ตอนที่แล้วตอนที่ 842 อาจารย์ลั่วซือ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 844 คุยเรื่องเรือรบรังสีกัมปนาท

ตอนที่ 843 เปิดเผยสถานะ


เมื่อลั่วซือสัมผัสหีบบรอนซ์  หีบบรอนซ์สูง 1.5 เมตรเปิดออกเหมือนกับดอกไม้บาน ชิ้นส่วนเครื่องมือบรอนซ์ต่างๆ นับไม่ถ้วนต่างๆลอยออกมา ทำให้ทุกคนตาลาย ขณะต่อมาสถานีปฏิบัติงานขนาดเล็กก็ปรากฏอยู่ต่อหน้าลั่วซือ

แฟรงค์ เมลิซซาจอห์นสันและพวกที่เหลือตะลึงกันหมด ใครเล่าจะเคยเห็นเทคนิคจักรกลแบบนั้นมาก่อน?

สถานีปฏิบัติการบรอนซ์มีเครื่องมือทุกแบบที่มีรูปร่างขนาดต่างๆกัน แต่ด้วยฝีมือการผลิตที่แปลกประหลาดและประณีตทำให้มันเป็นประกายแพรวพราวซึ่งแม้แต่ถังเทียนก็ยังตกใจที่ได้เห็น เขาไม่เคยคาดเลยว่าหีบบรอนซ์ที่ดูเหมือนจะธรรมดาสามารถบรรจุเครื่องมือต่างๆได้พอดีหลายอย่าง

ลั่วซือผู้ยืนอยู่ด้านหลังสถานีปฏิบัติการบรอนซ์ดูเหมือนจะมีราศีแตกต่างจากปกติอย่างสิ้นเชิง  เหมือนกับว่าเขากลายเป็นอีกคนหนึ่ง ใบหน้าที่ว่างเปล่าของเขาเป็นประกายมีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยพลังงาน  ตาของเขาที่เหม่อปราศจากความคิดเริ่มกลับกลายเป็นความแน่วแน่มากขึ้นเหมือนกับดวงดาวทอประกายในท้องฟ้า ปล่อยรัศมีแพรวพราวที่ใครจะละเลยไม่ได้

ทุกคนกลั้นหายใจและจงหลีไป๋และพวกที่เหลือแสดงให้เห็นถึงความรักและเคารพเขา

ในที่สุดถังเทียนก็เข้าใจถึงสาเหตุที่จงหลีไป๋และพวกที่เหลือให้ความเคารพต่อลั่วซือมาก

แต่การกระทำที่ตามมาของลั่วซือทำให้ถังเทียนตะลึง

ลั่วซือเอาก้านสีเงินที่เล็กละเอียดอ่อนออกมาความผันผวนของพลังที่คุ้นเคยนั้นทำให้ถังเทียนตระหนักว่ามันคือสมบัติดวงดาว แต่ถังเทียนรู้สึกว่ายากจะเข้าใจว่าลั่วซือสามารถรู้วิธีใช้สมบัติดวงดาวได้อย่างไร?  และมันเกิดขึ้นเมื่อใด?

“กลุ่มดาวขาตั้งภาพ?”  ถังเทียนถามอย่างไม่แน่ใจ

กลุ่มดาวขาตั้งภาพเป็นกลุ่มดาวที่เล็กและกันดารมากหนึ่งในกลุ่มดาวฟากฟ้าใต้และการใช้งานนี้เป็นเอกลักษณ์มากเฉพาะสมาชิกผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นถึงใช้ได้

“ตะเกียบเงิน,เซรีนให้ข้า”  ลั่วซือพูดโดยไม่เงยหน้า

‘โอว’ถังเทียนเข้าใจทันที แต่ต่อมาเขาเห็นเครื่องมืออีกชิ้นหนึ่งในมือของลั่วซือและเขาเบิกตากว้างอีกครั้งเป็นเข็มทิศเงินเล็กละเอียดอ่อน เหมือนว่ามันหมุนปั่นรอบฝ่ามือของลั่วซือไม่หยุด

“กลุ่มดาววงเวียน?”ถังเทียนโพล่งออกมา ลักษณะของมันเด่นชัดมาก

“เครื่องวัดสมดุลของกลุ่มดาววงเวียน,ผี่ผามอบให้ข้า” ลั่วซือตอบ

ถังเทียนไม่รู้จะพูดอะไรกลุ่มดาววงเวียนเป็นหนึ่งใน 42 กลุ่มดาวฟากฟ้าใต้เหมือนกับกลุ่มดาวขาตั้งภาพ  นั่นคือกลุ่มดาวเล็กๆทั่วไปที่มีนักสู้น้อยคนนักที่ไปเยี่ยมเยือนหรือใช้สมบัติดวงดาวของพวกเขา

จากนั้นลั่วซือล้วงเอาไม้บรรทัดเงินที่มีแสงสีรุ้งโคจรอยู่มีรอยบ่งบอกมาตราขนาดนับไม่ถ้วน ที่ดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงได้

“กลุ่มดาวไม้ฉากชิ้นนี้ใครให้ท่าน?”  ถังเทียนแน่ใจเขาคุ้นเคยกับกลุ่มดาวต่างๆ จิ่งหาวฝึกฝนเพื่อรับมรดกของกลุ่มดาวนี้ แต่จิ่งหาวทลายกรงของกลุ่มดาวไม้ฉากและเข้าสู่โลกที่กว้างใหญ่

“ชุดไม้สี่เหลี่ยมเบา  ติงตังให้ข้า” น้ำเสียงของลั่วซือยังคงเฉยเมย

ตอนนี้ถังเทียนเต็มไปด้วยความสงสัยอยากรู้ ลั่วซือเอาสมบัติดวงดาวสามชิ้นออกมาซึ่งทำให้เขาตื่นเต้นมากกับวิธีที่ลั่วซือใช้ตรวจสอบเรือรบรังสีกัมปนาท  ความรู้ของลั่วซือในการใช้สมบัติดวงดาวทำให้เขาทึ่งอย่างมากแต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจมากกว่าก็คือเขาใช้สมบัติทั้งสามอย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว

ตะเกียบเงินยิงแสงสายหนึ่งฉายออกมาต่อหน้าของทุกคนและเปลี่ยนเป็นม่านแสง

เครื่องวัดสมดุลอีกมือหนึ่งของเขากลายเป็นแสงลอยขึ้นมาและยิงเข้าไปที่ส่วนของเรือรังสีกัมปนาท  หลังจากนั้นม่านแสงเขียวมีจุดดำซึ่งเริ่มเคลื่อนที่ลากยาวกลายเป็นเส้นสีดำ

จากนั้นลั่วซือโยนไม้สี่เหลี่ยมเบาขึ้นไปในม่านแสงซึ่งเปลี่ยนเป็นแสงที่ลอยอยู่อีกเส้นหนึ่งรอยที่มีขนาดนับไม่ถ้วนปรากฏอยู่ในม่านแสง เหมือนมีเข็มเล็กๆสีแดงบินอยู่ไม่สม่ำเสมอ

ภายในจอแสง ลายเส้นของเรือรบรังสีกัมปนาทถูกวาดขึ้น  และจำนวนลายเส้นการวาดก็ไหลต่อเนื่องเหมือนกับน้ำตกจากด้านขวาของจอแสง

ถังเทียนถึงกับตาลาย เขาประหลาดใจกับความจริงที่ว่าลั่วซือสามารถใช้สมบัติดวงดาวได้  แต่เขายังสามารถผสมผสานใช้สมบัติดวงดาวได้ ‘นั่น.. นั่นยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว!’

ลั่วซือดูท่าทางช้าและเฉย แต่เมื่อสัมผัสสิ่งที่เกี่ยวข้องกับงานจักรกล จะเหมือนกับว่าเขาเป็นอีกคนที่แตกต่างออกไป  เต็มไปด้วยพลังชีวิต

‘เป็นไปตามคาดหัวหน้าปรมาจารย์จักรกลแห่งกลุ่มดาวกางเขนใต้...’

จงหลีไป๋ที่ยืนอยู่ด้านข้างไม่ประหลาดใจ พวกเขามีประสบการณ์กับพลังของลั่วซืออย่างลึกซึ้งนานแล้ว  เป็นธรรมดาที่อาจารย์ลั่วซือจะทรงพลังและไม่ธรรมดาสำหรับเขาไม่ใช่หรือ ในช่วงที่ผ่านมาสองสามวันกองพลสัตว์ประหลาดของพวกเขาเหมือนได้เกิดใหม่ ในช่วงสองสามวันแรกอาจารย์ลั่วซือจะหมกมุ่นอยู่การค้นคว้าวัสดุ  ดังนั้นจงหลีไป๋จึงไม่ทันสังเกตเขามากนัก  แต่หลังจากผ่านไปสองสามวัน  เมื่อลั่วซือเริ่มพัฒนาสัตว์ประหลาดจงหลีไป๋ถึงกับตกตะลึง

พลังของสัตว์ประหลาดเพิ่มขึ้นมากกว่า 30%

ในที่สุดจงหลีไป๋ก็เข้าใจสาเหตุที่กลุ่มดาวหมีใหญ่ยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งเข้มแข็งมากขึ้น  และเข้าใจในที่สุดว่าปรมาจารย์จักรกลที่แท้จริงเป็นยังไง กลุ่มดาวราชสีห์ศึกษาเรื่องราวของกลุ่มดาวหมีใหญ่มานานถ้าพวกเขารู้ความจริง ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะรู้สึกยังไง

แต่จงหลีไป๋ไม่มีอารมณ์จะสนใจว่ากลุ่มดาวราชสีห์คิดยังไง  เขาเป็นแม่ทัพทหารของกลุ่มดาวหมีใหญ่แล้ว  นอกจากนี้ด้วยการเพิ่มพลังสัตว์ประหลาดมันทำให้จงหลีไป๋ได้คลายความรู้สึกกดดันออกไปได้ในที่สุด

การเพิ่มพลังของนักสู้จักรกลไม่สามารถทำให้ทันกับการเพิ่มพลังของอาวุธจักรกลวิญญาณของพวกเขา  ถ้าเรื่องนั้นรั่วไหลออกไป เขาคงเสียหน้าแน่นอน

จงหลีไป๋ไม่เคยผ่อนคลายแม้แต่น้อย  และฝึกผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาหนักมากขึ้น

แฟรงค์ตกตะลึง, ทุกอย่างที่เกิดขึ้นต่อหน้าเขาเกินขีดความเข้าใจของเขาไปอย่างสิ้นเชิง‘ของ..ของเหล่านั้น.. สมบัติวิญญาณ..’

‘ขุนพลวิญญาณกับสมบัติวิญญาณสามอย่าง และเครื่องมือวิญญาณที่ทรงพลัง’  ของเหล่านี้เหนือจินตนาการของเขาอย่างสิ้นเชิง  ‘เดี๋ยวก่อน, สมบัติวิญญาณ’  ชื่อๆ หนึ่งผุดขึ้นมาในใจของเขาทันทีเขาหลุดปากออกมา “สัมพันธมิตรใต้!”

เร็วๆ นี้กล่าวกันว่าสัมพันธมิตรใต้มีชื่อเสียงขึ้นมากในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์เนื่องจากสมบัติวิญญาณ!

เมื่อกล่าวเช่นนั้นชายชรารู้สึกว่าเป็นความผิดพลาด และหน้าของซีดขาว

เมลิซซาและจอห์นสันมีปฏิกิริยาเมื่อได้ยินคำพูดนี้และหน้าของพวกเขาเปลี่ยนทันที ทุกคนต่างสงสัยและคิดถึงเบื้องหลังของพวกเขา แต่พวกเขาไม่เคยคาดเดาเลยว่าจะเป็นสัมพันธมิตรใต้ ‘สัมพันธมิตรใต้กำลังทำสงครามกับทวีปกวงหมิงอย่างดุเดือดและพวกเขาเสียเปรียบอยู่ ทำไมพวกเขาถึงมาปรากฏที่นี่?  นี่คือด้านตะวันตกสุดของทวีปกวงหมิงเป็นไปได้ไหมว่าสัมพันธมิตรใต้จะเดินทางผ่านทวีปกวงหมิงมาที่แผ่นดินด้านตะวันตก?’

แต่เมื่อแฟรงค์หลุดปากเอ่ยชื่อ“สัมพันธมิตรใต้” ออกมา พวกเขาก็รู้กันหมด

ถังเทียนหัวเราะ แต่ไม่พูดอะไร

เมื่อเห็นสีหน้าของถังเทียนแฟรงค์หัวใจตกวูบ หน้าของเขาซีดขณะที่เขาสั่นด้วยความกลัว ก่อนนี้พวกเขารู้สึกว่าคงไม่มีอะไรมากถ้าพวกเขาพึ่งพาถังเทียน เนื่องจากกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ไม่ใช่กลุ่มสำคัญในทวีปกวงหมิง  ดังนั้นถ้าพวกเขามาจากทวีปทองก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร เนื่องจากทวีปทองและทวีปกวงหมิงอยู่ห่างไกลกันมาก  และพวกเขาไม่สนใจความขัดแย้งผลประโยชน์อันใด

แต่จะแตกต่างกับสัมพันธมิตรใต้  สัมพันธมิตรใต้ทำสงครามกับทวีปกวงหมิง  ถ้ากลุ่มการค้าเมซฟิลด์ไปเข้ากับสัมพันธมิตรใต้ในช่วงอย่างนั้นทวีปกวงหมิงคงจะกำจัดพวกเขาหมด แฟรงค์รู้สึกเหมือนกับโดดลงไปในน้ำแข็ง ริมฝีปากเขาสั่น ก่อนนี้ถ้าเขาตรวจสอบได้ว่าถังเทียนและกลุ่มของเขาเกี่ยวข้องกับสัมพันธมิตรใต้  เขาคงไม่มีทางเลือกพวกเขาแน่

เขาไม่ควรจะเปิดเผยเรื่องนี้

แต่พวกเขาไม่มีทางให้ถอยอีกต่อไปแล้ว  แม้ถังเทียนยังจะยิ้มอยู่  แต่ถ้าพวกเขาเลือกจากไปก็จะไม่มีใครรอดชีวิตออกไป ในช่วงที่ผ่านมาสองสามวัน เขาได้เห็นแล้วว่านายท่านดูอำมหิตโหดร้ายเพียงไหน  แต่ในช่วงเวลาสำคัญนายท่านจะไร้ความเมตตาและน่ากลัวมาก

แฟรงค์กวาดความคิดมากมายออกไปจากใจ  และในขณะนั้น เขาตัดสินใจแล้ว ในความเป็นจริงพวกเขาไม่มีทางเลือกจะทำอะไรอีกต่อไปได้ ต่อให้ถังเทียนไม่ฆ่าพวกเขา เขาเป็นคนให้เรือรบรังสีกัมปนาท ถ้าข่าวนี้กระจายออกไป สภาผู้อาวุโสจะไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปแน่  ตำแหน่งในสภาฯ มักจะเป็นตำแหน่งสูงสุดในการตัดสินกิจการภายในของทวีปกวงหมิงด้วยความผิดนั้น กลุ่มการค้าเมซฟิลด์คงจะอยู่ยาก

“ข้าตาบอดจริงๆ”แฟรงค์รู้สึกเย้ยหยันตัวเอง แต่สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังทันทีขณะที่เขาพูดอย่างเคร่งขรึม “กลุ่มการค้าเมซฟิลด์จะติดตามนายท่านนับแต่วันนี้ไป!”

เมลิซซาตะลึง ขณะที่จอห์นสันถอนหายใจโล่งอกบางทีกลุ่มการค้าเมซฟิลด์กำลังวางเดิมพันอยู่ แต่สำหรับจอห์นสัน หมายถึงว่าชีวิตของเขาได้รับการยกเว้นชั่วคราว

ถังเทียนโบกมือให้อย่างอารมณ์ดี  “ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าเสียเปรียบแน่”

กลุ่มการค้าเมซฟิลด์เป็นองค์กรธุรกิจท้องถิ่นด้วยความช่วยเหลือของพวกเขา อัตราความสำเร็จของแผนการทั้งหมดก็เพิ่มมากขึ้น

แฟรงค์ลังเลเล็กน้อยจากนั้นถามอย่างระมัดระวัง “ข้าสงสัยจริงว่านายท่านรั้งตำแหน่งใดในสัมพันธมิตรใต้?”

“ข้าคือถังเทียน”ถังเทียนไม่ปิดบังและพูดอย่างชัดเจน “ผู้นำแห่งสัมพันธมิตรใต้”

ทั้งสามคนตกตะลึงเงียบอีกครั้ง

ทั้งสามคนตั้งตัวไม่ทันอยู่นานทำให้ถังเทียนอึดอัดและหงุดหงิด “ข้าดูไม่เหมือนหรือไง?”

เขาไม่รู้ว่าทั้งสามคนนั้นตกใจมากมายเพียงไหน

เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่แล้วที่กองทัพของสัมพันธมิตรใต้มาปรากฏในภูมิภาคตะวันตกของทวีปกวงหมิง แต่ผู้นำกองทัพกลับเป็นผู้นำสัมพันธมิตรใต้จริงๆ เรื่องนั้น...

พวกเขาจำได้ทันทีว่าตั้งแต่แรกเริ่มที่กรีฑาทัพลงใต้มีรายงานมาจากแนวหน้ามากมาย แต่ไม่เคยมีข่าวผู้นำของสัมพันธมิตรใต้เลย มีแต่ขุนพลวิญญาณที่เป็นผู้บัญชาการสูงสุดของสัมพันธมิตรใต้ที่ปรากฏอยู่ในรายงานเป็นครั้งคราว

ถังเทียนนำกองทัพมาปรากฏที่ด้านตะวันตกสุดของทวีปกวงหมิงเหมือนกับภูตพราย!

แม้แต่คนที่โง่ที่สุดก็คงเข้าใจได้ว่าจะส่งผลต่อสถานการณ์โดยรวมอย่างไร  สัมพันธมิตรใต้วางกำลังเงียบและเคลื่อนไหวอย่างเด็ดขาดนั่นคือเคล็ดสังหารที่แท้จริงของพวกเขา นอกจากสามแม่ทัพใหญ่แล้ว มู่จือเสียปกป้องทวีปแดนเถื่อนในทวีปกวงหมิงเหลืออยู่แต่เจียย่าเท่านั้นคอยคุ้มกัน

เป็นช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุดของทวีปกวงหมิง

พวกเขาได้เห็นความสามารถในการต่อสู้ของกองพลเกราะเทพเจ้ากับตาตัวเองและมีเพียงกองทัพที่สามารถสร้างพายุพลังงานได้ในทวีปกวงหมิงก็คือเจียย่าที่ควบคุมบริวารของเขาโดยตรง  ถ้าถังเทียนได้รับเรือรบรังสีกัมปนาทบวกกับกองทัพจักรกลของโจรทวีปทอง

ทั้งสามคนสูดหายใจหนาวเหน็บพร้อมกัน

ทันใดนั้นพวกเขาตระหนักว่า สภาผู้อาวุโสตกอยู่ในอันตราย!

ตราบใดที่ถังเทียนลงมือความได้เปรียบในแนวหน้าจะช่วยอะไรไม่ได้ เนื่องจากพวกเขาอยู่ไกลเกินกว่าจะทำอะไรได้  สถานการณ์ของการสู้รบเข้าสู่ขั้นตอนที่อันตรายมาก

เมื่อเรื่องนั้นเกิดขึ้นก็จะเป็นจุดสำคัญของการต่อสู้ทั้งหมด

ไม่ว่าเจียย่าจะสามารถต้านทานถังเทียนได้หรือไม่ก็จะกลายเป็นการตัดสินแพ้ชนะในสงคราม ถ้าเขาสามารถถ่วงเวลาจนกระทั่งสามทัพใหญ่ทำลายสัมพันธมิตรใต้ได้หรือเพราะแนวหน้ากลับมาเสริมกำลัง อย่างนั้นถังเทียนผู้อยู่ลึกในทวีปกวงหมิงจะติดอยู่ในดินแดนศัตรูและถ้าเจียย่าไม่สามารถป้องกันถังเทียนได้ กองทัพของถังเทียนจะกลายเป็นอันตรายซ่อนเร้นที่ร้ายแรงอยู่ในใจกลางทวีปกวงหมิง

เป็นแผนที่อุกอาจ อันตรายและรุนแรงอย่างที่สุด

แต่ไม่ว่าจะมองยังไงก็ตามมันก็ยังเป็นแผนการที่โดดเด่นมาก ในทางทฤษฎี มีโอกาสประสบความสำเร็จสูง

และเพียงคนเดียวที่เสี่ยงเคลื่อนไหวโดยไม่กลัวเกรงและดำเนินการตามแผนถังเทียนเป็นผู้นำที่น่านับถืออย่างแท้จริง!

ผู้นำที่คู่ควรแก่การติดตาม!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด