ตอนที่แล้วตอนที่ 941 รายงานตัวรับภารกิจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 943 อวสาน

ตอนที่ 942 กำเนิดใหม่เพื่อรบ


กระบวนศึกสีทองและกระบวนศึกสีดำเผชิญหน้ากันเองเป็นภาพสีตัดกันอย่างชัดเจน

สมรภูมิขนาดใหญ่ตกอยู่ในความเงียบอย่างมิอาจอธิบายได้  มีแต่เพียงเสียงธงโบกสะบัดได้ยินชัดเจน

ประมุขผู้อาวุโสจ้องมองกองทัพขุนพลวิญญาณสีดำที่จู่ๆก็ปรากฏมาต่อหน้าเขาอย่างเหลือเชื่อ  ‘ขุนพลวิญญาณเหล่านี้มาจากไหนกัน? เพื่อจะสร้างกองทัพขุนพลวิญญาณของข้า ข้าต้องใช้ชีวิตคนตั้งมากมาย’

จำนวนของขุนพลวิญญาณฝ่ายศัตรูไม่ด้อยไปกว่าฝ่ายของเขาและสิ่งที่เขาไม่สามารถทนได้ก็คือขุนพลวิญญาณมีคุณภาพสูงมาก  และพวกเขาแข็งแกร่งมากกว่าขุนพลวิญญาณเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่เขาสร้างขึ้น

‘เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง...’

‘กองทัพกางเขนใต้?” ทันใดนั้นประมุขผู้อาวุโสจำชื่อนี้ได้  ครั้งหนึ่งเคยปรากฏรายงานเกี่ยวสวรรค์วิถี  ‘นั่นคือกองทัพโบราณ  และถูกทำลายไปในประวัติศาสตร์แล้ว ยังมีขุนพลวิญญาณมากมายคงอยู่อย่างนี้ได้ยังไง?  เป็นเวลาหมื่นปีมาแล้ว  ขุนพลวิญญาณตนหนึ่งสามารถทนต่อการกัดกร่อนได้สองสามร้อยปีก็นับว่าทรงพลังมากแล้ว  แต่หมื่นปี นั่นหมายความว่ายังไง? เป็นเวลานานมากจนแม้แต่ขุนพลวิญญาณก็ต้องการฆ่าตัวตาย’

เขาไม่เคยได้ยินว่าขุนพลวิญญาณจะสามารถอยู่รอดได้ถึงหมื่นปี

‘แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น  ยังมีมากกว่านั้น!’

ประมุขผู้อาวุโสรู้สึกว่าความรู้เรื่องขุนพลวิญญาณของเขาพังทลายโดยสิ้นเชิง

ทหารที่เป็นขุนพลวิญญาณล้วนแต่ห้าวหาญดุดันกันทุกคน  พวกเขาเปล่งพลังกระตือรือร้นต้องการรบ  กระบวนศึกของพวกเขาเข้มงวดมีวินัย และเขาสามารถเห็นได้ว่าแต่ละนายผ่านการรบมาเป็นพันศึกเนื่องจากพวกเขาเปล่งพลังของทหารผู้ผ่านศึกมาแล้ว

เมื่อทหารผ่านศึกเหล่านี้มารวมตัวกันรังสีฆ่าฟันที่โดดเด่นซึ่งพวกเขาปลดปล่อยออกมาสามารถข่มกองทัพขุนพลวิญญาณเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้

ถังเทียนเองก็ตกใจพอกัน เขารู้ว่ากระบี่อมตะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ภายในวังวนพายุหมุนกระบี่และรู้ว่าวิญญาณที่แตกกระจายกลับมีร่างที่เลือนราง  แต่เมื่อเขาเห็นพวกเขาเดินออกมาจากกระบี่อมตะอย่างเงียบงัน  พวกเขาแบกธงกองทัพกางเขนใต้ออกมาได้ยังไง  ใจของเขาเต็มไปด้วยความปลื้มปนเศร้า

เพราะเขารู้ว่าพวกเขาต้องผ่านเวลามานานถึงหมื่นปีในทุกร้อยปี  พวกเขาจะเป็นเหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟและแตกกระจายเป็นชิ้นๆ

ทะเลสุคติ พื้นที่ซึ่งมีความหมายว่าเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ซึ่งความหวังและความฝันของพวกเขาได้ตระหนักรับรู้และจะกลายเป็นสมรภูมิหมื่นปีไปจริงๆ

เมื่อไม่รู้ว่ากองทัพของเราเป็นหรือตายจะให้เราพักอย่างสงบได้ยังไง!

เมื่อเขาเห็นว่าขุนพลวิญญาณทั้งร่างและกระดูกต้องแตกกระจัดกระจายไปยังไงผ่านช่วงเวลามานานหมื่นปีของการต่อสู้ภายในที่มืดมิดที่สุดซึ่งไม่มีใครรู้จัก พวกเขาออกมาจากทะเลสุคติด้วยร่างกายที่สร้างตัวขึ้นใหม่ผ่านเวลามานานหมื่นปี คงเอาไว้ซึ่งความปรารถนาและความเชื่อมั่นที่ติดตัวนานนับหมื่นปี เมื่อเขาเห็นวิธีที่พวกเขายืนอยู่ใต้ธงกองทัพกางเขนใต้และตะโกนออกมาสุดเสียงอารมณ์ปั่นป่วนเกิดขึ้นในใจของถังเทียน

ตาของอาซิ่นเต็มไปด้วยน้ำตา  สหายของเขา รุ่นพี่ของเขาทุกคนยืนอยู่ต่อหน้าเขา ทุกคนพร้อมสู้เคียงข้างเขา

ในนามของกองทัพกางเขนใต้  เราจะสู้!”

‘เวลาถูกเราลืมไปแล้ว เราบรรลุผ่านความเป็นจริง  หมื่นปีต่อมา เราได้ร่วมรบกันในสนามรบอีก  เราทั้งหมดจะยืนเคียงข้างกันอีกครั้ง  คำสาบานที่เราสาบานในปีนั้นยังคงอยู่ในหัวใจของเราและธงศึกในปีนั้นก็ยังโบกสะบัดอยู่เหนือหัวเรา’

‘เฮ้, หมื่นปีผ่านไปแล้ว แต่เราก็ยังเป็นเรา!’

‘เฮ้, หมื่นปีผ่านไปแล้ว แต่กองทัพกางเขนใต้ก็ยังเป็นกองทัพกางเขนใต้!’

อาซิ่นปาดน้ำตาและเดินไปหยุดอยู่ข้างหน้าบุรุษร่างใหญ่ ทำความเคารพและพูดเสียงดัง  “พลเอกอาซิ่นแห่งกองทัพกางเขนใต้มารายงานตัวแล้ว”

ดวงตาของประมุขผู้อาวุโสหรี่อีกครั้ง  เขารู้ว่าเขาเข้าใจผิดไปอย่างแท้จริง  ‘พลเอกอาซิ่นก็คือพลเอกอาซิ่นที่กำจัดกองทัพตระกูลชิวได้!’ เขาไม่เคยคาดเลยว่าขุนพลวิญญาณที่ยืนงงอยู่นั้นจะเป็นอาซิ่น!

บุรุษร่างใหญ่ทำความเคารพตอบ และพูดขึ้น  “ท่านนายพลขอรับ, ตามกฎอัยการศึกท่านถือครองอำนาจสูงสุด  แต่ก่อนอื่น,ท่านนายพลขอรับ, บอกเราหน่อยได้ไหม กองทัพยังคงอยู่หรือไม่?”

ในรูปกระบวนศึกที่เข้มงวดเป็นครั้งที่มองเห็นความปั่นป่วน ดวงตาของทหารทุกคนมองดูอาซิ่น

“กองทัพไม่มีอยู่อีกแล้ว”  อาซิ่นพูดอย่างสงบ

ดวงตาของทหารแต่ละคนหม่นหมองลงและเสียงสะอื้นที่สามารถได้ยินได้ดังขึ้นมาจากกระบวนศึก  ร่างของพวกเขาหลายร่างเริ่มหมองลงเล็กน้อย  ตอนแรกพวกเขาทุกคนวิญญาณแตกกระจาย  และไม่เคยหายไปเพราะความเชื่อมั่นอยู่ในหัวใจพวกเขา พวกเขาดิ้นรนอดทนอย่างขมขื่นและไม่เคยถูกเวลาทำลายไป  แต่หลังจากได้ยินว่ากองทัพไม่มีอยู่อีกต่อไปพวกเขารู้สึกว่าการติดตามของพวกเขาไม่มีความหมายอีกต่อไปเมื่อสูญเสียความเชื่อมั่นสนับสนุน ร่างของพวกเขาเริ่มหลอมละลายเหมือนกับน้ำแข็ง  และพวกเขาเริ่มหายไป

บุรุษร่างใหญ่ข้างหน้าน้ำตาร่วง  จากนั้นร้องไห้  “เรามาช้า ในที่สุด เราก็ยังช้า.. ใช่แล้ว มันเป็นเวลาหมื่นปีแล้ว...”

หัวใจของอาซิ่นกระตุกด้วยความเจ็บปวดราวกับว่าถูกมีดแทง เมื่อได้ยินการตำหนิตัวเองและความเศร้าความผิดหวัง  ฉากภาพที่พวกเขาเป็นเหมือนแมงเม่าเข้ากองไฟผุดขึ้นมาในเขา  ภายในทะเลสุคติได้ยินคำพูดเหล่านี้ไม่มีหมดสิ้น “เมื่อไม่รู้ว่าทหารของเราเป็นหรือตาย เราจะพักอย่างสงบได้ยังไง!”

เขาสูดหายใจลึก จากนั้นใช้พลังทั้งหมดคำรามลั่น  “แต่เราอยู่ที่นี่!”

พวกทหารเงยหน้าขึ้นและมองดูขุนพลวิญญาณที่ดูเหมือนอ่อนแอด้วยตาเลือนราง

“เราอยู่ที่นี่  กองทัพของเราก็อยู่ที่นี่

อาซิ่นเน้นทุกคำ ทำให้ทุกคำก้องกังวานกระทุ้งใจพวกทหาร  พวกเขาเช็ดน้ำตาเงยหน้าขึ้นและตบอก

ตาของอาซิ่นกวาดผ่านทุกคนช้าๆและถามเสียงดัง  “เวลาหมื่นปียังจะทำลายเราได้หรือ?  ทำไม, เพราะอะไร”

เมื่อพบกับสายตาของทุกคนได้พบกับแสงทองเสียดตา  ทันใดนั้นอาซิ่นคิดถึงลั่วซือผู้กรีดร้องอยู่ในโลงศพมาเป็นเวลาหมื่นปี  และคิดถึงเด็กหนุ่มผู้นำความรุ่งเรืองของกองทัพจักรกลมรดกของกองทัพกลับคืนมา และคิดถึงทุกคนที่มีชีวิตอยู่ในทะเลสุคติทุกวันคืน

เป็นครั้งแรกที่สีหน้าไม่จริงจังของเขามีความหยิ่งและท่าทีที่ผยอง  เขาชี้ทุกคน จากนั้นชี้อกของเขาเองและเน้นคำพูดทุกคำให้ทุกคนฟัง

“ตราบใดที่วิญญาณของเรายังคงอยู่  กองทัพกางเขนใต้จะไม่ตาย!”

ปัง!

ขุนพลวิญญาณทุกคนรู้สึกสะท้านใจ คำพูดเหล่านั้นดูเหมือนจะมีผลต่อสมองของพวกเขาโดยตรง  และความรู้สึกสูญเสียและอารมณ์ผิดหวังในตอนแรกหายไปและสติของพวกเขาแจ่มชัดทันที  ‘ใช่แล้ว! ท่านนายพลพูดถูก! เรามาเสริมกำลังให้กองทัพช้า และแม้ว่ากองทัพเราจะหายไปแล้ว  แต่เรายังคงอยู่  และความรับผิดชอบต่อความรุ่งเรืองของกองทัพเราได้ตกมาถึงเราแล้ว!’

‘เรามีภาระผูกมัด!’

‘คนอื่นยังไงก็ช่าง,  แต่เรามี!’

ทหารผู้หยิ่งภูมิใจทุกคนที่เริ่มอยู่ในสภาพหม่นหมองและมีร่างเลือนราง หน้าของพวกเขาเปล่งประกายที่ไม่เหมือนใครทันที

ความตั้งใจสู้รบของพวกเขาพุ่งทะยานขึ้นท้องฟ้า และกลายเป็นรูปมังกรกระแทกใส่ผนังเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในท้องฟ้า

ปัง ปัง  ปัง!

ผนังเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในท้องฟ้าสั่นสะเทือน  และเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์เริ่มร่วงลง

ตาของอาซิ่นเป็นประกายมุ่งมั่น  เขามองดูทหารผู้ถือกำเนิดใหม่  หัวใจของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์แบบเดียวกัน  และความต้องการสู้กระจายออกจากตัวของเขา  เมื่อเขาตะโกนคำพูดออกมา  หัวใจที่มืดมิดของเขาพลันกระจ่าง  “ใช่แล้ว, แล้วมันจะเป็นยังไงเล่า,  ต่อให้กองทัพไม่อยู่อีกต่อไป แต่เรายังอยู่ที่นี่!’

‘เมื่อพวกเขาอยู่ที่นี่ กองทัพก็อยู่ที่นี่,  ที่นี่แหละ!’

อาซิ่นเปล่งรัศมีเยือกเย็นจากทั่วร่าง  ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเขากลายเป็นกระบี่ที่ชักออกจากฝัก  และเป็นกระบี่ที่คมกริบที่สุดไม่มีใครสามารถต่อต้านเขา  เขามองดูกระบวนรบสีทองข้างหน้าเขา  และมุมปากของเขายิ้มเหยียดหยาม  ‘พวกเจ้าทุกคนก็แค่ชิ้นเปลือกหอยที่เอามาต่อเข้าด้วยกัน,  มาเลย,เราจะให้พวกเจ้าได้เห็นว่ากองทัพที่แท้จริงเป็นเช่นไร!’

เขาชูมือทั้งสองและตะโกน

“กองทัพกางเขนใต้,  หน้า...เดิน!”

พรึ่บ พรั่บ......

คลื่นสีดำเคลื่อนขบวนไปข้างหน้าช้าๆ  พวกเขาเคลื่อนไหวในระดับที่ยังช้า  แต่พวกเขาเปล่งประกายที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้เพียงพอจะย่ำยีพวกที่กล้ายืนต่อต้านพวกเขา

ประมุขผู้อาวุโสเห็นกระบวนการทั้งหมดด้วยตัวเอง และมีสองสามครั้งที่เขาต้องการจะขัดขวางพวกเขา  แต่แล้วก็ไม่สามารถทำได้  ‘ความโหยหากองทัพของพวกเขาและความกลมเกลียวของพวกเขาน่าตกใจอย่างแท้จริง’ เขารู้สึกอิจฉา ‘ข้าจะสร้างบริวารที่ภักดีอย่างนั้นได้ยังไง?’

เขารีบทิ้งความคิดนั้นออกไปจากหัว   เพราะไม่ใช่เรื่องสำคัญในขณะนั้น  ‘มีแต่ผู้ชนะสงครามครั้งนี้เท่านั้นจึงจะมีอนาคต’

หลังจากพบกับเรื่องตกใจในตอนแรก  เขารีบสงบใจทันที การปรากฏตัวกะทันหันของกองทัพขุนพลวิญญาณทำให้เขาเสียกระบวน  แต่เขาก็ยังมีความมั่นใจ  พวกเขาอยู่ในทวีปเซียน  สถานที่มีเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไม่จำกัด  และเป็นสนามรบใหญ่ที่ซึ่งเขาวางกำลังไว้อย่างรอบคอบ

‘เจ้าพวกนั้นต้องการจะเอาชนะข้าที่นี่  คิดฝันเอาเองชัดๆ’

เขายิ้มอย่างมั่นใจ จากพูดอย่างเฉื่อยชา  “โซเฟีย ข้าจะปล่อยกองทัพนี้ให้เจ้า”

โซเฟียคำนับเขา จากนั้นหันไปนำกองทัพขุนพลวิญญาณเพลิงศักดิ์สิทธิ์  ควั่บ.. คลื่นสีทองเคลื่อนพลขึ้นหน้าเช่นกัน

ประมุขผู้อาวุโสแสดงสีหน้าพอใจ  แม้ว่าลักษณะของศัตรูจะแข็งแกร่ง  แต่โซเฟียไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย  และขุนพลวิญญาณของเขาเองก็ไม่รู้จักความกลัว  ดังนั้นจึงไม่มีแววหวาดกลัวในสีหน้า

‘ไม่สำคัญว่าพวกเขายังขาดประสบการณ์  เราก็แค่ต้องให้พวกเขาฝึกฝนเพิ่มขึ้น  ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บ  มีเพลิงศักดิ์สิทธิ์สำรองอีกมากมายเอาไว้ให้พวกเขาที่นี่  ไม่สำคัญหรอกว่าพวกเขาจะตาย  หลังจากกรองพวกเขาออกมาพวกที่เหลือก็คือพวกเขาชั้นยอด  เรามีทหารชั้นเลวอีกมาก’

‘นอกจากนี้ ที่นี่คือสมรมภูมิของข้าเอง พวกเขาคิดว่าการต่อสู้ที่นี่เป็นเรื่องง่ายหรือ?’

ตาของประมุขผู้อาวุโสเป็นประกายเยือกเย็น  เขาขยับนิ้วที่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว และเหมือนกับว่านิ้วของเขาเชื่อมโยงกับม่านเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในอากาศด้วยด้ายที่มองไม่เห็น  เพลิงศักดิ์สิทธิ์เริ่มเทลงมาเหมือนฝน

เพลิงศักดิ์สิทธิ์ร่วงลงบนกองพลขุนพลวิญญาณเพลิงศักดิ์สิทธิ์  ทำให้รัศมีของพวกเขาขยายกระจายออก และเมื่อเพลิงศักดิ์สิทธิ์ตกใส่กองทัพกางเขนใต้กลับลดรังสีฆ่าฟันของพวกเขาได้ทันที  ด้วยการสะดุดเพลิงศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาซบเซาลงเล็กน้อยและถูกขัดขวางอย่างเลือนราง

ตู้เค่อก้าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้มทันที วิชาของประมุขผู้อาวุโสอาจจะดูทรงพลังในสายตาผู้อื่น  แต่สำหรับตู้เค่อเป็นแค่การเคลื่อนไหวง่ายๆ

เขาลอยตัวเข้าหาอาซิ่น  จากนั้นวาดวงกลมด้วยฝ่ามือในอากาศ

ความผันผวนแพร่กระจายออกไปเหนือกองทัพ  และม่านพลังเลือนรางปรากฏขึ้น  เมื่อเพลิงศักดิ์สิทธิ์กระทบกับม่านพลังนี้จะถูกทำลายและแตกกระจายไปอย่างรวดเร็ว เพลิงศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนเป็นพลังงานกลวงเข้าไปเสริมพลังให้อาซิ่นและทหารของเขา  นี่เป็นสิ่งที่เขาเรียนรู้จากวังวนพายุกระบี่ของถังเทียน  เป็นเพราะการควบคุมกฎธรรมชาติของเขาโดดเด่นมากกว่า  และแม้ว่าวิชาของเขาจะไม่ดูทรงพลังเมื่อเทียบกับวังวนพายุกระบี่แต่ก็สามารถเติมพลังให้กับทหารได้

ประมุขผู้อาวุโสมองดูตู้เค่อ  แต่ไม่รู้สึกแปลกใจ  แม้ว่าเขากับตู้เค่อจะสู้รบกันมาชั่วครู่ก็ตามแต่ทั้งสองฉลาดเฉลียวทันกัน  แต่ตู้เค่อสามารถใช้วิธีเฉพาะอย่างแปลงพลังงานเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็ยังทำให้เขาตาเป็นประกาย

แต่สำหรับเขา การควบคุมเพลิงศักดิ์สิทธิ์ต้องใช้สมาธิหรือพลังไม่ถึงเกือบทั้งหมด แต่ตู้เค่อจะทนได้นานเพียงไหน?

‘การใช้งานของเจ้าอาจแสดงให้เห็นว่าเจ้าได้ค้นคว้าศึกษาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของข้ามา แต่เจ้าคิดหรือว่าข้าจะมีวิธีการใช้อยู่เพียงเท่านี้?’

ประมุขผู้อาวุโสแค่นเสียง

ด้านล่างกระแสสีทองและกระแสสีดำปะทะกันอย่างหนักหน่วง

การสู้รบปะทุขึ้นถึงระดับสุดยอดในทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด