ตอนที่แล้วบทที่ 16: พลังต่อสู้ที่ผิดปกติและถ้ำเช่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 18: ทีมสำรวจกับกูล

บทที่ 17: สุดยอดซากปรักหักพัง


“เอาล่ะทุกคนมาพักกันเถอะ!”

ถังเจิ้นว่าพร้อมกับเอาอาหารออกมามากมายมาวางบนหินเรียบ ๆ ในถ้ำที่ใช้แทนโต๊ะ

เด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังเล่นตุ๊กตาเห็นไก่ย่าง  ไส้กรอก  อาหารกระป๋อง  ขนมปัง  ฯลฯ  วางลงบนหินก็มองด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและตั้งใจจ้องแบบสุดขีด

ถังเจิ้นเห็นปฏิกิริยาของเด็กน้อยก็รู้สึกขบขันเลยฉีกน่องไก่มันเยิ้ม ๆ ให้อีกฝ่ายซึ่งก็เอาปากงับแล้วกลืนลงไปทันที

“โคตรหรู!”

เฉียนหลงยกนิ้วให้ถังเจิ้นพลางจิ๊ปากด้วยความชื่นชม  เพราะในโลกนี้มีแค่คนไม่ธรรมดาเท่านั้นแหล่ะที่จะหาอาหารแบบนี้มากินได้  เอาจริง ๆ มีหลายอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยซ้ำ

เจ้าอ้วนต้าสยงก็เริ่มลงมือกินไก่ด้วยความทนไม่ไหวไปแล้ว  เมื่อปากได้สวาปามไก่ย่างเข้าไปดวงตาก็เบิกโพลงไปกับอาหารแสนอร่อยในปาก

ทุกคนที่นั่งรอบก้อนหินเริ่มกินอาหารไปด้วยกัน  เพราะต้องทำงานยุ่ง ๆ อยู่ตลอดคืน  อาหารเลิศรสเลยยิ่งกระตุ้นความหิวได้หนักกว่าเดิมอีก  จนสุดท้ายอาหารทั้งหมดก็โดนกินจนสะอาด  ขนาดกระดูกยังไม่เหลือ  เพราะเจ้าต้าสยงเอาเข้าปากเคี้ยวกลืนด้วยสีหน้ามึนเมา

ถังเจิ้นทนดูไม่ไหวเลยเอาบิสกิตประทังหิวออกมาส่งให้ต้าสยง

หลังจากกินดื่มจนหนำใจแล้วทีมที่วุ่นวายมาทั้งคืนต่างคนต่างกางผ้าห่มออกแล้วหาที่เหมาะ ๆ ในถ้ำนอนกันมุมใครมุมมัน  ถังเจิ้นเองก็ง่วงเล็กน้อย  พอนอนลงได้ไม่นานก็หลับสนิท

กว่าถังเจิ้นจะตื่นก็ปาเข้าไปบ่ายวันรุ่งขึ้น  และมู่หรงจื่อเหยียนตื่นก่อนนานแล้วและกำลังทำความสะอาดถ้ำอยู่พร้อมจัดข้าวของเครื่องใช้ประจำวันที่ถังเจิ้นเอาให้

เด็กหญิงตัวน้อยที่นอนหลับไม่สนิทก็ตื่นขึ้นมายุ่งกับพี่สาวตน

เฉียนหลงนั่งกอดอาวุธในอ้อมแขนอยู่ที่ปากทางเข้าถ้ำ  มองดูเหล่าผู้พเนจรผ่านไปผ่านมาไกล ๆ เป็นระยะ ๆ

ที่บริเวณนี้มีถ้ำที่มีทีมผู้พเนจรอยู่บ้าง  เมื่อเห็นว่าถ้ำที่เคยว่างมีพวกถังเจิ้นอาศัยอยู่ก็แวะมาดูกันเป็นครั้งคราว

ถังเจิ้นเดินไปหาเฉียนหลงและนั่งลงมองดูทิวทัศน์ภายนอกสักพัก “ฉันอยากหาโอกาสเข้าไปดูในโหลวเฉิงใกล้ ๆ นี่ซักหน่อยน่ะ  พอจะมีวิธีดี ๆ ปะ?”

เฉียนหลงก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงบอกว่า “นายคงต้องสมัครเข้าร่วมทีมสำรวจและกองคาราวานในโหลวเฉิงอะ  พอเลเวลถึงแล้วนายจะมีโอกาสเข้าสู่โหลวเฉิงได้”

“กว่าจะเวลถึงนี่ต้องใช้เวลานานขนาดไหน?” ถังเจิ้นถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน  อย่างน้อย ๆ ต้องมีสามถึงห้าปี” เฉียนหลงตอบ

“ไม่เอาอะ  นานเกินไป  มีวิธีอื่นอีกมะ?” ถังเจิ้นส่ายหัวปฏิเสธ

“ไม่งั้นก็ต้องได้รับคำเชิญจากโหลวเฉิง  หรือไม่ก็มีคุณสมบัติเป็นผู้อาศัย  ถ้าไม่ใช่สองอย่างนี่ล่ะก็บอกเลยว่ายาก” เฉียนหลงยักไหล่แสดงว่าเขาคิดได้แค่นี้แหล่ะ

“คำเชิญ  คำเชิญอะไรอีก?” ถังเจิ้นผงะไปครู่หนึ่ง

“โหลวเฉิงจะจัดงานประมูลทุกปี  ในเวลานั้นจะมีคำเชิญถูกส่งมายังผู้พเนจรที่ร่ำรวยและมีอำนาจในบริเวณใกล้ ๆ เพื่อเข้าสู่โหลวเฉิงไปร่วมงานประมูล...”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้จู่ ๆ เฉียนหลงก็มองถังเจิ้นและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “นายอยากสร้างโหลวเฉิงไม่ใช่เหรอ?  เท่าที่ฉันรู้ในงานประมูลบางครั้งมันจะมีการเอาศิลาเสาเอกกับลูกปัดสมองที่สูงกว่าเลเวลหกออกขายด้วยหนิ!”

ถังเจิ้นได้ยินดังนั้นก็มีความสุขมากจึงรีบว่าต่อ “มันเรื่องอะไรกัน  ไหนเล่ารายละเอียดให้ฟังหน่อยซิ”

เฉียนหลงถอนหายใจเฮือกใหญ่และพูดด้วยน้ำเสียงแบบทำอะไรไม่ถูกว่า “เฮ่อ~  นายก็รู้ว่าฉันเป็นแค่ผู้พเนจรธรรมดา  แล้วอย่างฉันจะไปรู้รายละเอียดของการประมูลได้ยังไงเล่า!”

ถังเจิ้นจากยินดีกลายเป็นผิดหวัง  แต่ตอนนี้ก็ได้รู้แล้วว่างานประมูลครั้งนี้น่าจะมีสิ่งที่เขาอยากได้  ดังนั้นเขาจึงต้องหาโอกาสคว้าคำเชิญดังกล่าวมาให้ได้  และที่สำคัญคือจำนวนลูกปัดสมองที่มากพอด้วย

แต่สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดตอนนี้คือการฆ่ามอนสเตอร์และอัปเกรดตนเองให้เร็วที่สุด  เขาแทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นความแข็งแกร่งของตนหลังจากอัปเกรดแล้วว่าจะพัฒนาไปมากขนาดไหน

ถังเจิ้นจึงตัดสินใจว่าเขาจะพาเฉียนหลงกับต้าสยงไปตะลุยฆ่ามอนสเตอร์ในแดนทุรกันดารวันนี้เพื่ออัปเกรดตนเอง

พอหันไปเห็นเจ้าต้าสยงที่นั่งโง่ ๆ อยู่ใกล้ ๆ ถังเจิ้นก็นึกถึงอุปกรณ์ที่เขาเตรียมไว้ให้  เขาไปที่มุมถ้ำแล้วเอาโล่ที่เชื่อมขึ้นด้วยแผ่นเหล็กกับกระบองเหล็กขนาดใหญ่ออกมา!

ตัวกระบองนี้คือท่อเหล็กที่มีความยาวประมาณ 1.7 เมตรปกคลุมด้วยหนามเหล็กรูปสามเหลี่ยมที่แหลมคม

ถังเจิ้นลองใช้มันก่อนหน้านี้ซึ่งกว่าจะยกมันขึ้นได้ต้องใช้แรงถึงสองมือ  คงมีแค่เจ้าตัววิปริตอย่างต้าสยงเท่านั้นแหล่ะที่จะกวัดแกว่งกระบองนี่อย่างคล่องแคล่วได้

ถือโล่ในมือซ้ายถือกระบองในมือขวา  มีโซ่เหล็กสีดำหนาหลายเส้นพันเฉียงรอบร่างกาย  ทำให้ต้าหนิวตอนนี้ดูน่าเกรงขามสุด ๆ ขอแค่ไม่พูดแสดงความเอ๋อออกมาล่ะก็แค่ยืนตั้งท่าเฉย ๆ ก็ทำเอาผู้พเนจรคนอื่นหัวหดได้แล้ว

เมื่อพวกเฉียนหลงเห็นต้าสยงติดอาวุธพวกเขาก็ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า  เพราะจินตนาการว่าถ้าเจ้าหมอนี่ใช้อาวุธในมือสังหารมอนสเตอร์ล่ะก็มันจะต้องเป็นฉากนองเลือดชัวร์ ๆ

หลังจากที่ทั้งสามคนพร้อมแล้วถังเจิ้นบอกให้มู่หรงจื่อเหยียนอยู่เฝ้าบ้าน  ส่วนชายทั้งสามก็ออกจากถ้ำด้วยกันเข้าไปในแดนทุรกันดาร

เมื่อผ่านแดนทุรกันดารก่อนหน้านี้ตลอดมาถังเจิ้นมักจะระมัดระวังตัวอยู่เสมอ  เพราะกลัวว่าตนเองจะไปป๊ะเข้ากับมอนสเตอร์  ทว่าคราวนี้เขากระตือรือร้นอยากเจอกับมอนสเตอร์ทั้งหลายมาก ๆ จะได้อัปเวลเร็วขึ้น

แต่เรื่องก็ไม่ค่อยเป็นไปดังหวัง  เพราะเมืองผู้พเนจรช่วงกลางวันจะมีมอนสเตอร์มาป้วนเปี้ยนใกล้ ๆ น้อยมาก  และถ้ามีโผล่มาเมื่อไหร่จะถูกเหล่าทหารยามหรือไม่ก็ผู้พเนจรที่เดินเข้า ๆ ออก ๆ เมืองรุมฆ่าและแงะเอาลูกปัดสมองออกมา

หลังจากออกค้นหาเกือบชั่วโมงในที่สุดพวกเขาทั้งสามก็พบกับมอนสเตอร์เลเวลต่ำสองตัวและถูกถังเจิ้นฆ่าอย่างง่ายดาย

“ไม่ไหวอะ  หาที่ที่มีมอนสเตอร์เยอะกว่านี้ได้ปะ?” ถังเจิ้นถามเฉียนหลง

“ก็ต้องเป็นใกล้ ๆ อาคารป่าอะ  ส่วนใหญ่เป็นพวกเวลต่ำ  แล้วก็มีที่ที่พวกมันไปรวมตัวกันด้วยโดยมีตัวเวลสูง ๆ เป็นผู้นำ  พวกมันจะครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีทรัพยากรมากมาย  ส่วนจำนวนก็หลายพันเลยล่ะนะ” เฉียนหลงตอบพลางหยิบกระติกทหารที่ถังเจิ้นให้ออกมาจิบน้ำ

จากนั้นก็ชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง “ฉันได้ยินมาว่าในที่นั่นไกลออกไปมีมอนสเตอร์สร้างปราสาทและคอยกดขี่เผ่าพันธุ์มนุษย์จำนวนมากอยู่”

ถังเจิ้นมองไปที่ทิศทางที่เฉียนหลงชี้และพูดช้า ๆ ชัด ๆ ด้วยน้ำเสียงที่สงบ “ถ้าวันหนึ่งพลังของฉันแข็งแกร่งพอฉันจะให้กองทัพแก่นาย  แล้วนายจะนำทัพไปช่วยคนพวกนั้นมั้ย?”

เฉียนหลงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัว “ถ้าไม่มีผลประโยชน์ล่ะก็จะไม่มีใครทำแบบนั้นในแดนทุรกันดารหรอก  ชีวิตของผู้พเนจรเป็นสิ่งที่ไร้ค่าที่สุดในดินแดนนี้แล้ว”

ถังเจิ้นพูดคุยกับเฉียนหลงพลางให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวบนแมพ  จุดหมายของทั้ง 3 คนคือซากปรักหักพังของอาคารป่าที่อยู่ใกล้ ๆ มันเป็นซากปรักหักพังขนาดใหญ่ที่ปรากฏขึ้นมาเมื่อหลายปีก่อน  ว่ากันว่าโหลวเฉิงใกล้ ๆ หลายแห่งได้จัดตั้งทีมสำรวจขึ้นมาและเจอของดี ๆ มากมายจากที่นั่น

ตอนนี้กลุ่มอาคารป่าได้กลายเป็นพื้นที่ล่าสัตว์สำหรับให้ทีมผู้พเนจรได้ล่ามอนสเตอร์  เพราะมีผู้พเนจรที่ชอบขุดคุ้ยของมีค่าอย่างพวกเศษเหล็ก  ยาสูบ  และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากซากปรักหักพังเป็นครั้งคราว  ดังนั้นมันจึงกลายเป็นสถานที่ที่มีผู้คนแวะเวียนมาบ่อย ๆ

ทั้งสามเดินไปตามทางเรื่อย ๆ โดยไม่มีมอนสเตอร์เข้ามารบกวนเลยตลอดทาง  แม้จะเป็นแบบนั้นการเดินก็ยังคงเป็นไปได้อย่างยากลำบากและน่าเบื่อหน่าย  จนถังเจิ้นอดไม่ไหวต้องถามออกมา “อีกนานมั้ย?”

“เกือบถึงละ” เฉียนหลงไม่แสดงสีหน้า

ถังเจิ้นส่ายหัวคิดว่าจะหารถมาขับดีมั้ยจะได้เดินทางสะดวกขึ้น

หลังจากเดินต่อไปซักพักเฉียนหลงก็พูดว่า “ถึงละ”

ถังเจิ้นหยิบกล้องส่องทางไกลออกมาส่องและเห็นพื้นที่ขนาดใหญ่ของซากปรักหักพังของอาคารที่พังทลายซึ่งมองเห็นได้ลาง ๆ ประมาณหนึ่งกิโลเมตรข้างหน้าโดยมีร่างของผู้คนกะพริบเป็นระยะ ๆ

และเมื่อถังเจิ้นเดินไปที่หน้าซากปรักหักพังเขาก็ต้องรู้สึกทึ่งกับขนาดของมัน

ขนาดยืนอยู่บนที่สูงและมองลงไปยังเห็นอาคารทรุดโทรมและพังทลายอยู่หลายแห่งในรัศมีหลายกิโลเมตรไกลออกไปหาขอบเขตของมันไม่เจอ  เนื่องจากมีหมอกสีเทา ๆ คอยบดบังทัศนวิสัยของถังเจิ้น

“โห!  ซากปรักหักพังนี่มันใหญ่เบอร์ไหนวะเนี่ย?” ถังเจิ้นมองมันอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันมาถามเฉียนหลง

“ไม่รู้สิ  ไม่เห็นมีใครเคยบอก  แต่ฉันได้ยินมาว่าครั้งหนึ่งมีคนเดินทางผ่านซากปรักหักพังนี่ในหนึ่งเดือนและได้ของดีมาเพียบอะ!” เฉียนหลงพูดเบา ๆ และเริ่มจัดอุปกรณ์ให้พร้อม

มือซ้ายถือคันธนู  สะพายลูกธนู 5 ดอก  และมีอีก 1 ดอกอยู่บนสายธนูแล้ว

ถังเจิ้นพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ และกระโดดลงมาจากที่สูง  เมื่อเตรียมอาวุธพร้อมแล้วทั้งสามก็เริ่มเดินไปที่ซากปรักหักพังนั้น

ในขณะที่ก้าวเดินไปข้างหน้าเขาก็ตั้งใจฟังการเคลื่อนไหวรอบตัวพร้อม ๆ กับสังเกตแมพที่ลอยอยู่เบื้องหน้าไปด้วย

หลังจากเดินไปได้ไม่ถึง 100 เมตรทันใดนั้นถังเจิ้นก็พบกับเป้าหมายที่แผนที่มาร์คไว้ซึ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่ห่างไปข้างหน้าไม่กี่สิบเมตร  เมื่อเช็กดูดี ๆ จะเห็นว่ามันเป็นมอนสเตอร์สีกากีตัวหนึ่ง!

ถังเจิ้นที่เห็นดังนั้นก็ไม่ลังเลรีบวิ่งตรงไปหามันในทันที  เฉียนหลงที่เห็นแบบนั้นก็ผงะไปเล็กน้อยก่อนจะกวักมือเรียกต้าสยงให้ตามไป  และเมื่อเข้าไปใกล้ซากปรักหักพังก็เห็นว่าถังเจิ้นกำลังสับมอนสเตอร์ที่บาดเจ็บสาหัสอยู่ก่อนแล้วอยู่

“เฮ่ย ๆ เถ้าแก่  นายรู้ได้ไงอะว่าตรงนี้มีมอนสเตอร์อยู่?” เฉียนหลงถามอย่างสงสัย

เฉียนหลงเข้าใจดีว่าถังเจิ้นมีประสบการณ์ในการใช้ชีวิตและต่อสู้ในแดนทุระกันดารต่ำมาก  ไอ้มอนสเตอร์ตัวนี้แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่ทันสังเกตเห็นเลยดังนั้นถังเจิ้นนี่ไม่ต้องพูดถึง

ทว่าความเป็นจริงตรงหน้าคือถังเจิ้นสามารถเจอเจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้ได้ก่อนเขาแถมยังลงมือฆ่ามันได้อย่างหมดจดด้วย

เฉียนหลงมีข้อสงสัยในตัวถังเจิ้นมากมายในใจ  ทว่าก็ยังฉลาดมากพอที่จะไม่ถาม  และในแง่การต่อสู้เฉียนหลงรู้สึกได้ชัดเจนมากว่าถังเจิ้นมีความก้าวหน้าขึ้น  ซึ่งนี่เป็นสัญญาณที่ดี

ในโลกนี้จะเป็นผู้ล่าหรือเป็นผู้ถูกล่าก็มีแค่ความแข็งแกร่งของตนเองเท่านั้นที่จะรับประกันความอยู่รอดได้อย่างน่าเชื่อถือมากที่สุด  ส่วนผลประโยชน์ที่ได้จะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับว่าติดตามหัวหน้าที่เก่งหรือไม่

หลังจากเก็บลูกปัดสมองแล้วทั้งสามก็เดินหน้าต่อไป  ถังเจิ้นยังคงเป็นคนแรกที่ค้นพบร่องรอยของมอนสเตอร์และไปจัดการฆ่ามันอย่างรวดเร็ว

หลังจากเข้าไปในซากปรักหักพังประมาณหนึ่งกิโลเมตรถังเจิ้นซึ่งก็ฆ่ามอนสเตอร์อีก  และแล้วเขาก็รู้สึกว่าร่างกายของตนแข็งเกร็งขึ้นมาในทันใด  ความรู้สึกเสียวซ่านไหลบ่าไปทั่วร่างกาย  แล้วจู่ ๆ ก็รู้สึกว่าไม่ว่าจะเตะหรือต่อยเขาก็สามารถระดมพลังจากทั่วทั้งร่างส่งผ่านมาได้

นี่คือความแข็งแกร่งของคนเลเวล 1 ซึ่งสามารถระเบิดความแข็งแกร่งเที่ยบเท่าผู้ใหญ่ได้อย่างสมบูรณ์ทุก ๆ ท่วงท่า!

ทั่วทั้งร่างของถังเจิ้นรู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง  ชักดาบเล่มใหญ่ออกมาโบกสะบัดกวัดแกว่งอย่าตื่นเต้นในความคล่องแคล่วที่เพิ่มขึ้น  ความเบิกบานใจในพละกำลังทำให้รู้สึกเบาเหมือนบินได้  ทว่าพอออกแรงเต็มที่ไปได้เพียงสิบกว่าดาบลมหายใจก็กลายเป็นติดขัด  ร่างทั้งร่างเกิดความเจ็บปวดขึ้นมาจนแม้แต่ยืนยังไม่ไหว

“เชี่ย  เกิดเชี่ยไรขึ้นวะเนี่ย!”

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ”

ถังเจิ้นนั่งหอบลงกับพื้นและถามเฉียนหลงที่ตอนนี้กำลังหัวเราะงอหายด้วยใบหน้าหม่นหมอง

“เออ ๆ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ก็นะ  ไม่แปลก  เป็นกันทุกคนแหล่ะ  พอเลื่อนเป็นเวลหนึ่งใหม่ ๆ ก็จะรู้สึกว่าตัวเองมีพลังมหาศาลขนาดต่อยเหล็กกล้าให้บุบได้ในหมัดเดียว  แล้วเป็นไง  ก็เทสต์พลังไง  ส่วนผลที่ตามมาก็คือม่อยกระรอกเหมือนนายตอนนี้แหล่ะ!”

ถังเจิ้นกลอกตาเมื่อได้ยินแล้วพูดดุออกมา “ไอ้เด็กเปรตนี่จงใจไม่บอกก่อนเพราะอยากรอดูกูปล่อยไก่เหรอวะ”

“เอาหน่า ๆ ตอนฉันเลื่อนเป็นเวลหนึ่งใหม่ ๆ สภาพแย่กว่านายเยอะ  พออัปเวลแล้วฉันก็อวดเก่งขนาดไปฆ่าพวกโจรจนสุดท้ายก็หมดแรงต้องนอนกองอยู่กะศพพวกมันตั้งหลายชั่วโมงแหน่ะกว่าจะลุกไหว” เฉียนหลงพูดช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ  แต่มีร่องรอยของความเหงาที่มองไม่เห็นในน้ำเสียง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด