ตอนที่แล้วตอนที่ 995 โลงทองและภูตนำทาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 997 ข้ารับดูแลภูมิภาคสวนสวรรค์เอง

ตอนที่ 996 น้องสาวข้า อย่าน่ารักเกินไป


ออกจากมิติเก็บคัมภีร์อัญเชิญชั้นเทพ เย่ว์หยางใช้เข็มทิศสามภพกลับไปยังบันไดสวรรค์ชั้นห้า

ขณะย่างเข้ามาถึงแท่นบูชายัญ  เย่ว์หยางแทบยังไม่ทันจะยืนลำแสงทองฉายออกจากร่างพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน จุ้ยมาวอี้และเย่ว์หวี่ที่พักผ่อนอยู่ในโลกคัมภีร์ลอยออกมาทีละคนและลอยอยู่ในกลางอากาศอาบอยู่ในสนามพลังแห่งสวรรค์

ปรากฏว่าไม่ใช่พวกเขาไม่ได้รับการเลื่อนระดับหลังจากต่อสู้ แต่ในเขตคัมภีร์เทพพลังถูกจำกัดโดยกฎสวรรค์ของคัมภีร์เทพ  พวกเขาจึงไม่ได้รับการเลื่อนระดับพลังทันที

ตอนนี้ออกมาจากเขตคัมภีร์เทพแล้ว

นอกจากสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ซึ่งไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้  ทุกคนได้รับประโยชน์จากการต่อสู้ที่ยากลำบากครั้งนี้

สิ่งที่ทำให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนปลาบปลื้มที่สุดก็คือหลังจากร่วมทำศึกต่อสู้กับจ้าวสุริยา ในที่สุดนางได้บรรลุถึงขอบเขตที่นางรอคอยมานานจากระดับปราณก่อกำเนิด เลื่อนระดับเป็นปราณราชันย์มีพลังปราณราชันย์ที่สามารถสร้างพลังปณิธานอมตะได้

ดาบเทพจักรพรรดิอวี้ยิ่งหลอมรวมมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยกระดับพลัง

แม้ว่าจะยังไม่หลอมรวมได้อย่างสมบูรณ์  ยังมีส่วนที่เหลืออีกเล็กน้อย องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเริ่มเห็นจุดเริ่มต้นแห่งการหลอมรวมของสมบัติระดับเทพนี้อย่างเป็นทางการเพื่อให้เป็นสมบัติเทพที่มีลักษณะเฉพาะที่เข้ากับบุคลิกของนาง!

“แม่เสือสาวข้าจะช่วยเจ้า” เย่ว์หยางแสดงความยินดีกับนางและพร้อมช่วยนางทุกอย่าง

“ข้าขอคิดดูก่อนว่าจะให้โอกาสนี้กับเจ้าหรือไม่” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนหยิ่งแต่เพียงผิวเผิน แต่ในความเป็นจริงนางรู้ว่าหากปราศจากความช่วยเหลือจากเย่ว์หยางนางจะไม่มีทางหลอมรวมกับดาบเทพจักรพรรดิอวี้ได้อย่างสมบูรณ์  มีแต่เขาเท่านั้นที่ยอมสละกรรมสิทธิ์อย่างสมบูรณ์  ด้วยวิธีนี้ดาบเทพจักรพรรดิอวี้จะกลายเป็นดาบวิเศษของนาง องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้ร้ายต่อเย่ว์หยาง เพียงแต่ต่อหน้าทุกคนนางต้องรักษาบุคลิกแม่เสือสาวที่นางภูมิใจ

“ในที่สุดก็กลับมาถึงบ้าน”  แม่สี่พาเจ้าเมืองโล่วฮัว อี้หนาน เย่ว์ปิงเย่ว์ซวงและสาวๆ ออกมาต้อนรับเขาถึงริมแท่นบูชายัญ  เมื่อพวกนางเห็นเย่ว์หยางพาทุกคนกลับมาได้และมองเห็นทุกคนเลื่อนระดับ นางอดผ่อนคลายมิได้

“พี่เสี่ยวซาน” หนูน้อยเย่ว์ซวงโผเข้ากอดพี่ชายเป็นคนแรก ไวกว่าเย่ว์ปิงที่บินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว

“เกลียดนักเชียว ไม่พาผู้อื่นไปสู้กับจ้าวสุริยาด้วย” น้ำเสียงของนางเซียนหงส์ฟ้าแฝงอารมณ์แง่งอน นางรู้ว่าเย่ว์หยางห่วงใยความปลอดภัยของทุกคน  แต่เมื่อนางเห็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมีความสุขนางอดจะอิจฉาไม่ได้  เขาดีต่อตัวนาง  แต่สำหรับแม่เสือสาวนั้นดูดีที่สุด

“เอาเถอะน่า...” ราชันย์ปีศาจใต้ค้อนนางเซียนหงส์ฟ้า

นางหมายความว่าแม่สาวมารกฎฟ้าเป็นคนของเย่ว์หยาง ใครเล่าไม่รู้จักคนที่มีความสามารถบนเตียงที่พอจะรับมือเย่ว์หยางได้!  ยังไงก็มีสามีที่ดีอยู่แล้ว

ดูอย่างสุ่ยอู๋เหินสิ เป็นยังไง?

ใครๆ ก็เรียกนางว่าใจกว้าง

นางเซียนหงส์ฟ้าปิดปากยิ้มนางส่งสายตาให้ราชันย์ปีศาจใต้ท้าทายให้ทำศึกรักลงโทษเขาคืนนี้

ราชันย์ปีศาจใต้ไม่เข้าใจความหมายนี้ของมารกฎฟ้า  อย่างไรก็ตามนางหน้าแดงเล็กน้อยแม้ว่านางจะตั้งใจแต่ก็อดส่ายหน้ามิได้ ตามความคิดของนาง ครั้งแรกของนาง ถ้าอยู่กับเขาคนเดียวจะดีกว่าอย่างไรก็ตามบิดาของนางได้พูดคุยกับแม่สี่ ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ สุ่ยตงหลิว จุนอู๋โหย่วแม่เฒ่าอู่เถิง และผู้อาวุโสก็เห็นพ้องด้วย ผู้เฒ่าหนานกงจะเป็นหลักคอยจัดงานแต่งงานใหญ่ให้ต่อไป ตัวนางยังอยากจะสวมชุดเจ้าสาวแต่งงานอย่างเปิดเผย ไม่จำเป็นต้องมีพฤติกรรมลับๆเหมือนอย่างไป่ลู่และลี่เยี่ยนไม่ยอมเปิดเผยต่อสาธารณะ

นางเซียนหงส์ฟ้าจูงมือเข้าพิธีวิวาห์หรือเปล่า?นางไม่ใส่ใจพิธีกรรมที่คร่ำครึ!

ไม่มีพิธีหรือ? ทันทีที่เขาพานางออกมาจากตำหนักซัคคิวบัสก็ถือว่าเขามีประจักษ์พยานทุกคนแล้ว นอกจากนี้ไม่ว่าจะรู้ทั่วไปหรือไม่ วังมารและตระกูลเย่ว์ถือได้ว่าเป็นการแต่งงานการเมือง และถูกจารึกไว้ในแผนภูมิตระกูลเย่ว์และอาณาจักรต้าเซี่ย ทวีปมังกรทะยานใครเล่าไม่รู้ว่านางเซียนหงส์ฟ้าเป็นภรรยาของเขา!

“ช่างเถอะ!  ข้าไม่พูดอะไรกับเจ้าให้ชัดอีกแล้ว”  ราชันย์ปีศาจใต้ถอนหายใจ  แม่สาวเทียนฟา (กฎฟ้า) นางไม่ใส่ใจอยู่แล้ว  ยังไงนางก็มีความสุขกับตัวร้ายนั่นทุกอย่างเป็นความจริง แต่นางแตกต่างออกไป ปกตินางไม่ค่อยมีเวลาพูดคุยกับเขา

“ได้สมบัติอะไรมาบ้าง,พี่เขย?  ข้าขอชิ้นนี้  นี่ด้วย แล้วก็นั่นด้วย....”นี่คือมารเคราะห์ฟ้า

“ข้าอยากได้ใบไม้ปัญญา ข้าก็ชอบด้วย ให้ข้าอีกชิ้น เทียนจาย(เคราะห์ฟ้า) เจ้าได้ไปสามชิ้นแล้ว อย่าแย่งข้า” เป่าเอ๋อกล่าว

“อ๊า..ไม่ต้องให้ข้าก็ได้  น้องเป่าเอ๋อเอาไปเถอะ!”  หลิวเย่เสียงอ่อน

“ฮึ..ของหลอกเด็ก  ข้าไม่ต้องการ!”  เซี่ยอีพูดขึ้นบ้าง

เมื่อเห็นภาพเช่นนี้นางเซียนหงส์ฟ้ายิ้มและหมุนตัวเดินกลับไปที่ทางเข้าสู่โลกพฤกษาพลางถอนหายใจอย่างคนมากประสบการณ์ “เฮ้อ..ข้าคงต้องปรนนิบัติคุณชายจริงๆ!”  ราชันย์ฟ้าทักษิณเหลือกตา หวังว่านางคงไม่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่มากไปกว่าพวกนาง  หากที่นี่มีคนไม่มากนักคงไม่แปลกอะไรที่เย่ว์หยางจะเปลื้องผ้าเข้าทำศึกรักกับสาวๆ

ขณะที่ทุกคนรอแบ่งสมบัติมีค่าสมบัติชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างน้ำพุเยาว์วัยและใบปัญญาที่เย่ว์หยางได้มามารเคราะห์ฟ้ากับเป่าเอ๋อแบ่งกันเองเรียบร้อยแล้ว

ส่วนหีบมังกรฟ้าทุกคนไม่ต้องการและสิ่งนี้คือวัตถุดิบคุณภาพดีที่สุดสำหรับสร้างกำไลอสูร

แน่นอนว่าสมบัติสำคัญพวกนางไม่กล้าแตะต้อง

ตัวอย่างเช่นเลือดเทพโบราณ นอกจากไม่กี่คนที่มองด้วยความอิจฉาแกมดีใจ ไม่มีใครกล้าและเล็ม จากนั้นก็เป็นกระบวนการซักถามเหตุการณ์ต่อสู้กับจ้าวสุริยาและสำรวจคัมภีร์เทพ  เย่ว์หยางกับจุ้ยมาวอี้ทำหน้าที่อธิบาย องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเย่ว์หวี่คอยเสริมอธิบายเพิ่มเติมเป็นครั้งคราว  นอกจากนี้ เขาไม่เพียงแต่จะได้ยินเย่ว์ปิงเป่าเอ๋อและเด็กๆ ร้องตกใจเท่านั้นแม้แต่โล่วฮัวและราชันย์ปีศาจใต้ได้ยินแล้วยังถึงกับตาโต  เพราะการต่อสู้ครั้งนี้รุนแรงเกินคาด

แม่สี่ฟังอย่างสงบ ใบหน้านางมีรอยยิ้ม

เมื่อนางได้ยินว่าเย่ว์หยางอารมณ์เสียขณะเล่าเรื่องไปถึงพบยักษ์ที่ทางเข้าโลกคัมภีร์เทพที่น่าคลั่งใจนักนางอดยิ้มให้ไม่ได้

เย่ว์หวี่สังเกตได้และกระซิบถาม “คัมภีร์เทพทั้งหมดมีผู้เฝ้าพิทักษ์คัมภีร์หรือ?  หรือว่าเป็นเพียงคัมภีร์เดียวที่เราพบ?”

แม่สี่โบกมือ “ข้าไม่รู้”

แม้ว่านางจะปฏิเสธเช่นนี้ แต่เย่ว์หวี่รู้สึกว่าแม่สี่ต้องรู้ความลับบางอย่าง  เพียงแต่ไม่พูดออกมา  บางทียังไม่ถึงเวลา  เย่ว์หวี่ไม่คิดลึกมากเกินไป  ยังไงแม่สี่คงไม่ทำร้ายเสี่ยวซาน  นางเป็นผู้ที่รักเสี่ยวซานกว่าใครๆ มากที่สุด

หลังจากกลับมารวมตัวกันแล้ว  ราชันย์ปีศาจใต้ยังคงฝึกฝนในโลกพฤกษาต่อไป

แม่สี่พาเย่ว์หยาง เย่ว์ปิงและหนูน้อยเย่ว์ซวงกลับบ้าน องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนปฏิเสธจะไปพร้อมกับเย่ว์หยางนางต้องฝึกฝนเพื่อรวบรวมพลังปราณราชันย์ของนางไว้ให้ดี  จุ้ยมาวอี้บอกว่านางก็ควรฝึกฝนไว้ให้ดี  แต่เย่ว์หวี่ภายใต้การชักชวนของโล่วฮัวและอี้หนานและนางตัดสินใจกลับบ้านพักผ่อน นอกจากนี้ยังเป็นการพักผ่อนหลังต่อสู้ครั้งใหญ่อีกด้วย  เย่ว์หวี่คิดว่าเย่ว์หยางจะต้องค้นคว้าและพัฒนากำไลอสูรเพิ่มเติม หากนางเองกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไปฝึกฝนที่บันไดสวรรค์จะไม่มีใครช่วยจัดระเบียบให้เขาแน่นอน

โล่วฮัวอี้หนานและเย่ว์หวี่กลับไปที่มิติกระจกในวังเทียนหลัวรอเย่ว์หยางอยู่ที่นั่น

แม่สี่พาเย่ว์หยางและปิงเอ๋อซวงเอ๋อกลับไปที่ปราสาทตระกูลเย่ว์เพื่อรายงานความปลอดภัยของสมาชิกครอบครัวเพราะนางรู้ว่าผู้เฒ่าเย่ว์ไห่อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าและจุนอู๋โหย่วกำลังรอคอยข่าวการกลับมาของเย่ว์หยาง

“จ้าวสุริยาตาย?” จุนอู๋โหย่วและอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าได้ทราบข่าวนี้พากันดีใจตื่นเต้น

“ดี ดีมาก” ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่แหงนหน้าพูดซ้ำๆ คำเดิม

การเติบโตก้าวหน้าของเย่ว์หยางเกินกว่าที่พวกท่านจินตนาการอย่างไรก็ตามแม้ท่านจะรู้ว่าเย่ว์หยางเป็นอัจฉริยะไม่เคยเกิดมีมาก่อน แต่ไม่คิดว่าเขาจะสามารถฆ่าจ้าวสุริยาแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ได้  นั่นคือบุคคลที่แทบจะทัดเทียมกับเทพเจ้าไม่ใช่ผู้ที่สุดยอดฝีมือฝ่ายมนุษย์จะฆ่าได้...ตอนนี้เมื่อเขาได้ยินว่าเย่ว์หยางฆ่าจ้าวสุริยาสำเร็จ ข่าวดีเช่นดีเกินสิ่งที่ดีที่สุดที่พวกเขาคาดหวังไปมากแล้วจะไม่ให้พวกเขาตื่นเต้นได้อย่างไร!

จุนอู๋โหย่วและอาจารย์จิ้งจอกเชิญผู้เฒ่าหนานกงมาพูดคุยปรึกษาและขอให้ระงับข่าวนี้ไม่ให้แพร่กระจายออกไปชั่วคราวก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงสายลับของแดนสวรรค์

ในกรณีที่สายลับแดนสวรรค์บางคนประสบความสำเร็จผ่านรอยแยกห้วงมิติและเวลาที่ไม่มีใครรู้จักส่งข่าวไปถึงตำหนักกลางแดนสวรรค์ สำหรับเย่ว์หยางที่มีชะตาต้องทำสงครามกับตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ในอนาคตอาจจะกลายเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น

เย่ว์หยางต้องใช้เวลา และหอทงเทียนก็ต้องการเวลา

สำหรับเวลานี้ ยังคงทำตัวไม่โดดเด่นไว้ชั่วคราวก่อน

ข่าวดีในการศึกก็คือสามารถฆ่าแปดขุนพลบริวารภายใต้บัญชาการของจ้าวสุริยาได้    อย่างไรก็ตามสำหรับยอดฝีมือธรรมดา  นักสู้ปราณฟ้าจากแดนสวรรค์ทุกคนล้วนแต่ทรงพลังเหลือเชื่อ

“เจ้าอ้วนไห่และพวกเล่า?” เย่ว์หยางพบว่าเจ้าอ้วนไห่และเย่คงกับคนอื่นไม่ปรากฏตัวจึงถามด้วยความประหลาดใจ

“พวกเขาไล่ล่าศัตรูอย่างไม่เลิกราทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ยังมีจ้าวปีศาจจากแดนนรก นักสู้จากเผ่าภูตบูรพาก็คล้ายกัน  มีแต่พวกวังมารที่อาการดีกว่าเล็กน้อย  หากไม่ใช่เพราะได้มารกฎฟ้าคอยนั่งบัญชาการแปดขุนพลบริวารคงหนีรอดไปได้ บัณฑิตซือเหรินและคนเกียจคร้านยอมจำนนอย่างมีเงื่อนไข  พวกเขายอมตกลงกับโล่วฮัวและอี้หนาน  ส่วนยักษ์โนมถูกจับ  คนโฉดกับจอมหักหลังตายในการต่อสู้  ผู้เฒ่าเครายาวหนีไปได้หนึ่งวันแต่ถูกมารกฎฟ้ากับมารเคราะห์ฟ้าไล่ตามทันและผนึกกำลังฆ่าพวกเขา  ส่วนคนอ้วนถูกผู้อาวุโสสองคนตามทันและปฏิเสธที่จะยอม เขาซื่อสัตย์ภักดีมาก ในที่สุดเขาถูกล้อม โจมตีโดยสมาชิกวังมาร ปีศาจแดนนรก เผ่าภูตบูรพาและเสวี่ยทันหลาง แม้ว่าพวกเขาจะรุมล้อมต่อสู้ แต่ก็ต้องใช้เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน คนอ้วนมีพลังที่แข็งแกร่งมาก โชคดีที่บัณฑิตซือเหรินและคนเกียจคร้านผู้แข็งแกร่งยอมแพ้อย่างมีเงื่อนไขไปก่อน  มิฉะนั้นคนของเราคงยากจะหลีกเลี่ยงความเสียหาย”  อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ายังกังวลกับการต่อสู้

“เย่คงกับพวกไปป่าชาวเอลฟ์เพื่อรักษาตัว ที่นั่นมีน้ำพุเอลฟ์ซึ่งดีต่อการรักษาอาการบาดเจ็บของพวกเขา”  จุนอู๋โหย่วกล่าวว่าเขาไม่ต้องกังวล

“พูดอีกอย่างหนึ่งพลังของพวกเขายังอ่อนอยู่”  เย่ว์หยางไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้  นั่นต้องใช้เวลาในการเติบโต

“ฮ่าฮ่าฮ่า อย่าว่าแต่เจ้าเลย แค่การแสดงออกของพวกเขาก็เกินคาดหมายไปมาก  ถ้าเจ้าพูดอย่างนี้  จะให้เราตาแก่เอาหน้าไปไว้ที่ไหน?เจ้าไปพักผ่อนให้ดี เรื่องสู้เรื่องรบตอนนี้ เราเหล่าผู้เฒ่าทำได้ไม่ดีอีกแล้วเรื่องที่เหลือรองลงมาเราจะจัดการให้เอง!”  อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าตบไหล่เย่ว์หยาง

จุนอู๋โหย่ว อาจาย์จิ้งจอกเฒ่าและผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ไม่เหนี่ยวรั้งเขาไว้ ปล่อยให้เย่ว์หยางกลับไปยังวังเทียนหลัว

ยังไม่ทันกลับไปพบกับครอบครัวเย่ว์หยางรีบไปพบกับจักรพรรดิเทียนหลัวก่อน

ดูเหมือนจักรพรรดิหัวซิ่วรี่จะทราบข่าวดีแล้วอารมณ์ของเขาไม่แย่นัก  เขาชื่นชมเย่ว์หยางเพียงเล็กน้อย แต่ปฏิเสธจะพบเขา ไม่เปิดประตูรับเขาเข้ามาดื่มฉลอง

แม่สี่เข้าครัวปรุงอาหารเอง จัดเตรียมอาหารไว้เต็มโต๊ะ  เด็กหญิงขโมยหยิบอาหารโปรดกินสองสามครั้งแต่ลืมเช็ดน้ำมันที่ปาก และเธอคิดว่าไม่มีใครรู้ และทำเป็นนั่งเฉยในที่นั่งของตน

โล่วฮัวและอี้หนานมีความตั้งใจ  แสดงฝีมือปรุงอาหารอย่างละจาน

มีแต่เพียงเย่ว์ปิงที่ยังคงเคร่งครัดฝึกตามตารางฝึกฝนประจำวันที่พี่ชายนางกำหนดให้ก่อนเขาจะกลับมา

“ในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพจะมีผู้พิทักษ์ขุมทรัพย์ที่ห้าวหาญดุร้ายบ้างไหม?”  เย่ว์หยางกำลังกินอาหาร แต่จู่ๆเขาลืมไปว่าแม่สี่เคยปฏิเสธคำถามนี้เมื่อก่อนหน้านี้แล้ว แต่เขากับถามโดยตรง

“อืมม..” แม่สี่มองดูเย่ว์หยางที่อยู่ข้างหน้า จากนั้นถอนหายใจ “ใช่แล้วแม้ว่าข้าจะไม่เคยเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ แต่บางเรื่องก็พอจะอนุมานได้จากสามัญสำนึก ทำไมเทพโบราณถึงได้ตั้งผู้พิทักษ์เฝ้าทางเข้าสถานที่เก็บคัมภีร์เทพ?   ถ้าคัมภีร์เทพอยู่อย่างปลอดภัยแน่นอนดูเหมือนว่าไม่มีความจำเป็น หรือกฎสวรรค์ของเทพดั้งเดิมนี้ไม่ต้องการให้ผู้คนได้ทำสัญญา ก็แค่ผนึกเอาไว้โดยตรงทำไมต้องจัดให้มีผู้พิทักษ์คุ้มกันด้วย? ไม่ว่าเจ้าจะคิดยังไงการจัดให้มีผู้พิทักษ์คัมภีร์เทพความจริงก็คือการทำสัญญากับผู้พิทักษ์อย่างง่ายไม่ใช่หรือ” และผู้พิทักษ์ที่รับหน้าที่นั้นยังต้องทำหน้าที่หาผู้ทำสัญญากับคัมภีร์ที่ดีที่สุดไม่ใช่หรื? ข้าคิดว่าคัมภีร์อัญเชิญระดับเทพใช่ว่าจะเหมือนกันทั้งหมดบางที่ก็เข้มงวดมากแล้วเหตุใดถึงมีผู้พิทักษ์คัมภีร์เฝ้าปากทางเข้าสถานที่เก็บคัมภีร์เล่า?  เจ้าลองคิดแบบนี้ ผู้เสียสละชีวิตปกป้องทางผ่านนั่นคือผู้ยิ่งใหญ่มิใช่หรือ?  แล้วถ้าจะเปิดทางให้กับคนรุ่นหลังเป็นการจัดการโดยตั้งใจหรือไม่?  ข้างในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพนั้นข้าคิดว่าน่าจะมีเทพหลายตนที่มีบุคลิกแตกต่างไปได้  ดังนั้นวิธีจัดการก็ย่อมต่างกัน”

แม่สี่พูดอย่างคลุมเครือโดยละเลยปัจจัยที่ใกล้ตนเองมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และผลักดันความคิดเห็นของนางโดยใช้สามัญสำนึก

อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นเย่ว์หยาง เย่ว์หวี่ โล่วฮัวอี้หนานและเย่ว์ปิง ล้วนเข้าใจกันทุกคน นอกจากเด็กหญิงที่เอาแต่กิน ทุกคนเข้าใจความจริงผ่านการแนะนำของแม่สี่

นั่นคือผู้พิทักษ์คัมภีร์เทพเป็นการทำสัญญาอย่างง่ายที่สุด

ทั้งยังเป็นการตามหาเจ้าของใหม่...เย่ว์หยางสุขใจที่ได้ยินเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม โดยผิวเผินแล้วนางยังคงสงบและชี้แนะขั้นตอนนั่นเป็นเรื่องที่ยากมาก ปกตินางจะไม่ฝืนใจพูดถ้านางไม่ยินดีจะพูด นอกจากนี้ถ้าเขาไม่มีประสบการณ์ด้วยตนเองกับสิ่งที่แม่สี่พูดคำที่ยากจะเข้าใจ  แต่เขามีประสบการณ์ด้วยตนเองเขาจึงเข้าใจได้จริง และทุกอย่างที่เทพโบราณทำมีความลับเบื้องหลังที่ลึกซึ้งยากจะเข้าใจความคิดของพวกเทพนั้นได้

ต้องยืนสูงในระดับเทพหรือในความสูงส่งใกล้เคียงกันกับเทพจึงจะเข้าใจได้ง่าย

หลังจากอาหารมื้อนั้น ทุกคนผ่อนคลายและรวมตัวกันอีกครั้งพูดคุยหยอกเย้าเล่นหัวเป็นความสุขสงบที่หาได้ยากในช่วงนี้

เย่ว์หวี่เห็นว่าท้องฟ้าค่อยๆมืดลงจึงถือโอกาสกลับไปพักผ่อน

ปิงเอ๋อไม่ทราบเหตุผลและคิดว่าพี่ชายสนิทกับนางมากจึงรายงานให้เขาทราบผลของการฝึกต่างและลังเลที่จะแยกออกมา แม่สี่จูงมือเย่ว์ซวงที่กำลังนั่งหาวกลับไปที่ห้อง  แม้จะเรียกปิงเอ๋ออยู่หลายคราแต่เย่ว์ปิงกำลังมีความสุขมากไม่แสดงอาการง่วงแต่อย่างใดและคอยรบเร้าพี่ชายให้คุยเรื่องของการฝึกฝน เจ้าเมืองโล่วฮัวและอี้หนานลอบหัวเราะ แต่ก็รออย่างอดทนและยิ้มให้เย่ว์หยางและเห็นว่าพี่ชายกับน้องสาวกำลังหมกมุ่นอยู่กับเรื่องฝึกฝนวิทยายุทธ

“ดึกมากแล้วเหรอ?” เมื่อเย่ว์ปิงรู้สึกตัว เวลาเกือบเช้าตรู่ นางกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อการพักผ่อนของพี่ชาย

“ไม่เป็นไร, พี่ไม่ง่วง การฝึกฝนของน้องสำคัญที่สุด”เย่ว์หยางลูบศีรษะปิงเอ๋อ ทำให้ผมนางยุ่งเหยิงเล็กน้อย

“พี่อี้หนาน พี่โล่วฮัว, ข้าจะกลับก่อน อย่างไรก็ตาม ท่านแม่บอกไว้ก่อนแล้ว เมื่อสงครามจบ หอทงเทียนไม่ตกอยู่ในห้วงเวลาที่อันตรายนางอยากอุ้มหลานเร็วๆ” เย่ว์ปิงอำลาอย่างว่าง่าย  แต่จู่ๆนางนึกอะไรขึ้นมาได้รีบกลับมาหาโล่วฮัวและอี้หนาน ขณะนี้สองสาวกำลังหน้าแดงด้วยความอาย

ความจริงความเข้าใจของเย่ว์ปิงเป็นเรื่องง่ายๆ

พี่ชายนางและพี่สะใภ้นอนในห้องเดียวกันทั้งคืนแล้วจะมีลูกน้อยได้ ส่วนจะได้ลูกน้อยอย่างไร นางไม่คิดถึงปัญหานั้นในตอนนี้

นางวิ่งกลับไปบอกโล่วฮัวและอี้หนานเตือนพวกนาง  อย่าลืมนอนกับพี่สามนะ ข้าไม่คิดว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและพี่อู๋เสียอยู่กับพี่ชายตอนกลางวันแต่ละคนจะมีเวลาพักตอนกลางคืน

เย่ว์หยางถึงกับเหงื่อตกและอยากจะบอกน้องสาวว่าไม่ต้องทำตัวน่ารักมากก็ได้

ต้องบอกว่าเย่ว์ปิงมีความคิดที่บริสุทธิ์ไม่ค่อยมีความคิดว้าวุ่นฟุ้งซ่านใดๆ กับเย่ว์หยาง เพราะบ่อยครั้งที่เย่ว์หยางชำระปราณให้เย่ว์ปิงผู้ไร้เดียงสา ทั้งผลัดเอ็นเปลี่ยนกระดูกในช่วงเวลานั้นนางเพิ่งจะเริ่มเป็นวัยรุ่น ยังไม่เป็นสาวเต็มตัวจึงยังไม่สนใจหรือเข้าใจความต่างของร่างกายชายและหญิงมากนัก

การชำระร่างให้บริสุทธิ์ไม่เพียงแต่ทำให้คงความเยาว์วัยอย่างยั่งยืนแต่ยังช่วยชำระความคิดให้บริสุทธิ์ไปด้วยซึ่งเป็นสาเหตุให้เย่ว์ปิงน้องสาวผู้น่ารักก็ยิ่งบริสุทธิ์มากขึ้นไปด้วย

ดีแล้ว นั่นไม่ถึงกับเป็นเรื่องที่เลวร้าย

หลังจากเย่ว์หยางเห็นน้องสาววิ่งกลับไปแล้ว เขากอดอี้หนานผู้เอียงอายจากด้านหลังและมองดูโล่วฮัวตอนนี้ได้เวลาเพลิดเพลินกับกระบวนการผลิต...หรืออะไรก็ตามเพื่อให้ได้ผลข้างเคียงเป็นทารกตัวน้อย.. ไม่เห็นต้องคิดมาก  แค่มีความสุขกับวิธีการ  ย่อมจะมีผลตามหลังที่ดีแน่นอน....

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด