ตอนที่แล้วบทที่ 28: เอาเงิน 200,000 มาวางก็ซื้อไม่ได้! กลมกลืนกับสิ่งแวดล้อม +3
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 30: ผู้หญิงหลงตัวเอง!

บทที่ 29: ราคาจิ๊บ ๆ เอง! จริง ๆ นะ!


“เอาปลาพวกนี้ไปเทลงบ่อปะ!” ฉินหลินสั่งเฉินต้าเป่ยที่เดินนำลูกทีมมา

เดิมทีบ้านไร่ก่อนหน้าเองก็มีโครงการตกปลาโดยให้นักท่องเที่ยวเช่าเบ็ดตกปลาได้  เมื่อตกได้แล้วหากอยากจะกินให้เอาปลามาชั่งกิโลก่อน  แล้วนักท่องเที่ยวคนนั้นถึงจะสามารถทำปลากินเองได้  ซึ่งจะมีอุปกรณ์สำหรับนึ่งกับย่างให้

เป็นเรื่องบันเทิงสำหรับคนที่มาบ้านไร่เพื่อหาอะไรน่าตื่นเต้นทำ

ทว่าตอนที่ฉินหลินได้บ้านไร่นี้มาปลาในบ่อก็เป็นศูนย์ไปแล้ว  เขาเลยต้องหาปลามาเติมเอง  ซึ่งน่าจะต้องเอามาเติมอีกซักสองสามรอบ  และเขาก็กะจะเอาปลาป่าเหล่านี้มาเป็นอีกหนึ่งจุดขายด้วยเหมือนกัน

นอกจากการตกปลาเอาเองแล้วนักท่องเที่ยวยังสามารถไปหาซื้อปลาได้โดยตรงที่ห้องโถง  จากนั้นถ้าจะทำเองก็จะมีโซนที่จัดแยกไว้ให้แล้ว

ที่มีการวางขายให้คนไปซื้อเอานั้นก็เพราะว่าเผื่อพวกที่มาเล่นแล้วเช่าเบ็ดเพราะอยากจะสัมผัสกับประสบการณ์เย่อปลา  แต่ว่าตกไม่เป็น  หรือตกเป็นแต่ดวงไม่ดีวันนี้ไม่ได้ซักตัวอย่างน้อย ๆ ก็สามารถซื้อกินเพื่อระบายอารมณ์ได้อยู่

เฉินต้าเป่ยขึ้นหลังกระบะทันทีโดยไม่ปริปากพูดแล้วสั่งให้ลูกทีมทั้งสองขึ้นมาช่วยยกด้วย

“โอ้โห~  ปลาไรเนี่ยตัวบักเอ้กเล้ย!” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอุทานเพราะเห็นเจ้าตัวไซส์บิ๊กในระยะประชิด

“น่าจะสามสิบจินได้มั้งหนิ  แถมไม่ใช่ตัวเดียวด้วย!” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกคนก็ตาโตไปกับเขาด้วย

อาจารย์หลินในคอสตูมพ่อครัวได้ยินก็ถูกดึงความสนใจจนต้องเดินมาดูด้วย “โห  นี่ปลาป่าเหรอครับเถ้าแก่!”

“ตาแหลมสมกับเป็นอาจารย์หลิน” ฉินหลินพูดด้วยรอยยิ้ม

“สุดยอด!  สุดยอดเกินไปแล้ว!” อาจารย์หลินรู้จักเจ้าปลาพวกนี้ดีเลยอดอุทานออกมาไม่ไหว

“ปลาป่าเยอะขนาดนี้แถมแต่ละตัวยังไม่ใช่เล็ก ๆ โดยเฉพาะเจ้าพวกตัวใหญ่นี่  ผมว่าตัวนึงไม่ต่ำกว่าสองพันเลยมั้ง  แถมเป็นพวกที่ต่อให้มีเงินพร้อมก็ยังหาซื้อไม่ได้ด้วย!  เถ้าแก่หมดเงินกับพวกมันไปเท่าไหร่เนี่ย!”

“ราคาจิ๊บ ๆ เองหน่า!” ฉินหลินพูดด้วยรอยยิ้ม

‘ก็ราคาจิ๊บ ๆ ไง  ใช่มะ?  ตกปลาในเกมเสียเวลา  ขนออกมาก็เสียเวลา  เหนมะ?  ราคาจิ๊บ ๆ จริง ๆ’

“ก็ว่าอยู่  ไม่มีใครได้ปลาป่าพวกนี้มาโดยไม่ต้องจ่ายอยู่แล้ว!” อาจารย์หลินเข้าใจไปนู่นเลยคนละเรื่อง

“เถ้าแก่ครับ  แบ่งปลาพวกนี้เป็นสองส่วน  หนึ่งเอาลงบ่อ  สองเอาไว้ที่โถง  ปลาป่าพวกนี้แค่คนเห็นก็ถูกดึงให้เข้ามามุงกันเพียบแล้วล่ะครับ” อาจารย์หลินแนะนำ

“โอเค!” ฉินหลินพยักหน้า  พวกตัวใหญ่ทั้งหมดเขาเอาลงบ่อไม่ไว้ในโถง  ส่วนพวกตัวเล็กก็แบ่ง ๆ ไปตามที่อาจารย์หลินแนะนำ

เขามีแผนว่าจะควบคุมจำนวนของพวกตัวใหญ่อย่างเข้มงวด

เพราะในตลาดแต่ละปีการที่จะมีพวกแบบเจ้าพวกนี้ไปวางขายได้นี่ช่างน้อยแสนน้อย  เพราะงั้นหากว่ามีแต่บ้านไร่ของเขาที่สามารถหามาได้อย่างมากมายนั่นจะเป็นพิรุธให้คนสงสัยเอาได้  นอกจากนี้ราคาของพวกมันก็ไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะแตะต้องได้

ดังนั้นปลาพวกนี้ถ้าไม่เอาไว้กินเองก็เอาไว้เลี้ยงต้อนรับในโอกาสพิเศษเพื่อเป็นการถนอมน้ำใจจะดีกว่า

หลังจากมอบภาระปลาป่าสองกะละมังใหญ่พวกให้เฉินต้าเป่ยและอาจารย์หลินแล้วเขาก็เรียกเกาเหยาเหยาะมาพบ

“มาแล้วค่าเถ้าแก่  มีอะไรให้รับใช้” เกาเหยาเหยาวิ่งเหยาะ ๆ ตะโกนมาแต่ไกล

“เด๋วพรุ่งนี้ฉันจะหาคนมาถ่ายวิดีโอโปรโมตทะเลเฟื่องฟ้า  เพราะงั้นแต่งตัวสวย ๆ ให้ความร่วมมือในการถ่ายทำ  แล้วเด๋วให้ค่าจ้างสองพัน” ฉินหลินสั่ง

หลังจากสร้างทะเลเฟื่องฟ้าแล้วงานต่อไปคือเผยแพร่ให้เป็นที่รู้กันเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว  ซึ่งการจะทำแบบนั้นได้จะต้องมีการถ่ายวิดีโอ   ถ่ายภาพ  ติดป้ายโฆษณา  แผ่นพับ  ใบปลิวโปรโมตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

และแน่นอนว่าจะขาดนางแบบไม่ได้ด้วย

เกาเหยาเหยาเป็นเด็กสาวใส ๆ หน้าตาพอไปวัดไปวาได้  มีเธออยู่ย่อมไม่ต้องเสียเวลาไปหาคนอื่น

“ขอบคุณค่ะเถ้าแก่!” เกาเหยาเหยาตอบตกลงทันทีที่ได้ยินข่าวดีนี้

จากนั้นฉินหลินก็เดินไปที่ทะเลเฟื่องฟ้า

มีทางเดินหินที่ทำขึ้นเป็นพิเศษจากห้องโถงทอดต่อไปยังทะเลเฟื่องฟ้า

ทางเข้าทะเลเฟื่องฟ้าเป็นตู้ขายตั๋ว  ตั๋วทะเลเฟื่องฟ้าที่อื่น ๆ นั้นจะอยู่ที่ใบละประมาณ 30 ถึง 70 หยวน  แต่ของฉินหลินเขาคิดที่ 100 หยวนไปเลย

สำหรับทะเลเฟื่องฟ้าของเขาแล้วราคานี้คือถูก  แต่เพราะอยากดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มากันเยอะ ๆ เลยจะให้แพงกว่านี้ก็ไม่ได้  ตราบใดที่ยังมีคนมาเขาสามารถหาแผนอื่น ๆ มารองรับเพื่อทำกำไรในส่วนนั้นได้  เช่นพืชผลจากเกมที่มีคุณสมบัติ +2 อะไรงี้

ขอบรอบนอกของทะเลเฟื่องฟ้านั้นถูกจัดอย่างเรียบร้อย  โดยทำเป็นกำแพงดอกไม้ที่จากต้นเฟื่องฟ้าอัดกันหนาแน่นป้องกันไม่ให้ใครเข้ามาได้ (เพราะต้นเฟื่องฟ้านี่หนามยาวเฟื้อยเลยเน่อ) ดังนั้นการจะเข้าไปข้างในได้จึงจำเป็นต้องผ่านตู้ขายตั๋วเท่านั้น

จริง ๆ ทะเลเฟื่องฟ้า 30 หมู่ข้างในยิ่งงดงาม  อันที่จริงแค่รั้วดอกไม้จากต้นเฟื่องฟ้านั่นก็ทำให้การเดินทางมาเที่ยวในครั้งนี้คุ้มค่าแล้ว  และยิ่งใด้เข้าไปข้างในลึกขึ้นเท่าไหร่ก็จะยิ่งตื่นตาตื่นใจกับเฟื่องฟ้าจากเกมมากขึ้นเท่านั้น

ต้นเฟื่องฟ้าเจ็ดสีที่ปลูกจากแปลงปลูกเลเวล 3 นั้นมีโบนาคุณสมบัติ ในทางกลับกัน ต้นเฟื่องฟ้าประดับเจ็ดสีคุณภาพ 3 ชนิดที่ปลูกมีลักษณะพิเศษคือสวยงาม +2, เตะตา +2, ต้องใจ +2

และที่เด่นที่สุดคือเฟื่องฟ้าขั้นสุดเลเวล 3 ที่สูงกว่า 4 เมตร  สวยงาม +3, เตะตา +3, ต้องใจ +3, สบายตา +3, ขึ้นกล้อง +3, กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม +3

คนที่มาเห็นจะต้องตกตะลึงจนไม่มีผู้ใดสามารถละสายตาไปจากมันได้

ขนาดตัวฉินหลินเองที่เป็นคนสร้างทะเลเฟื่องฟ้านี่ขึ้นมาเองยังต้องมึนเมาเมื่อได้เห็นอยู่ทุก ๆ ครั้งไป  นับประสาอะไรกับนักท่องเที่ยวที่แต่ละคนนาน ๆ มาที

เมื่อเขาเดินลึกเข้ามาถึงโซนกลางฉินหลินก็หยุดเดินและดูผีเสื้อเต้นระบำรอบ ๆ ต้านเฟื่องฟ้าเลเวล 3 ที่บนคาคบไม้มีกระรอกวิ่งไล่จับกันอยู่

และกระรอกเหล่านี้ไม่กลัวคน  สาเหตุเพราะคุณสมบัติกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม +3

ฉินหลินเอื้อมมือไปหากระรอกที่เกาะอยู่บนคาคบไม้ซึ่งมันก็ไม่ได้วิ่งหนีไปไหน

จากนั้นเขาก็เอาลูกสนวางลงบนพื้น  แล้วเจ้ากระรอกพวกนั้นมันกระโดดลงพื้นมากอดลูกสนนั้นทันที

จากนั้นก็เอาลูกสนอีกลูกมาวางบนมือ  แต่กระรอกกลับมองที่มือเขานิ่ง ๆ อย่างกับมันรู้

ฉินหลินยิ้มและวางลูกสนอันสุกท้ายลงพื้น  จากนั้นเจ้ากระรอกตัวหนึ่งมันก็กระโดดกอดลูกสนแล้วเอากลับขึ้นไปซ่อนบนคาคมไม้ในทันที

ช่วงนี้เขาได้สั่งให้เกาเหยาเหยาไปหาลูกสนมาให้เจ้ากระรอกพวกนี้ทุกวัน  ดังนั้นมันจึงได้คุ้นชินกับการให้ลูกสน  ในตอนกลางคืนเจ้ากระรอกพวกนี้มันจะเอาลูกสนที่ได้มาในตอนกลางวันเข้าไปไว้ในป่าแล้วก็กลับมาแสดงตัวน่ารักเหมือนเดิมในตอนเช้า

พวกผีเสื้อ  กระรอก  รวมถึงเสียงนกที่ส่งเสียงร้องอันไพเราะจะกลายเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของทะเลเฟื่องฟ้าแห่งนี้

...................................

วันถัดไป

หลังฉินหลินส่งกระเจี๊ยบเขียวให้ RT-Mart แล้วเขาก็มุ่งหน้าตรงไปยังสตูดิโอวางแผนโฆษณาฉินเหริน

ฉินเหรินเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของสตูดิโอนี้  และไม่ใช่แค่หุ้นส่วนที่เอาแต่ออกเงินเฉย ๆ แต่ยังเป็นช่างภาพด้วย  ซึ่งฝีมือการถ่ายภาพของเขาก็ไม่เลวเลยที่เดียว

ฉินหลินย่อมต้องการให้ฉินเหรินมาถายโฆษณาโปรโตบ้านไร้ให้ตัวเองแน่นอนอยู่แล้ว

หากจะจ้างใครซักคนล่ะก็มันก็ต้องเป็นคนกันเองนี่แหล่ะถึงจะดี

เมื่อฉินหลินเปิดเข้าไปในสตูดิโอเขาก็เห็นว่านอกจากฉินเหรินแล้วยังมีคนอื่น ๆ อีกหลายคนอยู่ด้วยโดยมีสองคนที่ฉินหลินเคยเจอ  คนหนึ่งคือเลี่ยวลี่คู่หมั้นของฉินเหรินนั่นเอง  อีกคนเป็นอีกหนึ่งสาวที่อยู่ด้วยกันกับเลี่ยวลี่ที่บ้านของฉินเหรินในวันนั้น

“อ้าวหลินจือ!  มาทำอะไรเหรอ?” เมื่อฉินเหรินเห็นฉินหลินเขาก็ทักทายอย่างกระตือรือร้น

“หวัดดีต้าเหริน  ฉันอยากให้นายมาช่วยถ่ายวิดีโอโฆษณาโปรโมตให้ซักชุดนึงน่ะ” ฉินหลินยิ้มพลางบอกความตั้งใจที่มา

“ไปดูสถานที่กันก่อนแล้วเด๋วเรื่องค่าจ้างค่อยว่ากันอีกทีได้ปะ?” ฉินหลินชวน

ทะเลเฟื่องฟ้าขนาด 30 หมู่ต้องถ่ายทั้งคลิปวิดีโอทั้งภาพนิ่งมากมายก่ายกองอย่างแน่นอน  ต้องมีทั้งถ่ายแบบภาคพื้นดิน  ถ่ายแบบเอาโดรนบิน  และยังต้องเอามาตัดต่ออีก  เพราะงั้นต้องไปกันทั้งทีมถึงจะทำได้

เขาเคยเสิร์จดูในเน็ตและเห็นว่างานถ่ายโฆษณาโปรโมตงานหนึ่งนี่มีค่าใช้จ่ายหลายหมื่นอยู่เหมือนกัน

“ค่าจ้งค่าจ้างไรก๊าน~” ฉินเหรินเอามือแตะไหล่ฉินหลินอย่างไม่มีความสุข

“แค่ถ่ายคลิปโฆษณาร้านขายผักเองหนิ  ทำอย่างกะเราไม่ใช้พี่น้องกันไปได้”

ด้วยเหตุนี้ฉินเหรินจึงหันไปบอกพวกที่เหลือว่า “เฮ่ยเพื่อน ๆ นี่ฉินหลินพี่น้องฉันเอง  เด๋ววันนี้ของไปเที่ยวกะพี่น้องเน่อ!”

ถือเป็นการชี้แจงให้หุ้นส่วนในทีมได้รู้ว่านี่ไม่ใช่การจ้างงาน  แต่ช่วยเหลือพี่น้องเป็นการส่วนตัว  ซึ่งเป็นเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวของแต่ละคน

“ไปกันเถอะหลินจือ!” ฉินเหรินเรียก

ฉินหลินยิ้ม ๆ เขารู้ว่าฉินเหรินคิดไปเองและทำแบบนี้คือจะไม่คิดเงินกับเขาเพราะความปรารถนาดีเป็นนิสัย  ซึ่งเขาเคยช่วยฉินหลินถ่ายโฆษณาร้านขายผักให้ฟรี ๆ มาแล้วรอบหนึ่งด้วย  ทว่าคราวนี้มันไม่ใช่แบบนั้น  มันไม่ใช่อะไรที่ฉินเหรินคนเดียวจะรับมือไหว

เลี่ยวลี่กับลูกพี่ลูกน้องต่างก็เห็นฉากนี้  ทางด้านเลี่ยวลี่ไม่ได้คัดค้านเลย  เพราะนิสัยแบบนี้ของฉินเหรินนี่แหล่ะที่เธอหลงรัก

ส่วนฉู่น่าที่ไม่ใช่คู่หมั้นกลับมีข้อโต้แย้งมากมายซะอย่างนั้น “นี่เสี่ยวลี่  ฉินเหรินใจดีเกินไปแบบนั้นเธอจะไม่ว่าอะไรซักหน่อยเหรอ  เดี๋ยวคนอื่น ๆ ถูกช่วยบ่อย ๆ เข้าก็เคยตัวเอาหรอก  แล้วเจ้าหมอนั่นมันคนที่ชื่อฉินหลินที่ไปบ้านฉินเหรินเมื่อครั้งก่อนใช่มะ?  ตอนแรกก็คิดว่าเป็นคนดีซะอีก  ที่ไหนได้พอฉินเหรินบอกว่าจะไม่เอาเงินก็เห็นด้วยอย่างไม่มีข้อโต้แย้งเลย  คนอะไรแบบนี้?”

“ไปช้อปปิ้งกันเถอะ!” เห็นได้ชัดว่าเลี่ยวลี่ไม่ได้เห็นด้วยกับลูกพี่ลูกน้องของเธอ  แต่ก็ไม่อยากต่อปากต่อคำด้วยเลยเอาเรื่องช้อปปิ้งมาล่อให้อีกฝ่ายหุบปาก

ฉินหลินกับฉินเหรินเดินออกจากสตูดิโอและขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าโดยฉินเหรินไปนั่งซ้อนท้าย  และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าก็สตาร์ทก่อนจะขับออกไป

และในไม่ช้าฉินเหรินก็รู้สึกตัวว่ามีอะไรแหม่ง ๆ “เอ่อ...  หลินจื่อ  นี่เราไม่ได้ไปร้านขายผักกันเหรอ?  ออกนอกเมืองไมอะ?  แล้วตกลงเราจะไปไหนนิ?”

“ถึงแล้วเด๋วก็รู้เองแหล่ะหน่า” ฉินหลินตอบยิ้ม ๆ

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด