ตอนที่แล้วตอนที่ 955 เกาะกลาง ทะเลสันติและตุลาการ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 957 ความดื้อรั้นและเกลียดชัง

ตอนที่ 956 ความลับและความจริงมาจากมนุษย์?


สำหรับตุลาการแล้วทุกคนที่อยู่ข้างหน้าเขาไม่มีอะไรรวมทั้งราชาจื่อฟงนี้ก็ไม่เป็นที่รู้จัก

อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางตั้งข้อสังเกต

หลังจากที่เทวีเสรีภาพเห็นตุลาการผู้นี้นางมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ดูเหมือนว่านางจะรู้จักว่าคนผู้นี้เป็นใครแต่นางไม่เอ่ยปาก บางทีนางไม่ยินดีจะพูดถึงคนผู้นี้ แต่เมื่อเขากวาดตามองทุกคนสายตาของเขาหยุดดูที่ร่างเทวีเสรีภาพนานที่สุด แม้ว่าช่วงเวลาจะน้อยมากไม่ทันได้สังเกตรายละเอียดรวมทั้งหมิงลี่ฮ่าว  แต่ด้วยจักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยางเขาสามารถเห็นทั้งหมดได้ในคราวเดียว

เจ้าคนที่อ้างตัวว่าเป็นตุลาการกับเทวีเสรีภาพรู้จักกันแน่นอน

ตอนนี้เรื่องเดียวที่เย่ว์หยางประหลาดใจก็คือเทวีเสรีภาพรู้จักคนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร? จะต้องมีความลับอยู่ในระหว่างนี้เป็นแน่!

“เล่าฮ่าว!เจ้าผู้นี้เป็นใคร?”  เย่ว์หยางลองถามดูเผื่อว่าหมิงลี่ฮ่าวจะรู้จักคนผู้นี้

“ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนแต่เคยได้ยินคนพูดถึงคนผู้นี้น่าจะเป็นหนึ่งในสี่ราชาบริวารของจ้าวสุริยาจากตำหนักเทพสุริยะแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์‘ราชาสองหน้า”  หมิงลี่ฮ่าวลอบส่งข้อมูลให้เย่ว์หยางเงียบๆขณะที่ตุลาการผู้นั้นลอยตัวเข้ามาหาราชาจื่อฟง

“จ้าวสุริยาแห่งตำหนักเทพสุริยะคือใคร?”  เย่ว์หยางเพียงแต่ได้ยินมาว่าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์มีสามตำหนักใหญ่แยกกันปกครองคือตำหนักศักดิ์สิทธิ์ ตำหนักมังกร ตำหนักโลหิตก่อนนี้เขาพบเห็นว่าจีอู๋ลี่มีความแข็งแกร่งเคยทำสงครามกับหมู่บ้านฝังดาบเขากับเทียนอี้อาจารย์ของเขาชิงเกราะศักดิ์สิทธิ์ของวิเศษชิ้นที่สี่ในหกของวิเศษไปได้และกลายเป็นเจ้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้นอกจากสามตำหนักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์แล้ว เย่ว์หยางเคยได้ยินชื่อเจ้าตำหนักแสงนามว่าจงหัวเจ้าตำหนักมืดว่านหมอและเจ้าตำหนักไฟหลานฟงรวมทั้งคนอื่นซึ่งมีพลังน่าเกรงขามมาก  ขณะที่จ้าวสุริยาแห่งตำหนักเทพสุริยะรวมทั้งสี่ราชาบริวารของเขาและราชาสองหน้าเย่ว์หยางไม่เคยได้ยินมาก่อน

“แตกต่างจากสามตำหนักใหญ่  ที่มีกำลังผู้อาวุโสอยู่ในมือ” หมิงลี่ฮ่าวเดินตามเย่ว์หยางขณะลอบส่งข้อมูลให้เขา

“ขอรายละเอียดเพิ่มอีก”  เย่ว์หยางให้ความสนใจ

“เมื่อเทียบกับจีอู๋ลี่ที่เจ้ารู้จักนั้นจ้าวสุริยาไม่ด้อยกว่าเท่าใดเลย เขาเป็นบุคคลสำคัญคอยให้การฝึกฝนผู้อาวุโสของตำหนักกลางใหญ่เพื่อต่อกรกับผู้ปกครองสูงสุดของตำหนักกลางได้  แม้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จ้าวสุริยาจะมีพลังเทียบกับผู้ปกครองสูงสุด  แต่แน่นอนว่าจีอู๋ลี่อยู่ในระดับนั้นเพราะเขามีพลังน่าเกรงขาม จึงมีเหล่าผู้อาวุโสให้การสนับสนุนแน่นอนว่าเขาถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีอิทธิพลอยู่ในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์  จ้าวสุริยามีบริวารระดับราชาอยู่สี่คนและระดับขุนพลอีกแปด  พวกเขาได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีจากผู้อาวุโสของตำหนักกลางเป็นเวลาหลายพันปี แม้ว่าพลังความแข็งแกร่งจะยังไม่เทียบเท่ากับอีกสามตำหนักใหญ่แต่เมื่อเทียบกับตำหนักชั้นนอกดิน น้ำ ลม ไฟ มืด สว่างเป็นต้นก็ยังไม่ห่างกันเท่าใด  นอกจากนี้เจ้าตำหนัก รองเจ้าตำหนัก ผู้อาวุโสตำหนักรอบนอกต่างๆ ตำแหน่งผู้อาวุโสหลายตำแหน่งที่มีพวกเขาแทรกอยู่ในนั้น  เจ้าตำหนักสูงสุดกุมอำนาจอยู่ในมือ 100% เต็มแค่เพียงสามตำหนักหลักคือ ตำหนักศักดิ์สิทธิ์ ตำหนักมังกรตำหนักโลหิต” หมิงลี่ฮ่าวคุ้นเคยกับข้อมูลของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์  คาดว่าต้องใช้ความพยายามมากในการรวบรวมข้อมูลข่าวสาร

“บางทีอันดับต่ำลงมาจากเจ้าตำหนักสูงสุดมีเจ้าตำหนักใหญ่ผู้ลึกลับ อาจมีระดับพลังเหนือกว่าจีอู๋ลี่ก็ได้กระมัง?”  เย่ว์หยางยังคงถามต่อ

“ถูกแล้วเจ้าตำหนักใหญ่นั้นมีอิทธิพลมากเป็นลำดับที่สามในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์”  หมิงลี่ฮ่าวพยักหน้ายืนยัน

“ดูเหมือนว่าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จะไม่เป็นปึกแผ่นเป็นอันเดียวกัน”  เย่ว์หยางรู้สึกดีใจ

“แน่นอนว่าไม่ได้เป็นปึกแผ่นอันเดียวกันทุกคนต้องการพลังอำนาจ เพียงแต่เจ้าตำหนักสูงสุดแข็งแกร่งเกินไปสามารถปราบปรามข่มสถานการณ์ทั้งหมดได้อยู่หมัด เจ้าตำหนักสูงสุดไม่เพียงแต่ต้องบอกว่า คนผู้นั้นไม่ใช่ผู้ที่เราสามารถท้าทายได้  นอกจากนี้เขายังอุทิศตนเองให้กับการศึกษาวิทยายุทธการต่อสู้ขั้นสุดยอดเรื่องราวภายนอกที่ทำให้เขากังวลได้นั้นมีอยู่น้อยนัก ดูเหมือนว่าชื่อเดิมของเจ้าตำหนักใหญ่จะชื่อว่าตงฟาง  เขาเป็นศัตรูตัวร้ายของหอทงเทียน กล่าวกันว่าเขาเป็นนักรบจากตระกูลที่หักหลังหอทงเทียน  แต่ก็ไม่เลวสำหรับแดนสวรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลในแดนสวรรค์บนเรียกเขาว่าเจ้าตำหนักใหญ่ผู้เมตตา พวกจีอู๋ลี่ไม่ได้เรียกว่าเขาเจ้าตำหนักใหญ่  รวมทั้งเจ้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์ เจ้าตำหนักมังกรไม่เรียกเขาว่าเจ้าตำหนักใหญ่ แต่เรียกว่าเจ้าตำหนักผู้เมตตาคาดกันว่าเทียบกับเจ้าตำหนักสูงสุด เขามีพลังต่ำกว่าหนึ่งขั้น เจ้าตำหนักเมตตานี้ไม่ค่อยจัดการเรื่องนอกตำหนัก  เขาคอยจัดการกิจการภายในต่างๆและเจรจาต่อรองในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ เขาได้รับความนิยมนับถือเพราะประสานผลประโยชน์ตั้งแต่แดนตะวันออกจนถึงตะวันตกเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟาง เขายินดีต้อนรับเรา สำหรับเราแล้วนั่นเป็นการรวมกลุ่มที่ไม่เลว! แน่นอนว่าทัศนคติที่เขามีต่อหอทงเทียนไม่ใช่เรื่องดี เข้าขั้นเกลียดชังเขาเป็นหนึ่งในกำลังหลักยกระดับสงครามกับหอทงเทียน ข้าสงสัยจริงว่าการสู้กับจักรพรรดิอวี้คงเป็นเขากับเจ้าสุริยาร่วมมือกันโจมตีใส่จักรพรรดิอวี้แน่  มิฉะนั้นจักรพรรดิอวี้ที่มีของวิเศษสามอย่างเราคงจัดการไม่ได้ง่ายๆ” หมิงลี่ฮ่าวอธิบายอย่างละเอียด

“พลังของเจ้าตำหนักสูงสุดเป็นยังไงบ้าง?”  เย่ว์หยางถามคำถามสุดท้าย

“ข้าไม่ทราบเพราะไม่มีคนนอกได้พบเขามาเกือบหมื่นปีแล้ว มีแต่จีอู๋ลี่ผู้เป็นเจ้าตำหนักใหญ่ ผู้อาวุโสระดับศักดิ์สิทธิ์ไม่กี่คน เจ้าตำหนักสูงสุดเป็นพวกบ้าวิชาคลั่งไคล้กับการฝึกฝนมาหลายพันปีเพื่อไล่ตามขีดจำกัดไม่มีใครรู้ว่าเขามีแข็งแกร่งเพียงไหนแต่ที่แน่นอนก็คืออยู่ในระดับเทพแล้ว...” หมิงลี่ฮ่าวยังรายงานไม่จบ เย่ว์หยางพูดขัดจังหวะ  “เหลวไหล!”

ถ้าเจ้าตำหนักสูงสุดไม่เหนือกว่านักสู้ระดับเทพไม่มีพลังระดับเทพ เขาจะสามารถข่มตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดได้หรือ?

หนึ่งในสามบริวารเจ้าตำหนักใหญ่จีอู๋ลี่ก็ยังมีพลังใกล้ระดับเทพแล้ว

เย่ว์หยางไม่ต้องการเข้าใจความแข็งแกร่งของเจ้าตำหนักสูงสุดอย่างแท้จริง

นั่นไม่ใช่เรื่องที่หมิงลี่ฮ่าวสามารถเข้าใจได้อย่างแน่นอน เย่ว์หยางแค่ต้องการรู้ว่าเจ้าตำหนักสูงสุดใช่คนที่ชิงสมบัติวิเศษชิ้นที่สี่เกราะศักดิ์สิทธิ์ไปหรือไม่  เทียนอี้เป็นอาจารย์ของจีอู๋ลี่ถ้าตาเฒ่านี่ยังไม่ตายบางทีตอนนี้อาจกลายเป็นเจ้าตำหนักสูงสุดก็ได้ แน่นอนว่าความจริงแล้วเรื่องราวภายในยังไม่ชัดเจนไม่สามารถตัดสินใจได้เต็มที่ ขณะนี้ได้แต่เพียงสงสัยเท่านั้น

ไม่ว่าเทียนอี้จะเป็นเจ้าตำหนักสูงสุดหรือไม่  เย่ว์หยางยังไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องนี้

ยังเอาชนะไม่ได้แน่

ก่อนที่จะท้าทายเขา  เขาต้องฆ่าคนที่มีฝีมือต่ำกว่าระดับหนึ่งให้ได้เสียก่อนนั่นคือจีอู๋ลี่

เย่ว์หยางยังไม่ผ่านมิติทดสอบทั้งสิบด่านก็คงไม่กล้าไปท้าทายคนที่บ้าการฝึกฝนวิทยายุทธมาถึงหมื่นปีแน่ถ้าเขายังไม่ผ่านด่านทดสอบสิบด่านชนะได้รางวัล เรื่องนั้นยังไกลเกินไป

จากนั้นก็ต้องรอให้นางพญาเฟ่ยเหวินหลีออกมาก่อนได้รับคัมภีร์เทพ ให้แม่เสือสาว สาวหิมะแข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้อีกสักเล็กน้อย

คาดว่าน่าจะลองได้!

ตอนนี้เขายังคงเร่งยกระดับพลัง  ไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป  “เจ้ารู้จักเสี่ยวโฉ่วโจรตัวตลกบ้างไหม?”  เย่ว์หยางนึกถึงปัญหาบางอย่างได้

“ถ้าเจ้าพูดถึงตัวตลกร่างผอมชอบแต่งหน้าด้วยสีสันจัดห้าสีหน้าตาบูดบึ้งราวกับกินน้ำครำข้าบอกเจ้าได้เลยว่ารู้จักแน่นอน!  คนผู้นี้เก่งในเรื่องการวางแผนเมื่อตอนที่เขายังไม่แข็งแกร่งมากเขาได้รับการส่งเสริมจากผู้อาวุโสตำหนักเป็นหนึ่งในแปดขุนพล ในเวลานั้นเขาคือคนจากตระกูลที่ทรยศหอทงเทียนเขาวางแผนการร้ายต่อหอทงเทียนได้อย่างน่ากลัว ข้าไม่รู้รายละเอียดของเรื่องโดยเฉพาะ  อย่างไรก็ตามเขาคือหนึ่งในแปดขุนพลของจ้าวสุริยา นั่นเป็นเรื่องที่แน่นอน” หมิงลี่ฮ่าวยิ้มทันทีและชี้ไปที่ราชาสองหน้าที่กำลังลอยอยู่ข้างหน้า  เขากระซิบเย่ว์หยาง “เจ้าไม่คิดหรือว่าเสี่ยวโฉ่วคล้ายกับคนผู้นี้?”

“ก็แค่ต้นแบบ!”  เย่ว์หยางพยักหน้าแน่ใจ

“พวกเขาน่าจะมีสัมพันธ์เป็นศิษย์กับอาจารย์  ข้าจำได้ว่าเสี่ยวโฉ่วอ่อนแอมากพวกผู้อาวุโสคงต้องใช้ความสามารถมากมายเพื่อฝึกเขาขึ้นมาจ้าวสุริยาได้มอบหมายให้หนึ่งในสี่ราชาสอนเขาเป็นพิเศษ ข้าไม่รู้จักว่าเขาเป็นใครวันนี้ข้าแน่ใจว่าเจ้าผู้นี้คงเป็นราชาผู้ได้รับมอบหมายจากจ้าวสุริยาให้ทำหน้าที่เป็นอาจารย์ของเสี่ยวโฉ่ว” หมิงลี่ฮ่าวเล่าเรื่องราวในอดีตของเสี่ยวโฉ่วให้เย่ว์หยางฟัง

เย่ว์หยางรู้ว่าเสี่ยวโฉ่วเคยมีพลังปราณฟ้าระดับสามมาก่อน

สามารถได้รับพลังจากผู้อาวุโสตำหนักกลางและจ้าวสุริยานับว่าไม่ง่ายเลยจริงๆ

แต่สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางสงสัยก็คือพลังของเสี่ยวโฉ่วนั้นไม่ถือว่าแข็งแกร่ง  ดังนั้นหลังจากผ่านไปหลายปีในฐานะหนึ่งในแปดขุนพล ทำไมเขาไม่ได้รับการฝึกฝนหรือ? เสี่ยวโฉ่วในมุมมองของเย่ว์หยางมีพลังปราณฟ้าระดับสี่  แม้แต่ขอบเขตปราณราชันย์ก็ยังไม่ใกล้เคียง ห่างไกลจากราชาสองหน้าผู้เป็นอาจารย์และมีพลังปราณราชันย์ระดับหกเป็นอย่างน้อยห่างไกล...แน่นอนว่าศักยภาพของเขามีข้อจำกัด จะต้องมีความลับบางอย่างเกี่ยวกับเสี่ยวโฉ่วที่เขาคิดไม่ถึง  ไม่ง่ายเหมือนกับที่เห็นเป็นแน่

ถ้าเพียงแต่เขาเห็นได้ในตอนนี้ก็คงจะดี

ตอนนี้เขาจะสามารถเข้าใจความลับของเสี่ยวโฉ่วได้ทั้งหมดหรือไม่?  เย่ว์หยางลอบถอนหายใจ   ครั้งต่อไปเมื่อพบเสี่ยวโฉ่วเขาจะต้องใช้ความพยายามทุกวิถีทางเพื่อฆ่าเจ้าผู้นี้ซึ่งมีความเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายอยู่เต็มหัว

เจ้านั่นฉลาดเกินไปไม่อาจปล่อยให้เขามีชีวิตยาวนานเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านหลังของเขายังมีตำหนักกลางคอยส่งเสริม!

ราชาสองหน้าผู้ถือเคียวยมทูตอยู่ในมือขณะที่เขาลอยตัวอยู่ในใจกลางทะเลสันติ พื้นที่โดยรอบสงบเงียบ เขาหยุดรอคอยราชาจื่อฟงและคนอื่นๆค่อยๆ ตามกันมา

เขาพลิกมืออย่างลึกลับ

เคียวดำยมทูตของวิเศษชั้นเตรียมเทพตัดมิติพื้นที่รอบตัวทะเลสันติซึ่งสงบอย่างจำกัดแต่เดิม ถูกตัดเหมือนกับชิ้นเต้าหูเป็นรูปกลมแสงรัศมีสายหนึ่งฉายเป็นรูปเหมือนประตูที่เปิดออกเชื่อมเป็นทางเดินผ่านราชาจื่อฟงและพวกมองอย่างตกตะลึง ทรงพลังเหลือเกินตัดทะเลสันติภาพให้แยกจากกันโดยไม่ก่อให้เกิดการระเบิดของพลังได้หรือนี่?

นี่เป็นพลังควบคุมแบบไหน?

มารสัมฤทธิ์ฟ้า จักรพรรดิมังกรจักรพรรดิใต้พิภพมองดูเย็นชา ด้วยพลังควบคุมของเขา เป็นไปไม่ได้ที่จะทำอย่างนี้!

หมิงลี่ฮ่าวขมวดคิ้วเล็กน้อยตัดทะเลสันติสำหรับเขาถือว่าไม่ยากเกินไป แต่ยังคงสภาพรอยแยกไว้ได้นานเป็นเรื่องยากสำหรับทุกคนที่เข้ามา ที่สำคัญคือ ถ้าไม่มีพลังพิเศษการจะทำได้เช่นนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก

เขามองดูเย่ว์หยางเด็กน้อยเจ้าเป็นตัวอะไร? มีความสำเร็จระดับไหน?

เย่ว์หยางยักไหล่

แต่ไม่ตอบ

เขามีอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญเทเลพอร์ตผ่านพื้นที่มิติ  แต่เขาจำเป็นต้องบอกด้วยหรือ?

หมิงลี่ฮ่าวเห็นท่าทางเจ้าเด็กนี่แล้วอยากทุบแต่คิดได้ว่าเจ้าเด็กนี่เป็นตัวประหลาดอย่างแท้จริง ไม่ธรรมดาเขาเองแทบไม่อยากจะยอมรับ

“เข้ามาให้หมด ระวังลมหายใจด้วยอย่าใช้พลังเพื่อสัมผัสสิ่งใดเด็ดขาด” ราชาสองหน้าเตือนเสียงราบเรียบเหมือนกับเตือนกลุ่มมดแมลงไม่ให้ล้ำเขตแดน ทำให้ราชาจื่อฟงรู้สึกอึดอัดมาก แต่พลังระดับราชาไม่อาจเทียบนิ้วเท้าของคนอื่นได้ช่างยากทนทานจริงๆ การสัมผัสทะเลสันติแม้แต่คนโง่ก็ยังไม่กล้าทำ

เดินผ่านทางเดินเข้าไปใจกลางทะเลสันติตอนนี้เย่ว์หยางพบว่าตนเองกำลังผ่านเส้นทางเทเลพอร์ตผ่านมิติพื้นที่ซึ่งแปลกประหลาด

ทางผ่านนี้ตั้งอยู่ในใจกลางทะเลสันติไม่ใช่ที่อื่น

พื้นที่ไม่ใช่เล็กน้อย

ประมาณว่าสนามฟุตบอลสิบสนามต่อกัน

ที่ตอนท้ายเส้นทางผ่านมีหญิงงามจูกวงที่ถูกจับเป็นเชลยกลุ่มนักฆ่า จักรพรรดิฟู่โฉวตัวปลอมมีนักสู้ปราณฟ้าสิบกว่าคนที่เย่ว์หยางไม่รู้จัก ถ้าพูดถึงความแข็งแกร่งไม่นับตัวเขาเองกับหมิงลี่ฮ่าว ฝ่ายตรงข้ามสามารถเอาชนะราชาจื่อฟงได้ทั้งนั้น..ในเมื่อมีพลังแข็งแกร่งเหนือกว่าก็สมควรบุกเข้ามาสู้ได้โดยตรงทำไมต้องวางแผนซับซ้อนมากมาย? เย่ว์หยางคิดยังไง ก็คิดไม่ออก เขาได้แต่เพียงคาดเดาเมื่อพวกเขาวางแผนจัดการราชาจื่อฟงและคุณชายไตตัน ต้องมีเป้าหมายอื่นแน่นอน  คงไม่ใช่กลุ่มง่ายๆ อย่างที่เห็น!

ในไม่ช้าการคาดเดาที่ชัดเจนของเย่ว์หยางได้รับการยืนยันบางส่วน

บุรุษคนที่สามเดินเข้าไปในเส้นทางผ่านไม่มีใครสนใจ แม้แต่ราชาสองหน้าก็แค่ชำเลืองมอง จากนั้นตรงเข้าไปหาเทวีเสรีภาพ  เขาเข้าไปหาทำไม?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด