ตอนที่แล้วตอนที่ 977 คุกเข่า เจ้ามดแมลงน้อย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 979 เย่ว์ไตตันก็ช่วยเจ้าไม่ได้!

ตอนที่ 978 จุมพิต


ด้วยพลังเทพของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีเย่ว์หยางไม่ต้องปวดหัวกับการต่อสู้กับราชาเฉินม่อศัตรูผู้แข็งแกร่งนี้ในที่สุด

ถ้าเขาต้องสู้กับราชาเฉินม่อด้วยพลังที่เขามีในตอนนี้ปัญหาก็คือเขาจะต้องทุ่มเทราคาไปเท่าไหร่

ไม่ว่ากลยุทธ์และแผนการต่อสู้ของเย่ว์หยางจะสมบูรณ์แบบเพียงใดก็ตามหลังจากต่อสู้กับราชาเฉินม่อแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะท้าทายจ้าวสุริยาได้อีกเพื่อสงวนพลังทั้งหมดไว้เพื่อรับมือกับจ้าวสุริยาที่เข้าไปในพื้นที่เก็บคัมภีร์เทพก่อนเย่ว์หยางพยายามอย่างหนักคิดหากลยุทธ์ปิดฟ้าข้ามทะเล

ก่อนอื่นเขาใช้‘ภาพลวงตาที่แท้จริง’ สลับดาวบนฟ้าเพื่อหลอกลวงศัตรู

เปลี่ยนตำแหน่งราชาเฉินม่อและคนอื่นจากทะเลคลั่งมายังบันไดสวรรค์

เมื่อศัตรูตื่นตระหนกเขาใช้‘ภาพลวงตาที่แท้จริง’อีกครั้งส่งเป้าหมายหลักของเขาคือราชาเฉินม่อเข้ามายังโลกหิมะน้ำแข็งในผนึกมิติหลุมดำอย่างเงียบงัน

นางพญาเฟ่ยเหวินหลียังคงขู่ขวัญยอดฝีมือระดับราชาเฉินม่อได้จนเขาไม่กล้าสู้ด้วยความจริงแล้วเป็นเพราะทั้งสองมีระดับพลังที่แตกต่างกันจนมิอาจเทียบกันได้ แม้กระทั่งต่อหน้านางพญาที่ยังไม่ฟื้นฟูพลังเต็มที่ ราชาเฉินม่อก็ยังมีพลังฝีมือห่างไกลเกินกว่าจะสู้กับนางได้แม้จะระเบิดตัวตายก็ยังเป็นไปไม่ได้

ลงมือท่าเดียวก็สยบเขาได้พลังเทพของนางพญาผู้พิชิตนับว่าไร้เทียมทานจริงๆ

ในผนึกมิติหลุมดำนางพญาเฟ่ยเหวินหลียังสร้างโลกหิมะน้ำแข็งได้ อย่าว่าแต่ราชาเฉินม่อเลยต่อให้จ้าวสุริยามาเองก็ต้องพบกับความพ่ายแพ้แน่นอน

นี่ไม่ต่างอะไรกับการที่เย่ว์หยางบุกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ที่จีอู๋ลี่จ้าวสุริยา และจ้าวตำหนักตงฟางดูแลอยู่ต่อให้นางพญาเฟ่ยเหวินหลีไม่ใส่ใจราชาเฉินม่อ แม้ว่าราชาเฉินม่อจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวตอแยโลกหิมะน้ำแข็งเขาจะไม่มีทางออกไปจากมิติหลุมดำได้ตลอดชีวิต ทั้งจะต้องถูกหลุมดำกลืนกินชีวิต... เมื่อเขาเห็นราชาเฉินม่อกลายเป็นตุ๊กตาน้ำแข็งเย่ว์หยางใช้วงจักรล้างโลกตัดร่างขาดเป็นสองท่อนจากนั้นใช้เพลิงอมฤตเผาวิญญาณที่ถูกแช่แข็งเย่ว์หยางเพลินกับการใช้เพลิงสวรรค์และน้ำแข็งสองชั้นร่วมกับปณิธานปราณราชันย์จากนั้นเขาผนึกไว้ในเจดีย์ปราบปีศาจและขังไว้ตลอดไป  พระยาราชสีห์และราชาจินกวนคุกเข่าทันที

ไม่มีอะไร เพลิงสวรรค์และน้ำแข็งสองชั้นพวกเขาไม่สามารถสู้ได้อยู่แล้ว!

ไม่ต้องพูดถึงตัวเอง

ต่อให้เขาเป็นจ้าวสุริยาและมาด้วยตนเอง  เขาก็ต้องคุกเข่าด้วยความสิ้นหวัง...นางพญาเฟ่ยเหวินหลีก็ว่าน่ากลัวพอแล้ว เย่ว์ไตตันกลับมีวงจักรล้างโลกและเพลิงอมฤตและในผนึกมิติหลุมดำที่ไม่มีทางทำลายได้ พวกเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?

“ข้าจะไม่สร้างความลำบากกับพวกเจ้า...”  เย่ว์หยางพูดอย่างนี้ ไม่มีใครเชื่อ  แต่พวกเขาไม่มีทางเลือก ชีวิตน้อยๆอยู่ในกำมือของเขาไม่ฟังก็ไม่ได้

“จงเข้าไปด้วยตนเอง!”  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีตวาดพระยาราชสีห์และราชาจินกวนตัวสั่นเข้าไปในเจดีย์ปราบปีศาจโดยไม่รู้ตัว

สำหรับพวกเขาจะถูกปล่อยออกมาเมื่อไหร่นั่นขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเย่ว์หยาง

อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะถูกขังคุกที่มืดมิดเพียงใด ก็ยังดีกว่าถูกฆ่าทันที

อย่างน้อยก็ยังมีชีวิตอยู่ได้

พระยาราชสีห์กับราชาจินกวนไม่ได้กังวลใจกับการถูกประหารชีวิตเขาอาจจะรอดหรือตายก็ได้ แต่ความเย็นของน้ำแข็งที่ไม่มีใดเปรียบของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีและเพลิงอมฤตของเย่ว์หยาง  ภายใต้ทัณฑ์ทรมานทั้งสองแม้มีร่างเทพอมตะ แต่ทว่าไม่มีประกายเทพพวกเขาจะไม่มีทางรอดชีวิตได้ เพื่อหลีกเลี่ยงความทุกข์ทรมานของร่างกาย  พระยาราชสีห์และราชาจินกวน จึงเลือกที่จะยอมแพ้เหมือนผู้อาวุโสรุ่นก่อนที่เคยสู้กับนางพญาเฟ่ยเหวินหลี

การยอมให้จับแต่โดยดี ยังดีกว่าต่อต้านอย่างโง่เขลา

ถ้าไม่จำเป็นต้องตายใครเล่าจะกระตือรือร้นอยากได้เหรียญกล้าหาญ ได้มาเพราะเสียชีวิตเพื่อตำหนักกลาง?

“หนุ่มน้อย! เจ้าไม่ต้องการให้ข้าช่วยเจ้าสู้กับจ้าวสุริยาหรือ?”  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีจะฆ่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่รุกรานเย่ว์หยาง  นางยิ้มอย่างมีความสุข

“ท่านเพิ่งจะลงมือกับราชาเฉินม่อสิ้นเปลืองพลังงานไปมาก ทั้งต้องพยายามฟื้นฟูพลังอย่างหนักในครั้งนี้  มันยากจะฟื้นฟูพลังนี้ได้อย่าสิ้นเปลืองพลังเลย จ้าวสุริยาปล่อยให้ข้าจัดการเอง!”  เย่ว์หยางรู้ถึงความยากลำบากในการฟื้นฟูพลังในมิติผนึกหลุมดำอย่าว่าแต่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีต้องสร้างโลกหิมะน้ำแข็งถ้านางต้องสู้กับจ้าวสุริยาอีก อย่างนั้นวันเวลาที่นางจะออกมาได้ต้องยืดยาวออกไปอีก  สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวสุริยาระมัดระวังตัวมาก และเขามีพลังสำนึกเทพระดับเดียวกันเขาจะไม่ยอมถูกหลอกง่ายดายเหมือนราชาเฉินม่อ

แม้ว่าราชาเฉินม่อ เย่ว์หยางจะล่อลวงมาจากทะเลคลั่งไปบันไดสวรรค์ชั้นห้าได้ก็ตาม

ถ้าไม่ใช่เพราะสร้างความปั่นป่วนในใจก่อน  อย่างนั้นเย่ว์หยางจะหลอกราชาเฉินม่อได้หรือ?

นั่นไม่ใช่เรื่องง่าย!

สำหรับจ้าวสุริยาเป็นไปไม่ได้ที่จะหลอกล่อเขาให้มายังผนึกมิติหลุมดำและปล่อยให้นางพญาเฟ่ยเหวินหลีทะลวงออกมาจากมิติผนึกหลุมดำคาดว่านางคงมีพลังเหลือไม่มากพอจะช่วยและนั่นจะทำให้นางต้องเสียเวลาสร้างโลกหิมะน้ำแข็งกว่าจะเสร็จก็ต้องใช้เวลานานขึ้น นี่คือสิ่งที่เย่ว์หยางไม่ต้องการเห็น

แน่นอนว่าด้วยความเคารพตนเองของเย่ว์หยาง  เขายังคงรู้สึกว่าศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดควรเป็นหน้าที่ลูกผู้ชายอย่างเขาต้องออกไปสู้

นางพญาเฟ่ยเหวินหลีจะไม่เข้าใจความคิดของเย่ว์หยางได้อย่างไร?นางมองเขาอย่างว่างเปล่า

เทียบกับการสร้างโลกหิมะน้ำแข็ง

นางห่วงใยความปลอดภัยของเขามากกว่า

เย่ว์หยางยิ้มอย่างโง่งมเอามือลูบหลังศีรษะตนเอง

ใบหน้าของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีดูเปล่งปลั่งสง่างามขณะพูดธุระอย่างเป็นงานเป็นการนางพูดอย่างจริงจังอีกครั้ง  “ด้วยพลังปัจจุบันของเจ้าแทบจะเป็นไปไม่ได้กับการเอาชนะจ้าวสุริยา ต่อให้เจ้าพยายามอย่างดีที่สุดก็ตาม คาดว่าโอกาสเป็นไปได้มีเพียงหนึ่งในสิบ!”

เย่ว์หยางไม่สงสัยความเป็นไปได้หนึ่งในสิบนี้จริงๆ  ความจริงโอกาสหนึ่งในสิบนับว่าไม่เลว เดิมทีเขาประมาณการว่าโอกาสสำเร็จมีเพียงหนึ่งในร้อยเท่านั้น

“จ้าวสุริยาสำหรับเจ้าในตอนนี้เขามีพลังแข็งแกร่งมาก แต่มิใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะ  ว่ากันในเรื่องของพลัง  เขากับจีอู๋ลี่ไม่เหมือนกัน  เขายังไม่แกร่งเท่าจีอู๋ลี่เพราะจ้าวสุริยามีจุดอ่อนที่จีอู๋ลี่ไม่มี ตราบใดที่เจ้าสามารถกุมจุดอ่อนของเขาได้ อย่างนั้นเจ้าจึงจะมีโอกาสชนะ” นางพญาเฟ่ยเหวินหลียิ้ม “เจ้าพยายามอย่างหนักมาก่อน เปิดเส้นทางเข้าพื้นที่เก็บคัมภีร์เทพและให้เขาเข้าไปในพื้นที่เก็บคัมภีร์เทพ และเขาก็ต้องเห็นคัมภีร์เทพ  นั่นทำถูกแล้ว จุดอ่อนของเขาในมิติเก็บคัมภีร์เทพจะมีเพิ่มเป็นสองอย่าง  เจ้าทำได้ดีมาก  อย่างไรก็ตามถึงอย่างนั้นจ้าวสุริยาก็ยังแข็งแกร่งมากอยู่ดี เจ้าต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้น”

“ข้ายังไม่เห็นจุดอ่อน ข้าแค่คิดว่าจะหาความได้เปรียบในพื้นที่เก็บคัมภีร์เทพและข้ายังหนุ่มกว่าเขา” เย่ว์หยางพูดกับนางพญาเฟ่ยเหวินหลีอย่างถ่อมตัว และด้วยจักษุญาณทิพย์ของเขาสามารถมองเห็นได้ทุกอย่าง  แต่กับจ้าวสุริยา เขายังมองไม่เห็นอะไรมากนัก

“ถ้าเขาไม่โลภเด็กน้อยเจ้าแม้ว่าจะมีความก้าวหน้า ก็อย่าไปตอแยกับเขา” นางพญาเฟ่ยเหวินหลียินดีกับความเคลื่อนไหวของเย่ว์หยางที่หลอกล่อให้จ้าวสุริยาเข้าไปในที่เก็บคัมภีร์เทพ

“ถ้าอย่างนั้น เราควรจะทำอย่างไรต่อไป?”  เย่ว์หยางถาม

“มาให้ข้าลงโทษเจ้าเสียดีๆ  ที่บังอาจปลุกข้าตื่นจากฝันครั้งนี้คิดหรือว่าข้าจะบอกเจ้า” นางพญาเฟ่ยเหวินหลียเงื้อมือดุจหยกขาวของนางกอดเขา

“งั้นเปลี่ยนเป็นตบจูบแทน!”  เย่ว์หยางนับเป็นระดับผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริงเขาดึงนางพญาเข้ามาหาอย่างรวดเร็วและจูบนางอย่างอ่อนโยนต่อเนื่องจนนางพญาที่ตอนแรกเพียงแค่ต้องการหยอกล้อเย่ว์หยางถึงกับตัวสั่น  นางรีบผละออกไม่กล้าเผลอตัวอีกต่อไปนางเกรงว่าเจ้าเด็กนี่จะรุกไล่นางมากกว่านี้

“ฮืม.. ไม่น่าล้อเล่นกับเจ้าเลย,รีบออกไปจัดการเรื่องวุ่นๆ ของเจ้าต่อเถอะ!” นางพญาเฟ่ยเหวินหลีค้อนเขา  ทุกอากัปกิริยาของนางล้วนแต่มีเสน่ห์ไม่มีใครเทียบเหมือนดาวประดับฟ้า

ขณะนั้นเขาไม่พูดอะไร

แต่เข้าใจได้ชัด

เย่ว์หยางอดกอดนางไม่ได้และประทับจุมพิตริมฝีปากสีแดงเอิบอิ่มของนาง

เสี่ยวเหวินหลีอายจนต้องใช้มือน้อยๆปิดหน้าของเธอ แต่ยังมองลอดนิ้วแอบมองบิดากับมารดานางสนิทสนมกัน

หลังจากออกจากมิติหลุมดำแล้ว เย่ว์หยางยังเกิดอาการเคลิบเคลิ้มเล็กน้อยอยู่ครู่หนึ่งยังไม่สามารถฟื้นตัวจากความอ่อนหวานของนางพญา เสี่ยวเหวินหลีตบหลังเขาเบาๆและโน้มหน้าเข้าหาต้องการให้เย่ว์หยางจูบเธอบ้าง

พูดถึงเย่ว์หยางมักจะให้รางวัลลูกน้อยของเขาด้วยการจูบหน้าผากเสียงดังสองสามครั้ง

ถ้าเป็นปกติเด็กน้อยจะต้องมีความสุขแน่นอน

แต่ครั้งนี้หนูน้อยไม่พอใจอยู่บ้าง

เธอยังรู้สึกไม่หนำใจ

เพราะเธอต้องการให้บิดาจูบริมฝีปากเธอเหมือนที่ทำกับมารดาแทนที่จะจูบหน้าผาก

“ไม่นะ, แม้แต่เจ้าก็จะให้ลงโทษด้วยหรือนี่!” เย่ว์หยางรู้สึกผิดเล็กน้อย เขามองดูรอบตัวและพบว่าไม่มีใครเขาอุ้มลูกสาวตัวน้อยและจุ๊บริมฝีปากเธออย่างแผ่วเบา ดูเหมือนว่าจะหนักไปนิด

“อ๊า..!” เสี่ยวเหวินหลีมีความสุข พอใจ หัวเราะร่าดีใจ

“ห้ามบอกใครอื่นนะ!”  เย่ว์หยางกำชับเป็นพิเศษ

“อือ..” เด็กหญิงพยักหน้าอย่างว่าง่ายเธอไม่รู้ว่าต้องปิดบังเรื่องแย่ๆ ของเย่ว์หยางมากี่เรื่องแล้ว

แท่นบูชายัญ

เมื่อเย่ว์หยางกลับไปมีสตรีเพิ่มมาอีกสี่คนรอเขาอยู่แล้ว

จากซ้ายไปขวาก็คืออาหมัน อาหง อิคคาขณะที่คนที่วิ่งเข้ามากอดเขาก็คือนางพญาดอกหนามมงกุฏทองตั่วตั่ว เพื่อจะต่อกรกับจ้าวสุริยาเย่ว์หยางไม่กล้าประมาทเขาใช้อสูรอัญเชิญของเขาโดยไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากคนภายนอก

แม้ว่าเวลาฝึกฝนยังไม่ใช้เวลานานมากนักแต่เพราะเย่ว์หยางสามารถเข้าถึงพลังระดับเทพได้ จึงไม่มีปัญหาคอขวดในการฝึกฝน

อาจกล่าวได้ว่าหลายคนฝึกฝนในโลกพฤกษาในบันไดสวรรค์ก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด

ไม่พบเห็นวันเดียว

ก็มีความก้าวหน้าสูงส่ง

ที่ยิ่งกว่านั้นพวกนางฝึกฝนร่วมกันมาครึ่งปีแล้ว

เย่ว์หยางต้อนรับการกลับมาของทุกคน เขาโอบกอดพวกนางทีละคน

“เจี้ยงอิงเล่า?สองสาวมังกรพี่น้องเป็นยังไงบ้าง?” เย่ว์หยางลูบศีรษะของอิคคา ในช่วงเวลาที่ยังไม่ต่อสู้ นางจะดูเหมือนเย่ว์ปิง  แม้ว่านางสามารถแปลงร่างให้เหมือนหนูน้อยเย่ว์ซวงได้  แต่ดูเหมือนนางชอบจะเลียนแบบเย่ว์ปิงมากกว่า

“พวกนางยังไม่ลงมา คาดว่าต้องรออีกสิบนาที” อาหงมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเย่ว์หยางมากที่สุด  นางกลายเป็นพี่สาวของสาวๆ (อสูร) หลายนางและคอยรับผิดชอบทุกอย่าง

“เมื่อเป็นแบบนี้ เราไปดูพวกปิงเอ๋อกันก่อน!” เย่ว์หยางแม้ว่าจะกังวลเรื่องการต่อสู้กับจ้าวสุริยาเป็นการต่อสู้ที่โหดเหี้ยมเกินไป แต่ก่อนจะต่อสู้ เขาจะไปปลอบนางกับพวกก่อน นับว่าไม่เลว

ขณะนั้นห่างออกไปทางทิศตะวันตกห้าร้อยกิโลเมตรนางเซียนหงส์ฟ้าหงส์ฟ้ากำลังโมโห“น่าโมโหนัก, เจ้านั่นไม่พาเราไปสู้กับจ้าวสุริยา ไม่ยอมมาเจอเรา คอยดูเถอะ กลับมาเมื่อใดข้าจะไม่สนใจเขาเลย!” มารเคราะห์ฟ้ากับราชันย์ปีศาจใต้ได้แต่ลอบฟัง  ในฐานะสมาชิกวังมาร,และราชันย์ปีศาจใต้เป็นคนเผ่าภูตบูรพา และปีศาจแดนนรกแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน  การปราบปรามในวันนี้จบลงใครจะกล้าตอแยนาง?  การล่วงเกินนางแย่ยิ่งกว่าล่วงเกินเย่ว์หยาง สาวเทียนฟา (มารกฎฟ้า) เวลาโมโหขึ้นมา แม้แต่มารสัมฤทธิ์ฟ้าก็ยังรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้า

ในวงล้อมขนาดใหญ่ผู้เฒ่าเครายาวในแปดขุนพลบริวารบาดเจ็บสาหัสเขาโชคร้ายที่ถูกมารกฎฟ้ายิงพลังสายฟ้าใส่

พลังสายฟ้าของมารกฎฟ้ามีพลังมากกว่าก่อนเป็นหมื่นเท่า

ทั้งหมดโจมตีใส่ศีรษะของผู้เฒ่าเครายาว

นี่คือพลังสายฟ้าสังหารที่น่ากลัว

อย่าว่าแต่แปดขุนพลบริวารเลย ต่อให้เป็นพระยาราชสีห์โดนสายฟ้านี้ฟาดใส่ก็คงไหม้เป็นควัน

โนมกับเจ้าอ้วนกอดกันแน่นตัวสั่นฟันกระทบกัน

พวกเขาพบว่ากลุ่มนักรบชาวมนุษย์พวกวังมาร ปีศาจแดนนรกและเผ่าพันธุ์ภูตบูรพาเกือบร้อยคนนี้ยังน่ากลัวไม่ถึงครึ่งของหญิงงามเจ้าอารมณ์นี้หรือว่าสตรีผู้นี้จะเป็นจื้อจุนตามรายงานข่าวกรองของเสี่ยวโฉ่ว?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด