ตอนที่แล้วบทที่ 912 (33) คำเชิญของหรงซูเยี่ยน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 914 (35) ใช้เงินซื้อความสงบ

บทที่ 913 ตกตะลึงตั้งแต่แรกเห็น (34) (ตอนฟรี)


บทที่ 913 ตกตะลึงตั้งแต่แรกเห็น (34)

“บอสคะ สถานที่ที่หรงซูเยี่ยนนัดเราไปพบเป็นโรงแรมติดดาวแห่งหนึ่งที่อยู่บนถนนจินหลิง” ซูหยวนกล่าว “ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้มาร้ายนะคะ”

“ธรรมดา!”

จี้เฟิงหัวเราะเบาๆ “หรงเป่ากัง น้องชายของเธอเพิ่งจะก่อปัญหาให้เรา ไม่แปลกที่หรงซูเยี่ยนจะพูดคุยกับเราดีๆ เพราะถ้ามาด้วยความโมโหเกรี้ยวกราด เธอคงไปโวยวายถึงที่โรงงานตั้งแต่วันแรกที่มาถึงเจียงโจวแล้วละมั้ง แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังไม่สายเกินไปที่เธอจะโมโหหลังจากที่เราตกลงกันไม่ได้ในวันนี้!”

“งั้นเธอก็คงโกรธและเกลียดเรามาก โดยที่เราไม่ต้องสังเกตพฤติกรรมของเธอแล้วล่ะ” ซูหยวนยิ้มจางๆและส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้

ตอนนี้หรงเป่ากังอยู่ในมือของตำรวจ การที่จะปล่อยตัวเขาหรือไม่ปล่อย ไม่ว่าเขาควรจะรับผิดชอบในความผิดหรือไม่ก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกเขาที่จะตัดสินใจ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องพูด ผลของการนัดคุยกันครั้งนี้จะไม่มีข้อตกลงใดๆอย่างแน่นอน

“เรามาเพื่อทำความรู้จักกับศัตรูให้มากขึ้น แล้วยังจะต้องกลัวเธอโกรธอีกเหรอ?” จี้เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สิ่งที่ฉันกลัว คือกลัวว่าเธอจะเป็นคนที่เก็บอารมณ์เก่งเกินไป ไม่แสดงอะไรออกมาให้เราเห็นเลย นั่นแหละปัญหา”

หากหรงซูเยี่ยนเป็นคนที่มีบุคลิกอันลึกล้ำจนผู้คนมองไม่เห็นอารมณ์ที่แท้จริงของเธอ ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะตัดสินว่าเธอจะจัดการกับโรงงานเซียวอย่างไร แบบนั้นก็ต้องคอยเฝ้าระแวดระวังทั้งวัน เป็นอะไรที่น่ารำคาญยิ่งกว่า!

“บอสคะ ฉันมีความเห็น ทำไมคุณไม่ลองจีบหรงซูเยี่ยนดูล่ะ? เราจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องการแก้แค้นของเธอ” ซูหยวนเสนอความคิดเห็น “บางทีหรงเผิงกรุ๊ปของเธออาจตกเป็นของคุณก็ได้ มันเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอที่จะยิงปืนนัดเดียวแล้วได้นกสองตัว”

ห๊ะ?!

เส้นเลือดสีดำสองเส้นปรากฏขึ้นบนหน้าผากของจี้เฟิงทันที เขาจ้องมองไปที่ซูหยวนและพูดอย่างตกตะลึง “เธอพูดอะไรของเธอเนี่ย จะให้ฉันไปจีบหรงซูเยี่ยนเนี่ยนะ...”

จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเล็กน้อย เธอคิดว่าเขาเป็นเสือผู้หญิงหรือยังไงกันนะ!

นอกจากนี้ ผู้หญิงอย่างหรงซูเยี่ยน ถ้าคิดอยากจะจีบก็เข้าไปจีบได้ง่ายขนาดนั้นเลย?

ไม่ต้องพูดถึงว่าเธอเป็นคนรักของอู๋จื้อเหอ เอาแค่ครั้งนี้ หรงเป่ากังและตระกูลอู๋ต้องตกที่นั่งลำบากเพียงเพราะโรงงานเซียว แค่หรงซูเยี่ยนไม่เกลียดเขาจนเข้ากระดูกดำก็ดีมากแล้ว และยังต้องการให้เขาไปจีบเธอมาเป็นแฟนอีกงั้นเหรอ...

“คิกคิก..” เมื่อเห็นสีหน้าเหวอๆของจี้เฟิง ซูหยวนก็หัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ “ระดับคุณชายจี้ ไม่น่าเชื่อว่ายังมีเรื่องที่คุณชายจี้จัดการไม่ได้”

จี้เฟิงพูดอย่างจนปัญญา “มันไม่ใช่ปัญหาที่ฉันจัดการไม่ได้! แต่ข้อเสนอของเธอมันไร้สาระ!”

โทษเขาไม่ได้เลยถ้าเขาจะไม่มีความคิดเช่นนั้น แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชายที่มีแฟนหลายคนก็ตาม แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะจีบหรงซูเยี่ยน ผู้หญิงคนนี้ไม่ง่ายที่จะเข้าหาในเรื่องแบบนั้น ถ้าจีบไม่ติด ก็อาจถูกเยาะเย้ย แต่ถ้าเธอยอมตกลงเข้าจริงๆ เขาไม่ต้องคอยกังวลทั้งวันเลยหรือ ใครจะรู้ว่าเธอยอมเป็นแฟนเขาเพราะต้องการจะแก้แค้นให้น้องชายของเธอรึเปล่า?

พูดได้คำเดียวว่าเป็นเรื่องที่ไร้สาระ!

“เธอตรวจสอบข้อมูลของหรงเผิงกรุ๊ปมาแล้วหรือยัง?” จี้เฟิงถาม

“ค่ะ! หรงเผิงกรุ๊ปทรงพลังมาก!” ซูหยวนหยุดล้อเล่น เธอพยักหน้าเล็กน้อยและพูดอย่างจริงจัง “ฉันตรวจสอบข้อมูลที่หาได้ทั่วไปและพบว่าหรงเผิงกรุ๊ปเป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทที่ติด 1 ใน 100 องค์กรชั้นนำระดับประเทศ พวกเขาอยู่ในอันดับที่ 80 เมื่อปีที่แล้ว และมีส่วนร่วมธุรกิจในทางอสังหาริมทรัพย์ เภสัชกรรม อุตสาหกรรมเคมี และอุตสาหกรรมอื่นๆอีกเล็กน้อย ด้วยความแข็งแกร่งนี้ หรงเผิงกรุ๊ปได้ชื่อว่าเป็นองค์กรชั้นนำอันดับต้นๆในหนานเยว่”

“นอกจากมีทรัพย์สินมากกว่าหนึ่งหมื่นล้าน ยังเป็นองค์กรชั้นนำในหนานเยว่อีกหรือ?!” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะตกใจ หนานเยว่คืออะไร? ที่นั่นถือได้ว่าเป็นมณฑลในด้านเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุด เท่าที่จี้เฟิงรู้ มีกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่มากมายที่มีชื่อเสียงอยู่ในหนานเยว่ แล้วหรงเผิงกรุ๊ปที่ถูกจัดให้เป็นองค์กรชั้นนำในหนานเยว่จะยิ่งใหญ่ขนาดไหน?

“บอส.. จำนวนทรัพย์สินมากกว่าหนึ่งหมื่นล้านที่คุณพูดถึง เป็นเพียงทรัพย์สินที่จับต้องได้ของหรงเผิงกรุ๊ป อันที่จริงยังมีทรัพย์สินที่หาที่มาที่ไปไม่ได้อีกมากมาย ยังไม่นับทรัพย์สินที่มาจากช่องทางอื่นๆที่ไม่สามารถพูดได้อีก ฉันประมาณคร่าวๆคาดว่าน่าจะมีอย่างน้อยก็สามหมื่นล้านขึ้นไป” ซูหยวนกล่าวว่า “และถ้าพูดถึงมูลค่าทางการตลาด มันอาจจะมีมูลค่าหลายแสนล้าน…”

“แม่เจ้า! มันมากขนาดนั้นเลยหรือ?!”

จี้เฟิงตกใจมาก แต่ไม่ใช่ว่าเขาตกใจกับมูลค่าทางการตลาดของหรงเผิงกรุ๊ปที่มีมูลค่าหลายแสนล้าน แต่เป็นเพราะทรัพย์สินที่แท้จริงของหรงเผิงกรุ๊ปนั้นมากกว่าสามหมื่นล้านต่างหาก...

ในความเป็นจริง มูลค่าทางการตลาดและอื่นๆเหมือนกับเป็นเมฆลอยๆ ตราบใดที่ตลาดหุ้นผันผวน มูลค่าทางการตลาดเหล่านั้นก็จะตกฮวบทันที ดังนั้นโดยทั่วไปจะมีการกล่าวถึงมูลค่าการตลาดในการประชาสัมพันธ์เท่านั้น แต่ผู้เชี่ยวชาญจริงๆจะมองในแง่มุมอื่นๆของบริษัท

สิ่งที่ทำให้จี้เฟิงประหลาดใจคือทรัพย์สินที่แท้จริงของหรงเผิงกรุ๊ป ซึ่งนั่นมันยังหมายถึงเบื้องหลังของตระกูลอู๋มีเงินมากกว่า 3 หมื่นล้านด้วย!

ชวนให้นึกถึงคำพูดของอารองจี้เจิ้นกั๋วที่บอกว่าถ้าตระกูลอู๋ต้องการจะโจมตีพ่อของเขา พวกเขาก็สามารถทำได้อย่างลับๆเท่านั้น ดังนั้นจี้เฟิงจึงไม่ค่อยเข้าใจว่าถ้าพวกเขามีความสามารถแค่นั้นจริง ทำไมตระกูลอู๋ถึงได้เป็นหนึ่งในตระกูลแห่งหยานจิง แท้จริงแล้วความแข็งแกร่งของตระกูลอู๋เป็นสิ่งที่ไม่สามารถเพิกเฉยได้

ลองนึกดูว่าหากกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างหรงเผิงกรุ๊ปเปลี่ยนโฟกัสและมุ่งเป้าไปที่ผู้ใต้บังคับบัญชาคนเก่าคนหนึ่งของพ่อของเขาโดยตรง คงเป็นเรื่องที่น่าหนักใจ

ตัวอย่างเช่น พ่อของเขาที่กำลังก้าวขึ้นสู่ที่สูงไปทีละก้าว และแน่นอนว่าผู้ใต้บังคับบัญชาคนเก่าของเขาจะต้องเข้ามาดูแลแทน หากในจังหวะนี้ หรงเผิงกรุ๊ปเข้ามาในเมืองที่ปกครองโดยผู้ใต้บังคับบัญชาคนเก่าของพ่อ มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เศรษฐกิจของเมืองเข้าสู่ความโกลาหล

แน่นอนว่าหรงเผิงกรุ๊ปจะต้องได้รับผลกระทบที่เลวร้ายไปด้วยอย่างแน่นอน แล้วผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าของพ่อล่ะ?

คุณเป็นผู้นำ แต่ทำให้เศรษฐกิจของเมืองมีลักษณะเช่นนี้ได้อย่างไร? คุณช่างไร้ความสามารถ!

สำหรับพ่อของเขา จะต้องถูกตัดสินโดยผู้นำจากเบื้องบนอย่างแน่นอนว่าเขาเป็นผู้ที่ไม่มีวิสัยทัศน์ และมอบหมายหน้าที่ให้กับคนที่ไม่เหมาะสม!

[ “คนที่จี้เจิ้นหัวเลื่อนตำแหน่งให้สร้างความพังพินาศให้แก่เศรษฐกิจของเมือง!” ]

ประสิทธิภาพการทำงานของพ่อเขาจะกลายเป็นที่กังขาในทันที

ต่อให้เป็นคนที่ไร้ความสามารถแค่ไหนก็ไม่มีวันทำให้เศรษฐกิจแย่ได้ขนาดนี้หรอกจริงไหม? แล้วแบบนี้จะไม่เรียกว่าเป็นคนที่ขาดความรู้ความสามารถและขาดวิสัยทัศน์ในการมอบหมายหน้าที่ให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชาหรือ?

ด้วยเหตุผลนี้เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ปลายทางอันรุ่งโรจน์ในการเลือกตั้งอีกสองปีข้างหน้าดับมืดลง ถ้าพ่อของเขาถูกนักธุรกิจลอบโจมตีแบบนั้นขึ้นมาจริงๆ มันคงเป็นเรื่องยากที่จะสลัดความโกรธแค้นแม้ว่าจะเอาหัวโขกกำแพงก็ตาม!

ผู้นำระดับสูงคนหนึ่ง ถูกฝ่ายตรงข้ามลอบโจมตีเพราะต้องการจะแก้แค้น นี่เป็นเรื่องน่าเศร้าเสียยิ่งกว่าการสิ้นสุดชีวิตทางการเมืองของผู้นำตระกูลอู๋ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำสิ้นคิดของลูกหลาน!

“หรงเผิงกรุ๊ปน่ากลัวกว่าที่คิด!” จี้เฟิงแสดงสีหน้าหวาดหวั่น เขาไม่สามารถทนกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกสองปีข้างหน้าจากการมโนภาพของเขาเมื่อครู่ได้

จะปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นไม่ได้เด็ดขาด!

“จริง!” ซูหยวนพยักหน้าเล็กน้อย “อันที่จริง การจะเป็นบริษัทชั้นนำได้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของทรัพย์สินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงศักยภาพและความเร็วในการพัฒนา ฯลฯ ในด้านเหล่านี้ หรงเผิงกรุ๊ปทรงพลังจริงๆ โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความเร็วในการพัฒนาของพวกเขานั้นเร็วขึ้นมาก”

“ไม่ว่าหรงเผิงกรุ๊ปจะพัฒนาเร็วแค่ไหน เราก็ไม่สนใจ!” ใบหน้าของจี้เฟิงเคร่งขรึม เขาพูดอย่างหนักแน่น “สิ่งที่เราต้องทำมีเพียงอย่างเดียวคือพัฒนาโรงงานผลิตยาของเราให้ได้มากที่สุด หลังปีใหม่นี้กำลังผลิตของเราจะต้องเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า... ซูหยวน ภาระที่อยู่บนบ่าของคุณจะหนักขึ้นอีกมาก!”

ราวกับว่าสัมผัสได้ถึงความจริงจังจากน้ำเสียงของจี้เฟิง ซูหยวนพยักหน้าเบาๆและพูดว่า “บอสไม่ต้องเป็นกังวล ฉันจะทำให้ดีที่สุดอย่างแน่นอน”

จี้เฟิงจับพวงมาลัยแน่นขึ้นด้วยมือทั้งสองข้าง และหลังจากที่คิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดว่า “ซูหยวน คงจะยากสำหรับเธอที่จะจัดการแผนธุรกิจขนาดใหญ่ด้วยตัวเองคนเดียว ถ้าเธอตกลง ฉันวางแผนที่จะให้หยูซวนเข้ามาเรียนรู้กับเธอซักพักก่อน จากนั้นพวกเธอสองคนจะร่วมกันดูแลและบริหารโรงงานเซียว เธอคิดเห็นยังไง?”

“ยังไม่ทันไรก็จะให้บ้านหลักมาดูแลบ้านเล็กแล้วเหรอ?” ซูหยวนถามติดตลก

“....” จี้เฟิงยิ้มอย่างขมขื่น

“ฉันล้อเล่น!” ซูหยวนเม้มริมฝีปากและหัวเราะเบาๆ “นี่! ทำหน้าแบบนี้บ่อยๆ ระวังจะมีริ้วรอยก่อนวัยอันควรนะ! ... อันที่จริงฉันอยากจะขอให้เธอมาศึกษางานนานแล้ว ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าจะเธอลาออกจากการเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยใช่มั้ย? ถ้าตอนนี้เธอยังไม่มีอะไรทำ ก็ให้เธอเข้ามาเลย”

“เธอโอเคเหรอ?” จี้เฟิงยังคงไม่แน่ใจเล็กน้อย เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าภรรยาในบ้านกับคนรักนอกบ้านเข้ากันได้ดี แม้แต่ในสมัยโบราณก็ยังไม่ค่อยมีตัวอย่างแบบนี้มากนัก..

“อย่ากังวล ฉันแยกแยะได้ คุณแค่ทำตัวเป็นคุณชายเพลย์บอยของคุณอย่างสบายใจก็พอ” ดวงตาคู่สวยของซูหยวนเหลือบมองจี้เฟิงด้วยรอยยิ้ม

จี้เฟิงเกาหัวเล็กน้อย เขาคิดกับตัวเองว่าถ้าพี่รองอยู่ที่นี่ คงด่าว่าเขางี่เง่าคิดมากไม่เข้าเรื่อง อ่อนไหวมากเกินไปอีกแล้วสินะ?

เขามั่นใจว่าถ้าเป็นจี้ช่าวเหลย เขาจะไม่จัดการแบบนี้แน่นอน!

“บอสคะ จริงๆแล้วฉันคิดว่าเราไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการตอบโต้ของหรงเผิงกรุ๊ปหรอกค่ะ ตอนนี้เรายังไม่ได้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ พวกเราก็แค่ทำธุรกิจ พวกเขาจะไม่ได้อะไรจากการแก้แค้นนอกจากความสะใจ” ซูหยวนพูดปลอบ

จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้ม “มันไม่ง่ายอย่างนั้น! ยังไงก็ตาม ไม่ว่าพวกเขาจะตอบโต้อย่างไร ฉันก็จะชนกับพวกเขาซึ่งๆหน้า และการจะสู้กับพวกเขา เราต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้ โรงงานของเราต้องพัฒนาและเติบโตอย่างรวดเร็ว ฉันถึงได้บอกไงว่างานนี้จะตกหนักมาที่เธอ”

“และฮูหยินบ้านใหญ่” ซูหยวนกล่าวเสริม

“....” จี้เฟิงยิ้มอย่างขมขื่น

สถานที่นัดพบทางฝ่ายหรงซูเยี่ยนเป็นผู้เสนอ แต่เมื่อจี้เฟิงได้ยินซูหยวนบอกตำแหน่ง เขาก็พบว่าโรงแรมนี้อยู่ตรงกันข้ามกับโรงแรมเหวยเซียงจู!

ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้!

ครั้งแรกที่จี้เฟิงนัดพับกับเหอหงเหว่ย ประธานของเทียนเหยากรุ๊ป คือที่โรงแรมเว่ยเซียงจูซึ่งอยู่ตรงข้ามกับโรงแรมที่เขานัดพบกับหรงซูเยี่ยนในวันนี้

ความบังเอิญแบบนี้ก็น่าสนใจเช่นกัน

ทันทีที่จี้เฟิงและซูหยวนเข้าไปในโรงแรม ก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาหาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและพูดอย่างสุภาพว่า “คุณซูและสุภาพบุรุษท่านนี้ โปรดตามฉันมา”

ซูหยวนกระซิบที่ข้างหูของจี้เฟิง “ตอนที่หรงเผิงกรุ๊ปติดต่อขอซื้อโรงงานของเราครั้งแรก บุคคลที่มาติดต่อคือคนนี้แหละ เขาชื่อหวังซั่วเซิง”

จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อย ไม่น่าแปลกใจที่ชายคนนี้รู้จักซูหยวน

เมื่อจี้เฟิงและซูหยวนพบกับหรงซูเยี่ยน พวกเขาก็ตกใจเล็กน้อย

ที่จี้เฟิงตกใจไม่ใช่เพียงเพราะความงามของเธอ แต่เป็นเพราะเสน่ห์ของผู้หญิงมากด้วยสติปัญญา มันทำให้นึกถึงบรรยากาศของห้องสมุด ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นแห่งความรู้ ซึ่งทำให้หรงซูเยี่ยนผู้นี้ที่มีความสวยงามจากรูปลักษณ์ภายนอกมากอยู่แล้ว กลายเป็นผู้หญิงที่เปี่ยมเสน่ห์อย่างน่าทึ่ง แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้คนรู้สึกสงบ

เธอเป็นผู้หญิงที่แตกต่างจากซูหยวนอย่างสิ้นเชิง!

ไม่ใช่ว่าหรงซูเยี่ยนสวยกว่าซูหยวน แต่เป็นเพราะเสน่ห์ของพวกเธอนั้นแตกต่างกัน

ผู้หญิงสองคนที่สวยพอๆกันแต่มีบุคลิกต่างกันอย่างสิ้นเชิงมายืนอยู่เคียงข้างกันช่างเป็นภาพที่น่าทึ่งจริงๆ

“คุณคือซูหยวน ผู้จัดการใหญ่จากเซียวฟามาซูติคอลใช่มั้ยคะ?” หรงซูเยี่ยนเอ่ยขึ้นก่อนพร้อมกับยื่นมือออกมาด้วยรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ “ฉันขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ฉันชื่อหรงซูเยี่ยน เป็นผู้จัดการใหญ่ของหรงเผิงกรุ๊ป ฉันรู้สึกยินดีมากที่ได้พบคุณค่ะคุณซู”

กับสถานการณ์เช่นนี้ ซูหยวนรับมือได้อย่างสบายๆและเป็นธรรมชาติ เธอยื่นมือออกไปจับมือของหรงซูเยี่ยนและเขย่าเบาๆพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบกับผู้นำของบริษัทที่ติดหนึ่งในร้อยของบริษัทชั้นนำ!”

หรงซูเยี่ยนยิ้มอย่างอ่อนหวาน ดวงตาที่สวยงามของเธอหันไปหาจี้เฟิงและกล่าวว่า “สุภาพบุรุษท่านนี้คือ...”

.....จบบทที่ 913 ~

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด