ตอนที่แล้วตอนที่ 1048 ข้าต้องฆ่าเจ้าให้ได้!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1050 สงครามร้อยวัน

ตอนที่ 1049 ตามไปดู?


เริ่นเทียนเกอ, บัณฑิตตาเงิน, ชิงหมอฮ็อกสี่ผู้นำฝ่ายพันธมิตรเทพ และพระยายมซิวอิ่ง จ้าวกระดูกจินหาย จอมถลกหนังเซี่ยที ฯลฯหกหัวหน้าใหญ่ฝ่ายค่ายมารออกมาจากประตูลับที่สาม

ด้วยการเสียสละหัวหน้าค่ายฝ่ายมารอีกคนหนึ่ง  ในที่สุดพวกเขาจึงหลบหนีออกมาจากตารางมิติได้

พวกเขาไม่ต้องการจากไปในลักษณะนี้

เพราะมีสหายเกือบหมื่นคนถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง

สหายเหล่านี้เก้าในสิบยังไม่ตายแต่ติดอยู่ในตารางมิติรอรับความช่วยเหลือ

น่าเสียดายที่เริ่นเทียนเกอพยายามทุกวิถีทางที่ทำได้และในที่สุดเขาพบว่าแม้แต่ทุกคนในฝ่ายพันธมิตรเทพและฝ่ายค่ายมารจะผนึกกำลังกันก็ยังไม่สามารถเอาชนะยักษ์ดาบทองได้ พวกเขาสำรวจทางเข้าของตารางมิติสวรรค์ ภายใต้การโจมตีของยักษ์ดาบทอง พวกเขาลังเล แต่ก็ต้องยอมรับความจริงข้อนี้

“ดูเหมือนผิดปกติ!”  ชิงหมอเป็นคนแรกที่พบว่าข้างนอกมีเหตุผิดปกติ

“เกิดอะไรขึ้นที่นี่?” เริ่นเทียนเกอมองบัณฑิตตาเงินเหมือนอย่างเคย  เขารู้ว่าบัณฑิตตาเงินคือคนที่รู้ความลับสมบัติลับของคนผู้นั้น

“มีบางคนต่อสู้กันอย่างหนักในพื้นที่ใกล้เคียง”  พระยายมซิวอิ่งมองดูประตูลับที่สองเขาแค่นเสียงเย็นชา  “ทุกคนระวังให้ดี  ต่อให้เราสู้กับเทพของยักษ์ดาบทองประตูลับที่สามก็คงไม่สลับมาที่นี่แน่”

“ในหุบเขาปีศาจยังมีคนแข็งแกร่งยิ่งกว่าเราได้อย่างไร?”  จ้าวกระดูกจินหายไม่อยากเชื่อ

“หรือว่าจีอู๋ลี่จะกลับมา?”  จอมถลกหนังเซี่ยทีประหลาดใจเล็กน้อย

เมื่อพวกเขากลับมาถึงที่ประตูลับชั้นหนึ่ง

ทุกคนตกใจเมื่อเห็นซากหักพังของเมืองใต้ดิน

เพราะภาพที่ปรากฏต่อพวกเขาขณะนี้ไม่ใช่ซากหักพังของคุกใต้ดินที่มืดมิดเลย  แต่เป็นหลุมเปิดโล่งที่เต็มไปด้วยรอยฉีกแตกแยกทุกที่  ทุกอย่างในซากหักพังโบราณถูกทำลายล้าง  หรือสิ่งต่างๆ ส่วนใหญ่เช่นดิน หินภูเขา ฯลฯพื้นที่ว่างกระจุยกระจาย พื้นที่มิติว่างที่แตกหักพังนั้นมีมากหนาแน่นคล้ายกับตารางมิติฟ้าแต่ยังดูเป็นระเบียบมากกว่า สภาพพื้นที่มิติพร้อมจะพังทลายได้ตลอดเวลา บางส่วนก็พังไปแล้ว

ต้องมีกี่คนต่อสู้กันจึงจะสร้างผลเสียหายได้ขนาดนี้?

เริ่นเทียนเกอรู้สึกว่าน่าจะมีสักร้อยคน

และใช้เวลาสามเดือน

ถึงอย่างนั้นก็แทบทำลายพื้นที่รังมารที่มืดมิดนี้จนเป็นสภาพนี้ก็ยังไม่ได้

อย่างไรก็ตามเขาจำได้ชัดเจนว่าเขาไปเจอตารางมิติฟ้าและสู้กับยักษ์ดาบทองเพียงวันเดียว  แค่วันเดียว

เวลาในตารางมิติฟ้าและพื้นที่รังมารด้านนอกก็เหมือนกัน  เวลาและมิติไม่มีการเปลี่ยนแปลง  หรือจะพูดให้ถูกก็คือข้างนอกพังทลายอย่างนี้เกิดขึ้นในวันเดียว!

ในทางกลับกันลองคำนวณดูว่าในเวลาวันหนึ่งทำลายพื้นที่ได้ขนาดนี้จะต้องใช้คนกี่คน  เริ่นเทียนเกอรู้สึกว่า ถ้าใช้หมื่นคนทุ่มเทพลังทั้งหมดอาจทำลายไม่ได้ขนาดนี้

น่ากลัวมาก!

ใครกันใครกันที่ทำให้ยุ่งเหยิงได้มากขนาดนี้ได้?

โลกนี้มีผู้คนมากถึงหมื่นคนเชียวหรือ?  เริ่นเทียนเกอคิดและรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังจะบ้า!

“บึ้ม บึ้ม บึ้ม!”

ในท้องฟ้าไกลโพ้นคลื่นสั่นสะเทือนจากแรงระเบิดดังมาถึง

จากการประเมินของเริ่นเทียนเกอและผู้นำอื่นรู้สึกว่าพื้นที่การสู้รบห่างออกไปอย่างน้อยร้อยกิโลเมตร มิฉะนั้นคลื่นระเบิดทำลายล้างจะไม่อ่อนกำลังลงขนาดนี้

ไม่มีใครลังเลแม้แต่วินาทีความอยากรู้อยากเห็นครอบงำความกลัวในใจของเขาเริ่นเทียนเกอวิ่งไปที่ต้นเสียงที่เกิดแรงระเบิดแทบจะทันที

ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงแผ่นดินไหวสั่นสะเทือนราวกับมีมือวิเศษนับไม่ถ้วนเขย่าแรงสั่นสะเทือนทำให้ยอดเขาพังทลายและตามทางมองเห็นรอยแยกเหมือนรูปใยแมงมุม  ในระยะไกลมีประกายไฟและคลื่นเสียงกระหึ่มเหมือนเสียงพายุฝนฟ้าคะนอง ป่าไม้ไม่ถ้วนถูกไฟไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็วบนพื้นทั้งดินและหินที่เป็นเนินนับไม่ถ้วนและยอดเขาถ้าไม่พังทลายลงมาก็ปลิวลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า

พอถึงระยะห้าสิบกิโลเมตร พวกเริ่นเทียนเกอต้องชะลอความเร็วลง

พวกเขาสามารถใช้สายตามองดูได้

และพบว่ามีจุดแสงสว่างที่ดูเหมือนรัศมีเทพเจ้ากำลังไล่กวดกันในท้องฟ้า แสงที่สว่างเหมือนดวงอาทิตย์ทางซ้ายมีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อยไล่จุดแสงสีทองม่วงทางด้านขวาบางทีจุดแสงสีม่วงทองทางด้านขวาก็ไล่จุดแสงสว่างเหมือนดวงอาทิตย์ทางด้านซ้าย

ไม่ว่าใครจะไล่กวดใครก็ตามหรือใครสู้กับใครก็ตาม

ตราบใดที่คนใดคนหนึ่งยิงพลังงานพื้นจะแตกสลาย ภูเขาจะพังทลาย แม่น้ำจะเหือดแห้งเป็นไอ ป่าจะมอดไหม้

ในระยะทางเกือบสามสิบกิโลเมตรเริ่นเทียนเกอและพระยายมซิวอิ่งยังไม่เป็นไร เพราะพวกเขามีพลังปราณราชันย์ระดับแปดพวกเขายังคงหายใจได้สะดวก แต่คนอ่อนแอที่สุดอย่างฮ็อกและหัวหน้าค่ายมารจะรู้สึกอึดอัดหายใจลำบาก

ภายใต้พลังกดดันที่ไม่ได้ตั้งใจของอีกฝ่าย  พลังร่างกายของพวกเขายากจะทำงานได้อย่างอิสระ

ต้องรู้ว่านี่คือระยะห่างสามสิบกิโลเมตร!

หลังจากพยายามเข้าใกล้ระยะสิบกิโลเมตรฮ็อกมีความรู้สึกว่าตนเองเล็กน้อยอาจถูกแรงระเบิดจากการต่อสู้ของทั้งสองกระแทกกระเด็นได้ทุกเมื่อ

เริ่นเทียนเกอที่แข็งแกร่งมากกว่าตัดสินใจมองดูอย่างระมัดระวัง  และเมื่อเห็นสองคนที่ต่อสู้กันข้างหน้าเขาตกตะลึงทันที  ไม่มีใครอยากเชื่อว่านี่เป็นความจริง  แม้แต่ฮ็อกก็เป็นเหมือนกับเริ่นเทียนเกอ  ขณะที่พระยายมซิวอิ่งจ้าวกระดูกจินหายที่ทำหน้าบึ้งคนหยิ่งยโสอย่างจอมถลกหนังเซี่ยทีอดอุทานขึ้นไม่ได้  ชิงหมอที่คอยปกป้องทุกคนส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง

“พระเจ้า,คนที่ต่อสู้กันคือเชียนจงกับเจ้าเด็กหน้าขาวหรือนี่?”  ฮ็อกคิดว่าตนเองกำลังจะบ้า

“สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่เขา  แต่เป็นเจ้าเด็กใหม่ที่มีพลังปราณฟ้าระดับต้น...”  เริ่นเทียนเกอกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ตบหน้าตัวเอง เจ้าเด็กใหม่นี่เห็นได้ชัดว่ามีพลังระดับปราณฟ้า เขาเก็บงำพลังขนาดนี้ได้ยังไง? นอกจากนี้ด้วยพลังปราณราชันย์ระดับห้ากับต้านพลังปราณราชันย์ระดับเก้าของเชียนจงได้อย่างไร? เชียนจงมือกระบี่รูปงามไม่ใช่ผู้มีระดับฝีมือสูงในกลุ่ม แต่เขามีพลังปราณราชันย์ระดับเก้าได้อย่างไร?  เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

“ถ้านี่ไม่ใช่ข้าฝันไป อย่างนั้นข้าคิดว่าได้เวลาที่ข้าจะไปจากหุบเขาปีศาจเสียที”  พระยายมซิวอิ่งรู้สึกว่าแนวคิดที่เขาต้องการปกครองหุบเขาปีศาจนั้นมีความเสี่ยงจริงๆ  ไม่ว่าจะเป็นจีอู๋ลี่ก่อนนั้นหรือสองคนที่กำลังต่อสู้กันอยู่ ถ้าต้องการฆ่าพวกเขาบางทีไม่ใช่เรื่องยากเกินไป

“นี่เป็นความคิดที่ไม่เลว”  เริ่นเทียนเกอเห็นด้วยเช่นกัน

เขามักจะมองว่าการช่วยเหลือฝ่ายพันธมิตรเทพเป็นหน้าที่ของเขาและเขารู้สึกว่าเขาสามารถนำพันธมิตรเทพไปสู่ยุครุ่งเรืองเหมือนสมัยโบราณได้

อย่างไรก็ตามตอนนี้เขารู้สึกว่าเขาควรจะจากไปให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้  มิฉะนั้นจะถูกเจ้าเด็กหน้าขาวเชียนจงฆ่าหรือไม่ก็ให้เด็กใหม่ปกครองได้ทั้งหมด

“จะไปก็ได้ แต่ข้าอยากจะดูพวกเขาตัดสินผลแพ้ชนะกันเสียก่อน”  บัณฑิตตาเงินมีสีหน้าจริงจัง

มือกระบี่รูปงามเชียนจงร้ายกาจ เขาไม่รู้เลยว่ามีพลังถึงขึ้นปราณราชันย์ระดับเก้าตั้งแต่เมื่อใด

และระดับพลังของเจ้าเด็กใหม่คือปราณราชันย์ระดับห้า

ในทั้งสองคนนี้ไม่ว่าคนที่โง่แค่ไหนก็ตามก็มั่นใจเต็มร้อยว่าปราณราชันย์ระดับเก้าจะต้องชนะ และเป็นชัยชนะที่ท่วมท้น

แต่สิ่งที่แปลกที่สุดก็คือมันไม่เป็นไปตามกฎตามที่ปรากฏแก่สายตาทุกคน  แต่เป็นเรื่องเหลือเชื่อ เด็กใหม่กระดูกอ่อนที่มีพลังปราณราชันย์ระดับห้าแม้สู้กับเชียนจงที่มีพลังปราณราชันย์ระดับเก้าที่เหนือกว่า  แต่เขายังยืนหยัดอยู่ได้

ทั้งสองฝ่ายอยู่ในสภาพยันกัน  หลังจากนั้นครู่หนึ่งมือกระบี่รูปงามเชียนจงใช้พลังเทพโจมตีเด็กใหม่เลือดฉีดพุ่งในท้องฟ้า แต่ขณะที่เจ้าเด็กใหม่เต็มไปด้วยอาการบาดเจ็บอย่างไม่น่าเชื่อได้ใช้พลังกฎสวรรค์น้อยเปลี่ยนพลังของเชียนจงที่ดีกว่าแข็งแกร่งกว่าอยู่ในระดับสูงกว่าให้เหือดแห้งไป

ถ้าไม่เห็นกับตาตนเองจะไม่มีใครเชื่อได้เลย

ในกรณีนี้ไม่ต่างอะไรกับสตรีที่อ่อนแอตบหน้าคนลามก  นี่ทำแบบนี้ได้อย่างไร

“ใครแพ้ ใครชนะ?”  เริ่นเทียนเกอหันไปเพิ่งสายตาของบัณฑิตตาเงินอีกครั้ง  ไม่ใช่เพียงแต่เขาเท่านั้น  แต่ยังมีพวกที่เหลือ  พวกเขาพากันมองดูหมดทุกคน  ตอนนี้พวกเขาต้องฟังคำตัดสินของบัณฑิตตาเงิน

“ยากจะบอกได้”

บัณฑิตตาเงินยิ้มและส่ายหน้า“ว่าตามระดับพลัง เชียนจงหรือสุดยอดนักสู้ที่ปลอมตัวเป็นเชียนจงมีความได้เปรียบท่วมท้น  ด้วยพลังปราณราชันย์ระดับเก้า ในตอนนี้เขาสามารถเอาชนะพวกเราโดยไม่แพ้  อย่างไรก็ตามเขาซ่อนพลังไว้ยังไม่เพียงพอจะเอาชนะได้เมื่อเทียบกับเด็กใหม่พวกเจ้าอาจเห็นว่าเด็กใหม่มีคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์และของวิเศษระดับเทพอย่างน้อยสองชิ้นข้าคาดเดาว่าเขาอาจมีสามหรือสี่อย่าง มิฉะนั้นคงต้านพลังโจมตีเป็นพายุบุแคมของเชียนจงไม่ได้  เด็กใหม่มีคัมภีร์อัญเชิญชั้นศักดิ์สิทธิ์และสมบัติระดับเทพ เชียนจงมีแต่เพียงกระบี่ชั้นเทพเล่มเดียว แต่ไม่มีคัมภีร์อัญเชิญ นั่นคือความแตกต่างขนานใหญ่ระหว่างเขากับเด็กใหม่”

“มีอีกจุดหนึ่ง” ชิงหมอเพิ่มเติม “เจ้าเด็กใหม่มียักษ์พลังงานที่มีพลังใกล้เคียงเทพเจ้า  ถ้าไม่ใช่ความเคลื่อนไหวของมันช้าเล็กน้อยไม่สามารถโจมตีร่างของเชียนจงได้ทัน บางทีเด็กใหม่อาจชนะไปแล้ว”

“หือ?” เริ่นเทียนจงเมื่อได้ยินพวกเขารู้สึกว่าเชียนจงแปลกไปเล็กน้อย

ความรู้สึกแปลก ความแปลกที่ไม่เข้าใจ

บัณฑิตตาเงินยิ้มและพูดให้ทุกคนได้ยิน  “ตามความเห็นของข้าเชียนจงควรจะเป็นนักรบโบราณที่ถูกผนึกอยู่ในตารางมิติฟ้า ข้าไม่รู้ว่าเขาออกมาได้เมื่อไหร่และใช้สถานะปลอมเป็นมือกระบี่รูปงามเชียนจงหลอกสายตาพวกเรา แต่เพราะพลังของผนึก ทำให้คัมภีร์อัญเชิญของเขาอสูรพิทักษ์และสำนึกเทพยังถูกกักอยู่ในตารางมิติฟ้า  นี่เป็นเหตุผลหลักทำให้เขาไม่สามารถเอาชนะเด็กใหม่ได้ ข่าวของพวกเราถูกเชียนจงนี่แหละปล่อยออกไปจะโดยเจตนาหรือไม่ตั้งใจก็ตามจุดประสงค์ก็คือต้องการเลือดคนมากๆเพื่อบูชายัญให้เสร็จสมบูรณ์ปลดปล่อยคัมภีร์อัญเชิญและสำนึกเทพของตนเอง โชคดีที่สำนึกเทพยักษ์ดาบทองไม่สามารถหนีออกมาจากมิติที่ผนึกไว้ได้ไม่เช่นนั้นพวกเราคงถูกฆ่าตายกันทั้งหมด”

ทุกคนได้ยินแล้วและรู้สึกว่าเป็นคำพูดที่มีเหตุผล

เรื่องราวชัดเจนแล้ว

ข้อสงสัยอื่นก็อยู่ต่อหน้าทุกคน

จะทำยังไงต่อไป?  จะหลบหนีกลับไปที่ค่ายเก็บตัวเองเหมือนเต่าหรือเทเลพอร์ตออกจากหุบเขาปีศาจ หรือเข้าไปช่วยเด็กหนุ่มผู้มาใหม่จัดการกับมือกระบี่รูปงามเชียนจงที่หลอกลวงทุกคน สังหารผู้ท้าทายผ่านด่านหมื่นคน?

บางทีฆ่าเชียนจงอาจช่วยผู้ท้าทายผ่านด่านอีกหมื่นคนได้

อย่างไรก็ตามมือกระบี่เชียนจงตอนนี้มีพลังปราณราชันย์ระดับเก้า  เข้าไปจะมิเป็นการหาที่ตายหรอกหรือ?

หนีไปยังปลอดภัยกว่าเมื่อกลับไปถึงฐานค่าย เขาจะเทเลพอร์ตจากไป อย่างไรก็ตามคะแนนสะสมของพวกเขาเพียงพอแล้ว  แต่ตอนนั้นจะต่างไปจากเต่าคลานได้อย่างไร? ผู้คนในปัจจุบันนี้กล่าวถึงพวกเขาว่าเป็นผู้นำเหนือคนหมื่นคนในค่าย  เป็นผู้นำที่ปกครองคน  ถ้าถูกเชียนจงขู่ขวัญจนต้องหนีไป  ต่อไปพวกเขาจะเสนอหน้าว่าเป็นนักสู้ผู้แข็งแกร่งได้อย่างไร?

“เอายังไงดี?” พระยายมซิวอิ่งไม่ต้องการหนีไปก่อน คนผู้นี้ไม่อาจแพ้ได้  เขามองดูเริ่นเทียนเกอ

“อ่า... รอดูดีกว่า”  เริ่นเทียนเกอไม่ต้องการเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี

“อย่างนั้นก็รอดูกันไป  สถานการณ์ไม่ชัดเจนนัก”  พวกเขาบางคนพยักหน้า  เมื่อไม่อาจสู้ได้ ไม่อาจหลบหนีก็อยู่ดูการต่อสู้  ไม่ว่าจะสู้หรือหนีสำหรับผู้รับผิดชอบคงไม่ใช่เรื่องดี

และไม่มีใครคิดว่าการรอครั้งนี้ใช้เวลานานถึงร้อยวัน....

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด