ตอนที่แล้วตอนที่ 948 เทวีเสรีภาพ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 950 วารีสุทธิอัคคีพิสุทธิ์

ตอนที่ 949 แรงบันดาลใจสุดยอด


เย่ว์หยางเห็นสาวงามมาก็มาก

บางคนอ่อนโยนเหมือนสายน้ำบางคนแก่นแก้วน่ารัก บางคนร้อนแรงน่าหลงใหล บางคนเจ้าเสน่ห์บางคนเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง

ในโลกนี้แทบจะไม่มีสตรีที่สวยซ้ำกันทุกนางมีบุคลิกเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง

แน่นอนว่านอกจากความแตกต่างกันแล้ว หญิงงามแต่ละนางก็มีความคล้ายคลึงกันหลายอย่าง

ตัวอย่างเช่นรูปลักษณ์และอิริยาบถที่อ่อนช้อยงดงาม

อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางไม่เคยเห็นหญิงงามอย่างประหลาดเหมือนอย่างเทวีเสรีภาพเลย

สตรีผู้นั้นถูกขังอยู่ในรถที่มีนักสู้ปราณฟ้ากำลังนำมานั้นไม่ใช่สตรีที่งดงามที่สุดที่เย่ว์หยางเคยเห็นในทางตรงกันข้ามรูปร่างหน้าตาของนางไม่ได้งดงามอย่างที่เย่ว์หยางจินตนาการ  อย่างไรก็ตามเทวีเสรีภาพนี้เย่ว์หยางมีความรู้สึกว่านางงดงามจิตใจดีที่สุดเท่าที่เย่ว์หยางเคยเห็นมา  แม้ว่านางคือเทวีเสรีภาพ แต่ว่านางไม่ได้อยู่ในรูปลักษณ์เหมือนกับราชินีหรือเทวีแต่อย่างใดนางเหมือนกับสตรียากไร้สวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งพอปิดบังร่างกาย แต่ว่าเสื้อผ้าที่นางสวมไม่สามารถปกปิดรอยเปื้อนกายได้ทุกส่วน

นางเหมือนกับคนธรรมดาหิวโหยที่นอนรอความตายอยู่ริมถนน

อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ไม่สามารถปิดบังความงามของนางได้

เย่ว์หยางอดตกใจเมื่อเห็นนางมิได้

แม้ว่าจะอยู่ในรถคุมขังแต่นางยังยิ้มเหมือนกับว่านั่นไม่ใช่รถนักโทษ แต่เป็นปราสาทของนางเอง

รอยยิ้มนั้น

ไม่ใช่รอยยิ้มแข็งกระด้าง

แต่เป็นความกรุณาและความอดกลั้นที่ออกมาจากใจของนาง

รอยยิ้มแบบนั้นแฝงไปด้วยกลิ่นอายละมุนเหมือนกับที่มีเฉพาะในมารดาเหมือนกับพระจันทร์ทอแสง

รอยยิ้มของนางเหมือนเปล่งออกมาจากหัวใจราวกับน้ำผุดใสสะอาดในป่า สามารถชำระตะกอนใจของมนุษย์หายไปได้อย่างรวดเร็วเมื่อนางพยักหน้าเล็กน้อยให้กับประชาชนผู้หิวโหยที่เทิดทูนนางในสองข้างทางนางพยักหน้าเล็กน้อยและยิ้มผ่อนคลาย ทันใดนั้นเย่ว์หยางรู้สึกว่านี่เป็นพลังที่แข็งแกร่ง  เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่นักรบปราณฟ้าธรรมดาจะส่งพลังเช่นนี้ออกมาได้  นี่ต้องเป็นระดับพลังปราณราชันย์มีเจตจำนงและศรัทธาอันทรงพลัง”

“อย่าร้องไห้เลยทุกคน  ความหิวโหยและความเจ็บปวดจะต้องหายไปอย่างน่นอนจงอย่ายอมแพ้ พวกเจ้าต้องมีความหวังอยู่เสมอ!”

“ข้าไม่เป็นไร พวกเจ้าไม่ต้องกังวล

“ขอให้ทุกคนมีความสุขเถิด!”

เทวีพูดโดยไม่มีความรู้สึกอะไร

ไม่มีความรู้สึกตื่นเต้นหรือประหม่า

เป็นแค่ภาษาสุภาพจริงใจเป็นน้ำเสียงเช่นเดียวกับที่ใช้บอกเตือนสมาชิกในครอบครัว อย่างไรก็ตามแม้ว่าเย่ว์หยางจะเข้าถึงระดับพลังนักสู้ชั้นสูง หลังจากได้ยินเสียงนี้แล้วเขาไม่รู้สึกว่านางพูดผิด   ดูเหมือนว่าจิตใจของเขาไม่มีความรู้สึกต่อต้านกับความคิดที่ไร้สาระเช่นนี้

เปลี่ยนเป็นบุคคลอื่นเย่ว์หยางได้ยินคำปลอบใจอย่างนั้น เขาคงเยาะเย้ยเหยียดหยามแน่นอน

ท่านไม่ได้ทำอะไรยังจะมีความหวังจริงๆ อีกหรือ?

ในเมื่อร่างท่านล้มลงและกำลังจะตายท่านยังจะรอความหวังได้อีกหรือ?

อย่างไรก็ตามเมื่อได้ยินตามคำพูดของเทวีเสรีภาพเย่ว์หยางพบว่าตนเองไม่มีความคิดหักล้าง

เหตุผลของเทวีเสรีภาพนี้ดูเหมือนจะถูก...สิ่งที่ทำให้คนเรานิ่งเฉยไม่อาจต้านทานได้ หรือนั่นคือประสงค์ของเทพเจ้า!แม้แต่ปณิธานที่เหนือเทพก็ทำให้เย่ว์หยางรู้สึกได้ถึงสำนึกเทพที่แท้จริงซึ่งมิอาจต่อต้านได้

เย่ว์หยางพบโดยบังเอิญว่าตาของเทวีเสรีภาพเจิดจ้ามากแต่เหมือนกับไม่ได้เพ่งมองสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ

ความจริงแล้วนางเป็นสตรีตาบอด!

เทวีเสรีภาพผู้มิอาจเห็นโลกได้  แต่นางกลับเข้าใจโลกได้ทั้งโลก

เมื่อเย่ว์หยางปล่อยให้นางแค่ชำเลืองมองเย่ว์หยางเหมือนกับเกิดภาพลวงตาว่านางมองลึกลงไปในใจเขา

เมื่อนางยิ้มดูเหมือนนางมีความอ่อนโยนมั่นคงไม่เหมือนใครดวงตาที่สดใสของนางเหมือนกับมิได้เพ่งอยู่กับอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ ความอ่อนโยนบนใบหน้าแทบจะทำให้หัวใจเย่ว์หยางสั่นไหว

การปรากฏตัวของเทวีเสรีภาพแม้แต่นักสู้ปราณฟ้าที่ได้พบเห็นนางก็ยังอดรู้สึกถ่อมตนและละอายใจมิได้

นั่นไม่ใช่เพราะนางแข็งแกร่งน่ากลัว

แต่เป็นเพราะความอ่อนโยนเมตตาที่นางมีต่อสรรพชีวิต

แม้ว่าสตรีอย่างนางจะถูกขังอยู่ในรถนักโทษแม้ว่านางจะสวมชุดขาดกะรุ่งกะริ่ง แม้นางจะถูกทรมาน แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคขัดขวางความเคารพที่ชาวโลกมีต่อนางได้เลย

มือทั้งสองของเทวีเสรีภาพราวกับหยกที่ไร้ตำหนิอย่างไรก็ตาม นางไม่มีขาทั้งสอง ไม่มีอวัยวะส่วนใต้เอวลงไป

สำหรับร่างกายท่อนล่างของนางเย่ว์หยางเคยได้ยินมาก่อนนี้ว่าเพื่อกำจัดโรคร้ายและคำสาปแช่งของประชาชนผู้หิวโหยนางยอมเสียสละร่างกายส่วนนั้นของตนเอง

แม้แต่ร่างกายก็ยังมีเลือดเนื้อไม่สมบูรณ์

พลังงานครึ่งหนึ่งและเลือดเนื้อครึ่งหนึ่งถ้าไม่ใช่เพราะพลังเทพที่ไม่รู้จักคอยประคับประคองชีวิตนางไว้อย่างต่อเนื่อง เทวีเสรีภาพคงตายไปนานแล้วและพลังเทพนี้เย่ว์หยางสกัดออกมาจากสองพี่น้องกระทิงเถื่อนกล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือชีวิตของสองพี่น้องกระทิงเถื่อนได้รับการช่วยเหลือจากเทวีเสรีภาพ  ไม่ใช่จากเทพ

เทวีเสรีภาพใช้พลังนักสู้ปราณฟ้าได้อย่างไร?นางใช้พลังเทพได้อย่างไร?

เย่ว์หยางสับสน

“หรือว่าหลายคนต้องคำสาป? ข้าเข้าใจ”  หลังจากได้ฟังคำของเทวีเสรีภาพ นางพยักหน้าให้สายตานางกวาดไปรอบๆ และมองคนรอบตัวนาง นี่เป็นนิสัยพิเศษประจำตัวนาง เย่ว์หยางตัดสินใจได้ทันทีว่าเทวีเสรีภาพไม่ได้ตาบอดตั้งแต่กำเนิดแต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง บางทีอาจเพื่อเป็นการช่วยชีวิตผู้คน จำต้องเสียสละการมองเห็นตลอดไป  ขณะนั้นเทวีพูดถึงเงื่อนไข “ตราบเท่าที่ผู้อยู่อาศัยในเมืองลู่หลิวได้กินอิ่มท้อง อย่างนั้นข้ายินดีจะปลดปล่อยคำสาปนี้เพื่อทุกคน  อย่างไรก็ตาม ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องกำหนดไว้ที่เกาะกลางจื่อฟงหรือว่าบางทีคำสาปอาจเป็นคำสาปที่เต็มไปด้วยความแค้นพยาบาทซึ่งต้องการรายละเอียดมากเป็นพิเศษ”

“ไม่สำคัญ!โปรดไปที่เกาะกลางกับเรา  เราและคนอื่นๆไม่เป็นไรแน่ มีแต่อาคันตุกะจากแดนสวรรค์บนที่มาร่วมแสดงความยินดีกับเรากลับโดนคำสาปเป็นความผิดของเราจื่อฟงเอง” ราชาจื่อฟงแนะนำเย่ว์หยาง คุณชายไตตันและมารสัมฤทธิ์และพวกให้เทวีเสรีภาพรู้จัก

ในที่สุดราชาจื่อฟงก็ให้การรับรอง  “ไม่ว่าคำสาปจะได้รับการถอนได้สำเร็จหรือไม่ผู้หิวโหยในเมืองลู่หลิวจะได้รับการบรรเทาเยียวยา”

เทวีเสรีภาพยิ้มด้วยสีหน้าแจ่มใส

เป็นรอยยิ้มจากใจของนาง

นางประสานมือคารวะอย่างจริงใจ  “ดีจริงๆ ราชาจื่อฟงท่านจะได้รับผลบุญสนองตอบแน่นอนจากความดีในวันนี้”

เย่ว์หยางเงียบเขาได้เห็นหญิงงามมาทั้งชีวิต คนรักของเขาไม่ต้องพูดถึง  แม้แต่คนนอก ก็มีบุคลิกหลากหลายรูปแบบ  เย่ว์หยางเห็นเหมือนสนมชื่อเฟยถ้าเพื่อจักรพรรดิชื่อตี้แม้เขาจะไม่ดียังไงก็ตามนางก็พร้อมตายตามเขาโดยไม่คิดมากความมีความรักของหลายคนที่เกิดขึ้นเพราะแรงจูงใจที่เห็นแก่ตัว หรือแม้แต่สตรีที่บ้าไล่ตามอำนาจอย่างจักรพรรดินีฟ้าที่เอาชะตาตระกูลเผ่าพันธุ์มาเป็นเดิมพัน...แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เทวีเสรีภาพจะให้อภัยทุกอย่างเขาไม่เคยเห็นคนอย่างนางมาก่อนในโลก

เทวีเสรีภาพนี้ทำให้เย่ว์หยางอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ในสายตาของเขาสตรีนี้โง่เง่าสมองตายแล้ว

แต่เมื่อเขาเห็นนางด้วยตาตนเอง

ในใจของเขาอดว้าวุ่นไม่ได้

แรงบันดาลใจอะไรทำให้นางยืนหยัดได้จนถึงบัดนี้?

ก็รู้อยู่ว่าราชาจื่อฟงชิงหลาง คนพวกนี้เจ้าเล่ห์ พวกเขาเตรียมเผานางเองทั้งเป็น ทั้งยังขังนางล่ามโซ่ตีตรวนไม่ยอมปล่อยทำไมต้องสัญญาว่าจะคลี่คลายคำสาปให้กับพวกเขา?

ถ้าเทวีเสรีภาพนี้เป็นสตรีของเขา  เขาคงจับนางถอดกางเกงและตีก้นนางอย่างแน่นอน

นี่มันโง่เกินไป

อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นร่างที่ถูกทรมานของเทวีเสรีภาพและรอยยิ้มของนางแล้ว เย่ว์หยางไม่กล้าว่านางโง่เง่า

ในโลกนี้มักจะมีคนที่เสียสละเพื่อความรักของพวกเขาทั้งที่ไม่ได้คุณค่ารางวัลตอบแทนแม้แต่น้อย แต่กลับยอมทนทุกข์ยอมเสียสละอย่างเช่นแม่สี่เป็นต้นสักกี่คน

แม่สี่ไม่เหมือนกับเทวีเสรีภาพเสียทีเดียว นางไม่เหมือนใครนางมีแต่ความอ่อนโยนใจดีและรักคนที่นางดูแล

อย่างไรก็ตามในบางมุมมองแม่สี่กับเทวีเสรีภาพก็เหมือนกัน

นางทุ่มเทให้เย่ว์หยางเย่ว์ปิงและหนูน้อยเย่ว์ซวงยิ่งกว่าเทวีเสรีภาพที่มีต่อคนทั่วไป  อาจกล่าวได้ว่าแม่สี่เป็นศูนย์รวมความรักที่ยิ่งใหญ่ที่มีต่อเย่ว์หยางดังนั้นเย่ว์หยางจะรู้สึกมีความสุข เขาไม่สามารถทำอย่างนี้ได้  แต่เย่ว์หยางไม่ต้องการปฏิเสธความพยายามเช่นนี้เพราะว่าถ้าเขาต้องปฏิเสธก็หมายความว่าเขาปฏิเสธแม่สี่

เมื่อเทวีเสรีภาพขึ้นเรือเหาะและตัดสินใจไปเกาะกลางแห่งบึงหยุดลมพร้อมกับราชาจื่อฟงเพื่อพบกับศัตรูเพื่อให้ผู้อดอยากยากไร้ในเมืองได้กินอาหารฟรีเป็นครั้งแรก

พวกเขาทุกคนรู้

อาหารเหล่านี้แลกมาด้วยชีวิตของเทวีเสรีภาพพวกเขาทำอะไรไม่ได้นอกจากอธิษฐานทั้งน้ำตา

เย่ว์หยางเห็นทุกอย่างในสายตาของเขาและเก็บความสงสัยใหญ่ที่สุดไว้ในใจและเดินเข้าไปในเรือเหาะ เมื่อราชาจื่อฟงและคนอื่นคุยกับมารสัมฤทธิ์ฟ้าถึงวิธีป้องกันศัตรูจากการล้อมโจมตี  เย่ว์หยางเข้าไปหาเทวีเสรีภาพและถาม“ถ้าราชาจื่อฟงไม่รักษาเกียรติและสัญญา ท่านจะทำยังไง?  เขามีอำนาจ ไม่จำเป็นต้องรักษาสัญญก็ได้ต่อให้เขาผิดสัญญาท่านก็ไม่มีอำนาจไปหยุดเขา”

เทวีเสรีภาพมองมาทางเย่ว์หยางทั้งที่ไม่เห็นอะไรรอยยิ้มนางเหมือนกับสายลม “เจ้าคือคุณชายไตตันจากแดนสวรรค์บนใช่ไหม? แม้ว่าหน้าของเจ้าจะรั้นและถือดีแต่หัวใจและตาภายในของข้าสามารถมองเห็นได้ว่าเจ้าเป็นเพียงคนเดียวในหลายๆคนที่มีจิตวิญญาณเป็นสีทองสว่างเจิดจ้า ที่นี่ยกเว้นเจ้าไม่มีใครถามคำถามนี้  หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่ง ยกเว้นเจ้าแล้วไม่มีใครที่รู้สึกเห็นอกเห็นใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักรบที่ทรงพลัง  เว้นแต่พวกเขาสูญเสียพลังไปพวกเขาถึงจะจำได้ ความจริงความเห็นอกเห็นใจคือพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!”

“เป็นไปได้ยังไง ข้าไม่เห็นด้วยกับท่าน!” เย่ว์หยางไม่เคยรู้สึกว่าคนที่มีความเห็นอกเห็นใจจะเป็นคนที่ทรงพลังมากที่สุดและไม่รู้สึกว่าความสงสารจะเป็นพลังที่แข็งแกร่งที่สุด

“เจ้าคิดว่าเจ้ามีพลังสุดยอด ถ้าเจ้ามองกลับไปยังโลกเจ้าเป็นคนที่น่าสมเพชเหมือนมดหรือเปล่า? มองดูพวกเขา พวกเขาวุ่นวาย หยาบคายร้ายกาจและเจ็บปวดกับชีวิตเพื่อผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ แม้ว่าเขาจะเสื่อมเสียชื่อเสียง แม้ว่าพวกเขาจะพ่ายแพ้  แม้ว่าจะโชคร้ายถูกฆ่าก็ตาม  แต่ข้าไม่รู้ว่านั่นเป็นแค่ความอ่อนน้อม ข้าคิดว่าข้าแข็งแกร่งเจ้าคิดว่าคนแบบนั้นน่าสมเพชหรือไม่? ตั้งแต่เย่ว์หยางถาม เทวียิ้มให้เขา

“นั่นไม่ได้หมายความว่าคนที่มีความเห็นอกเห็นใจจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดข้อพิสูจน์ของเย่ว์หยางนั้นไร้คู่แข่งและนี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกปฏิเสธยากเล็กน้อย

“คนที่มีความเห็นอกเห็นใจที่แท้จริงไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำเช่นข้า  ข้าแค่อยากจะทำให้ดี  เพียงแต่ข้ายังไม่ตระหนักถึงความเห็นใจที่แท้จริง  ความเห็นใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ใช่เพียงแต่ช่วยให้ผู้เคราะห์ร้ายตกยากได้อาหารข้ามาที่นี่ก็เพื่อแค่เป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นแต่เพียงว่าขอเพียงผู้ทรงอำนาจที่สุดจึงจะมองเห็นสถานะที่ต่ำต้อยอย่างแท้จริง พวกเขามองลงมายังโลกด้วยสิ่งที่เรียกว่าความกรุณา  เหล่ามหาเทพผู้ทรงอำนาจเหล่านั้นอยู่บนฟากฟ้ามองเห็นพวกเรายุ่งเหยิงเหมือนมดมองดูเราตั้งแต่เกิด เติบโต ต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ ชื่อเสียงและโชคชะตาที่ดี  มองดูพวกเราเจ็บจากการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจป่วยและตายไปในที่สุด.... ด้วยการมองดูสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ข้าจึงมองเห็นความจริงของโลกและชีวิตที่ต่ำต้อยเพียงแค่นี้ข้าจึงเข้าใจได้ว่าชีวิตนั้นน่าสมเพชอย่างแท้จริงถึงเพียงนี้!”

ทันทีที่เทวีเสรีภาพพูดจบเย่ว์หยางตกตะลึง

เขารู้สึกเหมือนว่าเขาตื่นรู้เป็นความรู้สึกที่เขาไม่สัมผัสเห็นมาก่อนเป็นความรู้ที่ผุดขึ้นมาจากใจส่วนลึกที่สุด

ก่อนหน้านั้นเขามักจะคิดอยู่เสมอว่าเทพเจ้าคืออะไร มนุษย์คืออะไร อะไรเป็นขีดจำกัดของพลัง และเป้าหมายในการก้าวหน้าสูงสุดของเขาคืออะไรหลังได้ฟังคำพูดสองสามคำในวันนี้ เขาจึงได้พบทิศทางที่ดีที่สุดจากตรงนั้นเอง

คนที่ทรงพลังอำนาจมากที่สุดเท่านั้นขอเพียงยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกสามารถเห็นความเป็นจริงของโลกได้เขาจึงจะตระหนักได้ถึงความอ่อนน้อมถ่อมตนแม้ในจุดที่เล็กที่สุดของโลก....ด้วยใจที่ไม่ธรรมดา

มองดูชีวิตนับไม่ถ้วน!

หากใครไม่เข้าใจสิ่งนี้อย่างนั้นก็หมายความว่าผู้นั้นยังแข็งแกร่งไม่พอ ถ้าผู้ใดเข้าใจได้ อย่างนั้นก็จะสามารถทะลุขีดจำกัดได้ไม่ใช่หรือ?  เขาเข้าใจแล้ว ในที่สุดเขาก็เข้าใจ มองอย่างผิวเผิน เย่ว์หยางไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร  แต่ในใจของเขามีการเปลี่ยนแปลงสะท้านโลก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด