ตอนที่แล้วตัวประกอบแรงค์ EX — 0021
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตัวประกอบแรงค์ EX — 0023

ตัวประกอบแรงค์ EX — 0022


7. พยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพนิยายแกชอน (1)

* * *

ข้อที่ 17

จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องจากข้อความ (A) และหลักฐานทางประวัติศาสตร์ (B)

ข้อความ (A)

เมื่อท้องฟ้าก็เปิดออก เหล่าทวยเทพเสด็จเยือนลงมาประทานพร และพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ได้ตอบรับ

เสือขาวกล่าว ข้าต้องการไปได้ทุกที่

เสือเหลืองกล่าว ข้าต้องการอยู่ในทุกที่

เสือครามกล่าว ข้าต้องการรับใช้เทพมนุษย์ (บุตรแห่งเทพ) ตลอดเวลา

(ละไว้)

เทพสวรรค์ประทานพรให้ด้วยความยินดี จากนั้นก็หายตัวไปท่ามกลางท้องฟ้าเปิดโล่ง

เหล่าเทพมนุษย์และพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ยังเหลืออยู่ ต่างยินดีปรีดาเป็นล้นพ้น

เทพมนุษย์ที่ปกครองแผ่นดิน ทรงจัดงานรื่นเริงทุกปีในวันฟ้าเปิดเพื่อขอบคุณเหล่าทวยเทพ

— เทพนิยายแกชอน —

1. ลัทธิโทเทมกำลังเฟื่องฟู

2. เห็นได้ชัดว่ามีเผ่าเสือมากกว่าสี่ตน

3. พยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์และเทพมนุษย์นั้นเท่าเทียมกัน

4. เห็นได้ชัดว่ามีระบอบปกครองแบบเทวาธิปไตย

5. เห็นได้ชัดถึงความขัดแย้งระหว่างเผ่าหมีและเผ่าเสือ

ข้อความ (A) คือส่วนหนึ่งของเทพนิยายแกชอนที่บันทึกไว้ในมหาประวัติศาสตร์ซัมกุก โดยหลักฐานทางประวัติศาสตร์ (B) คือภาพของป้ายศิลาจารึก ณ สุสานพยัคฆ์สวรรค์ ยอดเขาเมฆขาว ภูเขาปีกสวรรค์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทพนิยายแกชอนดั้งเดิม

‘…คำตอบคือข้อ 4 เพราะในเมื่อมีการกล่าวถึงพิธีบวงสรวงของเทพมนุษย์ผู้ปกครองผืนแผ่นดิน เท่ากับว่าระบอบการปกครองต้องเป็นเทวาธิปไตย’

ถึงข้อ 2 กับ 5 จะไม่ผิด แต่มันเป็นกับดัก

เพราะในเทพนิยายแกชอนจะมีพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์แค่สามตน และไม่มีเผ่าหมี

กล่าวอีกนัยหนึ่ง นี่คือคำถามเพื่อชี้วัดว่านักเรียนสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างเทพนิยาย กับความรู้ทางประวัติศาสตร์ของจริงได้หรือไม่

‘บิงโก’

เมื่อกด ‘ยืนยัน’ บนกระดาษสอบอิเล็กทรอนิกส์ของวิชา ‘ความเข้าใจเกี่ยวกับเผ่าแท้ 1’ ข้อความแจ้งเตือน ‘ถูกต้อง’ แสดงขึ้นทันที

ข้อสอบในหมวดเทพนิยายแกชอนง่ายกว่าที่ฉันคิด จึงใช้เวลาสอบน้อยกว่าปกติ

หลังจากยืนยันว่าคำตอบถูกต้อง ระบบเปลี่ยนเป็นคำถามถัดไปทันที

ข้อ 18

จงเลือกคำอธิบาย ‘ที่ผิด’ เกี่ยวกับ ‘ลูกหลานเผ่าแท้’

‘เป็นการวัดว่านักเรียนสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างเผ่าแท้ กับลูกหลานเผ่าแท้ได้หรือไม่’

เผ่าแท้มีลูกยากมาก ไม่ว่าจะกับเผ่าแท้ด้วยกันหรือมนุษย์

แต่ถึงอย่างนั้นก็มีบางคนที่ไม่ลดละความพยายาม

อย่างไรก็ดี ถึงจะให้กำเนิดทายาทเผ่าแท้ได้ แต่เด็กคนนั้นก็จะไม่ใช่เผ่าแท้

พวกเขาจะถูกเรียกว่า ‘ลูกหลานเผ่าแท้’

[ข้อสอบเกี่ยวกับลูกหลานเผ่าแท้นั้นไม่ยาก ถ้านึกถึงย็อมจุนยอลของโรงเรียนเรา นักเรียนก็จะเห็นภาพชัดเจนขึ้นทันที… แม่ของย็อมจุนยอลเกิดจากเผ่าแท้ (มังกร) แต่ทั้งแม่และตัวย็อมจุนยอลก็ไม่มีใครเป็นเผ่าแท้ พวกเขาจะเป็นได้เพียงลูกหลานมังกร]

ฉันตรวจสอบคำตอบพลางนึกถึงสิ่งที่อิมยอนวา—ครูเจ้าของวิชา ‘ความเข้าใจเกี่ยวกับเผ่าแท้ 1’ —เคยสอนในคาบเรียน

‘แม้ว่าเลือดของย็อมจุนยอลจะเจือจางมาก แต่เขาก็เป็นลูกหลานเผ่ามังกร…’

หากคำนึงว่าแม่ของย็อมจุนยอลก็เป็นลูกหลานเผ่าแท้ การที่เขาเกิดมาได้จึงถือเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์

เป็นเหตุผลว่าทำไมย็อมบังยอลและเผ่ามังกร ถึงต้องคอยทะนุถนอมย็อมจุนยอล

‘เพราะลูกหลานเผ่ามังกรมีไม่ถึงสิบคน’

จำนวนลูกหลานเผ่าแท้ จะน้อยกว่าจำนวนเผ่าแท้พอสมควร

ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมข้อสอบถึงมีแต่คำถามง่ายๆ

ย็อมจุนยอลออกจะโด่งดังขนาดนั้น จะมีคนตอบผิดด้วยหรือ?

‘ลูกหลานเผ่าแท้จะอยู่ตรงกลางระหว่างมนุษย์กับเผ่าแท้… พวกเขาแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ แต่อ่อนแอกว่าเผ่าแท้ และมิอาจต่อต้านเผ่าแท้ในสายเลือดตัวเองได้… มีผลเสียพอสมควร’

เมื่อทำข้อสอบทั้งห้าสิบข้อเสร็จ ฉันปิดกระดาษสอบอิเล็กทรอนิกส์

เนื่องจากวันนี้ฉันมาโรงเรียนเช้า จึงเป็นคนเดียวที่อยู่ในห้อง

‘เพิ่งเปิดเทอมได้หนึ่งสัปดาห์ แต่ชักเริ่มเบื่อการสอบแล้วแฮะ’

โรงเรียนแสงเงินเปิดมาได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว

เหตุการณ์สำคัญในช่วงที่ผ่านมา คือการประเมินการศึกษาแห่งชาติ ที่จัดขึ้นโดยสำนักงานการศึกษาพิเศษกรุงโซล

การประเมินการศึกษาแห่งชาติ คือการสอบที่จัดขึ้นพร้อมกันในทุกโรงเรียนมัธยมปลาย โดยไม่เกี่ยงว่าจะมีจุดประสงค์พิเศษหรือเป็นโรงเรียนมัธยมทั่วไป

ดังนั้น วิชาสอบทั้งหมดจึงมีเนื้อหาด้านวิชาการเป็นหลัก

เด็กปีหนึ่งอย่างจูซูย็อกและอันดาอินสอบได้คะแนนเต็ม จนกลายเป็นประเด็นร้อนแรงไปพักใหญ่

‘ถึงเราจะสอบได้อันดับกลางๆ ก็เถอะ’

แม้โรงเรียนแสงเงินจะเป็นโรงเรียนมัธยมปลายที่ทรงเกียรติที่สุดในเกาหลี แต่ในฐานะผู้ที่เรียนจบมหาวิทยาลัยมาแล้ว นี่เป็นคะแนนที่น่าอับอาย

ถ้าจะให้แก้ตัวก็คือ ฉันไม่ได้สอบวิชาการระดับชาติมาสิบกว่าปีแล้ว และตั้งแต่ถูกส่งมายังโลกใบนี้ เรื่องเดียวที่ฉันหมั่นศึกษาคือประเด็นของเพลเยอร์

โดยส่วนตัว ฉันพึงพอใจกับผลลัพธ์

‘หลังจากนี้จะเป็นการจำลองสอบเข้ามหาวิทยาลัย โดยนักเรียนจะได้สอบแค่วิชาที่ลงเรียน จึงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง’

ฉันไม่ได้ลงเรียนวิชาที่เคยเรียนในโรงเรียนมัธยมแม้แต่วิชาเดียว

จางนัมอุกที่เห็นวิชาเลือกของฉัน เอาแต่บ่นว่า ‘นายตัดใจจากการสอบเข้ามหาลัยฯ แล้วหรือ?’

หากต้องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเพลเยอร์ นักเรียนต้องสอบวิชาพื้นฐานให้ผ่านเกณฑ์ ดังนั้นถ้าใครตั้งเป้าว่าจะเรียนต่อ ส่วนใหญ่จะลงเรียนวิชาเชิงวิชาการ

‘มหาลัยฯ สินะ…’

ฉันเคยผ่านประสบการณ์ชีวิตในรั้วมหาลัยฯ มาแล้ว

ไม่มีความโหยหาหรือจินตนาการใดๆ อีกต่อไป

สิ่งเดียวที่ฉันโหยหา คือจุดจบที่มีความสุขของโลกใบนี้

‘ตั้งใจเรียนดีกว่า’

ควรเลิกฟุ้งซ่านกับเรื่องที่ทำให้จิตใจหม่นหมอง

เฉกเช่นโรงเรียนมัธยมปลายดังๆ ทั่วไป การสอบอาจเกิดขึ้นได้ทุกวัน ดังนั้นห้ามปล่อยปละละเลย

สำหรับตอนนี้ ผลการเรียนของฉันอยู่ในอันดับต้นๆ ของวิชาพิเศษ

‘ค่อนข้างน่าเสียดายที่เกรดพวกนี้จะไม่สะท้อนในผลการเรียนรวม…’

เนื่องจากฉันศึกษาล่วงหน้าด้วย ‘สกิลเมนูพิเศษ’ จึงแทบไม่รู้สึกกดดันกับการสอบที่กำลังจะมาถึง

ในทางกลับกัน ฉันรู้สึกสนุกที่ได้เรียนรู้รายละเอียดยิบย่อยที่ไม่เคยถูกกล่าวถึงในหนังสือเซตติ้ง

‘สำหรับโลกนี้ เสือครามจะถูกกล่าวถึงเป็นลำดับสาม ถัดจากเสือขาวและเสือเหลือง…’

ฉันครุ่นคิดขณะอ่านเทพนิยายแกชอนฉบับสมบูรณ์อีกครั้ง

เผ่าเสือที่แข็งแกร่งซึ่งปรากฏตัวในเกม ประกอบไปด้วยเสือขาว เสือเหลือง และเสือแดง

นอกเหนือจากนั้น มีการกล่าวถึงเผ่าเสืออื่นอยู่เป็นเนืองๆ แต่ไม่เคยปรากฏตัวโดยตรง

อย่างมากก็มาเป็น ‘เค้าโครง’ ในฉากย้อนอดีตตัวละคร

‘ถ้าเสือครามขอพรให้ได้อยู่กับเทพมนุษย์ ตอนนี้ก็คงกำลังอยู่เคียงข้างเทพมนุษย์’

อันดับแรก ฉันต้องยืนยันการดำรงอยู่ของเสือครามกับเทพมนุษย์ให้ได้

หากคำนึงจากภาพรวมของเกม โลกนี้กับเกมจะมีความขัดแย้งและช่องว่างอยู่สองสามจุด

หากขุดลึกลงไป ก็คงคาดเดาสถานการณ์ปัจจุบันของเสือครามกับเทพมนุษย์ได้คร่าวๆ

ทว่า

‘ตอนนี้ยังไม่มีวิธียืนยัน’

วิธียืนยันคงโผล่ขึ้นมาเองถ้าปล่อยให้เรื่องราวดำเนินต่อไป

ตอนนี้ก็แค่รอ

ครืด!

เสียงประตูอัตโนมัติของปีหนึ่งห้องศูนย์ดังขึ้น

‘คิมยูรีมาแล้ว?’

ฉันเงยหน้ามองขณะคิดแบบนั้น แต่กลับได้พบบุคคลที่คาดไม่ถึง

ตัวละครที่ควบคุมไม่ได้ได้ในเกมเพลเมโก—ฮันอี

“อรุณสวัสดิ์”

เมื่อฉันทักทาย ฮันอีตอบกลับด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

“รุณหวัดฯ โชอึยชิน”

ฮันอีมีผลการเรียนยอดเยี่ยม แถมยังไม่เคยก่อเรื่อง

แม้จะเป็นคนเงียบๆ แต่เธอก็มีความสัมพันธ์ที่กับครู

การที่ถูกส่งมาเรียนห้องศูนย์ เพราะเธอคือผู้บกพร่องทางการได้ยินระดับสอง—หูหนวกโดยสมบูรณ์

〈เรียกดูข้อมูลตัวละคร ‘ฮันอี’ 〉

[ชื่อ] ฮันอี

[สมญานาม] ปีหนึ่งห้องศูนย์โรงเรียนแสงเงิน (โหลดล้มเหลวบางส่วน)

[พรคุ้มครอง] (โหลดล้มเหลวบางส่วน)

[แสงประธาน] (ปิดใช้งาน)

[สถานะ] (โหลดล้มเหลวบางส่วน)

[ค่าสถานะโดยรวม] Lv.17

[สกิล]

กระโจน Lv.3

ตรวจจับตัวตน Lv.4

มวยพยัคฆ์ Lv.4

(โหลดล้มเหลวบางส่วน)

[คำอธิบาย]

ต้องอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งแต่ห้าขวบ

พิการทางการได้ยินระดับสอง, หูหนวกโดยสิ้นเชิง

ไม่สามารถฟื้นฟูการได้ยินแม้จะใช้ประสาทหูเทียมและสกิลการฟื้นฟูของเพลเยอร์เข้าช่วย จึงสันนิษฐานว่าเธอถูกสาปด้วยคำสาปรุนแรงก่อนอายุห้าขวบ

ชำนาญการอ่านปากอย่างมาก จึงไม่มีปัญหาด้านการสื่อสาร

(โหลดล้มเหลวบางส่วน)

‘ฝีมือระดับต้นๆ ของนักเรียนเลย คงเพราะเป็น NPC เราเลยแทบไม่เคยเห็นข้อมูลผ่านตา’

โรงเรียนแสงเงินไม่มีโควตาพิเศษสำหรับผู้พิการ

นักเรียนที่นี่จะถูกส่งไปต่างโลกตั้งแต่เทอมสองของชั้นปีหนึ่ง เพื่อต่อกรกับเอนามี

ผลลัพธ์เดิมพันด้วยความเป็นความตาย

จึงไม่มีสิทธิพิเศษให้กับความพิการหรือไม่พิการ

‘ฮันอีคืออัจฉริยะที่สามารถสอบเข้าโรงเรียนแสงเงินด้วยเงื่อนไขเดียวกับคนปกติ แถมคะแนนยังอยู่ในระดับท็อป’

เนื่องจากไม่เคยมีนักเรียนพิการสอบผ่านมาก่อน หลังจากการปรึกษาหารือกัน เหล่าคณาจารย์ตัดสินใจส่งเธอมาเรียนห้องศูนย์

เพราะประเมินแล้วว่า ครูประจำชั้นที่ดูแลนักเรียนแค่ยี่สิบคน คงเอาใจใส่เธอได้มากกว่าครูประจำชั้นที่ต้องดูแลนักเรียนห้าสิบคน

‘ถึงฮันอีจะแทบไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากครูเลยก็เถอะ…’

ฮันอีใช้สกิลตรวจจับเลเวลสูงร่วมกับเทคนิคการอ่านปาก

ขอแค่เห็นริมฝีปาก ฮันอีจะเข้าใจบทสนทนาได้อย่างสมบูรณ์ และตอบสนองด้วยการเปล่งเสียงอย่างเป็นธรรมชาติ

แม้แต่ในเกมก็มีฉากที่คนรอบตัวเผยสีหน้าประหลาดใจเมื่อเพิ่งรู้ว่าฮันอีหูหนวก

“วันนี้มาเร็วนะ”

“ชมรมเพิ่งเปิดรับสมัครเป็นวันแรก”

พูดถึงชมรม นี่คงเป็นเหตุผลอันดับหนึ่งที่ฮันอีเลือกเรียนโรงเรียนแสงเงิน

เธอคงมาโรงเรียนแต่เช้าเพราะอยากรีบส่งใบสมัคร

‘ชมรมมวยพยัคฆ์แน่นอน’

ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ฮันอีเติบโตมา จะมีตัวละครชื่อ ‘กงชอนวาน’ ซึ่งทำงานอาสาสมัครอยู่ที่นั่นมาเนิ่นนาน

เขาคือคนแรกที่พบว่าฮันอีเป็นเพลเยอร์

กงชอนวานสอนเทคนิคการอ่านปากและมวยพยัคฆ์ให้ฮันอี ซึ่งถือเป็นหนึ่งในวิชาต่อสู้เก่าแก่ของเกาหลี

(มวยพยัคฆ์ชื่อ เทโฮควอน เป็นการล้อ เทควอนโด; โฮ = เสือ)

‘เขาคอยปลุกปั้นฮันอีจนเธอสอบติดโรงเรียนแสงเงิน เป็นคนที่สุดยอดมาก’

และตอนนี้

กงชอนวานกำลังทำงานเป็นครูชั่วคราวที่โรงเรียนแสงเงิน โดยรับงานเป็นที่ปรึกษาชมรมมวยพยัคฆ์

“จะเข้าชมรมมวยพยัคฆ์ใช่ไหม”

“ใช่”

ฮันอีเผยรอยยิ้มคลุมเครือ

‘สำหรับโลกนี้… เธอเพิ่งทำสีหน้าแบบนี้เป็นครั้งแรกสินะ’

ภายในเกม หลังจากกงชอนวานตายเพราะปกป้องนักเรียนคนหนึ่ง

ฮันอีที่มาเจอเขาเมื่อสาย เผยรอยยิ้มแบบเมื่อครู่

แม้เอนามีจะเข้ามาใกล้ แต่เธอก็ไม่ตอบสนอง

ภาพสุดท้ายของเธอคือการโคลสอัปใบหน้าที่กำลังนั่งหลับตาข้างๆ กงชอนวาน

‘เลิกคิดดีกว่า’

ฉันเรียนหนักไปรึเปล่า?

กระแสความคิดมักจะไหลไปในทิศทางที่มืดมนเสมอ

ฉันตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ

“ในคาบเรียนต่อสู้เมื่อสัปดาห์ก่อน การดวลของเธอน่าประทับใจมาก ไว้มีเวลาว่างฉันจะแวะไปที่ชมรม”

ในคาบแรกของวิชาฝึกซ้อมต่อสู้สำหรับเพลเยอร์ ฮันอีดวลกับวังจีโฮ

ดวงตาวังจีโฮเป็นประกายทันทีที่เห็นฮันอีทั้งท่ามวยพยัคฆ์ ด้วยสนับที่เสกจากไอเท็มการ์ด

‘มีข่าวลือว่าต้นกำเนิดของมวยพยัคฆ์มาจากเผ่าเสือ แต่ดูจากปฏิกิริยาของวังจีโฮ เห็นทีคงไม่ใช่แค่ข่าวลือ’

วังจีโฮโยนการ์ดไอเท็มของตัวเองทิ้งทันทีหลังจากเห็นฮันอีตั้งท่า

แม้ว่าครูและนักเรียนคนอื่นจะทำหน้าฉงน แต่วังจีโฮไม่แยแส

วังจีโฮทิ้งสกิลต่อสู้ที่เคยแจ้งไว้กับครู และใช้มวยพยัคฆ์ด้วยมือเปล่า

เป็นการต่อสู้ที่เสือเหลืองยิ้มแย้มแจ่มใส ราวกับตื่นเต้นที่ได้พบทายาทมวยพยัคฆ์ฝีมือดี

ภาพดังกล่าวยิ่งทำให้เขาดูเหมือนคนเพี้ยน

‘มวยพยัคฆ์เป็นวิชาต่อสู้โบราณที่ถูกเทควอนโดแซงหน้าในด้านความนิยม จนปัจจุบันถูกลืมเลือนและเหลือแค่ในบันทึก เขาคงไม่ได้เห็นผู้สืบทอดมานานแล้วสินะ’

ผลการดวลจบลงด้วยชัยชนะของวังจีโฮ

และพฤติกรรมสุดเพี้ยนของวังจีโฮ ทำให้คนนอกมองว่าเด็กห้องศูนย์เป็นพวกไม่เต็มเต็งมากขึ้น

“วังจีโฮจะเข้าชมรมมวยพยัคฆ์ไหมนะ”

ฮันอีถามด้วยใบหน้าเจือความเศร้า

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน ถ้าเบื่อๆ เขาอาจแวะไปก็ได้”

วังจีโฮผู้ไม่สนใจกิจการของโรงเรียน คงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีชมรมเล็กๆ อย่างมวยพยัคฆ์อยู่ในรั้วโรงเรียน

แต่ถ้าฮันอีเข้าร่วม อีกไม่นานก็คงจะได้รู้จัก

ดูจากท่าทีในคาบแรก มีแนวโน้มที่วังจีโฮจะแวะไปดวลกับเธอบ่อยๆ

“ครั้งหน้าฉันชนะแน่”

ฮันอีพูดพลางทำตาเป็นประกาย

เหรอ… อีกฝ่ายเป็นถึงเสือเหลืองแห่งเผ่าเสือเชียวนะ

แถมยังไม่ได้ถูกลด ‘ขั้น’ หรือถูกครอบงำด้วยโทสะแห่งเทพเหมือนกับเสือแดงและเสือขาว

มวยผิดรุ่นไปหน่อยแฮะ

ถึงอย่างนั้นฉันก็เชียร์เธอ

“อื้อ เอาใจช่วยนะ”

ขณะฮันอีเปิดปากเพื่อพูดขอบคุณ

ก๊อกก๊อก!

มีเสียงเคาะดังมาจากทั้งประตูหน้าและประตูหลังของห้องเรียนพร้อมกัน

เมื่อสัมผัสถึงความเคลื่อนไหว ฮันอีรีบหันไปมองประตู

เนื่องจากฉันไม่สามารถเดินไปเปิดประตูสองบานพร้อมกันได้ ทางเลือกเดียวจึงเป็นการอนุญาตให้พวกเขาเข้ามา

“เข้ามา”

ครืด!

“อึยชิน ว่างคุยกับฉันไหม!”

“โชอึยชินอยู่ไหม!”

ผู้ที่เปิดประตูหน้าคืออูซังฮี ส่วนประตูหลังคืออูซังฮุน

‘…ไม่ได้มาด้วยกัน?’

ห้องเรียนของปีหนึ่งห้องศูนย์ตั้งอยู่หัวมุมอาคาร โดยที่ประตูหน้าจะติดกับทางเข้าตึก

ส่วนประตูหลังติดกับประตูห้องหนึ่ง

ดังนั้น อูซังฮีและอูซังฮุนจึงเข้ามาในห้องศูนย์ได้โดยที่ไม่เจอกัน

ทั้งสองเพิ่งรับรู้ถึงตัวตนของกันและกันเมื่อสาย

“มาทำอะไร?”

“พูดกับพี่สาวแบบนี้?”

“เด็กปีสามมาทำอะไรที่ห้องเด็กปีหนึ่ง?”

“ก็ต้องมาหาอึยชินอยู่แล้ว”

ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขา

แต่หนึ่งสิ่งที่ฉันรู้ก็คือ มีเด็กปีสามเข้ามาในเขตของเด็กปีหนึ่ง

ไม่ใช่แค่นั้น อูซังฮีคือนักเรียนดีเด่นที่ติดท็อปสิบคะแนนรวมของรุ่นมาตลอด ขณะเดียวกันก็เลขานุการสภานักเรียน

‘แถมยังมีสกิลรักษาที่หาได้ยาก เป็นคนดังอย่างไม่ต้องสงสัย’

ถ้ามีเด็กปีหนึ่งคนไหนมาเห็นเข้า อีกมานานคงยกโขยงมามุงกันเต็ม

นี่ก็เริ่มเอะอะกันแล้ว

“อรุณสวัสดิ์ รุ่นพี่อูซังฮี… ซังฮุนสบายดีไหม? ทั้งสองคนมีธุระอะไร?”

ฉันต้องรีบฟังธุระของพวกเขาแล้วส่งกลับ

ทั้งสองตอบพร้อมกันหลังจากได้ยินคำถาม เป็นการประสานเสียงอย่างสมบูรณ์สมกับเป็นพี่น้อง

“อึยชิน เข้าสภานักเรียนกับฉันเถอะ!”

“โชอึยชิน เข้าชมรมบาสฯ กับฉันเถอะ!”

ฉันพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำชักชวนที่เหนือความคาดหมาย

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (2/4)

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด