ตอนที่แล้วตอนที่ 1092 สงสัยว่าไม่หนักเกิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1094 หอคอยเหนือหอคอย

ตอนที่ 1093 ยิ้มของเจ้า คือความพยายามในชีวิตข้า


เทวทูตสตรีชุดขาวทั้งสามไม่ได้พูดอะไร

แม้แต่ทูตสวรรค์หน้ากลมก็ใช้ดวงตากลมโตน่ารักของนางมองเย่ว์หยางและพบเจอว่าเขาปนอยู่ในกลุ่มผู้คนอย่างง่ายดาย

การมองอย่างนี้ทำให้เย่ว์หยางที่ทำตัวเหมือนบังเอิญผ่านทางมารู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้ากับเทวทูตสาวทั้งสาม แม้ว่าสาวงามชุดขาวทั้งสามมองดูก็รู้ว่าไม่ใช่จะหลอกพวกนางได้ง่ายๆอย่างไรก็ตามวัตถุโบราณที่อยู่ในกระเป๋าของเขามีค่าเท่ากับอาหารในท้องของเขาเขาจะเอาออกมาได้อย่างไร? เขาต้องแกล้งทำเป็นโง่ต่อไปทำเป็นเหมือนว่าเขาก็หาไม่เจอ

เด็กหนุ่มจากโลกอื่นยังดูสงบมากเขาทำเป็นมองดูท้องฟ้าทำมุม 45%  แต่เขาไม่ได้พูดถึงของที่อยู่กับตัวทำท่าทางเหมือนกับว่าไม่พบของโบราณที่ใต้ทะเล

สหายของจินฉีรออยู่นานและไม่เห็นความเคลื่อนไหวอะไร พวกเขารีบเติมเชื้อไฟทันที

บางทีทูตสวรรค์ต้องการให้รางวัลตอนที่ไม่มีใครอยู่เป็นการส่วนตัวและทำในลักษณะที่ไม่เป็นจุดดึงดูดความสนใจ

แต่ในฐานะขุนนางการแข่งขันก็เพื่อเกียรติยศ

สิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือรางวัลต่อหน้าสาธารณะและดวงตาที่อิจฉาของทุกคนสิ่งที่พวกเขาต้องการคือความริษยาและความเกลียดชังในใจของผู้คน...จะไม่ประกาศชื่อเสียงได้อย่างไร? พวกเขาต้องได้รับรางวัลนี้และได้รับความไว้วางใจต่อหน้านักเรียนหลายๆ คน!  จีอู๋ลี่,จงหัวและกัปตันคุ้กและแม้กระทั่งนักเรียนหัวกะทินับไม่ถ้วนอัจฉริยะไร้เทียมทานนับไม่ถ้วน หากจินฉีได้รับชัยชนะในวันนี้จากวันนี้ไปเขาเชื่อว่าศักดิ์ศรีเกียรติยศจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งจีอู๋ลี่ผู้ใกล้ระดับเทพมากที่สุดก็ยังทำไม่ได้!

“ขอแสดงความยินดีกับคุณชายจินฉี  คุณชายจินฉี เรากำลังรอคอยช่วงเวลาสำคัญจริงๆฮ่าฮ่าฮ่า เราแทบรอไม่ไหวอยากรู้ว่าท่านจะได้รับรางวัลแบบไหนจากทูตสวรรค์ทั้งสาม!  จะเป็นอะไรดีนะ?  สมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์?  หุ่นรบระดับแพลตตินัม?”  สหายรอบตัวจินฉีกลายเป็นคนร้อนใจเสียแล้ว

“ภารกิจเล็กน้อย โชคดีที่ทำได้สำเร็จถึงได้กล้ารับรางวัล!”  ปากของจินฉีถ่อมตน แต่หน้าของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจของการเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์

ในเวลานี้ไม่ใช่เพียงสหายของจินฉีเท่านั้นแต่ยังรวมถึงนักเรียนผู้เกลียดชังด้วย

ต้องการรู้ว่ารางวัลสำหรับการทำภารกิจได้สำเร็จนั้นคืออะไร

ทางด้านจินฉีการได้รับรางวัลย่อมดีทั้งหมดแต่จะสมบูรณ์แบบก็คือได้หุ่นรบระดับศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตามถ้าได้หุ่นรบแพลตตินัมสักหลายพันก็คงจะรับกันไม่หวาดไม่ไหว  นักเรียนที่มีความอิจฉาและเกลียดแอบสบถด่าจะเป็นการดีที่สุดเพียงแค่ให้คำชมด้วยวาจา แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม  แต่พวกเขายังหวังว่าจินฉีจะไม่ได้รับรางวัลใหญ่ ตอนนี้มีเพียงหุ่นรบแม่เหล็กเท่านั้นที่ได้รับการกล่าวขวัญถ้าเขาได้รับสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์ หรือหุ่นรบชั้นแพลตตินัมพวกเขาไม่รู้ว่าจะกระทบกระเทือนขนาดไหน? อีกพวกหนึ่งก็สาปแช่งจินฉีให้พลาดท่าตายโดยเร็วที่สุด  จึงจะดีกว่า ฝูงชนจะได้มีความสุขเต้นรำอย่างบ้าคลั่งหรือไม่ก็เมาแล้วถึงสุนัขขย้ำตาย

แค่ในช่วงเวลาสั้นๆทั้งสองฝ่ายต่างแช่งชักหักกระดูกรุกกระหนาบอยู่สองฟากฝั่งของจินฉีที่รู้สึกดีใจ เขาพยายามแกล้งถ่อมตัวครั้งแล้วครั้งเล่า  แต่สายตาเต็มไปด้วยความโอหัง  เขาไม่ต้องการรับรางวัล  แต่ถ้าได้รางวัล เขาคงมิอาจปิดบังความภูมิใจได้

นอกจากคนสองกลุ่มแล้ว  ยังมีกลุ่มที่สามที่วางตัวเป็นกลางอย่างเช่นคุณชายหมิงจู

ผู้ชมอื่นๆไม่มีอะไร

แค่มาดูความครึกครื้น

ดูว่าจินฉีจะทำหน้าอย่างไรและเหตุการณ์จะลงเอยเช่นไร

แน่นอนว่ามีเพียงไม่กี่คนที่รู้ความจริงชัดเจนอย่างหมิงจูแต่ต้องการดูการแสดงตลกของจินฉีแม้แต่จงหัวที่เฝ้าสังเกตจากระยะไกลก็เป็นหนึ่งในนั้น ยังมีเริ่นเทียนเกอ ฮ็อกและคนอื่นๆบัณฑิตตาเงินที่แยกอยู่อีกฝั่งหนึ่งยิ้มมุมปากเป็นนัยดูเหมือนจะเดาความจริงได้บ้าง

นอกจากนี้ยังมีชิงหมอที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดมองดูเย่ว์หยางที่หยิบน่องไก่ออกมากินจากนั้นก็หายตัวไปจากที่นั้น

ต่อไปจะเป็นอย่างไร?

คุณชายหมิงจูเดาว่าคงมีแผนร้ายกาจ

ภารกิจที่ได้มอบหมายนั้นไม่จำเป็นต้องพูดว่าจินฉียังทำไม่เสร็จสมบูรณ์  เว้นแต่ไตตันยินดีกำจัดวัตถุโบราณออกไปก็จะไม่มีใครสามารถทำภารกิจที่ไม่มีใครสามารถทำให้สำเร็จนับแต่โบราณกาล

ใครจะคิดกันว่าโบราณวัตถุที่แท้จริงจำเป็นต้องรวบรวมหินพลังงานที่ไม่มีที่สิ้นสุดของประตูเทเลพอร์ตทั้งสี่เข้าด้วยกันและส่งพวกเขาไปยังพื้นที่ใหม่และจากนั้นก็ต้องรับมือหุ่นรบยักษ์น้ำนับร้อยที่ขึ้นมาจากทะเลและค้นหาวัตถุโบราณ?  แม้ว่าบางคนจะเห็นด้วยกับความสงสัยของนักเรียนไตตันแต่พวกเขารวบรวมศิลาศักดิ์สิทธิ์และถูกส่งไปยังกลางเกาะที่ได้รับการคุ้มกันจากหุ่นยักษ์น้ำเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้รับวัตถุโบราณ เพราะนอกเหนือจากไตตันแล้วที่สามารถสร้างหุ่นรบได้ทุกที่ทุกเวลาแล้วไม่มีใครบุกฝ่าการคุ้มกันของหุ่นยักษ์น้ำได้หมิงจูคิดว่าชมดูโศกนาฏกรรมของคนอื่นนั้นถูกต้องแล้ว

ไม่ต้องพูดถึงความจริงว่าเย่ว์หยางมีจักษุญาณทิพย์นับแต่โบราณกาล ไม่มีคนที่สองจริงๆ เขาสงสัยว่าศิลาศักดิ์สิทธิ์สำหรับใช้เทเลพอร์ตเป็นเงื่อนไขที่มีมาตั้งแต่เริ่มสร้างเพื่อใช้ในการรับวัตถุโบราณ

ความสงสัยที่น่าเหลือเชื่อนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับนักเรียนหัวดีทุกคนรวมทั้งจีอู๋ลี่

ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน

เชื่อได้ว่าหลายคนสงสัยว่าภารกิจที่ได้รับมอบหมายนั้นไม่ถูกต้อง

แต่ไม่มีใครค้นหาเป้าหมายที่แท้จริงเบาะแสมากมายที่น่าสงสัย แม้กระทั่งคนที่ฉลาดที่สุดก็ยังหลงไปได้  ในการไขความลึกลับที่แท้จริงต้องมีดวงตาพิเศษคู่หนึ่งเหมือนเย่ว์หยางที่มองเห็นความจริง จำเป็นต้องมีเงื่อนไขของการสืบทอดความรู้และการใช้อักขระรูนโบราณ ฯลฯ..เพื่อเติมเต็มซึ่งกันและกัน ขาดอย่างใดไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้สำหรับนักเรียนทั่วไปที่จะบรรลุเงื่อนไขนี้

ก็เหมือนกับคนธรรมดาที่ไม่เคยสร้างหุ่นรบยิ่งเป็นไปไม่ได้กับการสร้างอาวุธเทพร่างอสูร

นักเรียนจำนวนมากเริ่มได้ยินข่าว

ในที่สุดก็รายล้อมไว้แน่น

สามสาวทูตสวรรค์ชุดขาวหลังจากมองหน้ากันเองก็เอ่ยปากพูดในที่สุด

จินฉีและคนอื่นๆมีความสุขลำพองใจพวกเขาตื่นเต้นใจเต้นแรงพยายามเงี่ยหูฟังคำชมทั้งหมดของสาวทูตสวรรค์พวกเขาไม่ยอมพูดอะไร เพราะถ้าพลาดช่วงเวลาในประวัติศาสตร์นี้ไป อาจต้องเสียใจไปทั้งชีวิต!

“เกี่ยวกับการมอบหมายภารกิจหาโบราณวัตถุข้าไม่ต้องการให้คนจำนวนมากเข้าร่วม ที่สำคัญนี่เป็นภารกิจที่ยากซึ่งทุกคนไม่สามารถทำได้ ถ้าทุกคนมีส่วนร่วมมันอาจรบกวนการดำเนินชีวิตและการเรียนรู้ของทุกคนเป็นอย่างมาก ดังนั้นเราพี่น้องจึงมองหานักเรียนอย่างยากลำบาก เพราะต้องไม่ส่งผลต่อการเรียนและการใช้ชีวิตของพวกเขาจากการมอบหมายให้เขาค้นหาสิ่งต่างๆ” สตรีชุดขาวคนกลางที่อ่อนโยนที่สุดใช้มือลูบคัมภีร์เงินในมือของนางและอธิบายว่าทำไมนี่จึงไม่ใช่งานที่คนธรรมดาทั่วไปสามารถทำได้

“ถูกแล้วแม่นางทูตสวรรค์ทั้งสาม ท่านคิดว่าเป็นการดีกว่าที่จะปล่อยให้คนเหล่านั้นเสียเวลาเคลื่อนไหวลงมือในเมื่อคุณสมบัติของพวกเขาที่จะได้รับความสำเร็จนั้นไม่มีเลย” จินฉีฝืนอวดความยอดเยี่ยมเมื่อเขาได้ยินเรื่องราวต่างๆแต่เขาก็มีความลำพองใจมากขึ้น

“.....”

นักเรียนหลายคนโมโหและไม่คิดว่าทูตสวรรค์ทั้งสามมองหานักเรียนชั้นยอดเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ

เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับทุกคนที่ไม่พบว่าตนเองโดดเด่นพอจะทำภารกิจให้สำเร็จ

แต่พวกนางดึงจินฉีมาที่นี่เพื่อทำอะไร? ได้ยินว่าหุ่นรบแม่เหล็กของเขาก็เป็นคนอื่นสร้างขึ้น  เป็นแต่เขาแค่แอบอ้างฉวยโอกาสว่าเป็นหัวหน้าอำนวยการสร้าง  เขาก็แค่แขวนป้ายหลอกลวงชาวโลก ขโมยผลงานเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญจริงๆ หรือ เขาไม่เพียงแต่แอบอ้าง หลายคนเบื่อหน่ายคร้านจะรายงาน  แต่นี่ถือเป็นผลงานจริงๆ ของเขาหรือนี่?

ถ้าไม่ใช่เพราะสามทูตสวรรค์อยู่ข้างหน้าและจินฉีได้พบโบราณวัตถุและกำลังจะปิดภารกิจให้เสร็จสิ้นคงไม่มีใครหยุดยั้งการมอบรางวัลของทูตสวรรค์ได้

ถ้าจีอู๋ลี่จงหัวและคนอื่นอ้างว่าพวกเขาเป็นนักเรียนหัวกะทิ นั่นแหละคือทั้งหมด

จินฉีเข้าร่วมประเมินกี่ครั้งแล้ว?

มีผลงานยอดเยี่ยมตั้งแต่เมื่อใด?

หากไม่มีหุ่นรบแม่เหล็กอยู่ในมือเขาก็เป็นแค่ขยะเหลือใช้ที่นำมาหมุนเวียนใช้ใหม่ แล้วยังกล้าทำกร่างที่นี่อีกหรือ?

นักเรียนเกือบทั้งหมดจ้องมองจินฉีนี่ไม่ใช่แค่ปัญหาความอิจฉาของภารกิจหาวัตถุโบราณ จินฉีต้องวางแผนหลอกที่ไม่มีใครทนได้

“สำหรับภารกิจค้นหาโบราณวัตถุ  เราพี่น้องต้องขอโทษนักเรียนอีกครั้ง” ทูตสวรรค์ชุดขาวคนกลางผู้ถือคัมภีร์เงินและอีกสองคนซ้ายขวาคำนับเล็กน้อย  นักเรียนรอบๆ ตกใจรีบคำนับตอบ แม้จะพูดว่า ‘มิกล้า’ แต่ความไม่พอใจที่เก็บซ่อนในใจหายไปทันทีภารกิจหาโบราณวัตถุนักเรียนธรรมดาไม่สามารถเข้าถึงได้นี่หมายถึงอะไร ท้ายที่สุดแล้วชนชั้นสูงที่เป็นคนกลุ่มน้อยอย่างจินฉีก็ไม่ได้ขัดขวางทูตสวรรค์ทั้งสามพวกนางไม่ได้มอบความไว้วางใจกับจินฉีจริงๆ!

“การค้นหาโบราณวัตถุเป็นกระบวนการที่มีอันตรายอย่างยิ่ง ต้องมีพลังใจที่เข้มแข็งมิอาจขาดได้”  สาวทูตสวรรค์ที่สูงที่สุดพยักหน้า  “นี่คือเหตุผลที่ไม่มีใครสามารถทำได้อย่างราบรื่นนับแต่โบราณกาล เพื่อความปลอดภัยเราพยายามหานักเรียนบางคนที่สามารถป้องกันตนเองได้ กล่าวคือไม่ใช่ว่าเรามีนักเรียนระดับสูงอยู่ในใจของเรา แต่นั่นเป็นเพราะเหตุผลเพื่อความปลอดภัยอย่างแท้จริง  จุดเริ่มต้นของนักเรียนนั้นเหมือนกันจริงๆ  แต่เนื่องจากความสามารถและแนวทางการเติบโตที่ต่างกัน  ตัวเลือกของเราจึงแตกต่างไปด้วย”

“มันต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว”  นักเรียนตระหนักได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

“แต่ทำไม้เจ้าเมืองน้อยจินฉีแห่งเมืองใบทองถึงทำสำเร็จได้อย่างง่ายดาย?  ไม่มีอันตรายต่อชีวิตแม้แต่น้อย!” คุณชายหมิงจูยิ้มเหมือนดอกไม้แรกแย้มและเย่ว์หยางรู้สึกว่านักเรียนหมิงจูนี้เอาแต่ใจจริงๆ

“หือ?” พวกนักเรียนสนองตอบและหันไปมองทูตสวรรค์ทั้งสามหรือว่าจะมีเหตุเปลี่ยนแปลง?

“นี่เจ้าหมายความว่ายังไง?”  จินฉีโกรธ ว่ายังมีคนสงสัยเขาอีกหรือ?

“ข้าไม่คิดว่ามันง่ายขนาดนั้นใครเล่าจะไม่ขุดหินในป่า!”  เย่ว์หยางไม่ต้องการพูด  แต่คุณชายหมิงจูย่ำเท้าเขาอย่างหนักจึงต้องลุกขึ้นพูด

“น่าขันเสียจริง ความอิจฉาเป็นจุดอ่อนของทุกคนพวกเจ้าก็แค่อิจฉาความสำเร็จของข้า!  โบราณวัตถุอยู่ในมือของข้าพวกเจ้าจะปฏิเสธไปก็เปล่าประโยชน์!” ไม่ใช่เรื่องยากกับการขุดโบราณวัตถุใจกลางทะเลต้นไม้ใครให้พวกเจ้าแต่ละคนคิดซับซ้อนเกินไปเล่าทำไมไม่คำนึงถึงความจริงที่ง่ายที่สุด  พวกเจ้าใช้สมองคิดเป็นบ้างหรือเปล่า?  ตอนนี้ข้าขุดโบราณวัตถุด้วยตัวเองมาแล้วเจ้าคิดว่าง่าย พวกเจ้าไร้ยางอายเกินไปหรือไม่? ใครที่สามารถทำสิ่งต่างๆที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ มันคือความคิดริเริ่มและจะต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ นั่นคือการใช้สมองและและความสามารถที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์!”

จินฉีและสหายชูรูปสลักหินที่มีรัศมีระยิบระยับ

ขณะนั้นเองหยางผิงแห่งเมืองเปลวอาทิตย์และสหายหน้าเศร้าของเขาถลึงมองเย่ว์หยางอย่างสิ้นหวังดวงตาที่ชั่วร้ายของเขาเหมือนมีดคม โชคดีที่ไม่ใช่มีดจริงมิฉะนั้นเย่ว์หยางและคุณชายหมิงจูต่อให้มีสิบชีวิตก็คงไม่เหลือ

เย่ว์หยางไม่สนใจต่อสายตาอาฆาตเหล่านั้นขณะเขาส่ายหน้าแทะน่องไก่ต่อ “ไม่ว่าจะเป็นโบราณวัตถุหรือไม่ สิ่งที่เจ้าพูดไม่นับ!”

ความหมายโดยนัยของเขาหมายถึงสาวทูตสวรรค์ทั้งสาม

เขาบอกว่าไม่นับ

ประโยคนี้พอเข้าใจได้

แต่กระทบใจคนฝ่ายจินฉีอย่างมาก

พวกจินฉีจ้องมองเย่ว์หยางด้วยสายตาเกลียดชัง  ถ้าสาวทูตสวรรค์ทั้งสามยืนยันโบราณวัตถุคาดว่าพวกเขาคงบังคับให้เย่ว์หยางกินรูปสลักที่ทำจากหินนี้...ในที่สุดทุกคนมองไปทางทูตสวรรค์ชุดขาวทั้งสาม จินฉีไม่พูด ทุกคนก็ไม่พูด

ตอนนี้รอให้พวกนางเฉลยว่ารูปสลักหินแปลกประหลาดนี้เป็นวัตถุโบราณหรือไม่?

“เหตุผลที่เราให้คำบอกใบ้สามข้อสำหรับนักเรียนทุกคนที่เข้าร่วมค้นหาวัตถุโบราณนั้นมีเหตุผลจริงๆ”  ทูตสวรรค์หน้ากลมที่เย่ว์หยางอยากหยิกแก้มยิ้มเล็กน้อย“ถ้าพวกเจ้ารู้คำใบ้ทั้งสามข้อก็เอาไปไตร่ตรองได้ คำใบ้หนึ่งเราบอกว่าเป็นโบราณวัตถุไม่ใช่หนึ่ง  คำใบ้ที่สองคือกุญแจสำคัญในการเปิดการทำงานโบราณคำใบ้ที่สาม พลังลึกลับจะนำทางผู้นั้น...”

นางพูดไม่ทันจบกลุ่มนักเรียนก็โห่ร้องยินดี

บางคนตะโกนใส่จินฉีอย่างเกลียดชัง  “เจ้าโง่ โบราณวัตถุ ไม่ใช่หนึ่งไม่ใช่ชิ้นเดียว เข้าใจไหม?”

เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมเพรียงกันเป็นคลื่นเสียงดังมากขึ้นทุกทีราวกับว่าจะทับถมจินฉีให้จมดิน

หน้าของจินฉีแดงเหมือนตับหมู  แต่เขาไม่ยอมรับ  “พวกเจ้าจะรู้อะไร ข้าเห็นในสถาบันผู้พเนจรแดนฟ้าเมื่อคืนนี้มีโบราณวัตถุที่คล้ายกันอยู่ในนั้น แน่นอนว่ามันไม่ได้เป็นของชิ้นเดียวที่มีอยู่ในสถาบันผู้พเนจรแดนฟ้า  ข้าไม่ผิด เป็นเจ้านั่นแหละผิด!”

เมื่อเขาตอบโต้เช่นนี้ทุกคนจึงสงบลง

แม้ว่าจินฉีจะละเมิดระเบียบและเข้าไปในสถาบันผู้พเนจรแดนฟ้าแต่อย่างที่เขากล่าวไว้ ไม่มีอะไรผิดปกติจากนั้น

“ในโบราณวัตถุนี้ มีพลังลึกลับเก็บกักไว้ตราบเท่าที่รวมเอาไว้ในสถาบันผู้พเนจรแดนฟ้า เข้าเชื่อว่ามันจะใช้เปิดประตูโบราณอย่างที่ท่านเทวทูตได้กล่าวไว้และแสดงตำแหน่งทางที่ถูกต้อง!  พวกโง่อย่างเจ้าจะตะโกนทำไม?พวกเจ้าคิดว่าตะโกนแล้วจะเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงได้หรือ? พวกเจ้าคิดว่าตะโกนไปแล้วจะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของพวกปัญญาอ่อนอย่างพวกเจ้าได้หรือ?เจ้าพวกปากมาก”  จินฉีหัวเราะด้วยความลำพองเนื่องจากเขาเสียหน้า ดังนั้นเขาจึงไม่สุภาพอีกต่อไป และพูดจาตอบโต้โดยตรง

“อ่า...”พวกนักเรียนหันไปมองคุณชายหมิงจูเหมือนขอความช่วยเหลือ

คุณชายหมิงจูอยู่ข้างเย่ว์หยาง  แต่พวกเขาไม่รู้จักเย่ว์หยาง

แต่คุณชายหมิงจูเป็นใครมีกี่คนที่ไม่รู้จัก? พวกเขารู้ดีว่าไม่มีใครที่ไม่รู้! ดูเหมือนว่ามีแต่คุณชายหมิงจูที่สามารถเหยียบเท้าคุณชายจินฉีได้

จากมุมมองของนักเรียนกลุ่มหนึ่งคาดหวังว่าคุณชายหมิงจูจะช่วยกู้หน้าและมองไปทางเย่ว์หยาง

เย่ว์หยางรีบปัดก้นเล็กน้อยและย้ายเก้าอี้ออกมาให้พ้นสายตาทุกคน “คุณชายหมิงจูบุคคลที่มีบุคลิกเป็นผู้กอบกู้โลกส่วนข้าเป็นผู้ติดตามคอยเอาใจรับใช้เท่านั้น เชิญนั่งได้แน่ใจได้ว่าเจ้าไม่เสียเวลาเปล่าแน่”

คุณชายหมิงจูมีความสุขปนหงุดหงิด

เขาต้องการหยุดยิ้มและทำจริงจังแต่ว่าเป็นไปไม่ได้

เขาปฏิเสธน่องไก่ที่เย่ว์หยางส่งให้ และนั่งลงอย่างสบายใจทำเป็นโบกมือออกคำสั่ง “ให้โอกาสดีๆ กับเจ้า ถ้าเจ้าทำได้ไม่ดี อย่ากลับมา!”

จินฉีโกรธมาก หายใจหนักหน่วง น่าอายน่าขายหน้า! เขาจะไม่ยอมโดนดูถูกทั้งชีวิตแน่

นี่มันสมเหตุสมผลหรือไม่?

คุณชายหมิงจูต้องการทะเลาะกับตัวเขาผู้ที่คนอื่นบอกว่าเป็นอัจฉริยะลืมไปแล้วหรือว่าเขาเป็นใคร บังอาจพูดแบบนี้ รนหาที่ตายชัดๆ!

“หยุดพูดเลยเจ้าบอกว่านี่คือวัตถุโบราณปลอม เจ้ามีหลักฐานอะไร?” หยางผิงตอนนี้ดีใจ และนี่คือเวลาดีที่สุดที่จะได้เหยียบย่ำเจ้าเด็กนี่

“ไม่มีหลักฐาน” เย่ว์หยางโบกมือกล่าว  “ก็เหมือนกับเจ้า อาจใช่หรือไม่ใช่ลูกข้า  ข้าไม่มีหลักฐานเหมือนกัน!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า....”  กลุ่มผู้ชมดูหัวเราะลั่น

“โปรดอย่าดูหมิ่นญาติของคนอื่นในเมื่อเจ้าก็เรียกตนเองว่ามาจากตระกูลชนชั้นสูง”  หยางผิงตัวสั่นด้วยความโกรธแต่เขาไม่สามารถหันหน้าไปมองดูรอบๆ ได้จนกว่าเขาจะเหยียบย่ำเจ้าเด็กข้างหน้าเขาหยางผิงสูดหายใจลึก “เจ้าบอกว่าวัตถุโบราณนี้เป็นของปลอม  เจ้าอาศัยหลักฐานอะไร?  เจ้าเคยเห็นมาจริงๆ หรือ?”

“ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ!” เย่ว์หยางตอบโดยไม่ลังเล “แต่ข้าเคยกินขาหมู”

“กราวววว” พวกนักเรียนเริ่มรู้สึกว่าการโต้ตอบของเจ้าเด็กนี่ไม่เลวพวกเขาเริ่มปรบมือให้เย่ว์หยาง

“เจ้าไม่ได้เห็นโบราณวัตถุและเจ้าไม่สามารถเอาหลักฐานมาให้ดูได้ ทำไมเจ้าถึงคิดว่านี่เป็นของปลอม หยางผิงรู้สึกว่าเขาชนะมองดูนักเรียนรอบๆและตะโกน”อย่าทำเมินเฉยเพราะการถูกปฏิเสธ ข้อเท็จจริงก็คือเจ้าไม่พึงพอใจกับความสำเร็จของคนอื่น  ความอิจฉาทำให้เจ้าบิดเบือนข้อเท็จจริง  นี่คือพฤติกรรมที่สูงส่งอย่างนั้นหรือ? เฉพาะเจ้าต้องการทำให้คนร้ายกาจอย่างข้าต้องสับสนโดยจงใจ! เจ้าคิดว่าการกระทำแค่นี้จะทำให้ปฏิเสธการมีอยู่ของวัตถุโบราณได้หรือ? เราสามารถปฏิเสธการยอมรับของท่านทูตสวรรค์ทั้งสามได้หรือไม่?  ดูสิ มันอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว  ไม่ว่าเจ้าจะอิจฉาหรือไม่ก็ลบล้างไม่ได้มันไม่ได้หายไปไหน และการยอมรับความจริงหลักของทูตสวรรค์ทั้งสามจะไม่เปลี่ยนนี่คือความจริงที่แน่นอน!

“พูดได้ยอดเยี่ยม ไพเราะกว่าสุนัขเห่า”  เย่ว์หยางปรบมือชม  “อย่างไรก็ตามข้าขอเตือนเจ้าว่าความเป็นจริงที่ยากลำบากอาจเป็นเรื่องตลกที่กุขึ้นจากความโลภและผยองเกินไป”

“เจ้าพูดไร้สาระ!”  จินฉีและหยางผิงตวาดพร้อมกัน

“ถ้าพวกเจ้าคิดว่าข้าพูดไม่ยั้งคิดอย่างนั้นพวกเจ้าสามารถถามบารอนจงหัวได้ ในฐานะผู้ได้รับตำแหน่งรองชนะเลิศในการประเมินครั้งล่าสุดพวกเจ้าเองก็ยอมรับความเป็นอัจฉริยะของเขา ไม่ควรมีข้อสงสัย” เย่ว์หยางดึงจงหัวที่มองดูอยู่แต่ไกลลงน้ำในครั้งนี้ด้วย  จงหัวทั้งที่อยากดูละครฉากนี้จึงต้องรีบเข้ามาคารวะทูตสวรรค์ทั้งสามก่อนและทักทายกับนักเรียนจำนวนมากแสดงภาพลักษณ์ของสุภาพบุรุษเรียบร้อย

“ไม่มีประโยชน์ที่จะหาใครมาเป็นพยานความจริงคือความจริง เจ้าไม่อาจบิดเบือนเป็นอย่างอื่น” จินฉีสงสัยว่าเย่ว์หยางจงใจพูดหรือไม่ หลังจากปล่อยมือวัตถุโบราณชิ้นนี้โอกาสจะหลุดลอยไปหรือไม่

“เป็นของปลอมแน่นอน”  จงหัวเอ่ยปากครั้งแรกสร้างเสียงฮือฮาตามมา

“อะไรนะ?” แม้ว่าพวกนักเรียนต้องการฟังคำตอบนี้ แต่เมื่อได้ยินจริงๆกลับรู้สึกเหลือเชื่อ

“เหตุผลที่ข้าบอกว่าโบราณวัตถุนี้เป็นของปลอมเพราะข้าก็ถูกหลอกด้วยเช่นกัน จงหัวฝืนยิ้ม”ความจริงแล้วของชิ้นนี้ถูกจีอู๋ลี่ขโมยไปจากสถาบันผู้พเนจรแดนฟ้าแล้วเอาไปฝังไว้ในทะเลต้นไม้ ความจริงข้อสงสัยว่าวัตถุโบราณถูกฝังอยู่ในกลางทะเล มีกันอยู่ทุกคนไม่ใช่แค่ข้า แต่จีอู๋ลี่เชื่อว่าเขาถูกหลอก อย่างไรก็ตามนี่ไม่ต้องใช้ความพยายามมากแต่อย่างใดในการขุดที่ใจกลางทะเลต้นไม้และถือว่าไม่เสียหายอะไรแม้ว่าข้าจะโง่นิดหน่อย แต่ข้าเชื่อว่าหลังจากเข้าสู่ทะเลตะวันออกมีเพียงไม่กี่คนที่ขุดพื้นที่ตรงกลาง เราทุกคนหลงกล... แต่ไม่จำเป็นต้องเอารูปสลักหรืออะไรที่ถูกฝังในอดีตออกมา...”

“ทำไมจีอู๋ลี่ถึงทำเช่นนี้?”  จินฉีตวาดร้อง

“ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แต่ทุกคนที่ถูกหลอกคาดว่าพวกเขาก็จะทำอย่างนั้น!” จงหัวพูดอย่างนั้นทำให้ทุกคนหัวเราะขำขัน

“เป็นไปไม่ได้ เจ้าโกหก!” หยางผิงเห็นรอยยิ้มของเย่ว์หยางแล้วรู้สึกว่ารอยยิ้มนี้ทำให้เขาอึดอัดเจ็บปวดเหมือนถูกเชือดเฉือน

“ข้าสามารถเป็นพยานได้ก่อนที่พวกเจ้าจะขุดขึ้นมาดู” เริ่นเทียนเกอเดินยิ้มออกมา “ข้าสงสัยว่าวัตถุโบราณไม่ได้อยู่ที่ยอดเขาตะวันออก  ที่นั่นไม่มีทะเลแม้แต่น้อย  ทะเลต้นไม้ไม่ใช่ทะเลแค่ชื่อก็บอกไว้ชัดเจนแล้ว โบราณวัตถุของแท้คงไม่ได้ถูกฝังไว้ที่กลางป่า ไม่ว่าจะไตร่ตรองยังไงก็ไม่สอดคล้องกัน”

“คำใบ้ของทูตสวรรค์ไม่ผิดแน่นอนเป็นพวกเจ้าหลายคนพูดส่งเดช ความจริงไม่เป็นอย่างนั้นแน่!” จินฉีคำรามด้วยความโกรธ และเขาถือรูปปั้นไว้ในอ้อมแขนราวกับว่าเขาจะไม่ยอมปล่อย  รูปปั้นนี้ประหลาดนี้จะไม่กลายเป็นของปลอมแน่

“เราไม่ได้โกหก คำใบ้นั้นถูกต้อง” สาวทูตสวรรค์ชุดขาวผู้ถือคัมภีร์เงินกล่าว จินฉีมีความสุขทันทีราวกับคนจะจมน้ำแล้วได้ฟางช่วยชีวิต แต่คำพูดของนางยังไม่จบ นางพูดต่อ “อย่างไรก็ตามเจ้าไม่สามารถทำตามคำใบ้ของเราได้เราแค่บอกได้บางส่วนตามข้อบังคับสำหรับส่วนที่เหลือพวกเจ้าต้องใช้สติปัญญาคิดค้นไตร่ตรองข้าเชื่อว่านักเรียนหลายคนเข้าใจว่าคำว่าทะเลตะวันออกเป็นเพียงการเริ่มต้นไม่ใช่ทั้งหมด โบราณวัตถุไม่ได้มีแค่ชิ้นเดียว ข้าได้บอกใบ้ไปแล้ว มันไม่ง่ายเหมือนการขุดของในทะเลตะวันออก  มันยากมากขนาดคุกคามเอาชีวิตได้  ถึงได้ไม่มีใครทำได้สำเร็จนับแต่โบราณ”

“ฮืมๆๆๆๆ, กาลครั้งหนึ่งยังมีเจ้าโง่ตัวใหญ่แต่ขี้โม้ไม่อายใครมาถึงยอดเขาตะวันออกเขาพบเห็นแตงโมอยู่บนไม้พันธุ์ เขาเด็ดแตงโมขึ้นมากิน แล้วมีความรู้สึกว่าเขาฉลาดขึ้นเขาจึงขุดๆๆๆๆ ขุดเอาดินเน่าแล้วหอบกลับบ้านไปถามแม่ด้วยความดีใจ  แม่บอกว่ามันเป็นความภาคภูมิใจเทียมฟ้าทำให้เจ้าโง่นั้นมีความสุขเจ้าโง่นั่นยิ้มราวกับมีดอกไม้บานเต็มหน้าเที่ยวรับรางวัลตอบแทนกันให้วุ่นข้าเห็นแล้วยังอดขำไม่ได้”

เย่ว์หยางปรบมือท่องบอกเล่าเรื่องราวเป็นทำนองจังหวะ

จินฉีได้ยินแล้วเส้นเลือดแทบระเบิด

เขาอยากเป็นลม

แต่ไม่อาจเป็นลมได้สติเขาแจ่มใสอย่างน่าประหลาด

คนรอบตัวจินฉีอยากแทรกแผ่นดินหนีจริงๆ

นักเรียนที่ไม่สบายใจอึดอัดตอนแรกพอได้ฟังเย่ว์หยางร้องเป็นทำนองอีก ต่างก็ตบมือโห่ร้องกันมากขึ้นทุกทีบางคนก็ตะโกนว่าเจ้าโง่ๆ เสริมเป็นระยะๆ

“หมิงจู! จะให้ข้าเล่นบทไหนอีก?” เย่ว์หยางถอยกลับไปปรึกษา ทำตัวเหมือนสามีที่ดีปรึกษาภรรยาด้วยความจริงใจ

“ไม่ต้องมากนักก็ได้” คุณชายหมิงจูลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างตื่นเต้นและกอดเขาแล้วใช้มือทุบเขาหหนึ่งครั้ง และยิ้มกล่าว “เจ้าร้ายกาจจริงๆ”

“รอยยิ้มของเจ้าคืองานหนักในชีวิตของข้า!”

เย่ว์หยางทำตัวเป็นอัศวินพิทักษ์หญิงงาม

หลายวันมานี้มีความเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องหาข้ออ้างมากล่าว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด