ตอนที่แล้วตอนที่ 975 พลิกฟ้าคว่ำดิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 977 คุกเข่า เจ้ามดแมลงน้อย

ตอนที่ 976 ข้าอยากแสดงฝีมือบ้าง!


เมื่อเย่ว์หยางพลิกฝ่ามืออีกครั้ง  ก็กลายเป็นพื้นที่หักพังทลาย

บนพื้นเต็มไปด้วยก้อนหินมากมายไปทุกแห่งไม่มีน้ำสักหยดเดียว อย่าว่าแต่ผิวทะเลสาบ

มองออกไปในระยะไกลเป็นหุบเขาพังทลายอยู่ทั่วทุกแห่ง

ราชาเฉินม่อพบว่าตำแหน่งที่เย่ว์หยางอยู่นั้นเป็นแท่นบูชายัญ มีรูปสลักเทพธิดาไร้ศีรษะที่มีพลังซ่อนเร้นไม่มีขีดจำกัด  ถ้าทุกอย่างที่เขาเห็นก่อนนั้นเป็นภาพหลอนอย่างนั้นถ้าเขาดูรูปสลักหินเทพธิดานี้ ราชาเฉินม่อรู้สึกว่าทุกคนรวมทั้งตัวเขาเองได้ออกจากทะเลคลั่งมาถึงบันไดสวรรค์ชั้นห้าตามที่เย่ว์ไตตันกล่าว

เย่ว์หยางเย่ว์ไตตันทำสำเร็จได้อย่างไร ราชาเฉินม่อไม่อาจเข้าใจได้

อย่างไรก็ตามเขาไม่มีข้อสงสัย

เพราะเป็นเรื่องที่ตัดสินได้ง่ายมาก เย่ว์ไตตันผู้นี้ไม่มีทางสร้างรูปสลักเทพธิดาที่ทรงพลังขนาดนี้!  พลังแบบนั้นแม้ว่าจะไม่กร้าวแกร่งรุนแรงแต่ก็น่ากลัวจริงๆ  ต่อให้เป็นจ้าวสุริยาเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางและแม้แต่เจ้าตำหนักสูงสุดก็ต้องก้มหัวให้กับพลังของรูปสลักเทพธิดานี้

นี่คือรูปสลักเทพเจ้าดึกดำบรรพ์อย่างแน่นอนแม้ว่าเขาไม่เข้าใจว่ารูปสลักนี้ซ่อนพลังไว้ขนาดไหนแต่พลังนั่นเป็นของจริงแท้แน่นอน

คนอื่นก่อนหน้านี้ไม่เคยมีพลังถึงระดับนั้นมาก่อน

ไม่มีใครสร้างภาพลวงตาแบบนี้ได้

“สถานที่นี้ ข้าได้กลิ่นอายที่น่ากลัว!” โนมหนึ่งในแปดขุนพลบริวารร้องขึ้นทันที

“นั่นคือกลิ่นอายความตาย ขอโทษด้วย  จักรพรรดินีฟ้าตายที่นี่บางทีพลังงานของคนตายแล้วยังไม่ทันสลายไป!” เย่ว์หยางอธิบายเนิบนาบราวกับว่าผู้ที่ตายไปไม่ใช่จักรพรรดินีฟ้าแห่งเผ่าเก้าแสง  แต่เป็นแค่แม่ไก่ตัวหนึ่ง  พระยาราชสีห์และราชาจินกวนพอได้ยินพวกเขาใจตกวูบ  จ้าวสุริยาไม่อยู่ที่นี่มีแค่ราชาเฉินม่อคนเดียว จะสามารถต้านทานเย่ว์หยาง หรือเย่ว์ไตตันผู้นี้ได้หรือ?

“.....” ราชาเฉินม่อขมวดคิ้ว ทันใดนั้นเขาตระหนักได้ว่าทำไมเย่ว์หยางถึงหนีพ้นมือจ้าวสุริยาโดยไม่ได้ต่อสู้และกลับมาเผชิญหน้ากับเขาแทนหรือ? เหตุผลก็คือเขาต้องการลากตัวเขามาที่หอทงเทียนและหยุดไม่ให้เขากลับไปยังตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เพื่อรายงานเรื่องความลับของตัวเขา

เจ้าคิดว่าข้าไม่สามารถกลับไปรายงานที่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ได้หรือ

อสูรของข้าถูกปล่อยไปเรียบร้อยแล้ว

ราชาเฉินม่อไม่พูดออกมาแต่เขารู้สึกสงสัย เขาติดตามจ้าวสุริยามาหลายปี และรู้เรื่องราวมากมาย

แม้ว่าเขาจะไม่ได้กลับมาด้วยตนเองแต่เมื่อรายงานข่าวกรองดังกล่าวไปยังตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์แล้วเขาจะไม่เชื่อได้ยังไง?

ตอนนี้อสูรสุนัขนำทางกลับไปส่งข่าวมันได้เวลากลับไปยังที่นั้นแม้ว่าในเรื่องพลังของอสูรสุนัขนำทางจะไม่ค่อยแข็งแกร่ง   แต่ความเร็วของมันราวกับสายฟ้าและไม่มีกำลังกดดันจากภายนอกเพื่อฆ่ามัน มันมีสติปัญญาระดับหนึ่ง ไม่เพียงแต่ใช้เป็นอสูรสะกดรอยศัตรูชั้นหนึ่งแล้วมันยังเป็นอสูรส่งข่าวสารรายงานชั้นดี  มันมีสถานะเป็นตัวแทนของหน่วยข่าวกรองเพราะต้องเป็นระดับเจ้าตำหนักขึ้นไปเท่านั้นถึงจะมีอสูรอย่างนี้ได้

ในตำหนักเทพสุริยะแม้แต่พระยาราชสีห์และราชาจินกวนก็ไม่มีอสูรสุนัขนำทาง

มีแต่จ้าวสุริยาและเขาเท่านั้นที่มี

ในสถานที่นั้นเมื่อเขาเห็นอสูรสุนัขนำทางปรากฏตัว  เขาจะพามันไปยังตำหนักลับทันที  ราชาเฉินม่อลอบแค่นเสียงในใจ  แต่โดยผิวเผินเขาไม่พูดอะไร  ‘ถ้าเจ้าคิดว่าจะขัดขวางข้าแล้วจะขัดขวางข่าวสารที่ข้าส่งไปแล้ว เจ้าก็คิดผิด!’

ตุ้บ

เสี่ยวเหวินหลีที่ยืนอยู่ด้านหลังเย่ว์หยางออกมาข้างหน้าและโยนของบางอย่างออกมาทันที

เงาร่างสีดำล้มกระแทกกองหินอย่างหนักหน่วงมันร้องออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เอ๋ง!”

จากนั้นมันกระโดดเข้าหาราชาเฉินม่อราวกับสายฟ้าเหมือนสุนัขบ้านหลงทางและเจอเจ้าของของมัน

ราชาเฉินม่อพอเห็นเงาร่างที่ปรากฏชัดเขารู้สึกเหมือนถูกต่อยที่หัวใจ ไม่มีคำใดจะกล่าวลมหายใจแทบขาดห้วงเย่ว์หยางร่าเริงแจ่มใสตัวเบา เขากล่าวอย่างอารมณ์ดี  “ราชาเฉินม่อ!,หมาตัวนี้ไม่เลวเลย มันวิ่งได้ไวมาก ข้าต้องส่งสุนัขของข้าออกไปไล่ล่าข้าไม่รู้ว่าเจ้านั่นประเมินต่ำเกินไป มันเริ่มต้นติดตามช้าเกินไปในขณะที่ข้าไม่สามารถออกติดตามมันได้ ยังคงเป็นลูกสาวตัวน้อยของข้าต้องเทเลพอร์ตถึงร้อยครั้งถึงไล่ตามหมาเฝ้าบ้านของเจ้าได้”

ยิ่งเย่ว์หยางยิ้มมากขึ้นเท่าใด ราชาเฉินม่อยิ่งรู้สึกขมขื่นในใจมากขึ้นเท่านั้น

เขาต้องการฆ่าอสูรสุนัขนำทางของเขาจริงๆ

อย่างไรก็ตามเขาสงบจิตใจได้ เขารู้ว่าไม่ใช่อสูรสุนัขนำทางของเขาที่ผิดพลาด แต่เป็นปีศาจอสรพิษน้อยผู้สงบเสงี่ยมของฝ่ายตรงข้ามนั้นทรงพลังมากเกินไป ตอนแรกเขาคิดว่าเจ้าหมาป่าสกปรกที่เป็นอสูรเทพจะแข็งแกร่งที่สุด ใครจะรู้กันว่าปีศาจอสรพิษน้อยจะแข็งแกร่งยิ่งกว่านั้น!

นางพญาผู้พิชิตในร่างเด็ก?

เมื่อเห็นเสี่ยวเหวินหลีจับอสูรสุนัขนำทางได้พระยาราชสีห์และราชาจินกวนกับคนอื่นสีหน้าเปลี่ยนไป

“แล้วยังไงเล่า?”  พระยาราชสีห์อยากสู้อีกครั้ง  เรื่องที่เจ้าเด็กนั่นพูดโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีประโยชน์  นั่นเป็นเรื่องเท็จ

“.....” ราชาเฉินม่อให้สัญญาณมือ

ภาษามือนี้กำหนดขึ้นโดยจ้าวสุริยาก่อนออกเดินทาง

นี่คือภาษามือพิเศษที่สร้างขึ้นโดยตำหนักเทพสุริยะ  เป็นการออกคำสั่งแทนวาจาใช้ส่งสัญญาณลับให้ทุกคนทำงานนี่คือภาษาที่ใช้ต่อหน้าศัตรูได้โดยไม่ต้องกลัวความลับรั่วไหล ราชาเฉินม่อพระยาราชสีห์และคนอื่นเข้าใจได้ทันทีที่สำคัญนี่เป็นท่าทางสุดท้ายที่จ้าวสุริยาจัดทำไว้  อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นภาษามือที่สำคัญและจำเป็นที่สุด

หมายความว่าสถานการณ์วิกฤติขั้นรุนแรงแต่ละคนต้องยกเลิกภารกิจเดิม และหาทางเอาชีวิตรอดก่อน ต่างคนต่างหนีเอาตัวรอดให้ได้

ราชาเฉินม่อส่งสัญญาณอีกครั้ง

หมายความว่าเขาจะรั้งอยู่เพื่อขัดขวางเย่ว์หยาง

พระยาราชสีห์และราชาจินกวนต้องช่วยเหลือตัวเองและจากไปได้เมื่อขุนพลบริวารทั้งแปดหนีไป

เพราะก่อนนั้นแปดขุนพลบริวารรู้จักเข้าใจหอทงเทียนผ่านข้อมูลที่ส่งมาโดยเสี่ยวโฉ่วและรู้ว่าบันไดสวรรค์เป็นทางตันอยู่ในจุดอับ ไม่มีทางออกมาได้  พวกเขาต้องหนีออกมาและไปยังหอทงเทียนชั้นบนที่สุดหารอยแยกของกาลและมิติกลับแดนสวรรค์ แน่นอนว่าถ้าใช้งานไม่ได้ พวกเขาอาจจะต้องรอให้ประตูสวรรค์เปิดในรอบร้อยปีนั่นเป็นทางที่ไม่ต่างอะไรกับทางตัน ถ้าไม่มีพลังระดับเทียมเทพไม่มีใครกล้าบอกได้ว่าสามารถเดินทางผ่านช่องมิติพังผ่านกลับไปยังประตูสวรรค์ได้ เว้นแต่นายทวารบาลผู้ทำหน้าที่คุ้มกันประตูสวรรค์จะรู้ล่วงหน้าว่าสหายของเขาจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจึงจะมีการตอบสนองจากระยะไกลได้

ราชาเฉินม่อเห็นแปดขุนพลบริวารแล้วมองดูตนเองอดโมโหไม่ได้

เขากวาดมือเพียงครั้งเดียวพวกซือเหรินกระเด็นห่างออกไปหมื่นเมตร

ตามข้อมูลข่าวกรองของเสี่ยวโฉ่วหอทงเทียนยังมีจื้อจุน จักรพรรดินีราตรีที่แข็งแกร่งกว่าเย่ว์หยางเย่ว์ไตตันเล็กน้อย นอกนั้นไม่มีใครเลย หอทงเทียนเพิ่งฟื้นตัวขึ้นมาได้ไม่นาน อย่าว่าแต่นักรบปราณฟ้าเลย นักรบปราณดินระดับสุดยอดยังมีน้อยคน  ด้วยความแข็งแกร่งของแปดขุนพลบริวาร เป็นไปได้ว่าทุกคนสามารถกวาดล้างหอทงเทียนและกลับไปยังแดนสวรรค์ได้อย่างสบาย

ต่อให้จื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีขัดขวาง  เขาเชื่อว่าจะมีบางคนบ้างที่หลบหนีกลับไปได้

ขอเพียงหลบหนีไปได้สักคนข่าวของเย่ว์หยางจะถูกรายงานกลับไปที่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ ทางตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จะทุ่มเทสรรพกำลังมายังหอทงเทียนแน่นอน....“หนีเถอะ, เราอยู่ก็ช่วยอะไรไม่ได้” ซือเหรินผู้สงบใจเย็นที่สุด แม้ว่าจะถูกเย่ว์หยางนำตัวมาถึงบันไดสวรรค์แต่เขาก็ยังมีเหตุผลรักษาความเยือกเย็นไว้ได้และรีบพาพวกพ้องหนีออกไป  หลังจากเริ่มต้นหนีไปได้ไม่นานเขากังวลว่าเย่ว์หยางจะปล่อยราชาเฉินม่อไว้เบื้องหลังและหลังจากคุยปรึกษากับผู้เฒ่าเครายาวผู้มีอาวุโสสูงสุดและคนเกียจคร้านผู้มีพลังมากที่สุด พวกเขาตัดสินใจจากไป

“ข้าจะคุ้มกันหลังเอง” คนเกียจคร้านไม่กล้าขี้เกียจและตัดสินใจรั้งท้าย

“ไปหอทงเทียนชั้นสิบ ลาก่อน!” ชายชราเครายาวเห็นด้วยกับการแบ่งแยกกำลัง เขาเดินทางไปกับคนอ้วนและโนม ส่วนซือเหรินเดินทางพร้อมกับคนเถื่อน จอมโฉด และจอมหักหลัง

แบ่งกำลังเป็นสามทางต่อให้เย่ว์หยางไล่ตาม ก็ต้องมีสองกลุ่มที่หนีรอด

ยิ่งกว่านั้นยังมีราชาเฉินม่อพระยาราชสีห์และราชาจินกวน

กล่าวกันว่าในหอทงเทียนยกเว้นเย่ว์หยาง จื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีแล้ว ไม่มีนักรบปราณฟ้าอยู่เลย แค่นักรบระดับราชาจากแดนสวรรค์ก็สามารถเที่ยวอาละวาดได้แล้ว นอกจากนี้ตำหนักเทพสุริยะสามารถเอาชนะเจ็ดราชาแดนสวรรค์ได้  ที่นี่ยังจะต้องกังวลอะไรอีก? นอกจากเย่ว์ไตตันจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่ที่มีความแข็งแกร่งเพียงพอแล้ว หอทงเทียนที่ตกต่ำมานานไม่ใช่ภัยคุกคาม!

ก่อนที่ซือเหรินจะแยกทางกับพวกพ้องเขาพูดปลอบใจสหายสองสามคำ

จากนั้นทุกคนรีบออกเดินทาง

ถึงแม้ว่าจะไม่มีผู้แข็งแกร่งในหอทงเทียนแต่ที่นี่ก็ยังเป็นสถานที่น่ากลัวอยู่ดีใครจะรู้ว่าจะมีเหตุเปลี่ยนแปลงหรือไม่? ที่นี่ไม่ใช่แดนสวรรค์ ไม่ใช่เขตอิทธิพลของพวกเขา ให้หนีอย่างเดียวอย่าทำย่ามใจ ถ้าพวกเขาไปตอแยจนตกเป็นเป้าหมายตามล่าจนถูกไล่ทันอย่างนั้นนั่นจะเป็นเรื่องแย่

ครั้งนี้ซือเหรินและนักสู้อื่นไม่สนใจเรื่องภาพพจน์การวางตัว  รีบแยกย้ายกันหนี ต่างคนต่างมองหาวงเวทเทเลพอร์ต

ถ้าที่นี่เป็นหอทงเทียนก็คงจะดีกว่าเพราะเสี่ยวโฉ่วให้ข้อมูลวงเวทเทเลพอร์ตในแต่ละชั้นหอทงเทียนไว้ด้วย

แต่ที่นี่คือบันไดสวรรค์

มีแต่ซากปรักหักพังที่ไม่เคยมีใครย่างเท้าเข้ามา และไม่เคยมีใครใส่ใจถึงข้อมูลที่นี่มาก่อน

ซือเหรินพอคนเถื่อนและจอมโฉดและจอมหักหลังเดินทางไปตามหุบเขาโดยไม่บินเป็นระยะทาง100 กิโลเมตร เบื้องหลังของพวกเขามีการต่อสู้สะท้านฟ้าสะเทือนดินกันแล้วโลกสั่นสะเทือน ศิลากระทบกระแทก ศิลาและทรายฟุ้งขึ้นจนปกคลุมท้องฟ้า

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคดีหรืออะไรซือเหรินไม่สามารถหาวงเวทเทเลพอร์ตระยะไกลได้เขาพบว่ามีคนที่อ้วนมากกับหนุ่มสาวหลายคนวิ่งอยู่ข้างหน้าไกลออกไป  นี่ไม่ใช่ตัวประกันที่เพิ่งมาถึงที่นี่ใช่ไหม?ก็แค่จับมนุษย์ที่ดูแข็งแกร่งข้างหน้านี้และบังคับให้พวกเขานำทางก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ?

ไม่รอให้ซือเหรินออกคำสั่งคนเถื่อนจอมโฉด และจอมหักหลังเร่งความเร็วออกไปแล้ว

“ซวยแล้ว!”  คนอ้วนเริ่มก่อน เมื่อเขาเห็นคนเถื่อนจอมโฉด จอมหักหลังศัตรูที่นี่แข็งแกร่งนัก เขาหวาดกลัวหน้าซีดเผือด ร้องลั่นเหมือนหมู“แย่แล้ว,  แย่แน่ๆ มีศัตรูอยู่ที่นี่...แข็งแกร่งมาก สองคนนี้พลังปราณฟ้าระดับหกเป็นอย่างน้อย พวกเจ้าช่วยข้าด้วย!”

“เจ้าจะโวยไปถึงไหน?” นักรบผอมสูงที่วิ่งอยู่ข้างหน้าเตะเจ้าอ้วนด้วยความรำคาญ

“ข้าน่ะหรือน่าเบื่อ?  ข้าจะตายอยู่แล้ว!”  เจ้าอ้วนรู้ตัวดี

“มากกว่าปราณฟ้าระดับหก!”  ในกลุ่มคนหนุ่มสาวมีบุรุษหนุ่มสง่างามคนหนึ่งปรากฏตัว ซือเหรินพบว่าเด็กหนุ่มคนนี้คล้ายกับมารสัมฤทธิ์ฟ้าอยู่บ้างเขาโดดเด่นเป็นพิเศษต่างจากคนอื่นในกลุ่มเพียงแต่พลังยังอ่อนแอกว่ามารสัมฤทธิ์ฟ้าอยู่มาก ยังเป็นแค่เด็กหนุ่มวัยรุ่น

“แน่นอนว่า แม้เราจะไม่เข้าใจถึงสำนึกเทพได้หมดแต่เราก็ยังมีความแข็งแกร่งมากกว่าพวกปราณฟ้าระดับหกซึ่งเริ่มมีสำนึกเทพตามปกติ  ต้องเป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับเจ็ดจึงจะมีสำนึกเทพสมบูรณ์ สำนึกเทพของเราเทียบเท่าระดับเจ็ดแล้ว เฮ้,  ข้าคือนักรบจากตำหนักเทพสุริยะแห่งตำหนักกลางแดนสวรรค์ พวกเจ้าเรียกข้าว่าซือเหรินได้!”ซือเหรินตรวจสอบคนกลุ่มนี้อย่างระมัดระวังและพบว่าไม่มีใครที่มีพลังระดับปราณฟ้าเลยทำให้เขารู้สึกสบายใจอย่าว่าแต่ทั้งสามคนเป็นนักรบปราณฟ้าทั้งนั้นสามารถกวาดล้างพวกนี้ได้ มิน่าเล่าถึงได้มีคำกล่าวกันว่าหอทงเทียนที่ไม่มีใครมาเยือน  ที่นี่มีแต่คนรุ่นหลังที่อ่อนแอมากจริงๆ

“สำนึกเทพที่เขาบอกเทียบเท่าได้กับปณิธานปราณราชันย์หรือเปล่า?” มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มถามสหาย

“ก็อาจเป็นได้ระดับปราณฟ้ามีชื่อแตกต่างจากนักสู้ของเรา” บุรุษผอมสูงอธิบายเบาๆ  ซือเหรินแค่เหลือบมองก็รู้ได้ว่าสาวน้อยผู้นี้มีศักดิ์ฐานะสูงสุดในคนกลุ่มนี้ น่าจะมาจากราชตระกูลอาจเป็นเจ้าหญิงชาวมนุษย์ก็ได้

“ข้าได้รู้แจ้งปณิธานปราณราชันย์จากประตูเป็นตายแล้วแต่น่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งยังไม่เพียงพอยังไม่สามารถบรรลุพลังระดับปราณราชันย์ได้ บางทีอาจจะเป็นระดับที่พวกเขาเรียกว่าสำนึกเทพก็ได้!”  ซือเหรินเห็นว่าจู่ๆสาวน้อยกำหมัดและท้าทายต่อสู้  นางออกมาท้าทายด้วยตนเอง  “ขุนพลจากแดนสวรรค์ ข้าจะสู้กับเจ้า ดูซิว่าสำนึกเทพของเจ้าหรือปณิธานปราณราชันย์ของข้าใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน!”

“ปิงเอ๋อ!  เราไม่จำเป็นต้องแยกกันสู้  เรามีคนมากเพียงพอจะเอาชนะพวกเขา”เจ้าอ้วนและคนอื่นรีบช่วยกันแนะนำสาวน้อยให้เปลี่ยนใจ

“แค่เจ้าเองหรือ?”  จอมหักหลังแค่นเสียงเย้ยหยัน

“นางมีสถานะสำคัญที่สุดแต่สำคัญตนเองว่าเก่งเลิศเลอ”  ซือเหรินยังคงรู้สึกว่าเด็กสาวผู้นี้ไม่เคยเห็นโลกภายนอกมาก่อนตั้งแต่นางเป็นเด็ก คงจะถูกผู้ใหญ่ตามใจจนเสียคนแน่  นางไม่รู้ว่าอะไรคือการต่อสู้ที่แท้จริง นางคิดว่าแค่เป็นการแสดงโอ้อวดเครื่องแต่งกายผ้าไหม กินอาหารดีๆแล้วออกมาต่อสู้ การต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายที่แท้จริงที่นางเคยมีส่วนร่วมล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งนั้น

ร่างของจอมหักหลังเปลี่ยนสภาพดูแปลกประหลาด  เขาลงมืออย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า

ในพริบตาปลายนิ้วของเขาอยู่ที่ด้านหลังเด็กสาวนิ้วยาวเหมือนกรงเล็บกำลังจะคว้าคอเด็กสาว

เมื่อเขาจับตัวเด็กสาวได้เขาเตรียมพร้อมที่ฆ่านางได้ในทันที ถ้าสหายของเด็กสาวเข้ามาช่วยเหลืออย่างนั้นเขาจะใช้พลังปราณระเบิดเป็นวงออกไปทันทีเป็นการขู่ขวัญพวกเขา  ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการจับเป็น จอมหักหลังคิดเขามีวิธีฆ่าฝ่ายตรงข้ามเป็นร้อยวิธีในวินาทีเดียว

ติ๋ง!

ทันใดนั้น จอมหักหลังรู้สึกหน้ามืดวิงเวียนศีรษะ

ตัวของเขาปลิวออกไปกระแทกกับพื้นผนังหุบเขาฝังจมเข้าไปในนั้น  เขาตะลึงและหันกลับมาแต่ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

หรือว่าเย่ว์หยางเจ้าคนที่น่ากลัวตามมาทันแล้ว?  เป็นไปไม่ได้ เขายังสู้อยู่กับพระยาราชสีห์ ราชาจินกวนและราชาเฉินม่อ!

“ฮ่าาาา...”  คนเถื่อน และจอมโฉดตกตะลึงเมื่อพบว่าจอมหักหลังถูกหมัดเด็กสาวต่อยกระเด็นราวกับหุ่นกระบอกในท่ามกลางหมัดนับไม่ถ้วน  ขณะที่พวกเขาเตรียมจะต่อยสาวน้อยด้วยหมัดระเบิดแต่เด็กสาวไม่ประหลาดใจตกใจกับพลังแกร่งกร้าวข้างหน้าไม่ทราบว่านางหลอกล่อเข้ามาประทับฝ่ามือที่อกและท้องของพวกเขาตั้งแต่เมื่อใด

ปัง!

ร่างขนาดใหญ่ของคนเถื่อนจอมโฉดไถลถอยหลังกระแทกผนังศิลายุบลึกเข้าไป  เขาพยายามรักษาสมดุลของร่างกายไว้แต่ร่างมหึมาสั่นสะท้านตลอดทางที่ไถลถอยหลังจมลึกไปถึง 100 เมตรเขาจึงตั้งหลักได้

ร่างของคนเถื่อนจอมโฉดใหญ่มหึมาเหมือนกับมังกร

เขาถ่มเลือดสีเขียวออกมา

ซือเหรินเห็นภาพที่เหลือเชื่อ  ตาของเขาแทบถลนจากเบ้า เป็นไปไม่ได้  นี่เป็นไปไม่ได้!

“พี่สามพูดถูกด้วยพลังโจมตีจากปณิธานปราณราชันย์โจมตีจิตวิญญาณโดยตรงพลังภายนอกไม่สามารถป้องกันต้านทานได้” เด็กสาวนามปิงเอ๋อสามารถรับมือขุนพลได้ถึงสองคนแม้ว่าจะเป็นการได้เปรียบเพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่นางกลับโลดเต้นดีใจ  นางยังคงมองดูมือตัวเองด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ  “เมื่อครู่นี้ข้าเพิ่งเล่นงานศัตรูของพี่สามได้!”

“อย่าประมาทศัตรู  พลังของศัตรูยังเหนือกว่าเรา  การโจมตีเมื่อครู่นี้ แทบไม่ได้ทำร้ายพวกเขาบาดเจ็บเลย” ซือเหรินเห็นสตรีสูงศักดิ์ใส่ชุดไหมเฉิดฉายกำลังลูบศีรษะเด็กสาวดูเหมือนว่าจะเป็นผู้อาวุโสกว่านาง ที่อยู่ด้านหลังหญิงสาวมีสตรีหน้าตาผ่องใสสวมหน้ากากเงินนั่งอยู่บนกระจกวิญญาณนางยิ้มอย่างมีความสุขพูดคุยกับเด็กสาว “ปิงเอ๋อ! ถ้าเจ้าใช้คู่กับพลังอักขระรูนโบราณอีกครั้งผลที่ออกมาจะต้องดีกว่าแน่ แต่ตอนนี้เจ้าสู้กับขุนพลจากตำหนักเทพสุริยะได้  ข้าไม่อยากเชื่อเลย!”

“ได้เลย ข้าจะพยายามให้หนักขึ้น!” เด็กสาวกำหมัดสีหน้ามุ่งมั่น ไม่ว่าซือเหรินจะมองอย่างไร เขาไม่สามารถเห็นการโจมตีทั้งสองครั้งของนางได้เลย  มนุษย์อ่อนแออย่างนั้นสู้ตอบโต้คนเถื่อนจอมโฉดได้อย่างไร?

“มีเพียงสามคน ดูเหมือนจำนวนไม่ถูกต้อง  คนเจ้าเล่ห์เหล่านี้แบ่งกำลังกันครึ่งหนึ่งยังมีอีกส่วนหนึ่งที่เราขัดขวางไม่อยู่

“ไม่เป็นไรยังมีพวกจากวังมารและแดนนรกเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขา!”

“กำลังอ่อนไปอย่างนั้น พวกเขาคงรับมือไม่พอแน่!”

“พี่มารกฎฟ้ากับพี่มารเคราะห์ฟ้า กำลังตามไปสมทบไม่มีอะไรแน่...”

“อย่างนั้นเราจะรออะไรกัน?รีบเข้าไปสู้กันเลย มิฉะนั้นคงจะถูกปล้นอีกแน่, เจ้าเมืองโล่วฮัว ท่านรับมือซือเหริน อี้หนานกับน้องปิงเอ๋อกับเจ้าตาขาวนั่น ส่วนเราคนโง่ๆ จะสู้กับเจ้าจอมโฉดหน้าโง่!”  บุรุษอ้วนวางท่าหยิ่งผยองซือเหรินเห็นแล้วรู้สึกแปลกๆ ทำไมคนเหล่านี้ถึงกล้าท้าทายพวกเขา ขุนพลนักรบชั้นสูงแห่งตำหนักเทพสุริยะเคยถูกนักสู้ปราณดินรังแกตั้งแต่เมื่อใดกัน?

“ตาย!” จอมหักหลังพุ่งออกมาจากผนังศิลาและเข้าโจมตีสาวน้อยที่ชื่อปิงเอ๋อผู้ลงมือโจมตีเขาก่อนด้วยความเร็วสูงสุด

“ป่าแห่งชีวิต” ซือเหรินเห็นว่าเด็กสาวเรียกคัมภีร์อัญเชิญออกมาโดยไม่ลังเลและนั้นเป็นคัมภีร์แพลตตินัมชั้นสูงที่แม้แต่ผู้อาวุโส เจ้าเมืองรองเจ้าตำหนักหลายคนยังไม่มี

ทันทีที่คัมภีร์อัญเชิญถูกเรียกออกมาโล่พลังกางออกต่อหน้าทันที

เดิมทีจอมหักหลังตั้งใจจะทะลวงโล่พลังและเข้าไปฆ่าเด็กสาวในทันทีแต่ก็พบว่าตนเองถูกมัดไว้

เถาวัลย์แปลกประหลาดและต้นไม้ขนาดยักษ์สร้างจากอักขระรูนรายล้อมร่างเด็กสาวสร้างเป็นป่าดึกดำบรรพ์ไร้ที่สุดและสร้างเป็นสนามพลังพงไพรที่พลังมนุษย์มิอาจต้านทานได้... สนามพลังพงไพรนี้เชื่อมโยงกับโลกถ้าคิดจากเขย่าหรือทำให้มันสั่นสะเทือนก็เท่ากับว่าทำให้โลกสั่นสะเทือนไปด้วย

เด็กสาวตวาดเบาๆและระเบิดปล่อยพลังงานในร่างนาง

พลังปณิธานหลากท่วมท้นอยู่ในใจนางผสานกับร่างน้อยๆของนางเกิดเป็นพลังงานที่คาดไม่ถึงครอบงำจอมหักหลัง

นักรบมนุษย์พฤกษาสองตนที่ซือเหรินไม่เคยเห็นมาก่อนกระโดดออกมาย่ำร่างจอมหักหลัง เท่านั้นยังไม่พอยังมีอสูรพิทักษ์อื่นบินออกมาสมทบอีก ภายใต้คำสั่งของนาสนามพลังพงไพรเพิ่มมวลพลังงานทันทีและพลังปณิธานของเด็กสาวเพิ่มขึ้นจนเต็มพิกัด ซือเหรินที่อยู่นอกสนามพลังถอยออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“อะไรกัน?” พลังที่ซ่อนเร้นนี้น่ากลัวมากขนาดไหนกัน?“ ซือเหรินอดร้องออกมามิได้และตอนนี้เขาเข้าใจทันทีว่าทำไมเด็กสาวถึงกล้าท้าทายด้วยตนเอง  เพราะนางมีพลังมากถึงปราณฟ้าระดับหก แต่สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดไม่ใช่พลังระดับปราณฟ้าของนาง  เห็นได้ชัดเจนว่านางเป็นนักสู้ปราณดิน  เมื่อพลังลับถูกปลดปล่อยพลังของนางเพิ่มไปเทียบเท่าถึงพลังปราณฟ้าระดับหกได้อย่างไร?สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือเด็กสาวนี้รู้จากพลังสำนึกเทพ  ดูเหมือนพลังสำนึกเทพของนางเทียบเท่ากับเขา...ซือเหรินนึกขึ้นได้ เขาตะโกนลั่น ”เข้าใจแล้ว เจ้าคือน้องสาวของเย่ว์ไตตัน!”

นอกจากอัจฉริยะที่ผิดธรรมดาของเย่ว์ไตตันแล้ว ซือเหรินไม่คิดถึงความเป็นไปได้ที่จะมีอัจฉริยะคนที่สอง

แค่เพียงน้องสาวของเขาก็ทรงพลังมากมายขนาดนั้น

หลังจากได้ยินซือเหรินตะโกน  เจ้าอ้วนผู้หน้าหนาถามพร้อมกับยิ้ม  “เจ้าคาดถูก แต่เจ้าเดาออกไหมว่าข้าเป็นใคร? ยืนให้ดีๆ อย่าเป็นลมต่อหน้าข้า  สุดหล่อที่ยืนอยู่ต่อหน้าเจ้ามีนามว่าไห่ต้าฟู่  เจ้าเอ่ยชื่อเย่ว์ไตตัน  ความจริงเขาคือศิษย์รุ่นน้องของข้าในฐานะลูกพี่ของเขา ข้าอาจทำให้เจ้าตกใจกลัวอยู่บ้าง  ซึ่งนั่นไม่ใช่กงการอะไรของข้า!”

ซือเหรินพอได้ยินเท่านั้นเขาทำอะไรไม่ถูกยืนปากอ้าตาค้าง “.....”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด