ตอนที่แล้วตอนที่ 4 มือสังหาร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6 จักรพรรดินีสิ้นพระชนม์

ตอนที่ 5 ผู้ฝึกยุทธที่น่าเกรงขาม


ใช้เวลาเพียงครู่ ร่างที่สวมชุดดำก็รู้ว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของขันทีตรงหน้า

“เจ้าต้องการที่จะหนี? ถามไม้กวาดในมือข้ารึยัง?”

หลี่มู่ เหวี่ยงไม้กวาดของเขาในขณะที่เขาเคลื่อนไหว ไปปรากฎต่อหน้าร่างนั้นราวกับสายฟ้า สกัดกั้นไม่ให้ชายชุดดำถอยหนี ชายชุดดำหลบไม้กวาดได้อย่างชิวเชียดแต่ชุดคลุมและผ้าปิดหน้าโดนไม้กวาดจนหลุดออก เผยให้เห็นใบหน้าของชายชุดดำ

มันเป็นเป็นขันทีอาวุโสในชุดสีม่วงใบหน้าไร้หนวดเครา

“เจ้าเป็นใคร?” ขันทีชุดม่วงถามด้วยเสียงสั่นเครือ

มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเอาชนะเขาได้ในการต่อสู้ เมื่อพิจารณาจากขอบเขตความสามารถของเขา

เขารู้ด้วยว่าคนเหล่านั้นมีใครบ้าง

“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้…” หลี่มู่พูดขณะที่โจมตีด้วยไม้กวาดอีกครั้ง

ข้าต้องกำจัดขันทีชุดม่วง

เขาจะไม่ปล่อยให้ใครมาขัดขวางวันเวลาอันสงบสุขของเขาในการลงชื่อเข้าใช้ที่ ตำหนักจิงหนิง

โฉบ~

ขันทีชุดคลุมสีม่วงยกกระบี่ป้องกันทันที

แฮ่ก~

ดาบของเขาถูกปัดออกจากมือ

ตอนนี้เสื้อผ้าของเขาขาดรุ่งริ่ง

ผู้ชายคนนี้เร็วเกินไป! ขันทีชุดม่วงตะโกนในใจ

เขาไม่มีโอกาสตอบโต้เลย

พับ~

ขันทีชุดม่วงโดนไม้กวาดฟาดเข้าที่หน้าอกในวินาทีนั้น ร่างของเขากระเด็นสองสามก้าว

อั้ก…~

เลือดไหลออกจากปากของเขา

“มันจบแล้ว”

ขันทีชุดม่วงรู้ว่าเขารอดยากแล้ว

แม้ว่าเขาจะรอดจากการโจมตีครั้งนี้ เขาก็ยังคงต้องตายเหมือนเดิม

ตุ้บ~

ขันทีชราถูกส่งออกไปนอกตำหนักจิงหนิง เขาลอยอยู่ในอากาศอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะชนเข้ากับอาคาร

"ใคร…?"

ทหารที่กำลังลาดตระเวนในขณะนั้นสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง

สุ่ม~

สุ่ม~

กลุ่มคนมากมายพากันเข้าไปยังที่เกิดเหตุ

หลี่มู่ ยืนอยู่บนยอดตำหนักและเฝ้าดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหายตัวไปและกลับไปที่ห้องของเขาเพื่อบ่มเพาะ

แม้จะได้รับพลังและโอสถจากการลงชื่อเข้าใช้มากมาย แต่เขาก็ยังขยันหมั่นเพียรกับการบ่มเพาะตลอดเวลา

ทั้งวังตกตะลึงเมื่อทราบข่าวขันทีถูกสังหาร

ทหารกลุ่มใหญ่เดินทางไปที่ ตำหนักจิงหนิง ในเช้าวันรุ่งขึ้น

พวกเขามองไปที่หลี่มู่ซึ่งกวาดพื้นอยู่และเข้าไปพูดคุยกับหญิงชราเล็กน้อย

จำนวนทหารที่ตรวจตราพื้นที่เพิ่มขึ้นในหลายวันต่อมา ทั้งกลางวันและกลางคืน

ในตอนกลางคืน เมื่อหลี่มู่กำลังบ่มเพาะอยู่ เขาสามารถได้ยินการสนทนาระหว่างขันทีและสาวใช้ในพระราชวังจากระยะไกล

“ข้าได้ยินมาว่าจักรพรรดิโกรธมาก”

“ข้าสงสัยว่ามีปรมาจารย์กี่คนที่ซ่อนตัวอยู่ในพระราชวัง”

“คนที่ตายเป็นขันทีจากตำหนักจ้าวชุน เขาอยู่ในระดับเก้าของอาณาจักรสวรรค์ที่รับใช้จักรพรรดิ หมอหลวงตรวจสอบศพแล้วพบว่าเขาถูกสังหารโดยการโจมตีเพียงครั้งเดียว คนลงมือ น่าจะอยู่ในอาณาจักรควบคุมวิญญาณ..”

“อาณาจักรควบคุมวิญญาณ ระดับดังกล่าวมีแค่ผู้อาวุโสของตระกูลขุนนางชั้นสูง”

“เราไม่สามารถแม้แต่ทะลวงผ่านการหลอมร่างกาย ได้ และยังมี อาณาจักรก่อกำเนิด และ อาณาจักรสวรรค์ ระดับสูงกว่านั้นเฮ้อ...”

“ว่าแต่ ทำไมขันทีของจักรพรรดิถึงใส่ชุดดำล่ะ? ด้วยสถานะสูงสู่งเช่นนี้ ทำไมต้องทำลับๆล่อๆ”

“จุ๊…ไปนอนได้แล้ว!”

……

ดังนั้น ชายคนนั้นอยู่ระดับเก้าของอาณาจักรสวรรค์?

นั่นไม่ใช่ว่าข้าก็เป็นผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรควบคุมวิญญาณ?

มีระดับบ่มเพาะแตกต่างกันในผู้ฝึกยุทธในโลกนี้

หลอมร่างกาย, ก่อกำเนิด , สวรรค์, ควบคุมวิญญาณ, เหนือมนุษย์

มีระดับหนึ่งถึงเก้าในแต่ละอาณาจักร

ขันทีรู้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับอาณาจักรที่สูงยิ่งกว่า

ในที่สุด หลี่มู่ก็ได้รู้ว่าระดับบ่มเพาะของเขาอยู่ในอาณาจักรไหน

ภาระที่เขาแบกไว้บนบ่าเบาบางลงเล็กน้อย

ถ้าข้ามีดาบอยู่กับตัว

ตำหนักจิงหนิง ยังคงเงียบสงบเป็นเวลาหลายเดือนหลังจากที่ขันทีชุดม่วงถูกสังหาร

หลี่มู่ลงชื่อเข้าใช้ตลอดช่วงเวลานั้น แต่เขาไม่เคยได้รับอาวุธที่เหมาะสม

เขากำลังเรียนรู้เทคนิคการใช้ดาบ แต่เขาไม่มีแม้แต่ดาบ

ถ้าขันทีสีม่วงคนนั้นมีดาบติดตัว หลี่มู่คงเชือดคอเขาแล้วขโมยมัน

น่าเสียดายที่สิ่งที่เขาได้รับจากการลงชื่อเข้าใช้เมื่อสองปีที่ผ่านมาคือของเล็กน้อยมากมาย

เขาไม่เคยได้ดาบเลยสักครั้ง

ไม่มีแม้แต่ชิ้นเดียว

...

องค์ชายเก้าเสด็จเข้าวังอีกครั้ง

เขาสูงขึ้นมากในการมาเยือนครั้งนี้

ในที่สุดใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเขาก็เริ่มมีความคล้ายคลึงกับผู้ใหญ่

“เจ้าไปหาอะไรให้มารดาข้ากิน”

ได้ยินเสียงดังในตำหนัก

แม้จะมีน้ำเสียงที่ดูไร้เดียงสา แต่ความแข็งแกร่งของเสียงของเขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้

“ไปเถิด ไปที่ครัวจักรพรรดิแล้วนำอาหารมาให้มารดาข้าหน่อย”

"พะยะค่ะฝ่าบาท."

ขันทีข้างองค์ชายเก้ากำลังจะจากไป

“เดี๋ยวก่อน” หญิงชราเรียกขันทีที่กำลังจะออกไป

“หืม...ต้องการอะไรเพิ่มรึ?” เจ้าชายถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ให้เซียวลี่จื่อไปกับเขา”

“อืม…ก็ได้”

หลี่มู่ไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงภายในห้อง

อย่างไรก็ตาม เขาสามารถบอกได้ว่าหญิงชราได้ส่งสัญญาณบางอย่างไปยังองค์ชายเก้า

สนมจิงก็คงพยักหน้าเช่นกัน

หลี่มู่รู้ว่าหญิงชรากังวลว่าจะมีใครวางยาพิษ

คนคนเดียวที่หญิงชราไว้วางใจได้ในขณะนี้คือหลี่มู่ ซึ่งไม่ได้เป็นผู้ฝึกยุทธและดูเหมือนเขาจะเป็นคนดี ซึ่งเธอได้เรียนรู้หลังจากอยู่กับเขามากว่าสองปี

หากหลี่มู่มีแรงจูงใจซ่อนเร้น บางสิ่งคงจะเกิดขึ้นกับนางสนมไปแล้ว

ในที่สุดหลี่มู่ก็มีโอกาสออกไปนอกตำหนักจิงหนิงหลังจากรอมาสองปี

เขาถูกเรียกตัวอย่างรวดเร็วและได้รับคำสั่งให้ไปที่ห้องครัวพร้อมกับขันทีอีกคน โดยถือตราผ่านทางที่องค์ชายเก้ามอบให้

ระหว่างทางเขาลงชื่อเข้าใช้

เมื่อถึงครัวของจักรพรรดิ หลี่มู่รับอาหารและของว่างจำนวนหนึ่ง

“ลงชื่อเข้าใช้ ครัวของจักรพรรดิ เรียบร้อยแล้ว ได้รับรางวัล โอสถหวนคืนชั้นยอด”

โอสถหวนคืนชั้นยอด รางวัลจากครัวของจักรพรรดิ?

เหตุใดรางวัลที่ตำหนักโอสถจักรพรรดิจึงเป็นเพียงรางวัลรองลงมา? หรือเป็นเพราะห้องครัวมีชื่อเสียงหรือความสำคัญมากกว่า

ตำหนักโอสถหรือไม่? เขาเกิดคำถามเหล่านี้กับตัวเขาเอง

หากเป็นตัวเขาเอง เขาคงให้ความสำคัญกับห้องครัวเป็นลำดับต้นๆ

อาหารเป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานและมีคุณค่ายิ่งขึ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าประชาชน

ยิ่งกว่านั้น ในสายตาของผู้คน ครัวของจักรพรรดิเป็นที่ซึ่งมีอาหารที่ดีที่สุดจำนวนมากที่สุดในโลก

ตำหนักโอสถของจักรพรรดิเป็นเพียงสถานที่สำหรับเก็บโอสถเท่านั้น และมันก็มีชื่อเสียงน้อยกว่าสำนักแพทย์ของจักรพรรดิมาก

โอสถหวนคืนชั้นยอดจะมอบการบ่มเพาะเป็นเวลา 60 ปี

เป็นเรื่องธรรมดาที่หลี่มู่จะมีความสุข

จากนั้นเขาก็นำอาหารกลับไปที่ ตำหนักจิงหนิง

เขาทดสอบอาหารแล้วยืนยันว่าไม่มีพิษ ก่อนจะยื่นให้หญิงชราในตำหนัก

องค์ชายเก้าทรงสั่งอาหารเลิศรสมากมายจากในครัวระหว่างเสด็จเยือน

นั่นก็หมายความว่าหลี่มู่ได้กินอาหารที่ดีมากมายเช่นกัน

ดูเหมือนว่า นางสนมจิง จะไม่ได้อยู่ในตำหนักเย็นแบบนี้ได้อีกหลายปีแล้ว

ข้าสงสัยว่านางสนมคนอื่น ๆจะยังสบายใจอยู่หรือไม่?

ยาพิษล้มเหลว!

การลอบสังหารล้มเหลว!

พวกเขาจะพยายามทำอะไรต่อไป?

ข้าเดาว่าการกดดันบางอย่างก็คงไม่มีประโยชน์อะไรมาก

มิฉะนั้นจักรพรรดิคงไม่มอบอำนาจให้กับองค์ชายเก้ามากขนาดนี้

นี้เป็นสิ่งที่หลี่มู่ คาดเดา

เขาพอใจที่รู้ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับนางสนมในอนาคตอันใกล้นี้

“เจ้าคือเซียวลิจือ?”

องค์ชายพบหลี่มู่ในขณะที่เขากำลังจะจากไป

“ใช่ ฝ่าบาท” หลี่มู่คำนับและตอบ

“ทำได้ดีมาก”

องค์ชายหันกลับมาและจากไปหลังจากที่เขาพูดเช่นนั้น

“เอ่อ…”

หลี่มู่ตกตะลึง

เขาตกตะลึงที่องค์ชายเรียนรู้วิธีชมเชยผู้อื่นตั้งแต่อายุยังน้อย

ถ้าเป็นขันทีคนอื่นพวกเขาคงปลื้มใจจนเนื้อเต้น

แต่ในฐานะคนที่ได้รับการยกย่องจากสถานที่ซึ่งมีการปฏิบัติตามสิทธิเท่าเทียมกันในสังคม เขาพบว่ามันค่อนข้างน่าหัวเราะแทน

เขาเป็นแค่เด็ก

ไม่ต้องไปใจอ่อนกับเขา

แล้วกลับไปกวาดลานบ้านต่อ

เขาคิดว่าระดับบ่มเพาะของเขาจะสูงขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน เนื่องจากเขาได้รับ โอสถหวนคืนชั้นยอด

สองปีผ่านไป..

เวลานี้เขาอายุ 17 ปี ในโลกนี้

ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีสถานะเป็นขันที เขาคงเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลา

โอสถหวนคืนชั้นยอดที่เขาได้รับเมื่อสองปีก่อนได้ยกระดับการฝึกของเขาไปสู่จุดสูงสุดของระดับที่สองของ คัมภีร์กายาอมตะ ในทันที

เขาทะลวงระดับเมื่อปีที่แล้ว

ขณะนี้เขาอยู่ระดับที่สาม

คัมภีร์กายาอมตะ จะช่วยให้เขาสร้างร่างกายของเขาขึ้นใหม่ได้หลังจากไปถึงระดับที่ห้า

นั่นหมายความว่าเขาจะเข้าใกล้การปลดปล่อยตัวเองจากสถานะขันทีอีกก้าวหนึ่ง

“ข้าไม่รู้ว่าตนเองแข็งแกร่งมากแค่ไหนแล้ว อาณาจักรควบคุมวิญญาณทั่วไปไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้อย่างแน่นอน ผู้ฝึกยุทธที่ดีที่สุดในวังหลวงมีระดับบ่มเพาะอยู่ในอาณาจักรควบคุมวิญญาณขั้นสูงเท่านั้น ข้าสังสัยว่าพวกเขาพอจะเป็นคู่ต่อสู้ได้รึไม่”

หลี่มู่ยืนอยู่ที่ใจกลางของตำหนักพร้อมกับไม้กวาดของเขา

ใบไม้ที่อยู่บนพื้นดินก็เคลื่อนไหวได้เองทั้งที่ไม่มีลมพัด และมันก็รวมตัวกันรอบตัวเขา

“องค์ชายเก้ามาแล้ว!”

หลี่มู่มุ่งหน้าไปที่ประตูทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก เขาโค้งคำนับเพื่อทักทาย

“ตามสบาย เซียวลี่จือ” สามารถได้ยินเสียงขององค์ชายเก้า

หลี่มู่ยืดตัวตรง

องค์ชายได้มาเยี่ยมหลายครั้งในช่วงสองปีที่ผ่านมา

ด้วยการปรากฏตัวบ่อยครั้งขององค์ชายเก้า ตำหนักจิงหนิง จึงค่อนข้างวุ่นวาย

ขันทีและสตรีในราชสำนักเดินผ่านไปมาไม่หลบเลี่ยงพื้นที่นี้อีกต่อไป

อาหารจากครัวของจักรพรรดิก็ฟุ่มเฟือยมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน

ดูเหมือนว่าวันที่ตำหนักจิงหนิง จะถูกถอนชื่อออกจากการเป็นตำหนักเย็นใกล้ขึ้นแล้ว

วันเวลาแห่งความสงบสุขกำลังจะจบลง

ดูเหมือนว่าคืนนี้ข้าต้องเสี่ยง เขาต้องการหาสถานที่ลงชื่อเข้าใช้อื่นบ้าง

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด