ตอนที่แล้วตอนที่ 38 เข้าใจโครงสร้างแห่งจิตของอักขระวิญญาณลม(อ่านฟรี11/03/2566)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 40 ตีกันและนั่งโต๊ะเดียวกัน(อ่านฟรี13/03/2566)

ตอนที่ 39 คลื่นเสียง


ตอนที่ 39 คลื่นเสียง

ลีโอแต่งตัวออกไปครั้งนี้ เขาเลือกจะไม่ใส่ชุดของหมอผีไป เพราะมันเด่นชัดและอาจจะดึงดูดสายตามากเกินไป เนื่องจากที่นั่นคงเต็มไปด้วยแรงงานขุดเหมืองคนธรรมดาซะเป็นส่วนใหญ่

“ยังดีที่ข้ามีเสื้อผ้าชุดธรรมดามาด้วย”

หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จเขาก็คว้าผ้าพันคอสีดำติดมาด้วย ด้านนอกยังคงมีลมและอากาศหนาว การได้ผ้าพันคอช่วยบังลมที่กระทบหน้าและคอช่วยลดความหนาวได้เป็นอย่างดี

อีกอย่างยังช่วยปกปิดใบหน้าบริเวณปากและจมูกได้อย่างแนบเนียน

ลีโอออกจากที่พักมายืนด้านหน้า เพื่อรอรถ

แม้ทางฐานขุดเจาะจะไม่ได้ใหญ่มากนักแค่ไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น แต่ว่าก็ยังมีรถไฟที่วิ่งวนเป็นเส้นเดียวรอบ ๆ ฐาน โดยตัวรถไฟนั้นไม่ต้องอาศัยรางมันใช้เทคโนโลยีต้านแรงโน้มถ่วงเช่นเดียวกับพวกกระบะโลหะในเหมือง แต่เป็นของที่ดีกว่านั้น

ไม่นานรถก็เคลื่อนตัวเขามาจอดอยู่เบื้องหน้าของลีโอ ประตูเปิดออกและมีบันไดยื่นออกมารองรับการก้าวเดินของเขา นับว่าสะดวกสบายมากที่ไม่ต้องมายกข้าก้าวขึ้นในพื้นที่ชันสูง

หลังจากเข้าไปบันไดเลื่อนเก็บกลับอย่างรวดเร็ว ประตูถูกปิดลงและรถไฟก็ขับออกไปด้วยความรวดเร็วและนิ่มนวลถึงขนาดที่ว่าเอาเหรียญวางตั้งฉากกับพื้นก็ไม่ล้มลง

การเดินทางไม่ถึงนาทีลีโอก็มาโผล่อีกฟากฝั่งของค่าย ซึ่งพื้นที่แถบนี้เต็มไปด้วยแสงไฟของย่านบันเทิง เขาเห็นผู้คนมากมายหลายร้อย และในเหล่านั้นลีโอสัมผัสได้ถึงหมอผีหลายคน บางคนแต่งกายชุดเต็มยศทั้งเสื้อคลุมและชุดยูนิฟอร์มสีขาว อันเป็นตัวแทนของหมอผีฝึกหัด

แต่มีจำนวนมากกว่าที่เลือกใส่ชุดอื่นเช่นลีโอ หมอผีเหล่านี้กลมกลืนไปกับแรงงานเหมืองที่ออกมาดื่มสังสรรค์กัน

ลีโอกวาดสายตาเดินเข้าไปในฝูงชนมองหาร้านที่ดูดีสักร้าน ก่อนจะเจอกับร้านแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า “แคสเปอร์ บาร์”

“ร้านนั้นแล้วกัน”

ลีโอขยับผ้าพันคอขึ้นบังใบหน้าเล็กน้อยพร้อมกับเดินเข้าไปที่ประตูร้านซึ่งมีการ์ดหุ่นยนต์สองตัวคอยยืนเฝ้าอยู่ การ์ดทำเพียงเหลือบมอง ก่อนจะปล่อยให้ลีโอผ่านเข้าไปได้

ที่นี่คือเหมืองมรณะกฎหมายหลายอย่างในสหพันธรัฐใช่กับสถานที่นี่ไม่ได้ ดังนั้นหน้าที่ของการ์ดรักษาความปลอดภัยไม่ใช่การตรวจอายุของคนเข้า แต่เป็นการตรวจสภาพของคนที่เข้าไป ไม่ให้พวกเมาจนขาดสติเข้ามาก่อความวุ่นวาย

ลีโอเข้ามาด้าน

ตั้งแต่ที่ทะลุมิติมาที่ยุคนี้ได้ 3 เดือนครึ่งแล้ว ลีโอก็ไม่ได้มีเวลามาสัมผัสกับความบันเทิงมากนัก แต่ยังคงพอรู้ผ่านความทรงจำอยู่บ้าง ในยุคนี้ก็มีทั้งดาราและซูเปอร์สตาร์มากมายไม่ต่างจากยุคก่อน การแข่งขันดูจะสูงมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะนี่ไม่ใช่การแข่งขันภายในประเทศหรือภายในโลกเดียวเท่านั้น

แต่แข่งขันกันในระดับอวกาศทั่วทั้งดวงดาวและอาณานิคมภายในระบบสุริยะแห่งนี้

แถมนอกจากคนแล้วยังมีพวกไอดอลเอไอและฮิวแมนนอยด์ด้วย การแข่งขันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก ที่บาร์แห่งนี้ก็มีศิลปินเอไอคนหนึ่งที่ฉายผ่านโฮโลแกรมกำลังยืนร้องเพลงอยู่ที่เวที

คนอื่น ๆ พากันนั่งดื่มกินกันอย่างสนุกสนานฟังบทเพลงอย่างเต็มอิ่ม

ลีโอกวาดตามองซ้ายขวา ก่อนจะมองขึ้นไปบังชั้นสองที่ไม่ค่อยมีคนมากนัก ลีโอจึงเดินเข้าไปเพื่อหาที่นั่น

“หยุดก่อน ชั้นสองสำหรับเหล่าหมอผีเท่านั้น” หุ่นยนต์การ์ดตัวหนึ่งเข้ามาขวางลีโอไว้

“หลบไป” ลีโอกล่าวพร้อมกับเผยให้เห็นกุญแจยืนยันตัวตนที่คอ

หุ่นยนต์การ์ดสแกนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหลบให้ลีโอเดินผ่านไปโดยไม่พูดกล่าวอะไรสักคำ

ลีโอเดินขึ้นไปนั่งที่ชั้นสองหาที่นั่งมุมเงียบที่ว่างซึ่งมีอยู่จำนวนมาก นั่งลงและกดสั่งอาหารและเครื่องดื่มจากหน้าจอ

เนื่องจากลีโอยังไม่อยากจะลดประสิทธิภาพสมองของตนเองด้วยการดื่มแอลกอฮอล์ จึงสั่งเพียงน้ำอัดลมอย่างโคคาโคล่าที่เป็นที่นิยมมาอย่างต่อเนื่องแม้จะผ่านมาหลายร้อยปีก็ตาม

หุ่นยนต์เดินมาเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มอย่างรวดเร็ว พนักงานในร้านที่นี่แทบทั้งหมดนั้นเป็นหุ่นยนต์เอไอแทบทั้งหมด ซึ่งสถานบริการพวกนี้เป็นของฐานขุดเจาะเรียกได้ว่าทุกอย่างในนี้เป็นของฐานก็ว่าได้

ลีโอมองดูอาหารที่ถูกวางทีละจานทีละจาน ตอนนั้นเองเสียงเพลงก็หยุดเงียบลงตามมาด้วยแสงไฟที่หรี่ลดลดลงดูสลัว ๆ สร้างบรรยากาศราวกับห้วงความฝัน

แสงจากไฟหนึ่งผ่านพ้นขึ้นขึ้นจากพื้นฉายแสงไปยังใจกลางเหนือร้าน ปรากฏเป็นภาพของหญิงสาวนางหนึ่งขึ้นมา

เสียงฮือฮาดังขึ้นกันทั่วทั้งร้านพร้อมกับเสียงตะโกนเชียร์ในทันที

“ไวโอเล็ท...ไวโอเล็ท...ไวโอเล็ท...เฮ้!!!”

หลังเสียงเฮ้ก้มีหญิงสาวผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา เธอคือภาพโฮโลแกรมของไวโอเล็ทนักร้องสาวชื่อดังที่เป็นมนุษย์จริง ๆ อีกคนหนึ่งที่มีแฟนคลับหลายหมื่นล้านคนและอายุเพียง 24 ปีเท่านั้น

แน่นอนว่าภาพที่ฉายอยู่นี้ไม่ใช่ภาพการแสดงสด แต่เป็นรูปแบบบันทึกสุดจะล้ำยุคที่เรียกว่าภาพโคลนเสมือนจริงที่บันทึกดนตรีสดไว้และการจะนำมาฉายได้จะต้องเสียเงินซื้อไลเซนส์หรือที่เรียกว่าใบอนุญาตมาฉาย สำหรับที่เหมืองแล้วการซื้อมาฉายในบาร์แบบนี้ถือว่าธรรมดามาก เนื่องจากฐานขุดเจาะในเหมืองมรณะทำเงินได้มากมายมหาศาลจนพวกเขาไม่จำเป็นต้องสนใจเงินที่จ่ายไปเหล่านี้มากเท่าไหร่

แรงงานขุดเหมืองสนุกสนานกับวันพักผ่อนของตนเอง ขณะที่ลีโอนั้นใช้จิตสัมผัสถึงเสียงรอบตัว การเข้าใจเสียงจะทำให้เข้าใจคลื่นเสียง

คลื่นเสียงแบ่งอยู่ในจำพวกคลื่นกลและคลื่นตามยาว ซึ่งตัวกลางของเสียงนั้นคืออากาศที่ส่งผ่านคลื่นที่มีพลังงานมาด้วย แต่ว่าอากาศจะไม่เคลื่อนที่ตามคลื่นไป

ลีโอกำลังใช้มือจับไปที่โต๊ะเขารู้สึกได้ถึงคลื่นที่ส่งผ่านมาในอากาศกระทบกับโต๊ะและสั่นสะเทือนมาถึงมือของตนเอง โดยอาศัยลำโพงจากรอบร้าน

ลำโพงเหล่านั้นเป็นตัวกำเนิดคลื่นเสียง ซึ่งมันเกิดเป็นคลื่นต่อเนื่องออกมา

แววตาของลีโอจ้องมองไปยังอนุภาคเล็ก ๆ ในอากาศ ก่อนที่เขาจะใช้พลังจิตของตนดึงอนุภาคเหล่ามาไว้บนฝ่ามือและเฝ้าสังเกตมันผ่านการกระทำของคลื่นเสียง

อนุภาควิญญาณนั้นมีสองคุณสมบัตินั้นคือการเป็นทั้งอนุภาคและการเป็นทั้งคลื่น ด้วยดวงตาของลีโอจึงเห็นว่าคลื่นที่มากระทบกับอนุภาควิญญาณ ซึ่งเป็นแสงอ่อนรอบ ๆ อนุภาคจะทำให้เกิดการซ้อนกันของคลื่นและปลดปล่อยกลับไป

เพียงแต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงปรากฏการที่เล็กมาก ๆ แต่ความเล็กของมันไม่ได้กลบความจริงที่ว่านี่คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่

ลีโอพยายามทำความเข้าใจถึงการซ้อนทับกันของคลื่น จนทำให้คลื่นของอนุภาควิญญาณและคลื่นเสียงปกติผสานกันเป็นสิ่งใหม่

ใช้เวลาอยู่เนิ่นนานลีโอนั่งนิ่งแข็งค้างอยู่แบบนั้น ภาพนี้ช่างต่างจากผู้คนด้วยรอบที่ส่งเสียงร้องสนุกสนานกันสุดเหวี่ยงในคำคืนนี้

โต๊ะที่ลีโอนั่งอยู่นั่นสั่นไหวด้วยคลื่นความถี่ที่สูงมาก ๆ จนมองไม่ออกว่ามันสั่นอยู่ แต่ถ้าใช้มือสัมผัสจะพบได้ทันทีถึงคลื่นที่ออกมาจากมือของลีโอ

อนุภาควิญญาณที่ล่องลอยไร้แก่นสารอยู่ในบาร์แห่งนี้มารวมกันที่ฝ่ามือของลีโอเรื่อย ๆ

“โครม!”

แต่แล้วตอนนั้นก็เกิดเสียงดังขึ้นมาปลุกสติของลีโอตื่นขึ้นมาในทันที ทำให้ลีโอถึงกลับต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อพบว่าโต๊ะของตนเองนั้น โดนร่างของใครผู้หนึ่งลอยกระเด็นมาใส่จนแตกเสียหาย

หายากมากที่เหล่าผู้ใช้แรงงานจะก่อเรื่องราววุ่นวายภายในบาร์ของฐาน ส่วนใหญ่ถ้าเมาจนขาดสติก็จะโดนส่งออกไปด้านนอกทันที และไม่ต้องพูดเลยว่าที่ชั้นสองของร้านที่มีเพียงหมอผีจะขึ้นมาได้คนเหล่านั้นเข้ามาก็เรื่องราวถึงที่นี่

ลีโอก้มมองดูคนที่ชนใส่โต๊ะของเขาจนแตกกระจายอาหารและเครื่องดื่มที่ยังไม่ทันได้จิบกินลิ้มลองหกกระจายเสียหายไปจนหมด

แต่นั้นไม่น่าสนใจเท่ากับคนที่อยู่ที่พื้น

‘หมอผีฝึกหัดระดับ 2’ ลีโอเปิดจิตสัมผัสอยู่จึงสัมผัสได้ถึงชายผู้นี้และพอเขามองหน้าดี ๆ ก็จดจำได้ทันทีว่าเป็นใคร

‘แอนโทนี่!’

แอนโทนี่ คือศิษย์ชายผู้ที่มีพรสวรรค์ระดับ 4 ที่เข้ามาสถาบันเอลาเดียพร้อมกับลีโอ

“ถุย” แอนโทนี่ลุกขึ้นยืนและถุยเลือดที่กบปากออกมาโดยไม่ได้สนใจลีโอ แต่สายตากำลังจดจ้องไปยังหมอผีฝึกหัดระดับ 3 รูปร่างกำยำที่ใบหน้าแดงก่ำจากการดื่มหนัก

ข้าง ๆ ยังมีหญิงสาวอีกคนที่ลีโอก็จดจำได้เฉกเช่นเดียวกันนั้นคือ เอ็มมา หญิงสาวผู้ที่มีพรสวรรค์ระดับ 4 อีกคนที่เข้ามาเรียนที่สถาบันพร้อมกับลีโอ

ในศิษย์รุ่นที่เข้ามาพร้อมกับลีโอมีพรสวรรค์ระดับ 5 หนึ่งคนคือฟลอยด์ ฟินทัน และพรสวรรค์ระดับ 4 สองคนคือ แอนโทนี่และเอ็มมา

ลีโอบังเอิญพบทั้งสองคนอยู่ที่นี่อย่างไม่น่าเชื่อ

“เจ้าสองคนกล้ามากที่ท้าทายความอดทนของข้า” ชายร่างกำยำที่ใบหน้าแดงเพราะดื่มจนเมามายได้ตวาดเสียงดังลั่นจนทำให้ทุกคนในบาร์นั่นหยุดมองดู

เสียงทุกอย่างในบาร์เงียบลง ไม่มีใครกล้าส่งเสียงรบกวนการต่อสู้ของหมอผีฝึกหัดเหล่านี้

“สเวน เจ้ากล้าทำร้ายข้า” แอนโทนี่ลุกขึ้นด้วยความโมโห เพราะไม่คิดว่าจะโดนโจมตีจนสภาพเต็มไปด้วยอาหารเปื้อนตัวน่าอับอายอย่างมาก

“พวกเราไปดูถูกเจ้าตอนไหน เจ้าได้พ่ายแพ้ต่อศิษย์พี่คาร่าจริง ๆ อีกอย่างเราแค่พูดคุยกันสองคนเท่าภายในโต๊ะก็เท่านั้น แต่เจ้ากลับโจมตีพวกเราอย่างไรเหตุผลแบบนี้” เอ็มมาตะโกนเสียงดังลั่น

“ข้าไม่สน เรื่องความพ่ายแพ้ครั้งนั้นมันไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเจ้าได้ยิน พวกเจ้าหุบปากเน่า ๆ นั่นซะ ไม่สิข้าจะช่วยทำให้มันหุบเอง” สเวนพุ่งตัวเข้าหาแอนโทนี่ทันที

แอนโทนี่รู้ว่าพละกำลังของตนไม่มีทางสู้หมอผีฝึกหัดระดับ 3 ได้แน่ ระยะการขัดเกลาร่างกายด้วยรูนจิตนั้นต่างกันเกินไป ดังนั้นทางเดียวคือกระโจนหนี

แต่ว่าพอแอนโทนี่ออกไป ด้านหลังนั้นยังคงมีลีโออยู่ แถมสเวนดูจะเมามายซะจนแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร ไม่อย่างนั้นคงไม่โจมตีมั่วซั่วแบบนี้

ลีโอรู้ว่าตนไม่ทำอะไรคงโดนลูกหลงจากการโจมตีไปด้วยแน่

คนอื่น ๆ เองก็พึ่งสังเกตเห็นลีโอที่อยู่ในทิศทางการโจมตีและคิดว่าเขาคงโดนอัดเละแน่ แต่ว่ามือของลีโอคว้าเอายันต์ที่หยิบได้ง่ายที่สุดอย่างยันต์ลมออกมาและกระตุ้นมันจนเกิดเป็นบอลลมพุ่งเข้าใส่สเวน

สเวนเบิกตากว้างมองด้วยความตื่นตกใจ แม้จะเมาแต่ก็ยังพอรู้ว่าการโจมตีจากยันต์นั้นอันตราย รีบใช้ขาทั้งสองตั้งการ์ดป้องกัน

ตูม!

ตัวของสเวนโดนอัดกระเด็นลอยกลับหลังไปกระแทกใส่โต๊ะหลาย

“นั้นมัน” ลีโอพูดด้วยความตกตะลึง เพราะเขาเห็นวิธีการปกป้องของสเวน คือตอนที่ดึงแขนประกบเจ้าหากันได้เปิดใช้งานอักขระวิญญาณชิ้นหนึ่งขึ้นมา ทำให้การป้องกันของแขนของสเวนเป็นเหมือนโล่

ลีโอเห็นไม่ชัดว่าอักขระนั้นใช้งานได้อย่างไรหรือคืออักขระอะไร แต่มันเป็นสิ่งน่าสนใจมาก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด