ตอนที่ 1045 อย่ากลับคำพูด
“ต่อให้เจ้าหนีได้สหายของเจ้าจะหลบหนีได้หรือ?” จอมปีศาจไคเทียนในรูปลักษณ์มือกระบี่รูปงามเชียนจงถามพลางยิ้ม
“พวกมันเป็นแค่เงาปีศาจและร่างจริงจากไปก่อนแล้ว” เย่ว์หยางโบกมือ ร่างทอเรนเป่ย เจ้าสี่แขนและเจ้าสัวอ้วนเตี้ยหายไปไม่เหลือร่องรอย จอมปีศาจไคเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อยนี่ไม่ใช่การเก็บคนเหล่านี้เข้าไปในคัมภีร์อัญเชิญ และยังดูไม่เหมือนเงาปีศาจ เพราะถ้าเป็นเงาปีศาจไม่มีเหตุผลที่เขาจะถูกเจ้าเด็กนี่หลอกได้อย่างง่ายดาย
จริงหรือเท็จยากจำแนก
เจ้าเด็กนี่ค่อนข้างน่ากลัว
เดิมทีเขาให้ความสนใจทุกความเคลื่อนไหวของเย่ว์หยางครั้งนี้จอมปีศาจไคเทียนอดเน้นให้ความสำคัญสามจุดมิได้
หากจอมปีศาจไคเทียนไม่มั่นใจว่าเด็กหนุ่มข้างหน้าเขามีพลังในระดับเริ่มต้นนั่นเป็นไปไม่ได้ที่จะคุกคามตัวเขาได้อย่างแท้จริงเขาต้องใช้อุบายที่ไม่ซ้ำกันทันที
จอมปีศาจไคเทียนพยายามควบคุมสถานการณ์และหัวเราะถามต่อไป “เด็กน้อยเจ้าบอกได้ไหมว่าเจ้าเป็นทายาทของใคร?”
แม้ว่าร่างจริงของเขายังไม่มีพลังในระดับสูงสุดแต่เขาก็ออกมาอยู่นอกวิหารปีศาจฟ้าได้หลายพันปีแล้ว เขาปลอมตัวเป็นผู้ท้าทายผ่านด่านในสถานะต่างๆ และมือกระบี่รูปงามเชียนจงก็เป็นหนึ่งในนั้นเขายั่วยุให้กลุ่มพันธมิตรเทพและฝ่ายค่ายมืดให้ฆ่าฟันกันและแสวงหาประโยชน์จากการนั้น แม้ว่าเขาจะไม่ได้ออกไปจากหุบเขาปีศาจ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาได้รับรู้ข่าวสารมากมายจากนอกแดนสวรรค์ได้พบสุดยอดนักสู้มากมาย
เขาสงสัยใครรู้เรื่องราวของเด็กหนุ่มเย่ว์หยางผู้นี้
ตระกูลแบบไหนที่อบรมจนเด็กหนุ่มผู้นี้มีพลังเติบโตได้ถึงเพียงนี้?
“บอกไปเจ้าไม่รู้แน่ มันเป็นหนทางยาวไกล” เย่ว์หยางบอกว่าเขาจะไม่เป็นคนนำทางให้
“เจ้ากับข้าเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ซึ่งในโลกนี้หาไม่พบเจอทำไมเราไม่เข้าร่วมกำลังกัน? เมื่อเราฆ่าเริ่นเทียนเกอ ซิวอิ่งจินหายและเซี่ยที สมบัติมากมายจะตกเป็นของเจ้า เด็กน้อยถ้าเจ้ากับข้าทำข้อตกลงช่วยเหลือกันและกัน ข้าจะส่งเจ้าออกจากหุบเขาปีศาจและข้ายังสามารถช่วยให้เจ้าผ่านด่านหมดทั้งสิบด่าน หลังจากนั้นหากเจ้าได้รับรางวัลสูงสุดเจ้าแค่สาบานว่าจะร่วมมือกับข้าเพื่อพิชิตแดนสวรรค์ ข้าไคเทียนยินดีจะแบ่งโลกให้เจ้าและครอบครัวที่อยู่เบื้องหลังของเจ้าปกครอง” จอมปีศาจไคเทียนยื่นข้อเสนอผลประโยชน์ใหญ่ทันที แสดงว่าต้องการร่วมมือกับเย่ว์หยาง
“เป็นความคิดที่ไม่เลวถ้าจะต้องร่วมมือกัน เจ้ากับข้ารวมกันก็มีแต่เอากำลังมาบวกกำลัง ต่อสู้ไปไม่ดีแน่” เย่ว์หยางพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของอีกฝ่าย อย่างไรก็ตามขณะที่จอมปีศาจไคเทียนแสดงความดีใจ เขากลับส่ายหน้าและหัวเราะ “แต่ถ้าข้าสัญญากับเจ้า เจ้าก็กลายเป็นตัวโง่คนหนึ่ง!”
“อะไรนะ?” จอมปีศาจไคเทียนใบหน้าค้างเหมือนถูกแช่ด้วยน้ำแข็ง
“จอมปีศาจไคเทียน, ทุกคนเป็นคนฉลาด เรามาเปิดใจคุยกันดีกว่า!” เย่ว์หยางหัวเราะกล่าว “ก่อนอื่นการพิชิตแดนสวรรค์เป็นเรื่องที่โง่มาก นักรบมากมายสามารถคิดเช่นนั้นและใช้จุดนี้เพื่อส่งเสริมการเลื่อนระดับพลังโดยใช้กำลังกดดันและตั้งเป้าหมายการฝึกฝนเป็นหลัก แต่อย่าทำอย่างนั้นดีกว่า เพราะผลของการทำเช่นนั้นจะลงเอยอย่างเดียวนั่นคือเหมือนกับเจ้าที่ถูกใครบางคนผนึกเอาไว้ไม่กี่หมื่นปีมานี้..โชคดีที่เจ้ามีชีวิตรอดอยู่ได้ แต่โชคอย่างข้าเกรงว่าจะถูกผนึกอยู่ในมิติตลอดชีวิตยิ่งข้ามีชีวิตนานเท่าใดก็ยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น! ข้าไม่ได้พูดว่าเจ้าเข้าใจด้วยไม่ว่านักรบแดนสวรรค์ จะแข็งแกร่งเพียงไหน แม้ว่าจะมีใครบางคนเข้าถึงพลังระดับเทพแต่เขาก็ยังเป็นมดแมลงน้อยที่อ่อนแอน่าสมเพชเมื่อเอาไปเทียบกับมหาเทพโบราณ เจ้าควรไตร่ตรองออกว่าทั่วทั้งแดนสวรรค์มหาเทพโบราณหรือเทพต้นกำเนิดเดิมที่มีอายุมากกว่าเจ้าได้สร้างเอาไว้และได้ปลูกฝังสิ่งใดไว้ในช่วงเวลานับล้านปีมานี้ อาจจะหลายสิบล้าน แม้กระทั่งพันล้านหรือเป็นล้านล้านปีโดยตรง มหาเทพโบราณมีชีวิตอยู่เป็นเวลาล้านๆ ปีแล้วไม่ใช่หรือ?”
“เจ้าแก่กว่าข้า มีชีวิตมานานเป็นหมื่นปีสำหรับมนุษย์เจ้าเป็นเหมือนเทพ แต่เทียบมหาเทพที่อยู่มาเป็นเวลาล้านปีหรือหลายล้านๆ ปี รู้ไหมว่าเวลาหลายพันปีเป็นช่วงเวลาหลับกลางวันของพวกเขาเพียงหนึ่งงีบเท่านั้น?”
“พูดถึงแดนสวรรค์ต่อหน้ามหาเทพโบราณนั้นเกินจินตนาการ นั่นเปรียบเหมือนบ้านที่มนุษย์สร้างขึ้นเราเปรียบเสมือนมดที่กระโดดไปมาอยู่ในสวนหลังบ้าน เจ้าบอกว่าเจ้าต้องการทำลายบ้านหลังนี้หรือยึดเอาไว้เป็นของเจ้า เจ้าของแท้จริงที่สร้างบ้านนี้ขึ้นมาจะยินยอมหรือไม่? พวกเขาไม่ใช้นิ้วขยี้เจ้าจนบี้แบนเพราะพวกเขาจิตใจเมตตา ดังนั้นจอมปีศาจไคเทียนขอให้ข้าพูดตอบตกลงและลงมือทำอีกครั้งแต่ตัวเองไม่ลงมือพิชิตแดนสวรรค์เป็นครั้งที่สอง นั่นไม่ใช่ว่าเจ้าไม่มีปัญญาทำ ... แม้ว่าเจ้าจะครองพื้นที่ในขณะที่เจ้าของไม่อยู่เจ้าก็ยังเป็นมดน้อยที่มีเขี้ยวเล็บคิดว่าตนเองแข็งแกร่งมากมาย แต่ในความเป็นจริงเจ้าเป็นแมลงเล็กน้อยที่อาจถูกมหาเทพขยี้บี้แบนด้วยปลายนิ้วเมื่อใดก็ได้ เจ้าว่าน่าสมเพชไหม?”
“อย่านึกว่าจะพิชิตแดนสวรรค์ได้ง่าย!”
“ถ้าเจ้าคิดจะโค่นล้มตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ข้าคิดว่ายังมีโอกาสเป็นไปได้บ้าง เพราะตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เป็นรังมดที่อยู่บนยอดหญ้าในสวนหลังบ้านของเทพเจ้าไม่ว่าเจ้าจะทำลายอีกฝ่ายยังไง การพิชิตครอบครองแดนสวรรค์ทั้งหมดเท่ากับหักหน้าเจ้าบ้าน เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ”
“สุดท้าย,ผู้อาวุโสจอมปีศาจไคเทียนผู้อยู่มานานหลายหมื่นปี อย่านึกว่าเห็นข้าเป็นเด็กแล้วจะหลอกข้าได้ ข้าเด็ก แต่ไม่โง่ เข้าใจไหม? หากเจ้าแข็งแกร่งเพียงพอแล้วเจ้าจะยอมเข้าร่วมกับข้าได้อย่างไร? หากเจ้าสามารถหลุดพ้นจากปัญหาได้สมบูรณ์ทำไมต้องมาเชิญให้ข้าต่อสู้กับพวกเริ่นเทียนเกอ?เริ่นเทียนเกอคนเดียวที่ฝีมือด้อยกว่าเจ้า ข้ารู้ แต่สิ่งที่ทำให้เจ้าไร้ประโยชน์ก็คือเจ้ายังไม่ได้ปลดปล่อยตนเองจากวิหารปีศาจฟ้าและพลังของผนึกยังคงบังคับเจ้าอย่างผิวเผินต่อไป ข้าพูดผิดหรือเปล่า? ไม่อย่างนั้นเรื่องการผนึกพลังกับเด็กอย่างข้าเจ้าคงไม่พูดถึงแน่ จริงหรือเปล่า?”
เย่ว์หยางพูดถึงตอนนี้สีหน้าของจอมปีศาจไคเทียนถึงกับเปลี่ยนไป
ดูน่าเกลียดอย่างยิ่ง
เขาไม่พูด
เป็นเวลานาน
เขาจ้องมองเย่ว์หยางราวกับว่าเหมือนกับจะยิงร่างให้ทะลุร่างเย่ว์หยางเป็นสองรู
การจ้องมองจะสามารถฆ่าใครได้?ยกเว้นแต่อาหมันที่มีพลังเนตรประหารและเนตรโลหิตประหารสองชั้นไม่มีคนที่สองในโลกนี้ที่ทำได้ ดังนั้นเย่ว์หยางยืนอยู่เฉยๆ ไม่รู้ร้อนรู้หนาว
จอมปีศาจไคเทียนปรบมือทันที “ไม่เลว หลังจากหลบหนีออกมาจากวิหารปีศาจฟ้าข้าสาบานตลอดว่าจะไม่ทำเรื่องโง่เขลาอย่างการพิชิตแดนสวรรค์อีกครั้ง มันเป็นเพราะความหยิ่งผยองไม่รู้ตัวจนกระทั่งข้าถูกผนึก การฝึกฝนไม่มีที่สิ้นสุด ข้าไม่มีความสนใจในการพิชิตแดนสวรรค์อีก นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงไม่ออกไปจากหุบเขาปีศาจเป็นเวลาหลายพันปี”
เย่ว์หยางรีบแก้ไข “ไม่ เจ้าไม่ได้ออกไปจากหุบเขาปีศาจ ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่ต้องการ หากแต่เจ้าทำไม่ได้”
จอมปีศาจไคเทียนชะงักเล็กน้อยและหัวเราะ “ถ้าข้าต้องการไป ก็ทำได้เพียงแต่ต้องจ่ายคุณค่าบ้างเล็กๆ น้อยๆ”
“ตัวอย่างราคาเล็กน้อยเช่น ยักษ์ดาบทองสำนึกเทพที่เกิดขึ้นหลังจากฝึกฝนหนักเป็นเวลาหมื่นปีมีชื่อเสียงมากแต่มันถูกกักอยู่ในวิหารปีศาจฟ้า ถ้าเจ้าบอกว่าไม่ต้องการสำนึกเทพ เจ้าจะสามารถเข้าสู่ขอบเขตเทพและข้าเห็นด้วยว่าราคาที่เจ้าจ่ายไปก่อนนั้นก็แค่คุณค่าเพียงเล็กน้อย” เย่ว์หยางพูดหักหน้าอย่างไม่เกรงใจ
“ในเมื่อเจ้าเข้าใจทุกอย่างดี อย่างนั้นมาคุยกันดีกว่า ถ้าเจ้าช่วยข้ากำจัดผนึกสำนึกเทพ ข้าจะให้รางวัลสูงสุดกับเจ้า อย่างเช่นช่วยให้เจ้าฝึกฝนจนผ่านการท้าทายทั้งสิบด่านได้รับคัมภีร์เทพ” อยู่ต่อหน้าคนฉลาดอย่างเย่ว์หยาง จอมปีศาจไคเทียนต้องยอมรับความจริง
“ไม่มีอะไรต้องพูด ทันทีที่ปลดปล่อยสำนึกเทพเจ้าเป็นอิสระเจ้าจะเก็บข้าทันทีนั่นคือรางวัลที่ใหญ่ที่สุด” เย่ว์หยางส่ายหน้า เขาไม่เคยเชื่อถือศัตรู
“จะฆ่าเจ้าตอนนี้ ข้าก็ทำได้”จอมปีศาจไคเทียนตวาด
“ถ้าข้าอยู่นอกหุบเขาปีศาจ ข้าอาจจะกลัวบ้างเล็กน้อยเมื่อได้ยินเจ้าพูดเช่นนี้ แต่ที่นี่พลังผนึกไม่เพียงแต่จำกัดเจ้าไว้ในโลกหุบเขาปีศาจเท่านั้น แต่เจ้ายังกลัวกระทั่งการทำลายมิติวิหารปีศาจฟ้า ที่นี่เจ้าไม่กล้าฆ่าข้าด้วยร่างที่แท้จริงของจอมปีศาจไคเทียน ข้าไม่ใช่จ้าวหมูป่า ไม่ใช่เริ่นเทียนเกอที่เจ้าหลอกลวง”
เย่ว์หยางกางแขนแสดงว่าเขาไม่กลัวตาย
“เด็กหนุ่มฉลาดอย่างเจ้าข้าเพิ่งพบเป็นครั้งแรก ถ้าเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ก็คงจะดี!” จอมปีศาจไคเทียนถอนหายใจลึก
“ข้าก็ไม่ต้องการเป็นคู่ต่อสู้กับเจ้า ผู้อาวุโสอย่างเจ้า ไม่ดีเอาเสียเลย” เย่ว์หยางพูดความจริงเป็นครั้งคราว
“เด็กน้อย! เจ้าต้องการปฏิเสธจะร่วมมือกับข้าอย่างนั้นหรือ?” จอมปีศาจไคเทียนถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“อ่า..ถ้าข้าบอกว่าขอกลับไปคิดเรื่องนี้สักสองสามวันแล้วค่อยให้คำตอบ เจ้าจะเชื่อไหม?” เย่ว์หยางหัวเราะ “ดี,ข้ารู้ว่าเจ้ามีวิธีการบางอย่างที่อาจฆ่าข้าได้ ถ้าเจ้าออกมาได้ บางทีข้าอาจจะพบเจอวิธีนั้นในทันที แต่ข้าคิดว่าเจ้าไม่จำเป็นต้องใช้”
“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?” จอมปีศาจไคเทียนถามแปลกๆ
“เพราะถ้าเจ้าฆ่าข้าจะมีเรื่องยุ่งยากตามมาในภายหลัง” เย่ว์หยางชี้ไปที่ประตูเทเลพอร์ตที่สาม หากเจ้าฆ่าข้าและข้าไม่ตายข้าจะเข้าไปช่วยชีวิตเริ่นเทียนเกอ หากไม่มีการใช้เลือดพวกเขาบูชายัญ ผนึกจะไม่คลาย ค่ายมารและค่ายพันธมิตรเทพจะไม่สับสนกับการสูญเสียผู้นำหลัก แผนการของเจ้าที่จะใช้ประโยชน์จากการนี้จะสูญเสียไปและเวลาออกจากวิหารปีศาจฟ้าจะยิ่งนานขึ้นไปอีก...” เย่ว์หยางอธิบายรายละเอียดอย่างน่าสนใจ
“พูดมีเหตุผล” จอมปีศาจไคเทียนยิ้ม มีแววอำมหิตและกระหายเลือดแฝงอยู่ในรอยยิ้มของเขา “อย่างไรก็ตามข้ายังอยากลองดูว่าเจ้าจะสามารถหลบหนีหกท่ามารฟ้าของข้าได้หรือไม่”
เย่ว์หยางเงียบ
ไม่พูดอะไรเป็นเวลานาน
จอมปีศาจไคเทียนแปลกใจเล็กน้อย เด็กคนนี้ไม่กลัวเขาหรือ? สีหน้าอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร?
เย่ว์หยางถอนหายใจทันที “อย่างไรก็ตาม เจ้าก็ต้องสู้! นี่เป็นการพิสูจน์ข้อหนึ่งว่าข้าฉลาดและมองการณ์ไกลกว่าเจ้า ประการที่สองคือ เจ้าหัวแข็งมากเจ้าไม่ฟังคำแนะนำของใครเลย เจ้ามั่นใจตัวเองเกินไป สิ่งนี้อาจจะถูกเรียกว่าบุคลิกภาพที่มั่นใจ แต่จริงๆแล้วก็คือตายโดยไม่สำนึกถึงความล้มเหลวที่แท้จริงของชีวิต บ่อยครั้งที่บุคลิกภาพเจ้าบกพร่องมีปัญหา”
จอมปีศาจไคเทียนประหลาดใจ “แม้ว่าจะเป็นความบกพร่องของนิสัยข้าแต่ข้าขอถาม เจ้าถอนใจทำไม?”
เย่ว์หยางตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้ากำลังเตือนตัวเองว่าจะไม่ยอมเป็นอย่างเจ้า เพราะเรามีบางอย่างที่คล้ายกัน ข้าไม่อยากมีชีวิตยืนยาวเป็นหมื่นๆ ปี และข้าจะไม่มีวันเสียใจเหมือนกับเจ้าจวนจะตายอยู่แล้วยังไม่รู้วิธีทำให้ตนเองก้าวหน้า ดังนั้นข้าจึงต้องเตือนใจตนเอง การเป็นคนยืนกรานความคิดเห็นของเจ้าเองนั่นต้องเลือกเวลาที่เหมาะสม อย่าได้เป็นเหมือนเจ้าที่หวังแต่ประโยชน์ตนเอง เอาแต่เชื่อโชคลางจะทำให้ใจมืดมัว”
“.....” จอมปีศาจไคเทียนพูดไม่ออก เจ้าเด็กผู้น่ารังเกียจนี่ใช้ตัวของข้าเปรียบเทียบเพื่อพัฒนาตัวเองให้ก้าวหน้าหรือ เจ้าเด็กนี่เป็นใคร เป็นศัตรูที่ต้องทบทวนให้ในการต่อสู้หรือ? เจ้าเด็กนี่กำลังสอนใครอยู่?