ตอนที่แล้วตอนที่ 848 ความตายมิอาจพรากความสุข
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 850 หายนะกล่องแพนดอรา

ตอนที่ 849 ด่านที่ห้าหุบเขาอสูร


เมื่อผ่านด่านที่สี่หุบเขาราคะได้

เย่ว์หยางพักผ่อนเล็กน้อย ก่อนจะย่างเท้าเข้าด่านที่ห้า หุบเขาอสูร

สำหรับหุบเขาอสูร แม่เฒ่าซาเคยอธิบายให้ฟังไว้ว่า ‘ในสถานการณ์นั้นห้ามนักรบใช้พลังของตนเอง  เขาต้องฝึกอสูรตั้งแต่แรกและใช้พลังของมันก้าวผ่านอุปสรรคให้ได้ ตั้งแต่มันยังอ่อนแอจนกระทั่งแข็งแกร่ง ถ้าอสูรที่ฝึกมีพลังไม่มากพอจะผ่านออกจากหุบเขาอสูรได้  อย่างนั้นผู้ท้าทายจะติดอยู่ในหุบเขาอสูรตลอดไปและจะกลายเป็นสมาชิกของหุบเขาอสูร

นอกจากนี้ไม่สามารถใช้พลังในหุบเขาอสูรได้ อสูรที่ฝึกมาจากข้างนอกนั้นมีกฎของการตายคือ ตายได้สามครั้ง หลังจากนั้นผู้ท้าทายจะถูกลงโทษโดยกฎสวรรค์ให้กลายเป็นอสูรปีศาจโดยตรง  ถ้าผู้ท้าทายกลายเป็นอสูรปีศาจแล้วก็ยังตายอีก จากนั้นวิญญาณของผู้ท้าทายจะถูกกำจัดตลอดไป

หือ?

มีข้อมูลที่แม่เฒ่าซาบอกไว้ว่านางพญาเฟ่ยเหวินหลีมีความสามารถผ่านได้สบายอยู่แล้ว  และเย่ว์หยางยังถามข้อมูลโดยเฉพาะกับผู้เฒ่าหนานกง จึงได้ทราบว่าจักรพรรดิอวี้ได้ฝึกอสูรภูตเพลิงพิโรธจนผ่านไปได้  เย่ว์หยางหาดูข้อมูลความสำเร็จและล้มเหลวของทุกคนเตรียมพร้อมไว้เมื่อมาถึงหุบเขาอสูร  ความคิดที่ว่าจะผ่านหุบเขาอสูรให้ได้อย่างราบรื่นไม่เคยผุดขึ้นมาเลย มีแต่ความลำบากยุ่งยาก

เหตุผลก็คือภูตเพลิงฟ้าที่เย่ว์หยางวางตัวไว้แต่เดิมเพื่อใช้ผ่านอุปสรรค ก็ไม่รู้ว่าจะดูดซับพลังเทพวิบัติและพลังปั่นป่วนเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ นางจมอยู่ในสภาวะหลับลึก นางอยู่ในสภาพที่เย่ว์หยางไม่รู้กำลังวิวัฒนการอะไรโดยอัตโนมัติ ยังไม่สามารถปลุกนางได้ทันที

โชคดีที่เสวี่ยอู๋เสียรอบคอบ นางเตือนให้เย่ว์หยางเก็บอสูรพิเศษเอาไว้ อย่างตั๊กแตนมัจจุราชเมื่อมันฝึกในบันไดสวรรค์ก้าวหน้าได้ช้า ก็น่าจะเก็บไว้เผื่อมีอุบัติเหตุ ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนี้ อย่างนั้นเย่ว์หยางคงไม่อยากฝ่าด่านโดยไม่เตรียมตัว นอกจากนี้เขาไม่รู้ศักยภาพของไข่อสูร

ในกรณีเช่นนั้น ทุกอย่างไม่สามารถควบคุมไว้ได้ในมือ

“สถานการณ์ตอนนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว เจ้าต้องพยายามให้หนัก!” เย่ว์หยางยืนอยู่หน้าป้อมปราการหุบเขาอสูร และยื่นมือลูบปีกตั๊กแตนมัจจุราชเบาๆ  การฝึกอสูรของหุบเขาอสูรมีสองทางเลือก  ทางแรก ทำเหมือนกับที่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีทำ ใช้อสูรของตนเองโดยตรงเดินเข้าสู่กฎการจำกัด และเข้าประตูย้อนเวลากำเนิดทำให้ได้ชีวิตใหม่  ความได้เปรียบเช่นนี้คล้ายกับลักษณะเติบโตตามลักษณะเฉพาะของอสูร และเจ้าของสามารถฝึกให้โดยตรง  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีใช้วิธีนี้ฝึกปีศาจน้ำแข็งที่แข็งแกร่ง และกวาดล้างทั่วหัวหุบเขาอสูร  ส่วนอีกวิธีก็คือเลือกไข่อสูรในหุบเขาอสูรเหมือนกับจักรพรรดิอวี้ ให้ไข่อสูรฟักตัวในบ่อต้นกำเนิด และจากนั้นจึงค่อยสอนวิทยายุทธ ถ้าไม่โชคร้าย ได้เมล็ดพันธุ์อย่างจักรพรรดิอวี้ ภูตไฟ ก็สามารถผ่านหุบเขาอสูรได้

มีเพียงสองทาง แต่ละทางมีความได้เปรียบและเสียเปรียบในตนเอง

นางพญาเฟ่ยเหวินหลีรู้จุดเด่นที่ได้เปรียบของอสูรตนเองดีมากกว่าจะอาศัยโชค

วิธีการของจักรพรรดิอวี้ แม้ว่าจะต้องอาศัยโชคเข้ามาช่วยด้วย แต่เขาก็เป็นสุดยอดนักสู้   เป็นไปได้ที่จะหาอสูรที่มีศักยาพไม่เลวจากไข่อสูรนับไม่ถ้วนในป้อมหุบเขาอสูร  นอกจากนี้ทางเลือกอย่างจักรพรรดิอวี้  ถ้าประสบผลสำเร็จก็จะเพิ่มอสูรที่ทรงพลังมาเป็นผู้ช่วย

ในทางตรงกันข้าม วิธีของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีต้องใช้อสูรที่ทรงพลังและอาจเป็นสุดยอดอสูรและปล่อยให้มันกลับมาผจญอีกครั้ง

“กัชๆ, กัชๆ.....”  ตั๊กแตนมัจจุราชรับผลึกมังกรจากเย่ว์หยางและกินอาหารโอชะครั้งล่าสุด  มันไม่มีความเห็นใดเกี่ยวกับการจัดการของเจ้านาย  แม้ว่ามันจะไม่ฉลาดมากที่สุด ไม่ได้เติบโตรวดเร็วที่สุด ยังไม่วิวัฒนาการเป็นระดับอสูรศักดิ์สิทธิ์  แต่โดยสัญชาตญาณของมันสามารถเข้าใจได้ว่าเจ้านายไม่เคยละทิ้งมัน  แต่ยังรักมันอีกด้วย

มันใช้แขนเคียวที่ฆ่าศัตรูมานับไม่ถ้วนกอดเย่ว์หยางอย่างแผ่วเบา

ตั๊กแตนมัจจุราชบินเข้าไปในประตูหวนกำเนิด

แสงศักดิ์สิทธิ์ฉายวาบขึ้น

พลังกฎสวรรค์ในหุบเขาอสูรเปิดใช้งานประตูหวนกำเนิดย้อนเวลาทำให้อสูรกลับไปเริ่มต้นชีวิตตั้งแต่ปฏิสนธิ ร่างของตั๊กแตนมัจจุราชหดขนาดลงอย่างรวดเร็ว ภายในร่างของมันแฝงไปด้วยพลังงานที่น่ากลัวถูกเปลี่ยนไปเป็นศักยภาพของมันอย่างสมบูรณ์ แต่ร่างของมันที่ได้รับการปรับเปลี่ยนซ้ำๆ จากพลังปราณก่อกำเนิดและเพลิงอมฤตของเย่ว์หยางสามารถดึงพลังสนับสนุนจากกฎสวรรค์พลังหวนกำเนิดได้และเปลี่ยนร่างมันให้เป็นร่างมนุษย์พร้อมทั้งเปลี่ยนเส้นเอ็นผลัดกระดูก

เมื่อตั๊กแตนมัจจุราชผ่านประตูหวนกำเนิด มันบินวกกลับผ่านเส้นทางหวนกำเนิดและกลับมาหาเย่ว์หยาง

มันกลายเป็นอสูรมีขนาดจิ๋ว โตกว่านิ้วเพียงเล็กน้อย

นอกจากนี้จากเดิมที่เป็นอสูรสายบู๊  มันกลายเป็นอสูรสายพิเศษ

จากแต่เดิมเริ่มต้นจากอสูรระดับทอง

ก็กลายเป็นอสูรระดับเพชร

ตอนนี้กล่าวได้ว่านางยังเล็กเหมือนทัมเบลินา (หญิงสาวจากนิทานตะวันตก ตัวขนาดหัวแม่มือ) หลังจากถือกำเนิดใหม่ตั๊กแตนมัจจุราชก็ปลดสภาวะคอขวดของพัฒนาการทิ้ง และมีบางส่วนของร่างกายที่ผ่านวิวัฒนาการมาแล้ว

เมื่อบินลงที่ฝ่ามือของเย่ว์หยาง ร่างของนางเล็กและงดงามเริ่มวิวัฒนาการมีศีรษะคล้ายมนุษย์และมีสติปัญญาสูง

ร่างของนางยังไม่วิวัฒนาการเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ยังไม่ถึงกับเหมือนมนุษย์นัก นอกจากแขนที่ดูใกล้เคียงมนุษย์มาก  ขาของนางยังเรียวเล็กน้อย ปีกสีทองด้านหลังยังคงมีอยู่  แต่สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางตื่นเต้นและประหลาดใจก็คือ นางมีมีดโค้งคู่มือต่างหากที่ทรงพลังที่สุด  ดูเหมือนมีดคู่มือทั้งคู่จะกลายเป็นอาวุธสังหารได้  นางสามารถใช้แขนเคียวในรูปลักษณ์เดิมได้และสามารถถอดแขนมีดเคียวไว้ด้านหลังเหมือนที่นักรบมนุษย์พกพาอาวุธ

ควาก....

เย่ว์หยางฉีกชิ้นผ้าบนร่างตนเองและค่อยๆ พันให้บนร่างนางใช้ต่างเสื้อผ้าไปก่อน

ตั๊กแตนมัจจุราชที่มีขนาดเท่าแฟรี่น้อยหมุนตัวมอง

นางมองดูรูปลักษณ์ใหม่ตนเองด้วยความพอใจ..ในที่สุดก็จะวิวัฒนาการไปเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ นางตื่นเต้นมากเป็นธรรมดา เพราะนี่คือความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอสูรทั้งหมด

ข้างนอกป้อม

มีอสูรปีศาจที่ดุร้ายซุ่มรออยู่บริเวณประตู ดวงตาของพวกมันมีแววกระหายเลือด

ขณะที่พวกมันต่างอดทนรอ มีพลังงานปั่นป่วนออกมาจากป้อมปราการ  พวกมันรู้ได้ทันทีว่ามีผู้ท้าทายใหม่มาถึง ไม่ว่าผู้ท้าทายใหม่จะแข็งแกร่งเพียงไหนก็ไม่สำคัญ  ตราบใดที่สามารถฆ่าอสูรเปราะบางที่เพิ่งถือกำเนิดได้  และฆ่าได้ถึงสามครั้ง ผู้ท้าทายใหม่จะต้องถูกกฎสวรรค์ลงโทษและกลายเป็นพวกเดียวกับพวกมัน

พวกเขารู้ดีว่า พวกเขาพ่ายแพ้มาแล้ว  ร่างของพวกเขากลายเป็นอสูรปีศาจ และพวกเขาถูกกำหนดไว้ว่าจะไม่สามารถออกไปจากหุบเขาอสูรได้ตลอดชีวิต

อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ต้องการให้พวกมือใหม่หลุดพ้นไปจากสายตาพวกเขาได้

ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร  พวกเขาจะต้องฉุดลากลงมาให้ได้

ต้องให้เขากลายเป็นอสูรปีศาจด้วยเช่นกัน และอยู่ในหุบเขาอสูรและกลายเป็นสหายของพวกเขาตลอดไป!  ที่โชคร้ายก็คือจะไม่สามารถอยู่รอดได้ด้วยตนเองตามลำพัง พวกเขาต้องการให้มีคนมากๆ ตกเข้าสู่ห้วงแห่งความสิ้นหวังตลอดไป

อสูรปีศาจเหล่านี้ คาดว่าน่าจะเป็นผู้ท้าทายที่ล้มเหลวและถูกเปลี่ยนเป็นอสูรปีศาจ  พวกเขารอซุ่มโจมตีอยู่นอกป้อมปราการ

นอกจากนี้ยังมีนักรบปราณฟ้าสามคนกำลังขับขี่อสูที่ทรงพลังเคียงข้างกัน และปรึกษาวางแผนต่อสู้   พวกเขาก็อยู่ในกลุ่มผู้แพ้เช่นกัน  แต่ต่างจากผู้แพ้ที่กลายเป็นอสูรปีศาจ  พวกเขายังมีโชค เพราะอสูรของพวกเขายังตายไม่ถึงสามครั้ง  ในฐานะเจ้านายพวกเขายังไม่ถูกกฎสวรรค์ลงโทษ แต่ยังคงรักษารูปลักษณ์เดิมไว้ได้  อย่างไรก็ตามเพราะเหตุผลนานัปการ อสูรของพวกเขาถูกฝึกมาผิด และทักษะของอสูรศึกของพวกเขาที่เพิ่มมากขึ้นก็มีข้อบกพร่อง ตัวอย่างเช่น อสูรศึกมีปัญญาไม่เพียงพอจะผ่านด่านได้ และไม่สามารถออกไปจากหุบเขาอสูรได้

หากอสูรมีปัญญาไม่เพียงพอ แม้ว่าจะมีความแข็งแกร่ง การผ่านด่านหุบเขาอสูรก็เป็นไปไม่ได้

ความลับนี้เย่ว์หยางรู้มานานแล้ว

นอกจากข้อมูลคลุมเครือของแม่เฒ่าซาแล้ว  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีชี้ชัดว่ามีสถานที่ในหุบเขาอสูรซึ่งมีผลปัญญาเติบโตงอกงาม ตราบเท่าที่เขาคว้าเอามาได้ อสูรศึกไม่เพียงแต่จะผ่านด่านได้เท่านั้น  แต่จะเติบโตก้าวหน้าได้มากขึ้น

แน่นอนว่าจะมีอสูรที่แข็งแกร่งคอยอารักขาต้นผลภูมิปัญญา ซึ่งยังมีพลังต่างกันมาก  ถ้าเขาบุ่มบ่ามบุกเข้าไปตั้งแต่เริ่มแรก  อสูรของเขาตายแน่นอน!

ในหุบเขาอสูรมีผู้ท้าทายอยู่มากมาย  เป็นเวลานานมาแล้ว เขาเองก็รู้ว่ามีการดำรงคงอยู่ของผลภูมิปัญญา  แต่เขาก็ยังไม่กล้าไป  เพราะเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่จะเข้าไปท้าทายในตอนนี้ มีผลลัพธ์ของการผจญภัยมีเพียงประการเดียวเท่านั้นก็คือ อสูรศึกจะถูกฆ่าตายทันที  และร่างกายหลักจะเสื่อมลงกลายเป็นอสูรปีศาจ  และถ้าอสูรปีศาจยังทำไม่ได้อีก วิญญาณก็จะถูกทำลายโดยตรง

“ผู้ท้าทายคนใหม่ไม่ได้ออกมานานแล้ว จวนได้เวลาแล้ว!”  นักรบปราณฟ้าที่ขับขี่อสูรรูปร่างคล้ายกวางด้านซ้ายรู้สึกประหลาดใจ

“เด็กใหม่มักจะระมัดระวังตัวอย่างนี้  เจ้าไม่รู้หรือว่ามีขีดจำกัดสามครั้ง  พลาดโอกาสให้อสูรออกมาจากป้อมปราสาท และทำให้เจ้าของคนใหม่ตายจากอสูรโดยตรงเลย นั่นไม่มีโอกาสถึงสามครั้งไม่ใช่หรือ?”  นักรบปราณฟ้าที่ด้านขวาซึ่งขี่เพกาซัสเขาเงินตะโกนด่าเหยียดเหยียม

“ทุกคนเอาจริง  ข้าหวังว่าครั้งนี้คงจะไม่เปิดช่องทางอีกครั้ง  ก่อนหน้านี้มีมือใหม่หลายคนที่ฝ่าวงล้อมเราออกไปได้ และมีผู้ท้าทายถึงสามคนที่ผ่านด่านได้สำเร็จ นี่เป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับเราที่อยู่ที่นี่มากที่สุด  อย่างไรก็ตามครั้งนี้จะไม่มีการผิดพลาดอีกต่อไป!  เจ้าเด็กใหม่ออกมาจากป้อมปราการ อสูรที่เขามีจะอยู่ในช่วงเวลาอ่อนแอที่สุด ถ้าครั้งนี้ไม่สามารถขัดขวางได้สำเร็จ ต่อไปจะยากมากขึ้นทุกที!  ต้องเอาจริง ต้องมั่นใจว่าสามารถฆ่าอสูรเกิดใหม่ได้”  นักสู้ปราณฟ้าผู้ขับขี่กริฟฟินอัคคีตรงกลางน่าจะเป็นผู้นำของคนทั้งสาม  เขาตะโกนด้วยความโกรธ และทำให้นักรบปราณฟ้าทั้งสองได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าเถียง

ในป้อมปราการหุบเขาอสูร จะมีเวลาป้องกันให้สามชั่วโมง

กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ มีเวลาอย่างน้อยสามชั่วโมงที่อสูรเกิดใหม่จะเติบโตได้อย่างปลอดภัย

หลังจากหมดเวลาสามชั่วโมงแล้วยังไม่เข้าสู่พื้นที่หุบเขาอสูรแท้ๆ  กฎสวรรค์ประจำหุบเขาอสูรจะฆ่าอสูรในป้อมปราการทั้งหมด

นี่คือการป้องกัน แต่ขณะเดียวกันก็เป็นการกดดันไปด้วย.... อสูรเกิดใหม่จะต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์โหดร้ายโดยรอบให้เร็วที่สุด และเผชิญกับภัยคุกคามถึงตาย  มิฉะนั้นมันจะถูกกำจัด!  อสูรใหม่จะเหมือนกันหมด ไม่สำคัญว่ามันเป็นใคร  ไม่สำคัญว่าเจ้านายมันจะมีสถานะอะไร ไม่สำคัญว่าเจ้านายของมันจะยิ่งใหญ่เพียงไหน ล้วนแต่ตกอยู่ภายใต้กฎเดียวกัน

หลังจากผ่านไปสามชั่วโมงเข้าสู่นาทีสุดท้ายและเริ่มนับถอยหลัง ศัตรูที่ซุ่มซ่อนอยู่ภายนอก, อสูรปีศาจเตรียมพร้อมเข้าโจมตี

เงาร่างหนึ่งปรากฏ

ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังทำอะไร เย่ว์หยางปรากฏตัวออกมาในที่สุด

แตกต่างจากมือใหม่คนอื่น ไม่มีอสูรเกิดใหม่อยู่ข้างตัวเขา...

ยกเว้นกล่องเล็กที่ถืออยู่ในมือของเขา นอกนั้นไม่มีอะไรอื่น

อสูรเกิดใหม่อยู่ในกล่องนี้ไม่ใช่หรือ?

อย่าว่าแต่กล่องเลย ต่อให้เป็นภูเขา อสูรปีศาจที่ซุ่มอยู่โดยรอบก็สามารถถล่มให้ราบได้  พวกมันไม่สามารถโจมตีเย่ว์หยาง  แต่กล่องในมือของเย่ว์หยาง  ถ้ามีอสูรเกิดใหม่อยู่ ขอเพียงถูกโจมตีครั้งเดียว มันจะต้องตายอย่างมิต้องสงสัย!

เพราะการกินอสูรเกิดใหม่ จะทำให้แข็งแกร่งขึ้นและมีอายุยืนยาวขึ้น

อสูรปีศาจซึ่งเปลี่ยนไปหลังจากท้าทายหลังสิบครั้งกำหมัดและพุ่งเข้าหา กลัวว่าตนจะเป็นคนสุดท้าย...

เป้าหมายก็คือกล่องในมือของเย่ว์หยาง!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด