ตอนที่ 1046 ทักษะแฝงเร้นสืบทอด
ก่อนตัดสินใจลงมือจอมปีศาจไคเทียนต้องการสอบถามปัญหาสุดท้ายก่อน
“สิ่งที่เจ้าแสดงไม่มีอะไรมากไปกว่ามุกมารฟ้า ถ้าข้าให้มุกมารฟ้ากับเจ้าทั้งสองด้านจะเป็นยังไง?” จอมปีศาจไคเทียนไม่เคยลองเสนอเงื่อนไขดีๆกับมนุษย์มาก่อนในชีวิต อยู่ต่อหน้าเด็กหนุ่มผู้นี้อาจกล่าวได้ว่าเขาเปลี่ยนเป็นประทับใจเด็กหนุ่มนี่จริงๆ เขาจะลองใจเป็นครั้งสุดท้าย เนื่องจากเด็กหนุ่มอย่างเย่ว์หยางจอมปีศาจไคเทียนรู้ดีว่าถ้าเขาไม่สามารถฆ่าได้ อีกฝ่ายจะกลายเป็นศัตรูที่สร้างความปวดหัวเขาได้ตลอดชีวิต จอมปีศาจไคเทียนไม่ได้หวังว่าสิ่งต่างๆจะกลายเป็นเช่นนั้น โดยเฉพาะหากสำนึกเทพของเขาไม่ได้ถูกผนึกอยู่ในวิหารปีศาจฟ้า
มุกมารฟ้าคืออะไร?
ที่หอทงเทียนมารสัมฤทธิ์ฟ้าเคยมอบมุกมารฟ้าสมบัติระดับกึ่งเทพให้เย่ว์หยาง นั่นเป็นสมบัติค่าเทียมเมืองเพื่อแลกกาเพลิงปีศาจสองตัวใช้เป็นอสูรประจำตัวมารแค้นฟ้า
ในเวลานั้นจักรพรรดิใต้พิภพก็ใช้เนตรยมโลกแลกกับอสูรศึก เพราะลักษณะพิเศษของสมบัติทั้งสองเย่ว์หยางเอาของวิเศษทั้งสองมาทูลขอจักรพรรดิเทียนหลัว
แน่นอนว่าจักรพรรดิเทียนหลัวกริ้วไม่รับคำเย่ว์หยาง
แต่สมบัติลับทั้งสองยังมีเรื่องค้างคาใจของเย่ว์หยาง
เขาหาทางขจัดความสงสัย
ตอนนี้จอมปีศาจไคเทียนไม่คาดคิดเลยว่า‘มุกมารฟ้า’ จะทำให้เย่ว์หยางกระตือรือร้นได้
“เจ้าจะให้มุกมารฟ้ากับข้าอย่างนั้นหรือ?” เย่ว์หยางไม่บอกอีกฝ่ายว่าเขาไม่รู้ว่ามุกมารฟ้าคืออะไรเขาแค่แค่นเสียงทำท่าเบื่อหน่ายเพื่อล่อให้จอมปีศาจไคเทียนเปิดเผยข้อมูลมุกมารฟ้า อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาพูดคำอะไรออกมามุกวิเศษที่เก็บพลังไม่รู้จบเปล่งแสงแปลกประหลาดส่องแสงลอดมือซ้ายของของจอมปีศาจไคเทียน
“เอาโองการปีศาจฟ้าออกมาแล้วข้าจะบอกเจ้าว่าจะใช้ของนี้ได้อย่างไร” จอมปีศาจไคเทียนแสดงความจริงใจ
“ข้าไม่โง่” เย่ว์หยางสงสัยจึงปฏิเสธไว้ก่อน
ไม่ว่าเขาจะกระตือรือร้นอยากรู้ความจริงมากเพียงไหนเขาจะไม่ผ่อนคลายความระมัดระวัง จะวางใจคนก็ต้องดูวัตถุประสงค์ด้วย ผู้ที่อยู่ข้างหน้าเขาคือจอมปีศาจไคเทียนสิ่งมีชีวิตที่อยู่มานานนับหมื่นไป สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือชัยชนะของเขาไม่เหมือนกับนางพญาเฟ่ยเหวินหลี ชัยชนะของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีส่วนใหญ่มาจากการโค่นล้มตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นนักสู้อันดับหนึ่งของแดนสวรรค์แต่ชัยชนะของจอมปีศาจไคเทียนก็คือทำลายแดนสวรรค์ ทำลายกองกำลังที่ขัดขวางจากแดนสวรรค์ทั้งหมดและครอบครองแดนสวรรค์หมดสิ้นสมบูรณ์กลายเป็นผู้ปกครองใหญ่โดยมีเผ่าพันธุ์ต่างๆเป็นทาส
จอมปีศาจผู้มีอายุมากสามารถกลืนกินแดนสวรรค์ได้ทั้งหมด ถ้าเย่ว์หยางร่วมมือกับเขาก็เท่ากับขายตัวให้เขาทั้งยังนับเงินให้จอมปีศาจไคเทียนอีกด้วย!
เย่ว์หยางสามารถร่วมมือกับใครในโลกก็ได้แต่มีอยู่ไม่กี่คนที่เขาไม่อาจร่วมงานได้
หนึ่งในนั้นคือเจ้าตำหนักสูงสุด อีกคนก็คือจีอู๋ลี่ที่พยายามท้าทายผ่านด่านเพื่อครอบครองคัมภีร์เทพ คนที่สามก็คือจอมปีศาจไคเทียนที่มีความอยากครอบครองแดนสวรรค์ทั้งหมดก็ยังไม่พอใจ
คนทั้งสามนี้มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกน
นั่นคือความโลภที่ไม่รู้จักพอเพียง
เย่ว์หยางผู้มีความทะเยอทะยานมากเกินไปไม่สามารถร่วมมือกับฝ่ายตรงข้ามได้ เพราะคนแบบนี้เป็นคนบ้าที่ไม่เคยพอใจและเป็นผู้ไร้ความปราณี
จอมปีศาจไคเทียนยิ้มเล็กน้อย ทันใดนั้นอัญมณีวิเศษระดับเทพที่ประเมินค่ามิได้ อาจนับเป็นยอดกว่าของทุกอย่างในโลกนี้ทำให้ของในโลกนี้ด้อยค่าไปเลย ก่อนที่เย่ว์หยางจะยื่นมือออกไปรับ เขาคิดอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า นี่เป็นกับดักหรือไม่? จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป? ในที่สุดภายใต้การล่อลวงด้วยสิ่งล่อใจเขายื่นมือออกไปจับเบาๆ
ไม่ว่าฟ้าจะถล่มหรือดินทลายหรือน้ำท่วมสิ่งที่เย่ว์หยางต้องการตอนนี้ก็คือ ของวิเศษระดับเทพ
ของวิเศษชั้นเทพอยู่ในมือ โลกก็เป็นของเรา
สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางตื่นเต้นที่สุดไม่ใช่แค่สมบัติวิเศษระดับเทพเท่านั้น
ความจริงสิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางลังเลจะปล่อยมือก็คือมุกมารฟ้านี้ดูเหมือนจะรอเย่ว์หยางมาเป็นพันปี สิ่งนี้ควรเป็นของตัวเขาเองเหมือนกับเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายที่ถูกแยกออกไป ตอนนี้ได้เวลากลับคืน
“มุกมารฟ้าเป็นเทพสมบัติที่ไม่มีเจ้าของ ข้าต้องการทำสัญญากับมันตลอด แต่ไม่สำเร็จสักครั้ง บางทีอาจเป็นของเจ้าก็ได้ ข้าเห็นมันมาหลายปีแล้ว เจ้าถือไว้ในมือแล้วเอาโองการปีศาจฟ้าออกมาและปลดผนึกกับพลังของมุกมารฟ้า...” จอมปีศาจไคเทียนไม่ได้ปกปิดและบอกความจริงเกี่ยวกับสมบัติลับ
“.......” เย่ว์หยางกระวนกระวายมากในตอนนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะสมบัติอยู่ในมือของเขา เย่ว์หยางจะไม่มีทางเชื่อใจจอมปีศาจไคเทียน
ปัญหาก็คือฝ่ายตรงข้ามมอบเทพสมบัติมุกมารฟ้าให้เขา
จะปฏิบัติตามไหม?
ปล่อยโองการปีศาจฟ้านี่โอกาสได้รับรางวัลหลังจากผ่านด่านวิหารปีศาจฟ้าหรือ?
โองการปีศาจฟ้ายังมีของวิเศษชิ้นที่สองหรือต้องเป็นโองการปีศาจฟ้าจึงใช้ทำสัญญากับมุกมารฟ้าเทพสมบัติคุณภาพดีที่สุดหรือไม่
จอมปีศาจไคเทียนส่ายหน้า “ข้าเข้าใจความรอบคอบและอารมณ์ของเจ้าแน่นอนว่าเจ้าไม่มีพื้นฐานยอมเชื่อใจข้า แต่ข้าต้องการร่วมมือกับเจ้าจริงๆ ตอนนี้เทพสมบัติอยู่ในมือของเจ้าไม่สำคัญว่าเจ้าสามารถคลายผนึกได้หรือไม่ ข้าแค่หวังว่าเจ้าจะสัญญากับข้า เงื่อนไขระหว่างทั้งสองก็คือเป็นพันธมิตรและรับผลประโยชน์ร่วมกัน อย่างน้อยเจ้าไม่ควรต่อต้านข้า!”
เย่ว์หยางคิดอยู่เป็นเวลานาน
สุดท้ายเขาทำสัญญาอย่างรอบคอบ “ถ้าข้าทำสัญญากับเทพสมบัติมุกมารฟ้าได้สำเร็จและได้รับรางวัลสูงสุดของวิหารปีศาจฟ้า อย่างนั้นข้าสัญญาว่าจะไม่ต่อต้านเจ้า และในบางกรณีอาจเป็นพันธมิตรกับเจ้าด้วย”
อาจกล่าวได้ว่าเย่ว์หยางไม่เชื่อในจอมปีศาจไคเทียน
ไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย
เขารู้ว่าปากของศัตรูพูดหมื่นคำจะไม่มีความจริงอยู่เลย
แต่ตอนนี้เขาไม่ต้องการหันหน้าหนี เขาไม่ต้องการเป็นศัตรูกับจอมปีศาจไคเทียนแม้แต่น้อยสิ่งที่เขาต้องการตอนนี้ก็คือปลดผนึกทำสัญญากับเทพสมบัติเพิ่มพลังให้ตัวเขาเอง
“เจ้าค่อยๆ ปลดผนึกก็แล้วกัน ข้าจะกลับไปดูว่าเริ่นเทียนเกอลงมืออย่างไร ถ้าพวกมันยินดีจะละทิ้งความโลภ ข้าจะปล่อยพวกมันไป ท้ายที่สุดการเข่นฆ่าในวิหารปีศาจฟ้ายิ่งมีมากก็ยิ่งทำให้สำนึกเทพของข้าแข็งแกร่งมากขึ้น หากพวกมันไม่ได้วางแผนไว้แต่แรก ข้าคงไม่ยินดีฆ่าพวกมัน” จอมปีศาจไคเทียนโบกมือเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา จากนั้นร่างของเขาหายไปในความว่างเปล่าไม่สิ้นสุด
“.....” เย่ว์หยางยังเงียบอยู่นาน
จอมปีศาจไคเทียนรู้ได้ทันทีว่าไม่สามารถซ่อนตัวอยู่ในความมืดและโจมตีเย่ว์หยาง เขาค่อยๆ จากไป
ออกจากประตูลับที่สองและออกจากประตูแรก
กลับมายังพื้นที่รังมารซากเมืองโบราณใต้ดิน
เย่ว์หยางหาห้องว่างที่เงียบสงบไม่มีใครเหลืออยู่เลย
ในที่สุดเขาอดกระตือรือร้นหยิบเอามุกมารฟ้าออกมา...นี่คือสมบัติเทพ มีอย่างที่ไหนที่สมบัติเทพจะถูกแจกจ่ายออกมาเหมือนกับกะหล่ำปลีไร้ราคา? ไม่ว่าจอมปีศาจไคเทียนจะเล่นบทอะไร แต่อย่างน้อยตอนนี้มุกมารฟ้าก็เข้ามาอยู่ในเงื้อมมือของเขาแล้ว!
มุกมารฟ้าเป็นของเขาแล้วแล้วโองการปีศาจฟ้าเล่า?
นี่คือเทพสมบัติชิ้นที่สองหรือไม่? หรือเป็นกุญแจสำหรับทำสัญญากับมุกมารฟ้า
เขาไม่รู้
หัวใจเย่ว์หยางเต็มไปด้วยความสงสัย
ความอยากรู้อยากเห็นฆ่าแมวได้ เย่ว์หยางข่มความสงสัย หลังจากออกมาจากรังมารเขาอดดึงมุกมารฟ้าและโองการมารฟ้าออกมาดูมิได้
หลังจากคิดอย่างระมัดระวังและค้นหาอย่างดีไม่มีใครอยู่แถวนั้น
ปลอดภัย
ทุกอย่างเหมือนจะสงบสุข
ตามวิธีการที่จอมปีศาจไคเทียนกล่าวถึงเย่ว์หยางถือมุกมารฟ้าในมือข้างหนึ่งแล้วค่อยๆถ่ายเทพลังงานที่บริสุทธิ์ที่สุดลงไป จากนั้นฉีดพลังงานมุกมารฟ้าลงไปที่โองการปีศาจฟ้า ตอนแรกเย่ว์หยางทำด้วยความระมัดระวังฉีดพลังงานลงไปเล็กน้อยแล้วหยุดทันทีสังเกตอย่างระมัดระวังจากซ้ายไปขวาป้องกันการโจมตีจากศัตรู
อย่างไรก็ตามสภาพแวดล้อมโดยรอบว่างเปล่า และเย่ว์หยางตื่นตัวและระวังตัวต่อเนื่อง ทำให้การทดลองเขาล้มเหลว
ปรากฏว่าในชั้นต้นโองการปีศาจฟ้าหลังจากพลังงานเล็กน้อยของมุกมารฟ้าถูกอัดฉีดเข้าไปมีการเปลี่ยนแปลงมากทันที ดูเหมือนมันจะขยายออกไป ดูเหมือนจะมีพลังงานไม่สิ้นสุดแต่ติดอยู่ตรงที่ผนึก ถ้าปลดผนึกออกหมดเขาเชื่อว่าโองการปีศาจฟ้านี้คงจะไม่ใช่เทพสมบัติธรรมดา
แม้แต่เย่ว์หยางผู้มีจักษุญาณทิพย์ก็ยังไม่อาจมองเห็นได้ล่วงหน้า
โองการปีศาจฟ้านี้มีพลังยิ่งใหญ่ขนาดนั้น
เย่ว์หยางระงับปีติดีใจสูดหายใจลึก
เขาปลดพลังงานอีกทันทีและฉีดพลังงานมากมายลงไปในมุกมารฟ้าและฉีดพลังเข้าไปในโองการปีศาจฟ้าเพื่อดูการเปลี่ยนแปลง
ในตอนแรกเขามีความระมัดระวังระดับหนึ่งและเน้นที่การควบคุมแต่ด้วยความเปลี่ยนแปลงของโองการปีศาจฟ้าความระมัดระวังของเย่ว์หยางค่อยๆผ่อนคลาย พลังมหาศาลของมุกมารฟ้าเหมือนกับกระแสน้ำหลากฉีดเข้าไปในโองการปีศาจฟ้าอย่างต่อเนื่อง พลังในร่างไม่เพียงแต่ไม่ลดลงมีแต่ขยายเพิ่มมากขึ้น และดูเหมือนจะเป็นพลังงานอนันต์ เย่ว์หยางยังคงถือโองการปีศาจฟ้าด้วยมือข้างหนึ่งและยืดออกมากขึ้นกลายเป็นกระบี่วิเศษ ด้วยพลังงานของมุกมารฟ้าพลังงานของผนึกที่เคลือบอยู่บนผิวค่อยๆ หลอมละลาย
พลังงานภายในโองการปีศาจฟ้าทำงานมากยิ่งขึ้นเหมือนกับภูเขาไฟระเบิด
ขณะที่มาถึงขีดจำกัดของพลังผนึก
ปัง
พลังผนึกสลายไปอย่างสมบูรณ์และพลังที่ระเบิดออกมารุนแรงยิ่งกว่าภูเขาไฟระเบิด แรงระเบิดแผ่ขยายไปทั่วซากเมืองใต้ดิน
โฉมหน้าที่แท้จริงของโองการปีศาจฟ้าปรากฏคืนในทันทีมันคือกระบี่วิเศษที่ตัดทุกอย่างในโลกได้สีของกระบี่ม่วงดำยาวและแคบบางคมไม่มีสิ่งใดเปรียบปราน ปราณกระบี่เรืองแสงฉายขึ้นไปในท้องฟ้า
ขณะที่กระบี่วิเศษถือกำเนิดพื้นที่รังมารทั้งหมดสั่นสะเทือนและดูเหมือนจะสั่นสะเทือนด้วยพลังของกระบี่วิเศษ
“ปลดปล่อยได้สำเร็จ ดีกระบี่เทพโองการปีศาจฟ้าที่ยอดเยี่ยม” เย่ว์หยางมองดูกระบี่วิเศษที่ลอยขึ้นไปในท้องฟ้าเขาเอื้อมมือและดูเหมือนต้องการถือกระบี่วิเศษด้วยความตื่นเต้น ทันในนั้นกระบี่วิเศษสั่นสะเทือนกะทันหันและฉายรัศมีที่มิอาจมองได้ตรงๆ เห็นได้ชัดว่ากระบี่วิเศษนี้ต่อต้านเย่ว์หยาง สมบัติวิเศษระดับเทพเลือกเจ้านายยิ่งไม่ต้องพูดถึงเทพสมบัติที่มีคุณภาพดีที่สุด มันมีวิญญาณรับรู้ แม้แต่ของวิเศษระดับศักดิ์สิทธิ์ซึ่งต่ำกว่าขั้นหนึ่งยังไม่อาจเลือกเจ้านายได้ง่ายๆ
เย่ว์หยางเข้าใจความจริงเรื่องนี้แน่นอน
เขาไม่ยอมแพ้
ยังคงเอื้อมมือไปพยายามจับดาบวิเศษที่กำลังต่อต้านเขา
ตราบใดที่เขาถือกระบี่วิเศษนี่ต่อให้เขาใช้เวลามากขึ้น เขาต้องทำสัญญากับมันได้สำเร็จ
ขณะที่เย่ว์หยางพยายามยื่นมือไปคว้ากระบี่วิเศษมีเงาร่างหนึ่งปรากฏอยู่หน้าเย่ว์หยาง ไม่สนต่อการต่อต้านของกระบี่วิเศษเขาเอื้อมมือไปคว้ากระบี่วิเศษข้างหน้าเขาถือไว้ในมือ กระบี่วิเศษที่อยู่ในมือของเงาร่างนั้นเหมือนสัตว์เลี้ยงที่ได้พบกับเจ้านายมันส่งเสียงดีใจยินดีไม่รู้จบเสิ้น
ปรากฏว่าเป็นจอมปีศาจไคเทียนมาถึง
ขณะนี้เองจอมปีศาจไคเทียนหลับตาและลูบคมกระบี่วิเศษในมือของเขาท่าทีของเขาเคลื่อนไหวนุ่มนวลราวกับลูบผิวคนรัก
“เจ้าเพื่อนยาก! ผ่านไปหลายหมื่นปี ในที่สุดเจ้าก็กลับมา” จอมปีศาจไคเทียนถอนหายใจปลาบปลื้ม “ข้ามองการณ์ไกลไว้ล่วงหน้าแล้วว่าเจ้าจะต้องกลับมาหาข้า อย่างไรก็ตามเด็กหนุ่มผู้ระมัดระวัง ทำให้ข้ากังวลใจ ข้ากลัวว่าเขาจะผนึกมุกมารฟ้าไว้กับเจ้าตลอดไปถ้าเป็นอย่างนั้นเราจะไม่มีทางได้พบเจอกันอีก และข้าคงไม่มีความสุข ต่อให้ข้าได้เป็นจ้าวโลกก็ตามที เจ้ากลับมาอยู่กับข้าแล้วกระบี่ปีศาจฟ้าแดนสวรรค์...ตั้งแต่วันนี้ไปข้าสาบานว่าจะไม่มีใครพรากเจ้าไปจากข้าได้อีก!”
“วู้ววว!” กระบี่วิเศษที่เกิดจากโองการปีศาจฟ้าตอบรับจอมปีศาจไคเทียน
“เฮ้..ปีศาจเฒ่าเจ้ายืมมือข้าปลดผนึกกระบี่ของเจ้าหรือ?” เย่ว์หยางกำลังโมโห
“เพื่อเป็นการตอบแทนคุณเจ้าที่เปิดผนึกให้ ข้าจะจบชีวิตของเจ้าอย่างเจ็บปวดที่สุด ข้าคงไม่กล้าพูดประโยคนี้ก่อนที่กระบี่ปีศาจฟ้าจะกลับมาอยู่ในมือข้า แต่ตอนนี้ข้าได้กระบี่วิเศษคืนมาแล้วข้ากล้าพูดได้ว่า ใครจะกล้าเป็นศัตรูกับข้า?” จอมปีศาจไคเทียนชูกระบี่ปีศาจฟ้าขึ้นท้องฟ้าเบาสายฟ้านับพันสายเหมือนกับงูปีศาจฟาดลงพื้นอย่างรุนแรง
บึ้ม!
แค่เพียงสายฟ้าฟาดครั้งเดียวซากเมืองโบราณหายไปไม่เหลือ
ทุกอย่างที่เคยอยู่บนพื้นหายวับไปเหลือแต่ความว่างเปล่า ภายลำแสงสายฟ้าเหลือแต่เพียงหลุมยักษ์ที่ดูเหมือนกับปากสัตว์ประหลาดอสูรร้าย
“บัดซบ!” เย่ว์หยางตกใจ จอมปีศาจไคเทียนตอนไม่มีกระบี่อยู่ในมือยังพอจะเกลี้ยกล่อมได้ แต่ตอนนี้มีกระบี่วิเศษปีศาจฟ้าอยู่ในมือความแข็งแกร่งของปีศาจเฒ่านี้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยสิบเท่าดังนั้นเขาเกลี้ยกล่อมไปก็คงไม่ต่างอะไรกับผายลม! อย่างไรก็ตามเนื่องจากถูกศัตรูหลอกใช้เย่ว์หยางอารมณ์ไม่ดีเอามาก จิตใจของเขาถูกความโกรธและความร้อนรนครอบงำ เขาไม่มีเวลาคิดเกี่ยวกับปัญหาว่าสู้ได้หรือไม่ ตอนนี้เขาเพียงแต่คิดว่าทักษะแฝงเร้นรู้ล่วงหน้าของปีศาจเฒ่าที่น่ากลัวจะต้องถูกขยี้ลงกับพื้น ดีที่สุดต้องให้ปีศาจเฒ่าคุกเข่ากับพื้นขอความเมตตาจากเขาเอง
“ยกเว้นเวลาที่ข้าถูกผนึก ข้าไม่เคยแพ้ใครมาก่อนในชีวิต” จอมปีศาจไคเทียนกวาดหางตามองเย่ว์หยางอย่างหยิ่งผยอง “ข้ามีทักษะแฝงเร้นเห็นล่วงหน้า ข้าไร้เทียมทาน ยกเว้นเทพโบราณ ไม่มีใครสามารถเอาชนะข้าได้ ต่อให้เจ้าเป็นอัจฉริยะไร้เทียมทานที่ยากพบพานในรอบพันปี ก็ไม่ยกเว้น!”
“เจ้าเห็นความล้มเหลวของข้าหรือ?” เย่ว์หยางแค่นเสียง “ถ้าเจ้าเห็นได้จริง ลองใช้ทักษะแฝงเร้นมองการณ์ไกลของเจ้ามองดูทักษะแฝงเร้นที่น่ากลัวของข้าได้ไหม?”
“แน่นอนเจ้าเป็นแค่ปลาเล็กปลาน้อยในทักษะมองการณ์ไกลของข้า” จอมปีศาจไคเทียนยิ้มยโส “บางทีเจ้าอาจมีทักษะแฝงเร้นพิเศษที่ส่งผลต่อทักษะมองการณ์ไกลของข้าได้ แต่ด้วยพลังปัจจุบันของเจ้า ข้าใช้นิ้วเดียวก็ฆ่าเจ้าได้ร้อยครั้ง”
“ก็ลองดู!”
ทันใดนั้นเย่ว์หยางเปลี่ยนไปใช้ตราผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ซึ่งปกติเขาจะให้เย่ว์ซวงใช้ทุบลูกเกาลัดถั่วเปลือกแข็ง แทนที่จะเอามาใช้ต่อสู้
ถ้าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมองอยู่ข้างๆ นางจะพบว่าเย่ว์หยางไม่เคยจริงจังมาก่อนในชีวิต
นี่ไม่ใช่โกรธเพราะถูกหลอก
แต่เป็นการเผาผลาญพลังต่อสู้ถึงขีดสุด
จอมปีศาจไคเทียนสีหน้าบึ้งทันทีเขาพูดด้วยความโมโห “อะไรกัน? เจ้าจงใจปลดผนึกกระบี่ปีศาจให้ข้าหรือ?