ตอนที่แล้วตอนที่ 1050 สงครามร้อยวัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1052 โอว..ข้าอยากตาย

ตอนที่  1051 มรดกโบราณ เทพศักดิ์สิทธิ์


สำหรับความคิดของเย่ว์หยางที่จะไปด่านที่เจ็ดหุบเขามนุษย์ คนที่ต้องระมัดระวังมากที่สุดไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นจอมปีศาจไคเทียน

แม้ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่มาได้นับหมื่นปี

แต่เขาก็เคยได้ยินข้อมูลเกี่ยวกับหุบเขามนุษย์มาก่อน

ในหุบเขามนุษย์  เขาต้องการโจมตีเย่ว์หยาง  เป็นไปไม่ได้ที่จะสู้กันโดยตรงเหมือนที่หุบเขาอสูร  นอกจากนี้การต่อสู้โดยตรงไม่อาจเอาชนะเด็กหนุ่มนี่ได้  เขาต้องหาวิธีและแนวทางที่ดีที่สุดลงมือเพื่อปราบศัตรูของโชคชะตานี้ให้อยู่มือ

เมื่อนางฟ้าสงครามสวมชุดรบบินมาจากระยะไกล

เริ่นเทียนเกอและคนอื่นๆที่สังเกตการณ์ดูการต่อสู้ตลอดร้อยวันลอบถอนหายใจ

เด็กใหม่ผู้นี้เจ้าเล่ห์นักใครจะเข้าใจได้ว่าขณะที่เขาต่อสู้ในสงครามร้อยวันอย่างดุเดือดรุนแรงเจ้าเด็กนี่กลับมีพลังเหลือเฟือ ปล่อยนางฟ้าสงครามอสูรพิทักษ์ออกไปเก็บคะแนน  ประการแรกไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเจ้าเด็กนี่พาอสูรพิทักษ์มามากมายเขาไม่ได้บอกว่าเขากล้าสู้ศึกร้อยวันที่ไม่มีใครกล้าสู้ได้ แค่ความคิดวางแผนล่วงหน้าก็ทำให้พวกเขาละอายใจแล้ว...เจ้าเด็กผู้นี้เข้าสู่เมืองร้างใต้ดินก็เริ่มวางแผนไว้แล้ว  เขาต่อสู้ถึงร้อยวันแต่ไม่เรียกอสูรหลักออกมา กลับปล่อยให้ไปเก็บรวบรวมคะแนนอย่างบ้าคลั่ง

ร้ายกาจนัก!

นอกจากจีอู๋ลี่ที่วางแผนกระสุนนัดเดียวยิงนกได้สองตัวแม้ว่าจะไม่เลว แต่เมื่อเทียบกับการวางแผนล่วงหน้านี้กลับค่อนข้างจืดทันที

อย่างน้อยพวกเริ่นเทียนเกอคาดว่าจีอู๋ลี่วางแผนไว้ลึกซึ้งที่สุดหลังจากวางแผนใช้เวลาไม่ถึงร้อยวันผู้นำที่ยิ่งใหญ่นั้นต้องเจ็บปวดต่อสู้ศึกสะท้านโลกถึงร้อยวันแต่ก็ยังมีพลังไปสู้ในศึกอื่นเช่นกัน

“เขาได้กี่คะแนน?”  แม้แต่เริ่นเทียนเกอก็ยังสงสัย  เขารู้ว่าเย่ว์หยางมีความตั้งใจแน่นอน  เขาคงไม่ใช้เวลาร้อยวันเอาชนะร้อยคะแนนแน่นอนยิ่งไปกว่านั้น นั่นไม่ใช่นางฟ้าศึกธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นภูมิปัญญา พลังรบและการเติบโตของนางฟ้าสงครามนี้ ทั้งด้วยความรู้ของเริ่นเทียนเกอบ่อยครั้งที่พวกเขารู้สึกว่านางฟ้าศึกนี้เป็นมนุษย์ไม่ใช่อสูรศึก ดังนั้นจะเห็นได้ว่านางฟ้าศึกนี้เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้นั่นเป็นความสำเร็จขนาดไหน

“หมื่นคะแนน” คนตอบไม่ใช่เย่ว์หยางแต่เป็นชิงหมอ

เมื่อเขาเห็นนางฟ้าศึกกลับมาเขารีบเทเลพอร์ตไปดูบันทึกในค่ายที่ใกล้ที่สุด

เขาพบว่ามีสถิติใหม่เกิดขึ้นภายใต้ฐานเทวรูปนั่นคือจีอู๋ลี่ แต่บัดนี้เขานำอยู่เพียงคะแนนเดียวเท่านั้นและจีอู๋ลี่ออกไปจากหุบเขาปีศาจแล้วสถิติใหม่ไม่จำเป็นต้องพูดถึง ย่อมเป็นเจ้าเด็กใหม่ที่ไม่ธรรมดานี้

อะไรกัน?

เมื่อเริ่นเทียนเกอได้ยินพวกเขาอดร้องออกมาไม่ได้

พวกเขาทุกคนรู้ว่ากว่าจะได้คะแนนยากแค่ไหน แม้ว่าจีอู๋ลี่กับจงหัวและพวกจะใช้แผนการทั้งภายในและภายนอกบดขยี้กองทัพพันธมิตรเทพของพวกเขานับครั้งไม่ถ้วนและได้คะแนนไปเพียง10001คะแนนทำลายสถิติเดิมของนางพญาเฟ่ยเหวินหลี แน่นอนจีอู๋ลี่ใช้เวลาสองสามเดือนวางแผนสมคบคิดและหลอกลวง  แต่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีใช้เวลาเพียงครึ่งปีและทั้งสองไม่อาจเทียบกันได้จริงๆ

ดังนั้นคะแนนที่ยากเย็นขนาดนั้นนางฟ้าศึกรวบรวมคะแนนได้หมื่นคะแนนภายในร้อยวันได้อย่างไร?

“เจ้าบอกหน่อยได้ไหม?”  แม้แต่บัณฑิตตาเงินก็ยังสงสัยและอยากรู้คำตอบ

“ความลับ” เย่ว์หยางยิ้มและไม่ตอบ

ความลับบางอย่างไม่พูดเป็นดีที่สุด มิฉะนั้นจะกลายเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีของคนรุ่นหลังและคนที่รู้ความลับก็คือนักสู้ที่ประสบความสำเร็จ

นางฟ้าศึกอิคคาแปลงเป็นร่างเหมือนของเย่ว์ซวงและโผเข้าอ้อมกอดของเย่ว์หยางร่างนางปรากฏรัศมีหลากสีสัน บนท้องฟ้าที่ว่างเปล่าพลันมีภาพฉายนางฟ้าขนาดใหญ่หนึ่งกิโลเมตรนางสวมมงกุฏปัญญาซึ่งเป็นมงกุฏทอสีเขียว มือข้างหนึ่งถือดาบแห่งการทำลายล้างและอีกข้างหนึ่งยื่นออกไปในอากาศว่างเปล่าและลูบศีรษะของอิคคา

ในทำนองเดียวกันในท้องฟ้าห่างไกลออกไป  ยังมีภาพฉายจ้าวปีศาจขนาดยักษ์    ดูเหมือนเพราะไม่มีใครรับตกทอดพลังของเขา ใบหน้าของเขาจึงหายไปไม่เหลือร่องรอย

เมื่อจีอู๋ลี่ทำลายสถิติมีรัศมีฉายเพียงวาบหนึ่งเช่นกัน

แต่วันนี้ภาพเหลือเชื่อเกินจริงนั้นมาจากไหน?

พลังงานไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนพลังปราณวิญญาณไหลเติมเข้าไปในป้ายตราเทพในมืออิคคาและบนกระหม่อมของนางและถ่ายทอดพลังให้นางมากมายเป็นพันเท่า เพิ่มศักยภาพที่ไม่มีจำกัดให้นางภายใต้การรายล้อมของพลังศักดิ์สิทธิ์ นางเติบโตและพัฒนาต่อเนื่อง

นางฟ้าศึกอิคคาถือกำเนิดจากเหตุผลพิเศษเลือดเทพและเลือดของเย่ว์หยาง เป็นนางฟ้าศึกที่ไม่ธรรมดา

ตอนนี้หลังจากได้รับตกทอดพลังเทพที่ไม่รู้จักชื่อนางเกิดใหม่อย่างสมบูรณ์เติบโตอย่างรวดเร็วในรูปแบบใหม่เกินคาดเย่ว์หยางอย่างสิ้นเชิง

ครืนนครืนนน ครืนน!

เมื่ออิคคาผู้รับสืบทอดพลังเทพจากเทพที่ไม่รู้จักชื่อผละออกจากอ้อมแขนเย่ว์หยางและกระพือปีกบินขึ้นไปในท้องฟ้าเกิดเป็นภาพชวนตกตะลึง ภาพฉายเทพสตรีมีใบหน้าแสดงออกถึงความรักความเมตตามือยักษ์ของนางประคองจับร่างอิคคาจากนั้นบรรจงจูบเบาๆ ก่อนร่างจะเลือนหายไป

อิคคารับจุมพิตจากนางก็ปลดปล่อยพลังเทพทันที

ระดับพลังเพิ่มพูนอย่างบ้าคลั่งเป็นระดับทูตสวรรค์  ความเร็วในการเพิ่มระดับพลังนี้ทำให้พวกเริ่นเทียนเกอรู้สึกอิจฉาและเสียใจบัดนี้พวกเขาเข้าใจถึงเหตุผลที่มีการสู้รบระหว่างสองกลุ่มในหุบเขาปีศาจ  เพราะมีเทพเจ้าโบราณสองตนตายที่นี่และพวกเขาตั้งใจหาทายาทที่เหมาะสมที่นี่ บัดนี้ทายาทปรากฏตัวขึ้นในที่สุด พวกเขาไม่ได้อยู่ในหุบเขาปีศาจมาเป็นเวลาหลายพันปี  แต่เป็นผู้มาใหม่ที่อยู่ในระยะร้อยวันแรก  และเป็นอสูรพิทักษ์

ฝ่ายค่ายมารมีพระยายมซิวอิ่ง จ้าวกระดูกจินหายและจอมถลกหนักเซี่ยทียิ่งรู้สึกละอายมากกว่า

ตัดสินจากภาพฉายเทพปีศาจที่หายไปแสดงว่าฝ่ายค่ายมืดแพ้ เทพฝ่ายค่ายพันธมิตรเทพพบเจอทายาทผู้มีคุณสมบัติการต่อสู้มาตั้งแต่ยุคโบราณสิ้นสุดลงด้วยความพ่ายแพ้ของฝ่ายค่ายมาร

นี่ไม่ใช่แค่ความล้มเหลวธรรมดาเท่านั้น  แต่ยังเป็นการสูญเสียคุณสมบัติรับมรดกพลังเทพ

เทวทูต,ขุนพลเทพ, กึ่งเทพ, ชั้นเทพ.... เมื่ออิคคาบรรลุพลังเทพทั้งหมดและระเบิดพลังออกมาทุกคนที่อยู่ข้างล่างเริ่มอึดอัดหายใจไม่ออกและในใจพวกเขาตกตะลึงกับพลังของเทพ หากอิคคาเข้าใจพลังเทพนี้ได้อย่างสมบูรณ์คาดว่าแค่ใช้เพียงมือเดียวนางก็สามารถทำลายคนเบื้องล่างได้หมด  ต่อหน้าพลังเทพสูงส่งนี้แม้แต่จอมปีศาจไคเทียนผู้หยิ่งยโสอยู่เสมอก็ยังทำอะไรไม่ได้เขาอดเปลี่ยนสีหน้าไม่ได้

น่าเสียดายที่พลังเทพปะทุระเบิดออกมาเพียงสิบวินาทีก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว

พลังเทพมหาศาลนี้ยังไม่ใช่สิ่งที่อิคคาเข้าใจอย่างสิ้นเชิง

แน่นอนว่านางไม่รีบร้อน

เมื่อพลังเทพกลับเข้าไปอยู่ในร่างอิคคาแล้วนางร้องยินดีและบินลงมาจากท้องฟ้าโผเข้ากอดเย่ว์หยาง

หากไม่ใช่เพราะที่ระหว่างคิ้วของนางมีเครื่องหมายที่นางเป็นตัวแทนเทพอีกทั้งคำจารึกในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของเย่ว์หยางเป็นข้อพิสูจน์ว่านางเลื่อนชั้นพลังเป็นนางฟ้าระดับเทพผู้น่าเกรงขามแล้ว  ส่วนอื่นนางไม่มีการเปลี่ยนแปลง

“ข้าจะไปรอเจ้าอยู่ในหุบเขามนุษย์!”  จอมปีศาจไคเทียนแค่นเสียง

เย่ว์หยางมีอสูรพิทักษ์เก็บสะสมคะแนนให้เขา  จอมปีศาจไคเทียนคิดจะขัดขวางเย่ว์หยางไม่ให้เข้าหุบเขามนุษย์คงเป็นไปไม่ได้  เขาตัดสินใจล่วงหน้าไปก่อนหนึ่งก้าวไม่ว่ายังไงก็ตามเขาคงไม่มีพลังเติบโตก้าวหน้าอีกแล้วจากมุมมองเด็กหนุ่มอย่างเย่ว์หยาง เขาจะไม่ยอมให้เย่ว์หยางได้ผ่านด่านทั้งสิบได้รับรางวัลเป็นคัมภีร์เทพ

พวกเริ่นเทียนเกอเข้ามาพูดทักทายเย่ว์หยางเพื่อสร้างความสัมพันธ์

ตอนนี้พวกเขามองเย่ว์หยางในสถานะที่เท่าเทียมกันทั้งอาจจะสูงมากกว่า  มรดกพลังเทพหายไปแล้วพวกเขาสามารถไปจากหุบเขาปีศาจได้อย่างไม่อาลัยอีก

ด่านที่เจ็ดหุบเขามนุษย์เป็นที่ซึ่งพวกเขาจะไปแต่ไม่มีใครสามารถแข่งกับเด็กใหม่ผิดธรรมดาอย่างเย่ว์หยางได้

ความสัมพันธ์ฉันท์มิตรล่วงหน้าก็เป็นเรื่องจำเป็น

เพราะด่านที่เจ็ดหุบเขามนุษย์พวกเขาแต่ละคนได้รวบรวมข้อมูลที่ควรรู้ในด่านหุบเขามนุษย์  ความสัมพันธ์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด

เริ่นเทียนเกอบัณฑิตตาเงิน พระยายมซิวอิ่ง จ้าวกระดูกจินหายจอมถลกหนังเซี่ยทีและนักสู้อื่นจากไป และคนที่ยังคงอยู่เป็นผู้ที่คาดไม่ถึงคือชิงหมอ

“เจ้าไม่ได้ชื่อชิงหมอ  เจ้าชื่ออะไรกันแน่?”  จู่ๆ เย่ว์หยางถามเขาขึ้น

ชิงหมอแค่นเสียงเย็นชาเทเลพอร์ตจากไปอย่างเมินเฉย เย่ว์หยางแน่ใจว่าคนผู้นี้เป็นสมาชิกของหอทงเทียน  แต่ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร

อย่างไรก็ตามด่านที่เจ็ดหุบเขามนุษย์ก็คงจะได้พบกันอีกครั้งเย่ว์หยางไม่ถือสากับการปล่อยคนผู้นี้ไปชั่วคราว

จอมปีศาจไคเทียนและเริ่นเทียนเกอกับผู้นำอื่นๆพากันไปจากหุบเขาปีศาจ แต่เย่ว์หยางไม่ได้จากไปทันที แต่เขากลับไปพื้นที่ถ้ำรังมาร ทำลายตารางมิติฟ้าเข้าไปในวิหารปีศาจฟ้า...  สามวันต่อมารอจนเขาช่วยผู้ท้าทายผ่านด่านหมื่นคนออกมา  พวกเขาบางคนมีสีหน้าซาบซึ้งใจบางคนมีสีหน้าไม่พอใจเพราะกลับแลกมาด้วยการปล่อยให้อิคคาฆ่าอสูรของพวกเขา...พวกเขาเลือกที่จะรอดไว้ก่อน  ที่สำคัญเย่ว์หยางได้พูดคำคมก่อนจากไป‘เหลือขุนเขาแมกไม้ไว้ ไยต้องกลัวไร้ฟืนไฟ’

ครั้งนี้คะแนนสะสมที่ฐานเทวรูปของเขาขึ้นไปถึง30,000 คะแนน

เป็นลำดับแรกที่อยู่เหนือและทุบทุกสถิติ

คะแนนสะสมนี้ทำลายสถิติของจีอู๋ลี่ที่ใช้เวลาสองสามเดือนทั้งอาศัยการสมคบคิดเพื่อให้ได้คะแนน10001 คะแนน นอกจากนี้ยังเป็นคะแนนสูงสุดที่ไม่มีใครในอนาคตจะเลียนแบบได้ เขาเชื่อว่าจะไม่มีใครในอนาคตที่มีโอกาสฆ่าศัตรูของค่ายศัตรู และเป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยรับประกันความสำเร็จแบบสมรู้ร่วมคิดอย่างจีอู๋ลี่ทำลายสถิติคะแนนนางพญาเฟ่ยเหวินหลีแซงขึ้นไปเป็นอันดับที่หนึ่ง

ถือว่าเป็นการตอบโต้ครั้งใหญ่ที่สุดของเย่ว์หยาง

นอกจากนี้นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น การตอบโต้ที่แท้จริง อยู่หลังหุบเขามนุษย์..  เมื่อเย่ว์หยางออกจากหุบเขาปีศาจที่ค่ายแรกไม่เพียงแต่ฝ่ายพันธมิตรเทพเท่านั้นแม้แต่ผู้ท้าทายผ่านด่านของฝ่ายค่ายมารก็มาส่งผู้ที่ช่วยพวกเขาเป็นพิเศษ  คนที่ตื่นเต้นที่สุดเห็นจะเป็นหัวหน้ามาร์คที่เป็นคนต้อนรับเด็กใหม่เย่ว์หยางคนแรกเบนหัวหน้าตาเดียวที่ต่อสู้ร่วมกับเย่ว์หยาง ทอเรนเป่ย,เจ้าสี่แขนและเจ้าสัวอ้วนเตี้ย

แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่ต้องพูดอะไรมาก แต่ทุกคำที่เขาพูดกลายเป็นของขวัญที่ล้ำค่าของชีวิต

พวกเขามีความรู้เป็นของตนเอง

ภายในหุบเขาปีศาจนี้เป็นสถานที่ซึ่งผู้นำใหญ่มีคุณสมบัติท้าทายผ่านด่านและสามารถออกไปได้ทั้งหมด แม้ว่าพวกเขาจะสามารถมีชีวิตได้อย่างปลอดภัย  แต่ด่านที่เจ็ด หุบเขามนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถไปได้  ต่อให้เย่ว์หยางพาพวกเขาไป  พวกเขาไม่ต้องการเป็นภาระถ่วงเขา

“ไม่เป็นไรเราสามารถใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้เป็นอย่างดี เมื่อเจ้าผ่านด่านได้ทุกด่านและได้รับคัมภีร์เทพ  เราค่อยติดตามเจ้าอีกครั้ง!”

เบนบุรุษตาเดียวได้เป็นผู้นำคนใหม่และเขาเป็นตัวแทนของผู้ท้าทายผ่านด่านหลายคนพูดความในใจ

เย่ว์หยางพยักหน้าโบกมืออำลาทุกคน

เมื่อเขากลับไปพบหน้าชายชราที่เขาได้พบก่อนเข้าด่านชายชราผู้นั้นยิ้มหน้าบานเย่ว์หยางเห็นแล้วหงุดหงิดนึกอยากจะต่อยหน้าชายชรานัก  แต่เขารู้ว่าพลังของชายชราผู้นี้เขี้ยวยิ่งกว่าจอมปีศาจไคเทียนมิฉะนั้นชายชราผู้นี้คงมิอาจเป็นผู้นำที่แท้จริงของค่ายพันธมิตรเทพในหุบเขาปีศาจแน่

“หนุ่มน้อยเลือดร้อน ข้าเห็นแล้วอิจฉาจริงๆ!”ผู้เฒ่าดูเหมือนรู้ทุกอย่างที่เย่ว์หยางกระทำในหุบเขาปีศาจและทุกอย่างที่เขาได้รับเขายิ้มให้เป็นพิเศษ

“ได้คำชมจากตาแก่หนังหนา ข้าเป็นปลื้มจริงๆ!”  เย่ว์หยางพูดแดกดัน

“ไม่ดีๆ อย่ามาโกรธคนแก่อย่างข้าเลย  โดยเฉพาะถ้าข้ารู้ข้อมูลเกี่ยวกับหุบเขามนุษย์”  ชายชราไม่โกรธแม้แต่น้อย

“ท่านต้องการประจบข้าหรือ?”  เย่ว์หยางโมโห ในฐานะคนเก่าแก่คิดจะรีดไถเด็กใหม่ง่ายๆ หรือ?

“โอว..ข้าแก่เฒ่าแล้วอยู่มานานหลายไปแข้งขาอ่อนล้า ปวดเมื่อยหัวไหล่ ถ้ามีคนยินดีดูแลเฒ่ากระดูกผุกร่อนให้ข้า  อย่างนั้นข้าคงคิดอะไรออกได้ขึ้นมาบ้าง”  ชายชรามองดูเย่ว์หยางเหมือนกับโจรแก่ที่เห็นสมบัติหายากและยิ้มให้โดยเฉพาะ

“.....” เย่ว์หยางอยากบอกเขาว่า ฆาตกรพวกวางเพลิงที่เขาเคยพบเจอมาไม่ต่างอะไรกับตาเฒ่าผายลมที่บีบแขนนวดไหล่เพื่อเอาข้อมูลตาเฒ่านี่ไม่สนใจว่าคนใหม่จะต้องตายไปเท่าใดเย่ว์หยางนึกอยากชักดาบออกมาฟันตาเฒ่าผู้นี้นัก แต่ในที่สุดเขาข่มใจฝืนยิ้ม “ผู้เฒ่า!  มือของเด็กใหม่แข็งกระด้างและใหญ่เกินไป  ดังนั้นคงไม่เป็นไรกระมัง?”

เมื่อได้ยินชายชรางีบเขาส่ายหัว “ไหล่ข้าไม่ปวดเมื่อยกะทันหันแน่ ขาข้าไม่ได้ล้า  เด็กน้อยเจ้ามีความกตัญญูนี่ถือเป็นเรื่องดีต่อใจแล้ว!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด