บปวดในใจของเขาจางหายไปอย่างสมบูรณ์ เต็มไปด้วยความสุขดังนั้นเขาจึงอยู่ในสภาพโล่งอกเบาใจ แต่ถ้าเป็นการได้รับเงินล้านของคนอื่นนั่นไม่ใช่การบรรเทา แต่เป็นความยากลำบาก”

“นั่นตัวอย่างหรือ?” เทวีเสรีภาพไม่คิดว่าเย่ว์หยางจะยกตัวอย่างขึ้นมาอธิบาย  นางจึงสนใจใคร่รู้ทันที

“อา..ข้าคงไม่รู้สึกโล่งใจ เป็นอิสระสำหรับเงินหนึ่งล้าน  ตัวอย่างเช่นคนที่ไม่ใช่คนทั่วไปผู้ต้องดิ้นรนทำงานหาเงินซื้ออาหารเสื้อผ้า แต่ถ้าเป็นนักศิลปะ  คนผู้มีชื่อเสียงขุนนางพวกเขานอนไม่หลับตอนกลางคืน พวกเขาต้องการความเงียบ และแรงบันดาลใจไม่ใช่เงิน”  เย่ว์หยางยกอีกตัวอย่างหนึ่ง

“ด้วยวิธีนี้พวกศิลปินที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจได้ ถือเป็นความโล่งใจหลุดพ้นหรือไม่?”  เทวีเสรีภาพถามตามตรง

“นี่ก็ไม่ใช่”  เย่ว์หยางตอบกลับทันที

“หือ?”  เทวีเสรีภาพสงสัย

“เพราะข้าเพิ่งบอกไปแล้วความโล่งใจระดับแรกของคนทุกระดับนั้นเหมือนกัน และมีความทุกข์อยู่ในทุกระดับอย่างเช่นคนทั่วไปที่ดิ้นรนทำมาหากินอย่างต่อเนื่อง  ความทุกข์ยากของเขาคือแรงกดดันของชีวิตและความคาดหวังอันแรงกล้าของลูกๆ และภรรยาของเขาที่รอรับอาหารนั่นเป็นภาระที่หนักหน่วงที่เขาไม่สามารถบรรเทาหรือหลุดพ้นไปได้  ในทางกลับกันการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะในอีกระดับนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นี่ไม่ใช่ปัญหาที่เงินทองสามารถแก้ไขได้ง่าย”  เย่ว์หยางหยุดและพูดต่อ  “แน่นอนว่ามีปัญหาต่างๆ ในโลกมากกว่าจะสร้างสรรค์ผลงานศิลปะออกมาได้ ยากต่อการจำกัดและมีมากมายเป็นหมื่นอย่าง ตัวอย่างเช่นท่าน มีสิ่งที่ท่านต้องการให้เป็นอิสระแม้ว่าท่านไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เพื่อปลดปล่อยตนเอง  หรืออาจจะกล่าวได้ว่าไม่ว่าจะเป็นชนชั้นไหนล้วนแต่มีปัญหาส่วนตัวที่พวกเขาต้องเผชิญ และยากที่พวกเขาจะกำจัดได้”

“สมเหตุสมผลดี”  เทวีเสรีภาพยอมรับมุมมองของเย่ว์หยางและถามอีกครั้ง  “ผู้ชมดูมีความคิดกระจ่างเจ้าจะให้ความเห็นข้าอีกสักอย่างได้ไหม?”

“ย่อมแน่นอน”  เย่ว์หยางมีความสุข  “ท่านต้องการฟังเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก?”

“เอ๋..เจ้าจริงจังอยู่หรือเปล่า?” สำหรับเย่ว์หยางที่สัมผัสถึงสถานะที่แท้จริงของนางโดยบังเอิญทำให้เทวีเสรีภาพพูดไม่ออก ควรจะภูมิใจมากเกินไปหรือเปล่า?

“ความจริงท่านต้องการเป็นอิสระ นั่นเป็นเรื่องง่าย ก็แค่เป็นคนธรรมดา”  เย่ว์หยางรีบสำรวมตัวไม่พูดนอกประเด็นเขากลับคืนสู่หัวข้อสนทนาหลักครั้งแรก “ถ้าท่านเป็นสามัญชนที่ยังต้องดิ้นรนกับชีวิตชนชั้นล่าง  เพื่อให้ได้มีอาหารกินวันละสองมื้อจากนั้นพูดว่าเป็นอิสระ นั่นเป็นเรื่องง่ายมาก ข้าให้อิสระท่านได้เป็นร้อย”

“ปัญหาก็คือข้าไม่มีความกังวลเรื่องเสื้อผ้าและอาหารท่านให้ข้าสักหนึ่งล้าน นั่นดูเหมือนว่าจะไม่มีผลอะไรจริง”  เทวีเสรีภาพฟังแล้วอดไม่ได้ที่จะต้องประหลาดใจ

“อ๋า,นั่นเป็นเพราะท่านยังคิดว่าตัวเองเป็นเทวีเสรีภาพที่ผู้คนเทิดทูนบูชาและช่วยชีวิตผู้คน  ถ้าท่านละทิ้งตัวตนนั้นและกลายเป็นสตรีธรรมดาท่านพบว่ามีหลายในชีวิตที่มีค่าสำหรับความสุขของท่าน ขอโทษที  เมื่อถึงตอนนั้นท่านจะมีความเป็นอยู่ที่ดีที่ท่านไม่เคยมีมาก่อน  ท่านอาจจะกรีดร้องด้วยความดีใจ เพราะมีบางอย่างที่มีความสุขมากจนร้องเพลงเต้นออกมาได้ทันที  มิฉะนั้นท่านจะไม่แสดงความตื่นเต้นออกมา อาจเกิดขึ้นได้ที่ท่านร้องไห้เพราะบางเรื่อง  ท่านอาจไม่อยากเศร้าอีกไปหวังว่าจะมีเพื่อนสักล้านคนอยู่รอบๆ เพื่อปลอบใจตัวเอง หรือหวังว่าจะสามารถแก้ไขสิ่งผิดพลาดที่ท่านทำลงไปแม้ว่าจะต้องจ่ายเป็นหมื่นๆ... หากท่านเต็มใจฟังข้ากล้าที่จะพูดอย่างตรงไปตรงมาว่าท่านไม่เหมือนคนปกติเลยในตอนนี้แต่เหมือนกับเซียนหรือกึ่งเทพที่ดูแคลนสิ่งมีชีวิต!  ท่านไม่มีความเศร้าหรือความสุขในหัวใจท่านเห็นสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเหมือนมดเมื่อมองลงมายังโลกมนุษย์เข้าใจโลกตามความเป็นจริงและมองความคิดของโลกอย่างถี่ถ้วนท่านจะมีความสุขและเพลิดเพลินกับชีวิตได้อย่างไร หากปราศจากความสุขและความสุขในการแสวงหาชีวิตว่าคืออะไร ท่านจะมีชีวิตอิสระได้โดยไม่ทำตามได้อย่างไร?”  ในที่สุดเย่ว์หยางก็มาถึงบทสรุป  “อิงหลัว!  ข้อบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของท่านคือไม่มีสิ่งใดจำเป็นต้องคลี่คลายปลดปล่อย ดังนั้นท่านจึงไม่สามารถสลัดหลุดออกมาได้!”

“...”เทวีเสรีภาพตะลึงงัน นางไม่เคยคิดเลยว่าคำตอบของเย่ว์หยางจะเป็นเช่นนี้

“ท่านคิดว่าข้ายอดเยี่ยมจะชื่นชมข้าหน่อยได้ไหม?” เย่ว์หยางว่าเขาแสดงออกในระดับสุดยอดแล้วในเวลา เขายังอดยกย่องตัวเองไม่ได้

“เจ้าคิดว่าข้าอาจกลายเป็นหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่งได้หรือไม่?”  เทวีเสรีภาพถอนใจหนักหน่วง

“ถ้าท่านเชื่อข้านะ!”  เย่ว์หยางตบอก ไม่มีปัญหาเขาพร้อมอุทิศตัวเพื่อความเปลี่ยนแปลง

“นี่คือจุดประสงค์ของการมาของเจ้าในวันนี้หรือ?”  เทวีเสรีภาพตอบโต้ในที่สุด

“เอ่อ,ข้าไม่ได้คิดถึงการพูดคุยหัวข้อนี้มาก่อนที่ข้ามาจริงๆ”  เย่ว์หยางรีบแสดงความบริสุทธิ์ใจก่อน  ความจริงที่เป็นเรื่องที่ยากสำหรับเขา

“อย่าเพิ่งพูดเรื่องของข้าก่อน  พูดเรื่องตัวเจ้าเอง” เทวีเสรีภาพใช้ดวงตามองผ่านทางจิตเย่ว์หยางและถาม  “เจ้าเคยคิดถึงเรื่องนี้ในหุบเขามนุษย์ ความลำบากเช่นนี้เป็นโอกาสจริงๆ  หรือไม่? ผ่านการทดสอบที่นี่เจ้าจะได้เลื่อนระดับอย่างรวดเร็วหรือไม่?”

“แน่นอน ข้าคิดถึงเกี่ยวกับปัญหานี้ไม่เพียงแต่ที่หุบเขามนุษย์ แต่เป็นทุกสิ่งและทุกระดับของชีวิต!”  เย่ว์หยางหัวเราะลั่น  “ข้าเตรียมพร้อมจะรับมือกับทุกอย่างจัดการกับการฝึกฝนทุกอย่าง สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตทุกส่วนทุกระดับผ่านความเข้าใจระดับสูงขึ้นไปแล้วพัฒนาเลื่อนชั้นตนเอง  ท่าน, เทวีเสรีภาพอิงหลัวท่านเคยคิดไหมว่านี่เป็นบททดสอบในชีวิตของท่าน และนี่ก็เป็นโอกาสในชีวิตของท่านเช่นกัน?แน่นอนว่าท่านอาจชอบอดีตแบบนี้ และปฏิเสธอย่างเด็ดเดี่ยวดำเนินชีวิตต่อไป  อย่างไรก็ตาม หากท่านยังเป็นอย่างนี้ต่อไปท่านจะติดอยู่ในความสับสนที่ไม่สามารถคลี่คลายได้โดยไม่ต้องมีอะไรที่ปลดปล่อยตัวเองออกมาในตอนนี้  ท่านจะหลงทางอยู่เสมอ ไม่เคยมีเป้าหมายในการยกระดับขึ้นไปถึงด้านอื่นหรือการแสวงหาความสุขพื้นฐานที่สุด!”

“...ข้าไม่ได้คิดอย่างนั้นจริงๆ...”  เทวีเสรีภาพตกตะลึงจริงๆและใช้เวลานานมากกว่าจะตอบเย่ว์หยางเล็กน้อย “ขอบคุณ, กลับกลายเป็นว่าอี้หนานและเย่ว์ปิงมาที่นี่ข้ายังมีความสับสนตอนนี้ข้าเข้าใจเต็มที่แล้ว

คำพูดของนางยังไม่จบ

ร่างของนางเปล่งรัศมี

ตอนแรกเป็นรัศมีที่นุ่มนวลมากเหมือนกับสายน้ำไหลและค่อยเจิดจ้าขึ้นในที่สุด

นั่นกลายเป็นลำแสงที่ฉายจากบนศีรษะนางขึ้นไปบนท้องฟ้า

เงียบสงบ

แต่แสงท่วมไปทั้งโลกคัมภีร์ทันที

เย่ว์หยางที่อยู่ใกล้ดูเหมือนจะได้ยินเสียงแห่งธรรมชาติเงียบจากก้นบึ้งหัวใจและร่างของเขาอาบอยู่ในแสงรัศมีมีความรู้สึกสะดวกสบายและสงบอย่างสมบูรณ์เหนือศีรษะของเทวีเสรีภาพมีภาพฉายเทพธิดาเอนกายพิงพนักในท่าที่สวยงามนางเอื้อมมือมาลูบนัยน์ตาของเทวีเสรีภาพอิงหลัว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด