ตอนที่แล้วตอนที่ 875 ไม้ตายของกองทัพแดนบาป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 877 กลัวและอ่อนแอ

ตอนที่ 876 เรือขยะรังสีกัมปนาท


ทวีปทุ่งขาวในปัจจุบันกลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง  ไม่มีสัญญาณแห่งชีวิต  มีเพียงที่ซึ่งมีรอยเท้ามนุษย์ก็คือประตูดวงดาวมุ่งหน้าสู่ทวีปรกร้าง

ธงของกองทัพโอลิเวอร์ตั้งเด่นโบกสะบัดขณะที่พวกเขาประจำการอยู่ในรูปกระบวนเคร่งครัด

กองเรือรบเทียบท่าอยู่ด้านข้างดูสง่างาม ประตูดวงดาวแคบทำให้ยากจะให้เรือรบขนาดใหญ่และกลางผ่านเข้าไปได้ ขณะที่เรือรบเล็กมีพลังป้องกันจำกัดและสามารถทำให้คอลลินพอใจได้เหมือนอย่างการตั้งกระบวนรบของเขาเอง

“หน่วยสอดแนมส่งข่าวมาหรือยัง?”

กั๊ตนั่งอยู่ข้างเคิร์ทและถาม  เขามีผมสั้นสีน้ำตาลร่างกายกำยำและมีนิสัยชอบต่อสู้ และถ้าโอลิเวอร์อยู่ด้วย เขาจะเป็นผู้ช่วยมือขวาของโอลิเวอร์

“ถูกแล้วพวกเขาถูกส่งออกไป ไม่มีอะไรผิดปกติ” เคิร์ทตอบโดยไม่หันกลับมาเทียบกับร่างสูงใหญ่ของกั๊ตแล้วเคิร์ทผอมกว่ามากแต่ไม่มีใครดูถูกเขาเพราะเรื่องนั้น  ในกองทัพของโอลิเวอร์ตำแหน่งของเขาเท่ากับกั๊ต

กั๊ตเป็นคนกล้าหาญและแข็งแรงขณะที่เคิร์ทมีทักษะในการวางแผน ทั้งสองคนเป็นคู่หูกันมาหลายปี  และมีความเข้าใจมาก  สัมพันธภาพระหว่างพวกเขาเหมือนกับญาติพี่น้อง

“นี่คือโอกาสสุดท้ายของเรา”กั๊ตพูดอย่างมีอารมณ์ เขามองดูธงที่ถูกชักขึ้นสูงและกล่าว“ข้าคาดว่าธงนี้จะถูกเปลี่ยนไปในไม่ช้าเช่นกัน สงสัยจริงว่ามันจะเรียกชื่อว่าอะไร”

เคิร์ทไม่พูดอะไร  ดวงตากระจ่างของเขามีแววสูญเสียเล็กน้อย

ทั้งสองคนได้แต่เงียบ

โอลิเวอร์ถูกจำคุกเป็นหายนะสำหรับกองทัพ  ก่อนหน้านั้นพวกเขาทั้งสองยังคงมีความหวัง เนื่องจากท่านโอลิเวอร์สร้างความสำเร็จที่โดดเด่นไว้กับกองทัพ  และมีโอกาสกลับมาอีกครั้ง แต่เมื่อกองกำลังของวิหารหมิงกวงถูกขึงแน่นหนา  พวกเขาก็ยังไม่ยอมใช้งานท่านโอลิเวอร์  และทั้งสองคนจึงเข้าใจว่าท่านโอลิเวอร์ไม่มีหวังได้ออกมาอีกต่อไป

ทั้งสองคนติดตามโอลิเวอร์มาหลายปีและอาจนับได้ว่าสร้างความเชื่อถือและช่วยโอลิเวอร์  ดังนั้นพวกเขาจึงยากจะให้คนอื่นยอมรับ   และยังนับว่าโชคดีแล้วที่พวกเขาไม่ติดร่างแหไปกับโอลิเวอร์ด้วย ความเป็นไปได้มากที่สุดของพวกเขาคืออาจจะออกไปและถูกเรียกเข้ากองทัพท้องถิ่น และจากนั้นใช้ชีวิตของพวกเขาที่เหลือในที่นั้น กองทัพโอลิเวอร์คงจะแตกแยกและถูกแบ่งไปตามกองทัพอื่น

“ไม่สำคัญต่อเราอยู่แล้วว่าพวกเขาจะเปลี่ยนชื่อเป็นอะไร”  กั๊ตฝืนหัวเราะ  “เราควรจะทำภารกิจให้สำเร็จเช่นกัน  แม้ว่าจะไม่มีผลงาน อย่างน้อยเราก็ควรทำงานอย่างหนัก  ตราบใดที่เราไม่ถูกส่งไปที่ใดก็ไม่รู้  ข้าก็พอใจแล้ว”

การปฏิบัติต่อทหารท้องถิ่นและเงินเดือนนั้นแตกต่างอย่างมาก  ยิ่งเป็นดินแดนรกร้างและไม่รู้จักเงินเดือนและสวัสดิการแย่

ความมึนงงของเคิร์ทกลายเป็นความกระจ่างอีกครั้งและเขาแค่นเสียง “เจ้าสามารถไปฝึกทหารเกณฑ์ใหม่ได้ สงครามนี้ไม่จบลงง่ายๆ นักหรอก ทุกคนจะต้องถูกเสริมเข้าไปในระดับของพวกเขา  เจ้าเป็นนายกองที่มีระดับแตกต่างออกไป  ตราบใดที่เจ้ายินดีจะสอนทหารใหม่  ก็ไม่มีใครหยุดเจ้าได้”

“ฝึกทหารเกณฑ์ใหม่?”  กั๊ตหน้าเขียวคล้ำ  “แน่นอนว่าไม่!!  ถ้าข้าต้องดูแลทหารใหม่อย่างนั้นทุกวัน ข้าคงจะบ้า!”

เคิร์ทหัวเราะลั่น,เขาจงใจแกล้งกั๊ตให้ดูท่าทางตลก กั๊ตเป็นพวกบ้าพลัง ถ้าเขาไม่ได้ต่อสู้ประจำวัน เขาจะรู้สึกอึดอัดใจมาก เขาสามารถลาออกและไปใช้ชีวิตอิสระได้ เนื่องจากเขาติดตามท่านโอลิเวอร์และสร้างรายได้อย่างเพียงพอในช่วงที่ผ่านมาไม่กี่ปีนี้  แต่เขารู้ว่ากั๊ตจะไม่ยอมลาออกแน่นอน  เนื่องจากการใช้ชีวิตอิสระมีแต่จะทำลายเขา

หลังจากหัวเราะแล้ว เคิร์ทพูดอย่างไม่รีบร้อน“สบายใจได้ ไม่ใช่ว่าเราจะไม่มีโอกาสเสียเลย”

กั๊ตตาเป็นประกาย เขาเชื่อมั่นในเคิร์ทและหันควั่บทันที“รีบบอกข้ามา เรายังมีโอกาสอะไร?”

เคิร์ทอธิบาย “ตามที่ข้ารู้มากองกำลังของเราในแนวหน้าติดกับอย่างเต็มที่และปัญหาการขาดแคลนของกองทัพเป็นเรื่องจริงจังมาก นอกจากนี้สถานการณ์แนวหน้าก็ยังไม่ดี ท่านโกวเฉิงเวิ่นเต้าท่านชิวซิ่วหัวและท่านม่อซินกำลังเผชิญกับปัญหาทั้งหมด”

กั๊ตสูดหายใจหนาวเหน็บ “เป็นไปได้ยังไง! แม้แต่สามแม่ทัพใหญ่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะศัตรูของพวกเขาได้?”

นอกจากนี้เขาได้ยินข่าวมาบ้างแต่ไม่เคยคาดว่าสถานการณ์จะรุนแรงมากอย่างนั้น ห้าแม่ทัพใหญ่ไร้เทียมทานในสายตาของทวีปกวงหมิง  ก็เหมือนกับในบรรดาแม่ทัพนายกองของทวีปกวงหมิง  กั๊ตและคนที่เหลือแม้จะรู้มาก แต่ก็ไม่ง่ายที่จะได้รับเลื่อนให้เป็นหนึ่งในห้าแม่ทัพใหญ่  อาจกล่าวได้ว่าตำแหน่งของพลโทอาจมีบ้างที่ขาดประสบการณ์  แต่แม่ทัพใหญ่ระดับพลเอกไม่เป็นเช่นนั้น

“ข้าเองก็ไม่ทราบรายละเอียดเฉพาะเรื่องเหมือนกัน”เคิร์ทกล่าวต่อ  “แต่ถ้าเป็นความจริงอย่างนั้นนั่นจะเป็นโอกาสของเรา ถ้าแนวหน้าตึงเครียดขึ้นมาก พวกเขาจะส่งกองทัพสำเร็จของเราไปแนวหน้าเพื่อใช้งาน วิหารกวงหมิงจะไม่มองข้ามจุดหัวเลี้ยวหัวต่อนี้แน่นอน”

ตาของกั๊ตสว่างขึ้น  “เอ่.. ตอนที่เจ้าพูดแบบนี้ ก็อาจเป็นไปได้จริง!”

เคิร์ทหัวเราะ  “นอกจากนี้ ด้วยพลังรุกของเรา  เราจะสู้อย่างหนัก”

“ตราบใดที่เรามีโอกาสสู้แค่นั้นก็พอ”  กั๊ตพูดโดยไม่ลังเล  ตาของเขาเป็นประกายอีกครั้งหนึ่ง  เขาฟื้นคนจิตวิญญาณนักสู้อีกครั้ง

“เราต้องทำภารกิจแรกให้สำเร็จเสียก่อน”  เคิร์ทเตือนเขา “เราต้องแสดงความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเราให้ระดับสูงได้รับรู้”

“ใจเย็น!” กั๊ตตบอกตัวเองและพูดอย่างห้าวหาญ “ไม่ว่าใครกล้ามาหาความยุ่งยาก พวกมันจะต้องโดนทุบจนฉี่ราดกางเกง คอยดูเถอะ”

ทันใดนั้น สัญญาณเตือนภัยดังขึ้น

ทั้งสองคนลุกขึ้นยืนทันทีและมองหน้ากันเอง ทั้งสองคนสามารถมองเห็นความเครียดและระมัดระวังในสายตาของกันและกัน  สำหรับพวกเขา พวกเขาไม่สามารถแพ้ได้อีก

“ไปดูกัน!”  กั๊ตพูด

เคิร์ทไม่ลังเลเตรียมจัดกองทัพทันที

เมื่อกั๊ตฟังรายงานเสร็จสีหน้าของเขาแปลกประหลาด  “ว่าไงนะ? เรือรบชั้นสูงสุด?เจ้าแน่ใจนะว่าเข้าใจถูก?”

เรือรบชั้นสูงสุดมันคือเรือรบที่มีอำนาจสูงสุดในหมู่เรือรบ  แข็งแกร่งที่สุดในเรือรบทั้งหมดเรือรบชั้นสูงสุดที่มีเป็นเรือรบระดับทองทั้งนั้น เรือรบชั้นสูงสุดไม่เคยมีขายในตลาด และในทั่วดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ จำนวนอู่ที่สามารถต่อเรือรบชั้นสูงสุดแทบจะนับได้ด้วยมือข้างเดียวราคาการก่อสร้างก็สูงลิบลิ่ว จำเป็นต้องใช้วัสดุมีค่านับไม่ถ้วน  แม้แต่ทวีปกวงหมิงที่มั่งคั่งหลังจากทุ่มเททรัพย์ทั้งทวีป สามารถสร้างได้เพียงห้าลำเท่านั้น

แต่ตอนนี้หน่วยสอดแนมแจ้งพวกเขามาว่าพวกเขาตระหนักว่าเรือรบชั้นสูงสุดกำลังบินมาทางพวกเขา

ทุกคนได้แต่นึกถึงสีหน้าของกั๊ต  ถ้าไม่ใช่เพราะหน่วยสอดแนมรายงานเหมือนกันเขาคงนึกว่าหน่วยสอดแนมพูดพล่ามไร้สาระ

ดูเหมือนเคิร์ทจะมีความคิดบางอย่างและถาม  “พวกเขามาจากด้านไหน?”

“จากสุสานเรือรบ”

“สุสานเรือรบ!”  เคิร์ทตระหนักได้ทันที  “ตอนนี้ ข้าเข้าใจแล้ว  สุสานเรือรบมีเรือรบชั้นสูงสุดอยู่ลำหนึ่ง”

เมื่อเห็นสีหน้าแปลกประหลาดของกั๊ตเขาอธิบาย  “เรือรบในตำนาน รังสีกัมปนาทถูกเก็บไว้ในสุสานเรือรบ”

“เรือรบรังสีกัมปนาท?”  จากนั้นกั๊ตจึงเข้าใจและผ่อนคลายทันที  “เจ้ากำลังบอกเรื่องตำนานเก่า  พวกมันเอาเรือรังสีกัมปนาทกลับมาทำใหม่หรือ?ฮ่าฮ่า!  ตลกเป็นบ้า,ไอ้บ้าที่ไหนกันถึงมีความคิดโง่เง่าเช่นนั้น? แค่ขยะเก่าแก่ เจ้าคิดว่าจะเอามาสร้างใหม่ได้หรือ พวกมันใช้ได้หรือ?”

เคิร์ทยังคงรู้สึกว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อ เรือรบรังสีกัมปนาทถูกทิ้งผุพังอยู่ในสุสานเรือรบมาสองสามร้อยปีแล้ว แต่มีใครบางคนมีความคิดจะใช้ของเก่าแก่ไร้ประโยชน์นั้น

เคิร์ทและกั๊ตผ่อนความระมัดระวังและตัดสินใจดูต่อ

เมื่อทั้งสองคนเห็นเรือรบชั้นสุงสุด  สีหน้าพวกเขาเปลี่ยนเป็นหม่นหมองทันที

‘มันเป็นเรือรบตรงไหน..’

ตัวเรือใหญ่โตห้อยเต็มไปด้วยกระสอบซึ่งมองดูเหมือนจะเบาขณะที่เหมือนกับว่าพอลมพัดใส่ถุงกระสอบเหล่านั้นก็แกว่งไกวยุ่งเหยิง  และทั้งหมดนั้นก็มีสีแตกต่างดูเหมือนกับถุงขยะน่าตลกขบขัน หน้าต่างด้านข้างเรือมีการติดตั้งใหม่อย่างเห็นได้ชัด และพวกเขาคร้านจะทำสีตกแต่งเรือ  กั๊ตกลับมีสายตาดีมองเห็นหนามโค้งโดยรอบ  ‘และไอ้กองของเหล่านั้นมันคืออะไร?’

ถ้าพวกเขาไม่แจ้งว่ามันคือเรือรบรังสีกัมปนาท  คงไม่มีใครเลยที่คิดว่าเรือที่ดูเหมือนขยะลอยฟ้าได้จะเกี่ยวข้องกับเรือรบรังสีกัมปนาท

“นั่น...นั่นคือเรือรบรังสีกัมปนาทหรือนั่น?”  กั๊ตตะลึง เขาตะลึงโดยสิ้นเชิงเพราะความซอมซ่อของศัตรู  กั๊ตมองดูอย่างจริงจังและรู้สึกได้ถึงที่ซึ่งดูเหมือนจะพอดีอย่างแปลกประหลาด และมีข้อผิดพลาดมากมาย  เขาไม่เคยเห็นเรือรบที่ทรุดโทรมเช่นนั้น  ถ้าเขามีความรู้จำกัดที่จะนำกลับมาทำใหม่  ต่อให้เป็นเรือรบรังสีกัมปนาท วัตถุโบราณเป็นร้อยปี กั๊ตก็ยังรู้สึกว่าเรือรบรังสีกัมปนาทถูกทำให้มัวหมอง

เคิร์ทที่ยังตะลึงอยู่โพล่งคำพูดออกมา“พวกมันคือโจรสลัด?”

นั่นคือแนวคิดที่เขาคิดออก

“โจรสลัดที่จนกรอบจริงๆ”  กั๊ตเสริม “จนมาก!”

“ใช่แล้ว!” กั๊ตไม่สงสัยการคาดเดาของเขา  ‘ขอทานยังอาจจะเลือกได้ พวกเขาถึงกับต้องหาขยะมาสร้างใหม่ พวกเขาจนกรอบขนาดไหนกัน! โจรสลัดคือกลุ่มคนที่มักจะใช้เงินแค่ปกป้องชีวิตตนเอง  แต่พวกเขายากจนขนาดไหน!  พวกเขาห้อยถุงขยะสีแดงสีเขียวไม่ยอมแม้แต่จะตัดใจทิ้งถุงขยะออกไป  คงยากจนแสนลำเค็ญจริงๆ!”

‘ใช่แล้ว สำหรับเรือที่สามารถบินได้ แค่นี้ก็นับว่ามีปาฏิหาริย์แล้ว’

‘แต่ความเร็ว... ช้ามากจริงๆ’

เคิร์ทยังคงเห็นด้วยกับความคิดของกั๊ต  เขายังคงมองดูเรือขยะต่อไป  และถาม “ทำไมพวกเขาถึงตรงมาหาเรา?”

‘เอ่..นั่นก็จริง,ทำไมพวกเขาถึงบินตรงเข้าหาเรา?’

“พวกเขาสามารถวิ่งไปล่าเหยื่อได้”  กั๊ตลูบคาง “และพวกเขาก็ต้องเสี่ยงภัยกับการต่อสู้เสี่ยงตายอย่างสิ้นหวัง”

เคิร์ทรู้สึกเห็นใจพวกเขา  “น่าสงสารจริงๆ”

กั๊ตพยักหน้า “ข้าทนดูต่อไปไม่ได้เลย  ดูเหมือนว่าเราต้องช่วยพวกเขาเสียแล้ว  เรือกลืนเมฆ เรือแสงเหนือเจ้าเห็นเรือลำนั้นไหม เอ่อ... จงไปกำจัดมลทินให้กับเรือรังสีกัมปนาท   ช่วยดับทุกข์ให้พวกมันหน่อย!”

เรือรบขนาดกลางสองลำออกจากขบวนและบินตรงไปหาเรือขยะรังสีกัมปนาท

เรือรบสองลำครึกครื้นไปด้วยเสียงหัวเราะ  “เรือขยะรังสีกัมปนาท”  พวกเขารู้สึกว่าท่านกั๊ตอธิบายตรงเกินไปหน่อย ต้นหนของเรือรบอีกลำอิจฉาความโชคดีของเรืออีกสองลำ  เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ร่วมรบ  เรือกลืนเมฆ และเรือแสงเหนือได้รับความสะดวกอย่างแท้จริง

เสียงเยาะเย้ยเริ่มดังมาจากกัปตันเรือรบลำอื่น

“เฮ้เฮ้ เรือลำใหญ่โตขนาดนั้น พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรได้?  เรายินดีช่วยหลือ”

“ได้เลยได้เลย!ลุยได้ตามสะดวก!  แบบนี้เป็นไง? ถ้าพวกเจ้าไม่สามารถกำจัดได้ ก็คงจะเป็นเรื่องน่าขายหน้า!”

“นั่นเป็นไปได้มาก  ตัวเรือของเรือรบรังสีกัมปนาทแข็งแรง  เราเสนอให้เป็นสินค้าดีสำหรับพวกเจ้า?”

……

เรือรบทั้งสองไม่มีความอ่อนแอเลย

“พวกเจ้าต้องกำลังฝันอยู่แน่ๆ  พวกเจ้าทุกคนอิจฉาน่ะสิ  เรือขยะรังสีกัมปนาทจะทนทานได้มากแค่ไหน

“ฮ่าฮ่าฮ่า  ใช่แล้ว ในอนาคต อย่าได้เรียกข้าว่าผู้จมเรือรบชั้นสูงสุด!  พวกเจ้าคนคอยดูให้ดี ฮ่าฮ่า...นั่นมันยิ่งใหญ่แค่ไหน!”

ทหารของโอลิเวอร์ผ่อนคลายสบายๆ  เร็วๆ นี้บรรยากาศในกองทัพย่ำแย่น่ากลัว  และเรือขยะรังสีกัมปนาททำให้ทุกคนอารมณ์ดี  แม้แต่เคิร์ทและกั๊ตก็ยังมีรอยยิ้ม  พวกเขาพบกับความบันเทิงคั่นเวลาช่วงสั้นๆ

เรือขยะรังสีกัมปนาทเป็นฉากภาพที่ดูแปลกประหลาดอย่างแท้จริง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด