ตอนที่แล้วตอนที่ 871 ดูเหมือนเจ้าลืมใครไปหรือเปล่า?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 873 มโนธรรม?

ตอนที่ 872 ต้องบอกไหมว่าข้าคือสายลับ?  


“เป็นเจ้าเองหรือ?”  จ้าวคางคกมองดูเย่ว์หยาง ก่อนระเบิดเสียงหัวเราะลั่น...“ไม่ลืม, ไม่ลืมแน่! ข้าไม่เพียงแต่ไม่ลืมเจ้าเท่านั้น แต่ยังเตรียมเกมเอาไว้ให้เจ้าเล่นเป็นพิเศษ  ถ้าข้าไม่ต้องการได้รับอสูรของเจ้าเป็นรางวัล ทำไมข้าจะต้องยอมส่งกาฬสุริยันต์ออกไปด้วยเล่า?  ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ทำไมข้าถึงต้องอาศัยกองกำลังภายนอกด้วย? แม้แต่การปรากฏตัวของเจ้าก็ยังทำลายแผนการที่ข้าเตรียมมาหลายร้อยหลายพันปี  อย่างไรก็ตามทั้งเจ้าตำหนักหลานฟงและว่านหมอเริ่มรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่แน่นอน  พวกเขาจึงเริ่มกวาดล้างหุบเขาอสูรเอง อาจกล่าวได้ว่า เหมือนกับได้รับพรจากเจ้าทำให้ข้าเข้าสู่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์อย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น....”

“เจ้าต้องการให้ข้าแสดงความยินดีกับเจ้าด้วยหรือเปล่า?”  เย่ว์หยางดูเหมือนว่ามองไม่เห็นรองเจ้าตำหนักเว่ยซู่กับอสูรหมียักษ์ของเขาอยู่ในสายตา  ผู้อาวุโสตำหนักสองคนค่อยๆ เข้ามาใกล้

“แน่นอนว่าข้ารู้ว่าอสูรของเจ้ามีร่างเป็นองค์ประกอบธาตุและเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่มีสติปัญญาสูงส่ง ยากจะฆ่ามันได้   ข้ามั่นใจว่าข้ารู้  ดังนั้นข้าเตรียมอาหารมาให้มันเป็นพิเศษ”  จ้าวคางคกแค่นเสียงโบกมือไปมา อสูรปีศาจเกือบร้อยของเขารีบก่อตั้งวงล้อมทันที  บริวารผู้ภักดีคนหนึ่งใช้คทาดำปักลงไปในพื้นสร้างสนามพลังงานแปลกประหลาด

ในสนามพลังงานนี้ ทุกอย่างดูเหมือนจะช้าลง

แม้แต่เสียงหัวเราะก็ยังดังไม่ต่อเนื่อง

เย่ว์หยางไม่ต้องมองก็รู้ นี่คือค่ายกลวงเวทหยุดลม เป็นหนึ่งในสิบสุดยอดค่ายกลวงเวทที่มีชื่อเสียงในแดนสวรรค์ และเป็นหนึ่งในไม้ตายโจมตีที่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ใช้เล่นงานศัตรู

ค่ายกลวงเวทหยุดลมแม้ว่าศัตรูจะซ่อนตัวอยู่ตรงกลางก็จะถูกทำลายในสนามรบจะไม่มีทางหนีไปได้

กล่าวคือ จะต้องฆ่าคนที่มีแก้วผลึกค่ายกลวงเวทหยุดลมเสียก่อนจึงหยุดการทำงานของค่ายกลวงเวทหยุดลมได้  เย่ว์หยางมองดูจ้าวคางคกที่อยู่ในเขตค่ายกลไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด เขามีแก่นแก้วผลึกอยู่ในตัว  เย่ว์หยางใช้จักษุญาณทิพย์มองดูในท้องของจ้าวคางคก  เขาเห็นอัญมณีที่เชื่อมโยงเข้ากับสนามรบทั้งหมด

ต้องฝ่าแนวศัตรูและสังหารจ้าวคางคก

ด้วยความเร็วที่ลดลงสิบเท่าจากผลกระทบของค่ายกลวงเวทหยุดลม ทำให้การฆ่าจ้าวคางคกผู้ไม่ได้รับผลจากค่ายกลเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก

หมียักษ์ของรองเจ้าตำหนักเว่ยซู่และผู้อาวุโสตำหนักสองคนไม่ได้รับผลกระทบจากค่ายกล  แต่พวกพวกที่มีความสัมพันธ์รองๆ ลงไป  ทุกคนที่มีคทาดำล้วนมีผลึกหยุดลมอยู่บนคทานั้น และส่งผลต่อสนามพลัง คาดกันว่า คาดกันว่ามีไม่มากกว่า 30  และผู้ภักดีด้วยชีวิตที่ตั้งวงล้อมอยู่นั้นล้วนมีแก้วผลึกป้องกัน  พวกเขาได้รับผลมากกว่ารองเจ้าตำหนักเว่ยซู่เล็กน้อย  แต่ก็ประมาณ 30%  ต่างจากเย่ว์หยางและสาวน้อยตั๊กแตนมัจจุราช ทั้งสองพลังความเร็วลดลงอย่างน้อยสิบเท่า

“ดาบปีศาจน้ำแข็งกับค่ายกลวงเวทหยุดลมการผสานพลังทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน  ถ้าฆ่านางไม่ตายอย่างนั้นข้ายังมีสมบัติวิเศษอีกอย่างที่ยังไม่ได้เอามาอวดผู้คน นั่นคือกำไลแปลงพลัง”  จ้าวคางคกหัวเราะและสวมกำไลข้อมือเล็กบางบนมือที่ดูเหมือนมนุษย์

กำไลแปลงพลังงานยังเรียกได้อีกว่ากำไลเปลี่ยนแปลง

มันสามารถใช้รับพลังของศัตรูและค่อยๆ แปลงไปเป็นพลังงานอย่างอื่น

ระหว่างกระบวนการเปลี่ยนแปลง ศัตรูจะไม่สามารถใช้พลังธาตุได้  และแม้แต่พลังธาตุในร่างของอสูรก็อาจจะถูกเปลี่ยนแปลงไปจนกระทั่งตายได้

ถ้าพลังงานธาตุไฟของอสูรพิทักษ์ธาตุไฟถูกจับได้และถูกแปลงไปเป็นธาตุน้ำหรือน้ำแข็ง อย่างนั้นอสูรพิทักษ์ธาตุไฟก็จะไม่สามารถต่อสู้ได้ มันจะระเบิดและตายอย่างอัตโนมัติ  ในทางตรงกันข้ามอสูรธาตุน้ำแข็งถูกเปลี่ยนไปเป็นธาตุไฟ มันคงได้แต่ร้องโหยหวน

สำหรับอสูรปีศาจและอสูรพลังธาตุที่ไม่ได้พึ่งพาพลังธาตุมากเกินไป กำไลแปลงพลังงานจะไม่ส่งผลมากนัก

ที่สำคัญความเร็วในการแปลงพลังงานจะช้ามาก

อย่างไรก็ตามสำหรับร่างธาตุบริสุทธิ์ของอสูรหรืออสูรปีศาจ กำไลแปลงพลังงานระดับศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของโลก

ในแดนสวรรค์ กำไลแปลงพลังงานคือสมบัติที่พอพูดถึง  นักสู้ถึงกับหน้าถอดสี มันถูกนักรบในแดนสวรรค์เรียกว่ากำไลธาตุวิบัติ

หลังจากเกิดใหม่สาวน้อยตั๊กแตนมัจจุราชมีร่างกายเป็นองค์ประกอบธาตุไปแล้วต้องมาเจอกับสมบัติเช่นนี้นับว่าเป็นเรื่องน่าปวดหัว หากไม่มีข้อจำกัดจากค่ายกลวงเวทหยุดลมนางก็คงสู้หรือถอยออกมาได้  ตอนนี้ติดอยู่ในค่ายกลวงเวทหยุดลมทั้งยังต้องเผชิญกับกำไลแปลงพลังงานและแม้แต่ดาบปีศาจน้ำแข็งสุดยะเยือกต้องบอกไว้เลยว่าอยู่ในการคำนวณของจ้าวคางคก เย่ว์หยางกำลังเผชิญปัญหายากลำบาก

“เจ้ารู้ไหมทำไมข้าไม่เข้าร่วมแข่งปริศนาเรียงหินในทุ่งกระดานหินเพื่อป้องกันเจ้าไม่ให้ได้รับรางวัลจากกฎสวรรค์? ฮ่าฮ่าฮ่า เพราะยิ่งอสูรของเจ้าได้รับรางวัลมากขึ้น หลังจากข้าฆ่ามันได้ ข้าจะได้รับพลังมากขึ้น  นี่เป็นวิธีฝึกที่ดีที่สุด   เมื่อระดับความแข็งแกร่งและภูมิปัญญามากขึ้นถึงระดับหนึ่ง จนไม่มีอะไรที่ข้าจะพัฒนาต่อไป ข้าจะฆ่าอสูรปีศาจสักร้อยตน ไม่สิ น่ากลัวว่าจะถึงพันตน  ผลกำไรที่ข้าได้รับอาจจะด้อยกว่าฆ่าอสูรน้อยศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า  เจ้ารู้ไหมว่าข้าตั้งตารอมานานเพียงไหนแล้ว? รู้ไหมว่าข้าต้องใช้ความพยายามในการวางแผนที่สมบูรณ์แบบมากขนาดไหนกว่าจะมาถึงวันนี้  ถ้าข้าใช้ความพยายามไปมากมายขนาดนั้น สวรรค์ยังไม่ตอบแทนข้าอีก แล้วโลกนี้จะมีความยุติธรรมได้อย่างไร?”

... จ้าวคางคกตบพุงและส่งเสียงหัวเราะอย่างน่ากลัว

เย่ว์หยางขมวดคิ้ว

และกวาดตามองทุกอย่างรอบตัว

ดูเหมือนว่าเขามองหาโอกาสหลบหนี

อย่างไรก็ตามจ้าวคางคกยังสงบใจอยู่ได้ มันส่ายนิ้วมือที่น่าเกลียด  “อย่าฝันไปเลย ในค่ายกลวงเวทหยุดลมนอกจากฆ่าข้าแล้ว เจ้าไม่มีทางหลบหนีได้สำเร็จ ข้าสามารถขัดขวางเจ้าที่เคลื่อนไหวได้ช้ากว่าคลานเสียอีก!  แหกตาดูรอบๆ ตัวเจ้าเสียบ้าง เห็นชัดไหม?  นั่นคือคนของข้าทั้งหมด เสือหน้ามนุษย์ นางพญาผึ้งพิษตายไปแล้ว พญาเหยี่ยวหลบหนีไปไม่เหลือร่องรอย คนของจ้าวอสูรทั้งสามข้ารับเอาไว้หมดแล้ว พวกมันปฏิเสธที่กลับไป และไม่ยอมกลายเป็นวิญญาณใต้คมดาบของข้า... เด็กหนุ่มผู้ฉลาด ทุกคนพูดว่าเจ้าฉลาดขนาดไหน แต่ตอนนี้เจ้าฉลาดแล้วจะทำอะไรได้? ความฉลาดของเจ้าสู้ข้าได้หรือเปล่า?”

เย่ว์หยางพูดเสียงเย็นชาอีกครั้งหนึ่ง  “ถ้าข้าตอบว่าใช่เล่า?...”

จ้าวคางคกหัวเราะลั่น

ราวกับว่าได้ฟังเรื่องที่ตลกที่สุดในโลก จ้าวคางคกหัวเราะอย่างบ้าคลั่งจนน้ำลายแตกฟอง เขาหัวเราะแทบตาย “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ขำจริงๆ  ตลกเป็นบ้า  เจ้ามีความสามารถใดรีบเอาออกมาให้ข้าดูเร็วเข้า  ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการใช้กล่องแพนดอรา  ใช่แล้วข้ารู้ว่าเจ้ายังมีอยู่อีก แต่ว่ามันไร้ประโยชน์  เมื่อครู่นี้ก่อนที่หลานฟงและว่านหมอจะจากไป เขาได้โปรยฝุ่นสกัดวิญญาณเอาไว้ แม้ว่าจะเป็นสมบัติที่มีขีดจำกัดเวลาในการใช้  แต่ในช่วงเวลาสิบนาที เจ้ากับอสูรของเจ้าจะไม่สามารถใช้สมบัติใดๆ ได้... เจ้าเด็กน้อย!  อย่านึกว่าในโลกนี้ มีแต่เจ้าเท่านั้นที่ฉลาด ข้าไม่ใช่คนโง่ ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเอากล่องแพนดอราออกมาใช้  และจะไม่ทำลายมันอย่างโง่งมด้วย!”

เย่ว์หยางโกรธตะโกนลั่น “ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้!”

จ้าวคางคกหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง  “โกรธเข้าไป, ยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ ยังดีกว่าพวกอ่อนแอที่จะใช้คำพูดมาฆ่าข้า ดูซิว่าเจ้าจะฆ่าข้ายังไง!  ต้องการมีดไหมเล่า? ไม่ต้องการบั่นคอยาวๆ ของข้าหรอกหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า!”

ขณะที่จ้าวคางคกกำลังหัวเราะอย่างย่ามใจ คนที่ไม่มีทางถูกกำจัด ก็ลงมือจนได้

ร่างใหญ่โตเหมือนภูเขา

พลังที่น่ากลัวสามารถทำลายภูผาได้โจมตีใส่ศีรษะของจ้าวคางคกอย่างหนักหน่วง

แค่เพียงทุบครั้งเดียวศีรษะของจ้าวคางคกก็แหลกเละ ตาโตทะลักกระเด็นไปไกลเป็นกิโลเมตรจนสุดขอบค่ายกลวงเวทหยุดลม

แม้แต่ลิ้นยาวที่เป็นส่วนแข็งที่สุด

ก็ยังแตกกระจายเป็นหลายชิ้น

ร่างที่ไร้ศีรษะของจ้าวคางคกร่วงลงพื้นในท่ามกลางสายตาหลายๆ คน

“เจ้า?”

ผู้อาวุโสตำหนักสองคนกับมังกรทองต่างตกใจคิดไม่ถึงคนที่ลงมือสังหารจ้าวคางคกนั้นก็คือเว่ยซู่รองเจ้าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ เกิดอะไรขึ้น?

เว่ยซู่ที่กลายเป็นหมียักษ์ไม่พูดอะไร แต่กระโดดลอยตัวสูง

และใช้อุ้งเล็บ

จากนั้นไล่ตะปบใส่ผู้อาวุโสตำหนักทั้งสอง

“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?”  ผู้อาวุโสตำหนักพยายามหลบหนี และตะลึงเมื่อพบว่ามีบางอย่างที่แตกต่างอยู่ข้างหลังพวกเขามีเงาดำไล่ตาม และเขาติดอยู่ในเงาดำนั้นไม่รู้จะควบคุมได้ยังไง จากนั้นผู้อาวุโสตำหนักกลางทั้งสองพบว่าพวกเขาไม่สามารถขยับร่างกายได้ และได้แต่มองดูฝ่ามือทั้งสอง

ปัง ปัง!

ศีรษะของผู้อาวุโสตำหนักทั้งสองถูกฝ่ามือหมีของเว่ยซู่กระแทกแตกราวกับลูกแตงโม

ใช้เวลาสามวินาทีเว่ยซู่ร่วมกับอสูรหมีก็มีร่างย้อมไปด้วยเลือดสหายของเขา เขาก้าวมาอยู่ข้างหน้าเย่ว์หยาง และแสดงความเคารพอย่างจริงใจ เขาโขกศีรษะคารวะถึงสามครั้ง

รอจนกระทั่งเขายืนขึ้นอีกครั้ง

เขาเหยียดหยามต่อหน้าร่างของจ้าวคางคก  “เจ้าโง่!  ข้าบอกให้ก็ได้ อย่างข้านี้เรียกว่าซ่อนตัวเป็นอย่างดีหรือเปล่า?”

คนที่ชมดูตกใจ

ทุกคนตกใจ

ในท้องฟ้า ไม่ทราบว่ามีเมฆดำมาบรรจบตั้งแต่เมื่อไหร่

นี่ไม่ใช่ลางบอกเหตุว่ากาฬสุริยันต์จะมาถึง  แต่เป็นกฎสวรรค์ของหุบเขาอสูรแสดงว่าอสูรตายมาครบสามครั้งแล้ว และจะต้องถูกลงโทษ

ขณะที่เย่ว์หยางหยิบกำไลแปลงพลังงานและดาบปีศาจน้ำแข็งขึ้นมาอย่างเงียบงัน กฎสวรรค์รูปสายฟ้าสีม่วงฟาดลงบนร่างของจ้าวคางคกที่ตายด้วยฝ่ามือของเว่ยซู่  บุรุษผู้ชั่วร้ายที่รวมร่างกับอสูรกบยังอยู่ในอาการงงงัน เขายกแขนขึ้นป้องกันตัว สายเกินกว่าจะหลบหนี เขาถูกสายฟ้าฟาดใส่อย่างรุนแรง

แน่นอนว่าแม้ว่าเขาจะหลบหนีได้สำเร็จ  แต่เขาไม่สามารถหนีพ้นจากอาญาสวรรค์

จากนี้ไป จ้าวคางคกจะกลายเป็นคางคกที่แท้จริง

เมื่อเขาตาย ก็จะเป็นการตายถาวร ไม่มีทางฟื้นคืนชีพอีกครั้ง...

“กุหลาบโลหิต”

สาวน้อยตั๊กแตนมัจจุราชรับดาบปีศาจน้ำแข็งที่เย่ว์หยางโยนให้ และจ้าวคางคกอยู่ในช่วงอ่อนแอ ขณะเดียวกันที่ท้องของมันมีช่องแผลเปิดออก

จ้าวคางคกหวาดกลัววิญญาณแทบหลุดลอย มันตกใจและหนีอย่างบ้าคลั่ง

แม้อยู่ภายใต้พลังแช่แข็ง ความเร็วของมันลดลงช้าเหมือนเต่าคลาน  มันกลับหลังหันต้องการหนีตาย

หมัดข้างหนึ่งต่อเข้าใบหน้าของจ้าวคางคก หัวของมันยุบเข้าไปถึงครึ่งหนึ่ง, จ้าวคางคกมองดูด้วยอาการมึนงงเห็นเสือหน้ามนุษย์ร่างกายเปียกปอนยืนถลึงตามองตัวมันด้วยความโกรธ

เสือหน้ามนุษย์ยังไม่ตายอีกหรือ?

หรือว่านี่เป็นภาพลวงตาก่อนตาย? หรือว่าเป็นผลของการลงโทษจากกฎสวรรค์?

จ้าวคางคกไม่มีเวลาคิด และทันใดนั้นมันรู้สึกว่ามีเหล็กในแทงเข้าสันหลังของมัน มันหันไปมองครั้งนี้กลับกลายเป็นว่านางพญาผึ้งพิษผู้ที่มันเห็นว่าตายไปแล้ว เป็นนางพญาผึ้งพิษจริงๆ!  เป็นไปได้อย่างไร?  เป็นไปไม่ได้ ทั้งเจ้าผึ้งและเจ้าเสือตายไปแล้ว ในฐานะอสูรปีศาจ ไม่ว่าจะเป็นใครเป็นไปไม่ได้ที่จะคืนชีพได้อีก

“ข้าก็เหมือนกับเจ้า ยังคงเป็นผู้พำนัก ข้ายังไม่ตายเลยสักครั้ง ความตายก่อนนั้นเป็นแค่ชุดสวมเท่านั้น” นางพญาผึ้งพิษแค่นเสียงครั้งแล้วครั้งเล่า

“ตรงกันข้าม, ข้าเป็นอสูรปีศาจจริงๆ..”  เสือหน้ามนุษย์พูดด้วยความโกรธ

“อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ยังมีน้ำ ข้าจะไม่ตายจริงๆ  ขอบคุณที่เจ้าฆ่าข้าด้วยดาบน้ำแข็ง มิฉะนั้นข้าคงตายไปจริงๆ!” ...  เสือหน้ามนุษย์คิดเล็กน้อยแล้วพูดเสริม “ความลับนี้ เจ้าปลาหมึกคงไม่ได้บอกเจ้า เพราะมันไม่รู้ว่าข้ามีวิชาลับรักษาชีวิตสุดท้ายอยู่ด้วย”

“จ้าวคางคกผู้ฉลาด, เจ้าไม่ใช่เพียงผู้เดียวที่วางกับดักเป็น แม้ว่าเจ้าจะฉลาดมาก แต่คนอื่นก็ไม่โง่!”  เย่ว์หยางยิ้มเล็กน้อย และรอยยิ้มของเขาขณะจ้องมองดูอสูรปีศาจเหมือนกับดวงอาทิตย์ฉายแสง  แต่ทุกคนมีความรู้สึกว่ารอยยิ้มของเจ้าเด็กนี่น่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจร้ายหรือเปล่า?  เย่ว์หยางไม่สนใจสายตาคนอื่นว่าจะมองเขายังไง  แต่เขาค่อยๆ แนะนำจ้าวคางคก  “แม้ว่าเจ้าไม่รู้ว่าเสือหน้ามนุษย์ก็มีวิชารักษาชีวิตก็คือพลังสะสมน้ำ  แต่ว่าความสามารถและแนวคิดของเขาเหนือกว่าการวางแผนของข้า แต่เขาไม่ได้ขัดขวางข้าไม่ให้ใช้ด่านทดสอบทุ่งกระดานหิน  และสุดท้ายขอบอกข่าวดีเจ้าอีกอย่างหนึ่ง ความจริงการเปิดกล่องแพนดอรามีหลายรูปแบบ ตัวอย่างเช่น ค่ายกลวงเวทหยุดลมของเจ้าก็นับเป็นรูปแบบหนึ่ง ขอให้ค่อยๆ สนุกกับคำสาปเทพวิบัติเถอะนะ  ข้าคิดว่าเจ้าอาจจะชอบก็ได้!”

“.......” จ้าวคางคกพูดไม่ออกอีกต่อไป ดวงตาของมันส่อแววสิ้นหวัง

…——……,! ~!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด