ตอนที่แล้วตอนที่ 850 หายนะกล่องแพนดอรา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 852 เรื่องโง่ครั้งเดียวก็เกินพอ  

ตอนที่ 851 ความจริงข้าก็อึดอัดใจเหมือนกัน


พอเย่ว์หยางพูดจบ นางอสูรกิ้งก่าไป่อี้ตกใจหวาดกลัวจนถอยออกไปสามก้าวใหญ่

นางไม่รู้ว่ากล่องทองแดงที่ถูกเปิดไปแล้วมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่จะได้รับพลังเทพวิบัติ  แต่โอกาสไม่น้อยแน่นอน อาจมากถึง 999 เท่า!  แต่ไม่ว่าจะเป็นกล่องทอง เงิน หรือทองแดง เมื่อเปิดออกแล้วต้องได้ผลสรุป!

ถ้าความเป็นไปได้มากถึง 999 เท่า แล้วใครจะรอด?

นางอสูรกิ้งก่าพบว่าร่างของตนเองเริ่มเปลี่ยนแปลงช้าๆ และผิวสีเขียวที่มักจะเปียกลื่น ไม่ทราบว่าเหือดแห้งไปตั้งแต่เมื่อใด

กลายเป็นสีเทาเหมือนขี้เถ้า

เกล็ดเริ่มร้อนเหมือนกับถูกลมร้อนในทะเลทรายพัดใส่

นี่คือสิ่งที่เรียกว่าคำสาปหรือ?  ต้องทราบว่าอสูรที่มีสีผิวเขียวเปียกและลื่นเป็นแนวทางฝึกฝนอสูรที่มีวิวัฒนาการมาตามลำดับ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือลายพราง สามารถกำบังและหลอกล่อศัตรู และใช้ในการต่อสู้  นอกจากนี้ยังใช้ในการช่วยชีวิตของมัน นอกจากลิ้นแล้ว ร่างกายของมันไม่เคยแห้งเลย เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?

นางอดเกาที่เกล็ดบางเบาไม่ได้ เกล็ดแตกร่อนปลิวไปในอากาศขณะที่นางเกา

อสูรปีศาจอื่นแตกตื่นกระโดดหนีกันหมด

และอยู่ห่างจากนางอสูรกิ้งก่าไป่อี้และอสูรวานรแซมซัน พวกเขากลัวว่าจะพลอยติดเชื้อวิบัติของทั้งสองไปด้วย

การคายน้ำ

อสูรช้างประเมินได้ทันที “ไป่อี้ได้รับพลังเทพวิบัติ และต้องคำสาปให้ต้องคายน้ำออกจากร่างกายตลอด  ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ในเวลาสิบนาทีนางจะกลายเป็นซากศพแห้ง!”

นางอสูรกิ้งก่ากรีดร้อง “ไม่ ไม่มีทาง! ข้าจะไม่มีทางกลายเป็นศพแห้งแน่นอน ต่อให้เป็นคำสาปก็เถอะ ข้าเป็นอสูรกิ้งก่าที่มีคุณสมบัติสองอย่างคือเป็นน้ำ ข้ายังมีความสามารถพิเศษเพิ่มสีสันพรางตาและลิ้นยาวสำหรับล่า รวมทั้งพิษและการลอกคราบ ต่อให้เป็นคำสาป อย่างมากก็ลอกหนังข้าไปสองสามชั้น แต่ข้าจะไม่กลายเป็นศพแห้งอย่างแน่นอน!”

ด้วยพลังปราณฟ้าระดับสี่ กับทั้งทักษะแฝงเร้นพิเศษ ไม่มีใครคิดว่านางจะตายได้ อย่างน้อยก็คงไม่ขาดน้ำตาย

แต่เมื่อเห็นก็เริ่มจะเชื่อ

เกล็ดชั้นแรกร่วง และผิวหนังชั้นแรกฉีกขาด

ไม่เพียงแต่ร่างเท่านั้นที่แห้งผาก  แต่พลังของไป่อี้ก็ตกลง เมื่อผิวร่อนออกไปถึงชั้นที่สิบ พลังปราณฟ้าของนางก็ลดระดับลงเหลือแค่ปราณดินอย่างน่าสมเพช

หลังจากนั้นสามนาทีต่อมานางอสูรกิ้งก่าก็ไม่สามารถรักษาระดับพลังปราณดินไว้ได้ พลังกลับตกลงไปต่ำกว่าระดับปราณดิน

ต่อให้ไม่ตาย ก็ยากจะดำรงชีวิตได้อีกต่อไป

พลังระดับปราณดินไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ อสูรปีศาจยากจะหายใจด้วยความโล่งอก ภายในไม่กี่วินาทีไป่อี้ร่วงบนกับพื้น นางเอื้อมมือไปที่อสูรอื่น ปากแห้งของนางเปล่งเสียงได้เพียงเล็กน้อย  อสูรชีตาร์กลัวจนสั่นไปทั้งตัว อสูรช้างมีความซื่อสัตย์ใจดีมากกว่ามันใช้งวงยาวพ่นน้ำและย่ำดินให้เป็นแอ่งให้ไป่อี้ได้นอนแช่  หวังว่าไป่อี้จะทนได้ก่อนตัวแห้งและให้ความเจ็บปวดทรมานลดลง

อย่างไรก็ตามพวกอสูรปีศาจตกตะลึงกับภาพที่เห็น ไป่อี้ที่แช่อยู่แอ่งเต็มไปด้วยน้ำก็ยังเต็มไปด้วยความกระหายน้ำอยู่ดี

ร่างแตกระแหงและฝ่อลงอย่างรวดเร็ว

ในที่สุดก็ลอยอยู่บนผิวน้ำเหมือนไม้แห้ง

ร่างเดิมขนาดสามเมตรและรวมกับส่วนหางด้วยนางอสูรกิ้งก่ามีความยาวหกเมตร แต่ขนาดหดลงเหลือไม่ถึงครึ่งเมตรกลายเป็นซากแห้งดำ

ภาพที่เห็นน่าหวาดกลัวขนพองสยองเกล้าสำหรับพวกอสูรปีศาจที่เห็น   แต่คนที่กลัวที่สุดไม่ใช่พวกเขา แต่เป็นอสูรวานรแซมซันที่รีบแกะกล่องเงินกินอย่างคล่องแคล่ว เขาแทบจะทรุดลงกับพื้น

“ช่วยด้วย, ช่วยข้าด้วย, ช่วยข้าด้วย!”  อสูรวานรเอื้อมมือไปทางสหายเก่า

แต่สหายของเขาไม่สามารถทำอะไรได้

เมื่อเห็นอสูรวานรแซมซันกลัวเหมือนถูกผีหลอก เขาจะยื่นมือช่วยได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้มีใจจะช่วยแต่ไม่รู้จะช่วยจากตรงไหน  ไป่อี้ร่างขาดน้ำทั้งที่แช่แอ่งน้ำ ผิวก็ยังแตกแห้ง ยังจะมีวิธีใดช่วยแซมซันผู้โชคร้ายได้หรือไม่?  แซมซันร่างสั่นเทิ้ม  “แซมซัน ถ้าช่วยเจ้าไม่ได้  ข้าจะช่วยกำจัดมันให้  ข้าขอโทษ ข้าช่วยไม่ได้จริงๆ”

อสูรช้างเห็นว่าผิวของอสูรวานรแซมซันไม่ได้แห้งและคายน้ำ เขารีบปลอบใจ “แซมซัน!  บางทีเจ้าอาจไม่โดนคำสาป”

เย่ว์หยางพยักหน้ายอมรับ  “การเปลี่ยนพลังเทพวิบัติจำเป็นต้องใช้โอกาส  ถ้าเจ้ามีโชคดี เจ้าจะได้รับพลังปั่นป่วน  นี่เป็นเรื่องจริง!”

แซมซันเหมือนคนที่กำลังจมน้ำแล้วคว้าฟางหวังว่าจะช่วยชีวิตได้  เขารีบถามด้วยความสงสัย “ถ้าข้าไม่มีพลังคำสาปเทพวิบัติ ร่างข้าจะไม่ขาดน้ำ และข้าจะไม่ตายใช่ไหม?”

เย่ว์หยางส่ายศีรษะ “บางทีนะ, แต่ข้าคิดว่าอดทนรอสักหน่อย  นั่นมีความจำเป็นมากกว่า ต้องรู้ไว้ว่ายิ่งเป็นคำสาปของพลังเทพวิบัติหลังๆ ก็ยิ่งมีพลังมาก  และข้าไม่แน่ใจจนกว่าผลสุดท้ายจะใช้ไม่ได้  นอกจากนี้ข้ามั่นใจว่ามีคำสาปมากกว่าหนึ่งแน่นอน และนับไม่ถ้วน คำสาปคายน้ำ เป็นคำสาปประเภทหนึ่ง”

“อะไรนะ? อ๊า อ๊า....”

อสูรวานรแซมซันพ่นน้ำออกมาจากลำคอทันที

ท้องของเขาโป่งพองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว  และสภาพของเขาเหมือนกับตกลงไปในน้ำสองชั่วโมงและถูกตกขึ้นมา ไม่ถึงหนึ่งนาทีแม้แต่มือและเท้าก็พลอยบวมน้ำไปด้วย

มันคว้าลำคอด้วยความเจ็บปวด รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก

แต่อสูรปีศาจทั้งหมดที่รายล้อมกลับเห็นว่า พื้นที่โดยรอบไม่มีหยดน้ำรวมทั้งที่ปากของแซมซัน  อสูรบาบูนที่ร่างมันมีความชื้นปล่อยขนไฟเพื่อระเหยน้ำด้วยพลังอัคคี  พื้นที่แวดล้อมไม่มีน้ำ ก็หมายความว่าไม่สามารถช่วยแซมซันได้ แซมซันพยายามดิ้นรนอย่างเจ็บปวด ในที่สุดก็หายใจไม่ออกและตายอย่างช้าๆ ไม่ว่าจะใช้กรงเล็บขีดข่วนหรือทุบใบหน้าอย่างไรก็ตาม และที่คอของเขามีรอยเจาะแทง แต่สิ่งที่น่าขนพองสยองเกล้าที่สุดก็คือเลือดที่ไหลออกจากบาดแผลรูเลือด กลับไม่ใช่เลือด แต่ไม่รู้ว่าน้ำใสๆ นั้นมาจากไหน

อสูรบาบูนหลับตาอย่างจนใจ มันเป็นสหายของอสูรวานรแซมซัน  แต่ทำได้แค่เพียงมองดูแซมซันตาย มันไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย

อสูรช้างและอสูรแรดถอนหายใจหนักหน่วง

พลังคำสาปของเทพวิบัติ โดยทั่วไปไม่มีใครช่วยชีวิตใครได้!

ด้วยพลังปราณฟ้าระดับสี่ของอสูรวานรแซมซัน ต่อให้ถูกโยนลงทะเลเป็นเวลาสองสามเดือน เชื่อได้ว่ามันจะไม่จมน้ำตาย  แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างหน้านี้ ในช่วงเวลาไม่ถึงสิบนาที มันกลับจมน้ำตาย แม้แต่ร่างก็บวมฉุ

นี่มันคำสาปอะไร?

จมน้ำ!

ตรงกันข้ามกับความตายของอสูรกิ้งก่าไป่อี้  ตนหนึ่งตายเพราะขาดน้ำ  อีกตนหนึ่งตายเพราะจมน้ำ

“ทุกคน โปรดชมดูนี่  ยังมีกล่องทองอีกใบ ไม่ทราบว่าสหายคนใดต้องการจะเปิดดูบ้าง  ความจริงอสูรเกิดใหม่ของข้าเก็บเอาไว้ในกล่องทอง ไม่เพียงแต่มีอสูรเกิดใหม่ที่ช่วยเรียกน้ำย่อยและยังมีพลังปั่นป่วนเป็นอาหารมื้อเต็ม  พวกเจ้ายังจะรออะไรอยู่อีก? มาเลย หัวหน้าผู้นี้จะลองเปิดดูบ้างไหม? โอกาสชนะมีสูงและรางวัลก็มีสูงมาก นี่ต้องเป็นรางวัลชนะเลิศ 100 %  เมื่อได้รางวัลแล้วอาจได้ของแถมเป็นพลังเทพวิบัติก็ได้!”  เย่ว์หยางถือกล่องทองและสั่นต่อหน้าอสูรปีศาจ  ทันใดนั้นพวกอสูรปีศาจตกใจกระโดดผางร้องลั่นหนีไปคนละทิศทาง

บางตนเผ่นหนีไปไกล

ไม่มีใครต้องการเห็นเด็กใหม่ตัวอันตรายนี้อีก

ยิ่งอยู่ใกล้เจ้าเด็กนี่สักนาที ก็ยิ่งมีอันตรายคุกคามชีวิต

เมื่ออสูรที่ซุ่มรอทำร้ายอยู่ที่ประตูป้อมปราสาทเผ่นหนีกระเจิง เย่ว์หยางส่ายศีรษะอย่างเบื่อหน่ายและเปิดกล่องทอง

ความจริงข้างในกล่องทองมีตั๊กแตนมัจจุราชตัวเท่าแฟรี่น้อยอยู่จริงๆ นางในวัยเริ่มกำเนิดมองดูเจ้านายด้วยประกายตาน่ารักและเจ้าปัญญา

“นี่คือบทเรียนแรกที่ข้าสอนเจ้า โลกนี้ไม่มีปัญหาที่แก้ไม่ได้ด้วยปัญญา  ไม่ว่าจะเป็นปัญหาใดย่อมมีทางแก้เสมอ นี่คือวิธีที่เจ้าจะต้องใช้ฉกฉวยประโยชน์ใช้ความสามารถของตนเองที่เหนือกว่า  เมื่อเผชิญหน้ากับช่วงเวลาที่ยากลำบากเจ้าต้องรู้จักไตร่ตรองหาทางคลี่คลายปัญหาจากศัตรูด้วยสติปัญญา  ต่อให้เจ้ามีพลังกายเหนือกว่าศัตรู  เจ้าก็ต้องทำเช่นนี้ เพราะการคลี่คลายปัญหาโดยการใช้ปัญญา ดีกว่าใช้เรี่ยวแรงทื่อๆ มากมายนัก  การใช้ความพยายามแต่ได้ผลสำเร็จครึ่งหนึ่งเป็นความพยายามที่สูญเปล่า เป็นผลงานที่ไร้คุณค่า” เย่ว์หยางยิ้มและใช้เหตุการณ์นี้มาใช้แนะนำสั่งสอนตั๊กแตนมัจจุราชอสูรแรกเกิด

“ฮื่อ” ตั๊กแตนมัจจุราชพยักหน้าเข้าใจ

“กลยุทธ์คือศูนย์รวมทางปัญญาที่สำคัญ  ถ้าข้าไม่ใช้สองกล่องจริงเพื่อล่อหลอกพวกเขา  พวกผู้แพ้หลายสิบคนกลัวแผนการที่ฉลาด ไม่อย่างนั้นข้าจะสามารถใช้กล่องทองปลอมให้พวกเขาได้ยังไง? ดังนั้นเจ้าต้องเรียนรู้การใช้กลอุบาย ต้องรักษาความเยือกเย็นตลอดเวลา อย่าตื่นเต้น เพราะนั่นคือการตอบสนองที่ผิดพลาด” เย่ว์หยางเดินไปและสอนตั๊กแตนมัจจุราชที่ยังอยู่ในกล่องทองไปด้วย

เขาเดินออกมาราวหนึ่งกิโลเมตรโดยไม่รู้ตัว

จนกระทั่งเขาเกือบชนนักรบปราณฟ้าที่ขี่กวางล่องหน เย่ว์หยางจึงหยุด

เมื่อเห็นนักสู้ปราณฟ้าขี่กวางขวางอยู่ข้างหน้าเขา เย่ว์หยางรู้สึกตัวก่อนและปิดกล่องทอง บังตั๊กแตนมัจจุราช และเก็บเข้ากระเป๋าเงียบๆ

นักรบปราณฟ้าที่กำลังขี่อสูรคล้ายกวางหัวเราะและชี้มาที่เย่ว์หยาง “ไม่จำเป็นต้องปิดบัง ข้าเห็นมันแล้ว  เด็กน้อย ข้าบอกได้เลยว่าเจ้าฆ่าคนไปสองคนเมื่อออกมา และเจ้ายังสอนอสูรของเจ้าด้วยวิธีการแย่ๆ อย่างนั้น เจ้าอยากตายในหุบเขาอสูรหรือ?  ดูแล้วเจ้าไม่แก่เท่าใด เจ้านี่ซื่อจริงๆ!  ตอนนี้เจ้าจะใช้สติปัญญางี่เง่าอะไรมาหลอกล่ออีก แสดงให้ข้าดู ดูว่าจะทำให้ข้าสงบใจลงได้ไหม?”

เย่ว์หยางหันหลังต้องการจะหนี

แต่สายเกินไป

นักรบปราณฟ้าผู้ขี่อสูรกวางฟันง้าวขัดขวางไม่ให้เขาหลบหนี

ในทันใดนั้นกล่องทองในมือของเย่ว์หยางถูกกระแทกเป็นผุยผง

ถ้าไม่ใช่เพราะร่างเย่ว์หยางได้รับการปกป้องจากกฎสวรรค์  เขาอาจจะถูกฝ่ายตรงข้ามฆ่าได้ทันที

“......”  แค่วินาทีต่อมากล่องทองที่มีตั๊กแตนมัจจุราชหายไปไม่เหลือร่องรอย เย่ว์หยางมองดูมือที่ว่างเปล่าอยู่นานไม่สามารถพูดอะไรได้สักคำ

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เด็กน้อย, เจ้าจงแสดงให้ข้าดูอีกครั้ง!  ความเยือกเย็นแบบไหนที่เจ้าใช้สอนอสูรขยะ!  ในหุบเขาอสูรมีแต่ผู้อ่อนแอเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง  ผู้มีพลังย่อมได้รับการนับถือเสมอ ไม่มีพลังที่นี่พูดเรื่องปัญญาไปก็ไม่มีผล  สมองโง่ๆ ของเจ้ายังไม่ฟื้นใช่ไหม? ข้าคือคนฉลาด และคนอ่อนแอก็คือเจ้า  ข้าเคยพบเห็นคนอย่างเจ้ามาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว ไม่มีข้อยกเว้นพวกเขากลายเป็นอสูรปีศาจ หรือไม่ก็ตายไป  เจ้าอิจฉาหรือ?  เจ้าจะลองฝึกใช่ไหม มาเลย”  นักสู้ปราณฟ้าที่ขี่อสูรกวางแค่นเสียงเยาะเย้ยเย่ว์หยางที่พูดคุยกับตั๊กแตนมัจจุราช

“ความจริงข้ายังหวาดๆ เล็กน้อย เจ้าต้องการเห็นจริงๆ หรือ?”  เย่ว์หยางที่ก้มหน้าอยู่พลันเงยหน้าและยิ้มกว้าง

เขาดึงกล่องทองในกระเป๋าออกมา

และค่อยๆ เปิด

ตั๊กแตนมัจจุราชที่มีขนาดเท่าหัวแม่มือยิ้มและยังอยู่ข้างใน

เย่ว์หยางไม่สนใจคำค่อนขอดของฝ่ายตรงข้าม ยังคงสอนตั๊กแตนมัจจุราชต่อไป “บทเรียนที่สอง ข้าคิดว่าเจ้าคงเข้าใจความจริง อย่าเชื่อสิ่งที่ตาเห็น  ตาถูกภาพลวงตาหลอกได้ง่าย  มันจะหลอกเจ้าได้!  เจ้าต้องเรียนรู้ในการรู้สึกได้ด้วยใจ ใจจะต้องไม่หวั่นไหวง่ายเกินไป!  นอกจากนี้ในอนาคต เจ้าจะต้องระมัดระวังปัญหา อย่าประมาทศัตรู ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมใด ไม่ว่าสถานการณ์ของเจ้าจะได้เปรียบเพียงไหนก็ตาม เจ้าจะต้องคิดที่จะสู้ต่อไป ความพึงพอใจและความหยิ่งยโสเป็นจุดเริ่มต้นของความล้มเหลว”

ตั๊กแตนมัจจุราชฟังอย่างตั้งใจและนางรีบพยักหน้ารับรู้ทันที “ฮืม!”

นักสู้ปราณฟ้าที่ขี่กริฟฟินเพลิงปรากฏตัวอยู่ด้านหลังเย่ว์หยางและถอนหายใจทันที “เด็กมาใหม่ช่างน่ากลัวจริงๆ ผ่านมาหลายปีแล้ว ข้าไม่เคยเห็นเด็กใหม่อย่างนี้มาก่อนเลย น่าสนใจจริงๆ  หุบเขาอสูรที่ไร้ชีวิตชีวาคงจะมีเรื่องสนุกขึ้นบ้าง!”

นักรบปราณฟ้าซึ่งปรากฏตัวพร้อมกับเพกาซัสเขาเดียว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ

ถ้ามิใช่ว่าสหายเขากระตือรือร้นต้องการจะได้พลัง เขาก็อยากสู้ด้วย

เขากลัวว่าคนที่ทำลายกล่องทองจะไม่ใช่เขาเองหรือ?

เมื่อขยี้หรือทำลายกล่องทอง เขาไม่กล้าคิดอีกต่อไป! เมื่อมองดูเด็กหนุ่มรูปงามที่กำลังยิ้ม เขารู้สึกว่าเจ้าเด็กนี่น่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจถึงหมื่นเท่า!  สู้กับเด็กนี่หรือ? ไม่, ถ้าเด็กนี่สู้ ต่อให้มีร้อยชีวิต ก็ไม่เพียงพอ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด