ตอนที่แล้วตอนที่ 923 กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 925 ความลับของเพลิงศักดิ์สิทธิ์

ตอนที่ 924 ขุนพลวิญญาณกำเนิดใหม่


กระเปาะดักแด้สุดท้ายเปิดออกและขุนพลวิญญาณร่างสูงใหญ่เดินออกมา

เขาเดินเข้ามาหาประมุขผู้อาวุโสและคำนับพลางเอ่ยปาก“ประมุขผู้อาวุโส!”

ประมุขผู้อาวุโสพยักหน้าพอใจเขามองดูขุนพลวิญญาณทั้งสิบสองต่อหน้าเขาด้วยความรู้สึกยินดี  สถานการณ์ดีขึ้นกว่าที่เขาคาดไว้มาก อัศวินพิเศษกวงหมิงมีพลังส่วนตัวแข็งแกร่งกันทุกคนและฝึกฝนอยู่ในเพลิงศักดิ์สิทธิ์มาอย่างลึกซึ้งกว่าใครๆ และจำนวนผู้ประสบความสำเร็จจึงสูงกว่าที่เขาคาดไว้

“นับแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าจะเป็นสิบสองเซียนอัศวินกวงหมิงของวิหาร!”

ประมุขผู้อาวุโสเต็มไปด้วยความพอใจกับความสำเร็จของเขาและรู้สึกมีชีวิตชีวา แม้ว่าสิบสองขุนพลวิญญาณไม่นับว่ามาก แต่ทั้งหมดก็ดูเหมือนมีสติปัญญา และแต่ละคนสามารถรับผิดชอบได้  ในชีวิตชาติก่อน พวกเขาเป็นอัศวินฝีมือดีซึ่งอัศวินทุกคนได้รับเลือกกลั่นกรองมาเป็นชั้นๆ ทั้งหมดเต็มไปด้วยพรสวรรค์ และไม่เพียงแต่ความความแข็งแรงหรือกลยุทธของพวกเขาพวกเขาเก่งเหนือสหายของเขา หลังจากเปลี่ยนเป็นขุนพลวิญญาณศักยภาพของพวกเขาถูกสงวนไว้ทั้งหมดพลังของเขาพวกเขายังเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า

พวกเขากลายเป็นแกนนำของวิหารรุ่นใหม่และกลายเป็นผู้รับใช้และบริวารที่ภักดีต่อประมุขผู้อาวุโสมากที่สุด

“แสงสว่างจะมีชัย!”

ขุนพลวิญญาณทั้งสิบสองคำนับและโห่ร้อง

“ข้าเตรียมอาหารโอชะที่สุดไว้ให้พวกเจ้าทุกคนแล้วมากพอจะให้พวกเจ้าทั้งหมดได้สำราญกับงานเลี้ยง” เสียงของประมุขผู้อาวุโสดังออกมาจากเพลิงศักดิ์สิทธิ์และพูดเหมือนกับว่ากำลังพูดคุยเรื่องธรรมดา

โซเฟียที่อยู่ด้านข้างรู้สึกหนาวเย็นขึ้นเล็กน้อยนางตระหนักได้ถึงความไม่ชอบมาพากลตั้งแต่ขุนพลวิญญาณคนแรกปรากฏออกมาจากดักแด้  ขุนพลวิญญาณทุกร่างทำเหมือนกับจำนางไม่ได้และไม่เคยมองดูนาง เป็นเรื่องผิดปกติ ทุกคนเป็นนางคัดเลือกและตัดสินให้เข้ามาและความรู้สึกและความสัมพันธ์ของพวกเขาที่มีต่อนางมีในระดับลึกซึ้ง  แต่หลังจากเปลี่ยนเป็นขุนพลวิญญาณ  พวกเขาทำเหมือนกับว่าเห็นนางเป็นอากาศ

อารมณ์ความรู้สึกของนางตกต่ำ  นางยังคงเงียบไม่พูดอะไรสักคำ

“ตั้งแต่วันนี้ไป พวกเจ้าทุกคนคือเทพ,เทพแห่งวิหาร  พวกเจ้าทั้งหมดต้องจำเอาไว้  มีเพียงเหตุผลเดียวที่ทำให้พวกเจ้าคงอยู่  และนั่นก็คือการเชื่อฟังคำสั่งข้า จงทิ้งอารมณ์ที่ไร้ความหมายในอดีตของพวกเจ้าออกไป  ความสงสาร ความเมตตาไร้สาระทั้งนั้น  พวกเจ้าทุกคนต้องจำไว้ มีแต่แสงที่เป็นนิรันดรและนอกจากแสงแล้ว คนอื่นคือศัตรู!  เจตจำนงของแสงไม่สามารถฝ่าฝืนได้ ความลังเลหรือความไม่บริสุทธิ์ทั้งหมดเป็นการหมิ่นประมาท  เราต้องสร้างวิหารขึ้นมาใหม่  นำพวกเราทุกคนไปสู่โลกแสงแห่งใหม่  และไม่มีใครอื่นสามารถหยุดเราได้!  เราจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป!”

ทุกคำของประมุขผู้อาวุโสเต็มไปด้วยความน่ากลัว  และต่อหน้าเขาขุนพลวิญญาณทั้งสิบสองก้มหน้าขณะที่พวกเขาฟัง

ร่างของโซเฟียสั่นสะท้านเบาๆ  เพราะเหตุผลบางอย่าง ฉากภาพต่อหน้านางทำให้นางรู้สึกกลัว

ประมุขผู้อาวุโสพูดอีกครั้ง  “ไป ไปเพลิดเพลินกับงานฉลองแห่งแสงจงสนุกกับกระบวนการเปลี่ยนเป็นเทพเจ้า อีกสองสามวันจะเป็นวันที่พวกเจ้าจะไม่มีวันลืมตลอดชีวิต โอวข้าต้องขออภัย  เรื่องอายุขัยปรับใช้กับพวกเจ้าทั้งหมดต่อไปไม่ได้แล้ว”

ขุนพลวิญญาณทั้งสิบสองคำนับและเดินเป็นแถวออกไปด้วยความเคารพ

“พวกเขาจำข้าไม่ได้”  โซเฟียพูดขึ้นทันที

ประมุขผู้อาวุโสตอบ “พวกเขาต้องการจำแต่ในสิ่งที่พวกเขาต้องการจำ  พวกเขาจะจำเจ้าได้ในอนาคต”

โซเฟียไม่พูดอะไรอีกต่อไป  นางไม่รู้ว่าจะพูดอะไร  ได้แต่รู้สึกหนาวสะท้าน  ไม่ใช่ความรู้สึกน่ากลัว  แค่หนาวเล็กน้อย  ชาร์ลส์ตายแล้ว มีเพียงอัศวินกวงหมิงสิบสองนายที่ยังเหลืออยู่  พวกเขาเปลี่ยนไปเป็นขุนพลวิญญาณและปฏิบัติต่อนางแปลกๆ  ‘ทำไมรู้สึกหนาวนัก?  ข้าก็เป็นขุนพลวิญญาณเช่นกัน,บางทีเรื่องหลายอย่างเหล่านั้นเป็นเรื่องที่ข้าไม่ควรจะรู้สึกแย่  หรือนั่นคือเหตุผลที่ข้าต้องประสบชะตากรรมสูญเสียพวกเขาไป?’

“เจ้าไม่จำเป็นต้องยืนคุ้มกันที่นี่แล้ว”  ประมุขผู้อาวุโสมองออกมาจากในเปลวไฟ  และรู้สึกว่าโซเฟียมีบางอย่างผิดปกติ  เขาคิดอยู่ชั่วขณะ จากนั้นพูดอย่างเป็นกันเอง  “เจ้าอย่ากังวลไปเลย  พวกเขาเพิ่งเปลี่ยนเป็นขุนพลวิญญาณพื้นฐานของพวกเขายังอ่อนแอ เจ้ายังจะสั่งการพวกเขาได้ชั่วคราว เจ้าต้องใช้เวลามากสักหน่อย อย่าปล่อยให้พวกเขาไล่ตามเจ้าทันล่ะ พวกเขาเป็นบริวารของเจ้า  ถ้าพวกเขาแซงจนอยู่เหนือเจ้า  เจ้าอย่าร้องไห้ก็แล้วกัน”

ประมุขผู้อาวุโสไม่ลืมหยอกนางและแสดงให้เห็นว่าเขาพอใจเพียงไหน

“ค่ะ” โซเฟียตอบ  จากนั้นเดินออกไป

วิหารซึ่งเคยวุ่นวายเต็มไปด้วยความกระฉับกระเฉงกลายเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่าและดูน่าเบื่อ  นางหยุดมองวิหารที่ว่างเปล่า  และระบายลมหายใจ  นางไม่เข้าใจ ‘ถ้าไม่มีใครเหลืออยู่ การสร้างวิหารใหม่จะมีประโยชน์อะไร?  เราไม่สามารถมองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยเหล่านั้น’  อารมณ์ของนางตกต่ำหดหู่  นางรีบสาวเท้าเดินในขณะนั้นนางไม่ต้องการจะอยู่อีกต่อไป

‘บางทีวิหารจะถูกสร้างใหม่  เหมือนกับที่ประมุขผู้อาวุโสพูด   อาจเป็นวิหารใหม่ วิหารที่ไม่เกี่ยวข้องกับข้า’

‘ถ้าเพียงแต่ข้าไปจากโลกพร้อมกับชาร์ลส์’  โซเฟียคิดเงียบๆ เมื่อสหายที่นางต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่มาหลายปีเดินออกมาจากดักแด้ด้วยสายตาที่ไม่คุ้นเคย ทำให้นางตระหนักได้ว่า นางสูญเสียสิ่งมีค่าออกไปอีกอย่างหนึ่ง

‘ชาร์ลส์ตายแล้ว  อัศวินพิเศษกวงหมิงก็หายไปแล้ว  พวกเขาจดจำตัวเองไม่ได้อีกต่อไป  และพวกเขาคงอยู่ด้วยเป้าหมายเดียว’

โซเฟียหัวเราะเยาะเงียบๆ  ‘ช่างคิดเหลวไหลจริงทั้งหมดที่เกี่ยวกับชีวิตในโลกนี้ มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับขุนพลวิญญาณเล่าต้องพูดแบบนั้น’

นางเดินออกจากวิหาร  ถนนที่เคยคึกคักพลุกพล่านว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง  ‘ตัง  ตัง  ตัง’ เสียงระฆังไพเราะดังมาจากส่วนลึกในวิหาร  เป็นเสียงที่เตือนบอกชั่วโมงตราบเท่าที่ระฆังดัง ทุกคนบนถนนจะเงยหน้า แสดงสีหน้าเลื่อมใสศรัทธาขณะที่พวกเขากล่าวคำอธิษฐาน

‘แต่...ไม่มีอะไรเหลืออยู่บัดนี้ มีแต่เพลิงศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น’

เพลิงศักดิ์สิทธิ์ในท้องฟ้าคล้ายกับหิมะหรือดอกแดนดิไลออนที่ลอยเป็นปุยในท้องฟ้า  เป็นฉากที่ค่อนข้างงดงาม

นางจ้องมองฟ้าอย่างว่างเปล่า  รู้สึกระอากับตัวเอง

*****************

เรือรบและเรือสินค้าเต็มอยู่ในพื้นที่ทะเลพลังงานด้านนอกทวีปเซียน  ทุกคนกลายเป็นกังวล  พวกเขาได้ยินเรื่องการต่อสู้ภายในระหว่างวิหารกับตระกูลต่างๆ แต่พวกเขาไม่เคยคาดเลยว่าทวีปเซียนจะถูกผนึก เพลิงทองศักดิ์สิทธิ์เป็นเหมือนสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวซึ่งยึดครองอ่าวพลังงานไว้

ในตอนแรกมีเรือรบสองสามลำที่มีพลังป้องกันที่โดดเด่น พยายามจะฝ่าเข้าไปในทวีปเซียน  แต่หลังจากเรือรบเกินกว่าสิบลำกลายเป็นจุลก็ไม่มีลำใดกล้าฝ่าเข้าไปอีก  ลำอื่นๆสองสามลำกำลังรอและใคร่ครวญว่าจะมีคนออกมาจากทวีปเซียนเพื่อเจรจาต่อรอง  ไม่ว่าใครจะได้เปรียบก็ย่อมมีผู้ยินดีเจรจาต่อรอง และหลังจากรอคอยมาหลายวัน ไม่มีใครปรากฏตัว

ทุกคนกลับกลายเป็นกังวลมากขึ้น  ครอบครัวของพวกเขาอยู่ในทวีปเซียนและพวกเขาไม่รู้ว่าสถานการณ์ภายในเป็นเช่นไร หรือว่าครอบครัวของพวกเขาอยู่รอดปลอดภัยหรือไม่

มีบางคนถึงกับใจร้อน  พวกเขาร่วมกับเรือรบที่มีพลังป้องกันอย่างดีคิดตะลุยเข้าทวีปเซียน เรือรบนี้ทนทานมากกว่าเรือรบลำอื่นๆ แต่ผลก็คือมอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน และไม่มีผู้ใดรอดชีวิต

หลังจากนั้นไม่มีใครกล้าคิดเข้าไปในทวีปเซียนอีก

ปากอ่าวทวีปเซียนทั้งหมดถูกล้อมหนาแน่นจนแทบว่าน้ำไม่อาจไหลผ่านไปได้

เมื่อตู้เค่อเดินทางมาถึง  เขาจึงได้เห็นประจักษ์กับฉากภาพเช่นนั้น

การสู้รบในทวีปรกร้างจบลงแล้วและไม่มีใครอื่นในทวีปกวงหมิงคิดจะเดินทางไปทวีปรกร้างอีก ตู้เค่อเมื่อว่างจากการสู้รบก็มีความคิดจะออกไปทวีปเซียนเพื่อสนับสนุนถังเทียน  ความรู้และสติปัญญาของตู้เค่อเหนือกว่าหลายคน  เขาเป็นคนมากไหวพริบและเมื่อระฆังศักดิ์สิทธิ์ถูกลั่น เขาคาดว่าถังเทียนคงเคลื่อนไหวตรงเข้าทวีปเซียน  ตู้เค่อก็สนใจทวีปเซียน  วิหารเป็นศัตรูที่สำคัญของพวกเขา  และทวีปเซียนเป็นฐานทัพใหญ่ของวิหาร ดังนั้นเขาต้องการเพิ่มพูนความรู้โดยการเดินทางไปที่นั่น

ตู้เค่อเดินทางใช้เวลาหลายวัน

ความแข็งแกร่งเฉพาะตัวของเขาไม่มีใครเทียบได้เนื่องจากเขาเป็นนักสู้เพียงคนเดียวของแดนบาปที่รู้แจ้งถึงระดับสนามพลังกฎธรรมชาติ  และเขามีความสามารถและความมั่นใจเพียงพอ

ในทั่วทั้งดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์  จำนวนคนที่สามารถคุกคามเขาได้มีน้อยมาก

เขารีบไปทวีปเซียนด้วยความกระตือรือร้นอย่างสูง  แต่ก็ต้องตกใจกับฉากภาพข้างหน้าเมื่อเขาไปถึง กลุ่มเรือรบและเรือสินค้ามากมายรวมกลุ่มอยู่ที่ทะเลพลังงาน แต่เมื่อเขาสังเกตเห็นเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่อ่าวพลังงาน  หัวใจที่ตื่นเต้นของเขาสงบลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรือรบสองสามลำถูกเผาเป็นจุล  สีหน้าของเขายิ่งเคร่งเครียดมากกว่าเดิม

ตู้เค่อเป็นคนที่มีความรู้ และแม้ว่าจะเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเพลิงทองศักดิ์สิทธิ์  แต่เขารู้ว่านี่เป็นสิ่งที่พิเศษ

เขาคิดถึงปัญหาอื่นอย่างรวดเร็ว  ‘ถังเทียนและพวกที่อยู่ข้างในจะทำยังไง?’

เมื่อคิดเรื่องนั้นได้เขาตัดสินใจตรวจสอบทันทีและเข้าไปใกล้ข้างล่าง ในใจของตู้เค่อเขารู้สึกว่าแดนบาปได้รับพระคุณยิ่งใหญ่จากถังเทียน  และถ้าไม่มีถังเทียน พวกเขาจะไม่มีวันออกมาจากแดนบาปได้  ตู้เค่อเป็นคนเปิดเผยซื่อสัตย์  เขานึกถึงบุญคุณของถังเทียน  และต้องการจะตอบแทนบุญคุณ การตัดสินใจของเขาเป็นเพราะมีถังเทียนเกี่ยวข้องด้วย

หลังจากนั้นสิ่งที่ทำให้ตู้เค่อจนใจก็คือไม่เพียงแต่พวกเขาไม่สามารถช่วยถังเทียนได้เท่านั้น แต่พวกเขายังคงอยู่ภายใต้การดูแลของถังเทียนต่อเนื่อง และบุญคุณมีแต่จะเพิ่มพูนมากขึ้น

หลังจากนั้นตู้เค่อรู้สึกมึนงงและทิ้งปัญหาอื่นออกไป และไม่คิดเรื่องจะตอบแทนบุญคุณถังเทียนอย่างไรอีกต่อไป

แต่ภาพที่อยู่ต่อหน้าเขาทำให้เขาตระหนักได้ว่าถังเทียนอาจจะตกอยู่ในอันตรายก็ได้  และเขาไม่สามารถนั่งเฉยอยู่ได้  เพื่อนักสู้ที่มีพลังพอๆ กับเขา  เขาจะไม่มีวันกลับคำพูด  ในทันใดนั้น ตู้เค่อตัดสินใจว่าไม่ว่าต้องทุ่มเทเพียงใด เขาต้องทำให้ถังเทียนปลอดภัย แม้ว่าเขาต้องสละชีวิตก็ตามเขาจะไม่ลังเล

แต่ตู้เค่อไม่วู่วาม  เขาไม่หุนหันพลันแล่น  เขามาถึงด้านหน้าอ่าวพลังงาน และลอบสังเกตและวิเคราะห์เพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ประหลาดและน่ากลัว

ในที่สุดตู้เค่อก็เป็นนักสู้ที่ทรงพลังอย่างแน่นอนเขาได้รับการรู้แจ้งสนามพลังกฎธรรมชาติและด้วยความเข้าใจกฎธรรมชาติหรือความเข้าใจโลก เขามีมากเมื่อเทียบกับคนธรรมดา เขาเอาเพลิงศักดิ์สิทธิ์เล็กน้อยและศึกษาอย่างตั้งใจ  ในเวลาอันรวดเร็วเขาก็ได้รับผล  เป็นครั้งแรกของเขาที่ได้พบเพลิงเช่นนั้น  และเขาก็เข้าใจวิถีของมัน

เขาชื่นชมคนสร้างเพลิงศักดิ์สิทธิ์ถึงกับขั้นยอมคารวะต่อหน้าผู้สร้างได้ เพลิงทองศักดิ์สิทธิ์มีลักษณะแปลกประหลาดไม่ซ้ำกัน  และภายใต้สถานการณ์แน่นอน  เพลิงศักดิ์สิทธิ์สามารถเปลี่ยนรูปได้  ตัวอย่างเช่น มันสามารถกดขี่หรือรุนแรง  และบางคราวก็อ่อนโยนและสามารถเยียวยาบาดแผลได้  แต่มีหลายครั้งมันเผยให้เห็นด้านที่อบอุ่น

แต่สิ่งที่ทำให้ตู้เค่อประหลาดใจก็คือมันไม่ใช่พลังงานหรือกฎธรรมชาติ

เป็นผลผลิตมาจากระหว่างพลังงานกับกฎธรรมชาติอาจเปลี่ยนไปเป็นลักษณะใดก็ได้ ในเวลาเดียวกันก็มีความแตกต่างไปทั้งสองอย่าง

‘เป็นสิ่งที่ไม่เหมือนอะไร!’

ตู้เค่อตาเป็นประกาย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด